สัมภาษณ์ คุณอัครวัฒน์ (ยะ) วิริยะปัณณโชติ – กรรมการผู้จัดการ ‘Save Audio & video’
โดยกองบก. What Hi-Fi?
…จากแต่เดิม “ร้าน เซฟ ออดิโอ” ที่ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2538 ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น “หจก. เซฟ ออดิโอ แอนด์ วีดีโอ” สถานที่แรกเริ่มกิจการนั้นอยู่ในหมู่บ้านอยู่เจริญ ซอยข้างสถานทูตจีน ต่อมาในปีพ.ศ.2539 ได้ย้ายไปที่ห้างฟอร์จูน ทาวน์ ชั้น 3 และในปีพ.ศ.2541 ทางผู้บริหารของ เซฟ ออดิโอ ได้เล็งเห็นถึงการปรับเปลี่ยนในยุคดิจิตอล รวมถึงการให้บริการแก่ลูกค้าได้ทั่วถึง จึงได้รวมตัวขึ้นในนาม ‘บริษัท ออร์เคสตร้า จำกัด’ ผู้บริหารของ เซฟ ออดิโอ เป็นผู้จัดจำหน่าย และดูแลด้านการบริหารงานโดยตรง และในปีเดียวกันได้มีการก่อตั้งศูนย์รวมเครื่องเสียง Hi-Fi Center ขึ้น จึงได้ย้ายสถานที่มายังอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ ชั้น 3 ดำเนินงานจนเป็นที่รู้จักกันดี แต่ทุกวันนี้ เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ มีร้านใหม่ที่นอกจากจะเป็นโชว์รูมอันทันสมัยแล้ว เรายังมีห้องฟังไว้รองรับกับลูกค้าและทุกท่านที่สนใจ โดยทางร้านได้จำหน่ายสินค้าเกี่ยวเครื่องเสียงบ้าน ทั้งรับออกแบบ และให้คำปรึกษา สำหรับห้องดูหนัง และฟังเพลง จากทีมงานที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน และทีมงานที่ได้รับการฝึกอบรมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการด้านบริการหลังการขาย
2 ศรีพี่น้องผู้ทำหน้าที่คุมบังเหียนในการดำเนินกิจการ เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ มาโดยตลอด ก็คือ คุณอัครวัฒน์ (ยะ) วิริยะปัณณโชติ – กรรมการผู้จัดการ และคุณธัชเศรษฐ์ (ซุ่ย) วิริยะปัณณโชติ – รองกรรมการผู้จัดการ …คอลัมน์ “What’s Executive?” ใน What Hi-Fi? ฉบับนี้ จึงขอนำบุคคลผู้เป็น ‘หนึ่ง’ ในผู้บริหารของ เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ มานำเสนอ ซึ่งพูดได้ว่า เขาผู้นี้ไม่ค่อยจะเปิดเผยตัวเองมากนัก น้อยครั้งมากๆ ที่เขาจะให้สัมภาษณ์ บอกเล่าถึง “ตัวตน” ของเขาเอง…
What Hi-Fi? : รบกวนช่วยเล่าถึงประวัติความเป็นมาก่อนจะมาเป็น เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ ที่คนรู้จักกันในทุกวันนี้สักเล็กน้อยครับ?
คุณอัครวัฒน์ : เดิมทีเลยผมก็เป็นนักเล่นมาก่อนตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ สักช่วงอายุประมาณ 20 ปีได้ ก็ได้มีการศึกษาอ่านหนังสือเครื่องเสียงที่โด่งดังในยุคนั้น ทั้ง What Hi-Fi?, สเตอริโอ และ ไฮไฟ-สเตริโอ จนเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งสำหรับซื้อชุดเล่นชุดแรกของตัวเอง ราคาประมาณ 5-6 หมื่นบาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นเงินเยอะพอสมควรเลยในตอนนั้น ชุดนั้นเท่าที่จำได้น่าจะประกอบด้วย แอมป์ของ NAD, ลำโพง Celestion 8 และ CD player ของ DBX หลังจากนั้นก็ศึกษาอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ เยอะขึ้นๆ แล้วในสมัยนั้นก็จะมีคอลัมน์ของมือสองในหนังสือต่างๆ ตัวผมเองเลยได้รู้จักกับคนในวงการเครื่องเสียงมากขึ้น บางทีก็ซื้อบ้าง-ฝากเขาขายบ้าง
ด้วยความบังเอิญก็มีเพื่อนพาผมไปแนะนำให้รู้จักกับ คุณจงจินต์ เสรีรักษ์ (ขออภัยที่เอ่ยนาม อนึ่งนั้นปัจจุบันท่านยังคงดำรงตนเป็นพระภิกษุอยู่ในขณะนี้) ตัวผมเองก็ได้โอกาสเรียนรู้เรื่องการฟัง และการเซ็ตอัพต่างๆ นาๆ จากคุณจงจินต์ มาเยอะพอสมควร โดยชุดที่ใช้หัดฟังในตอนนั้นรู้สึกจะเป็น ลำโพง Roger LS 3/5 กับ TAS แอมป์ของคนไทยทำขึ้นมาในยุคนั้น เมื่อรู้สึกว่าเราเก็บความรู้ได้จนพอจะเรียกได้ว่า “ฟังเป็น-เล่นเป็น” ระหว่างนั้นก็มี ซื้อมา-ขายไป ตามที่ได้รับการแนะนำมา
…สุดท้ายผมก็ได้ตัดสินใจไปซื้อชุด Infinity 4 ชิ้น มาใช้งาน แต่เป็นมือสอง พอผ่านไปสักพักนึงก็มีคนมาแนะนำ แอมป์หลอดฯ ของ TS Audio ให้ลองฟังดู ซึ่งเป็นของคนไทยทำเองด้วย ผมก็ได้ซื้อมาฟังแล้วก็รู้สึกว่าเสียงดี ก็เลยขอให้คนที่รู้จักพาไปที่ร้าน TS Audio พอไปลองฟังรุ่นอื่นๆ ก็ประทับใจว่าเสียงดี แต่ลึกๆ แล้วกลับรู้สึกว่าตัวที่เราฟังอยู่นั้นเพราะกว่า เลยลองยกไปให้ที่ร้านดู ปรากฏว่าที่ร้านบอกว่ารุ่นที่ผมมีอยู่มันเก่าแล้ว หลอดก็เริ่มเสื่อม…ก็เลยได้เปลี่ยนหลอดฯ ดู ปรากฏว่าเสียงดีขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลย แล้วก็ได้มีการสนทนาพูดคุยกันไปตามเรื่องตามราว
ในใจตอนนั้นเองผมก็เริ่มคิดว่าหรือเราจะลองขายเครื่องเสียงดู เพราะราคาสินค้าของ TS Audio ก็ไม่ได้แพงอะไรมากนัก ประกอบกับตอนนั้นเปลี่ยนงานบ่อยเข้าๆ จนเริ่มรู้สึกว่างานมันไม่ใช่ แล้วเราก็เก็บเงินได้พอสมควรในขณะนั้น จึงเริ่มหันมาศึกษาสินค้าตัวนี้อย่างจริงจัง…เป็นเวลาปีกว่าๆ ระหว่างนั้นก็เริ่มลองขายสินค้าของ TS Audio จนเก็บเงินได้จนมาเปิดร้าน เซฟ ออดิโอ แต่ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่มีลำโพงที่มาขายคู่กันกับตัวแอมป์ ก็เลยไปขอคำแนะนำจาก คุณโกวิทย์ ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าของ TS Audio ก็ได้คำแนะนำมาหลายรุ่น อาทิ Roger LS 3/5 กับ Totem ซึ่งผมเองก็ไปสะดุดกับเจ้า Totem ตัวเล็กรุ่นหนึ่งที่ราคาไม่แพงมากประมาณหมื่นกว่าบาท แต่ปรากฏว่าทาง “Decco” ที่เป็นผู้นำเข้าในขณะนั้นไม่ได้สั่งของรุ่นนี้มา ก็เลยลองเข้าไปติดต่อคุยกันดู ท้ายที่สุดก็เลยได้รู้จักกับ คุณวินัย บังเอิญว่า เป็นคนที่ชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน คุยกันถูกคอ ก็เลยมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันจนได้นำ ลำโพงของ Totem มาขายคู่กับ TS Audio
จนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ TS Audio ก็มีการแบ่งขายหุ้น แล้วทางผมเองรู้สึกว่า ไม่สามารถสำรองสินค้าได้เยอะขนาดนั้นเลยจำเป็นต้องปล่อยสินค้าของ TS Audio ไป ทางคุณวินัยเองก็ให้คำแนะนำว่าให้ไปลองเปิดร้านที่ฟอร์จูนดู รับรอง “รุ่ง” แต่ทางผมเองก็บอกไปตามตรงว่าไม่มีสินค้าจะมาโชว์หน้าร้านที่เพียงพอ ซึ่งทาง คุณวินัย เองก็รับปากว่าจะช่วยในจุดนี้ ในที่สุดก็เลยได้เปิดร้านที่ฟอร์จูนช่วงปี 2542-2543 จนถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรในทุกวันนี้ครับ
What Hi-Fi? : ขอสอบถามถึงแนวทางการดำเนินงานของ เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ ว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ผมเน้นไปที่ความเป็นกันเองกับลูกค้าเป็นสำคัญนะครับ เนื่องจากผมเองก็เป็นนักเล่นมาก่อนก็เลยรู้สึกว่าสินค้าพวกนี้ราคามันก็สูงพอสมควร ต้องให้เวลาในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ไม่บีบอัดให้ลูกค้ารู้สึกเครียด แต่ผมจะปล่อยให้ลูกค้าทำตัวตามสบาย ‘อยากเล่น-อยากลอง’ ตัวไหนอะไรยังไงขอให้บอกมาได้เลย บางครั้งบางคราวเราก็มีการให้คำแนะนำ บอกแนวทางต่างๆ ให้กับลูกค้าในเรื่องที่เรารู้ บางทีเรื่องไหนลูกค้ามีความรู้ความเข้าใจเราก็ถามกลับเอามาเป็นข้อมูลในการแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน พอมาในช่วงหลังๆ ตลาดโฮม เธียเตอร์เริ่มกว้างขึ้นๆ ผมก็มองว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ก็เลยศึกษาเรียนรู้จนเข้าใจ แล้วก็มีการจัดเซ็ต ให้คำแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับตลาดนี้ด้วย ว่ามีงบประมาณยังไง? เท่าไหร่? ถ้าราคาเท่านี้ทำแบบนี้ไหวมั้ย?
นอกจากนี้บริการหลังการขายของทาง เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ ก็นับว่าเป็นหัวใจหลักที่สำคัญมาก เพราะเราจะคอยดูแลให้ตลอดหากเครื่องมีปัญหา แบบเรียกได้ว่าบริษัทแม่ของสินค้าแทบไม่ต้องลงมาเองเลย เพราะทางเราจะคอยรับ-ส่ง–ติดตั้งให้ลูกค้าทั้งหมดเมื่อมีปัญหา บางครั้งบางคราวก็จะหาเครื่อง Stand by สำหรับใช้งานแทนให้ด้วย ตรงนี้บางคนอาจจะคิดว่า “เกินจริง” จะเป็นไปได้ยังไงที่ลูกค้าซื้อเครื่องชุดเดียวมานับ 10 ปีแล้วจะดูแลให้ตลอด
…ขอบอกตามตรงครับว่า ในเวลาสิบปีถ้าลูกค้าเจ้าหนึ่งประทับใจในบริการของเรา เขาก็จะนำไปบอกต่อเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มาแบบต่อยอด แถมตัวลูกค้าเก่าเอง ถ้าเขามีการต่อเติมย้ายบ้านหรือคิดจะซื้ออะไรเปลี่ยนอะไรเพิ่มเติม ถ้าเราเซอร์วิสเขาดีมากๆ เขาก็จะเลือกที่จะซื้อสินค้ากับร้าน เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ ในระยะยาว แบบใช้บริการเราเรื่อยๆ ฉะนั้นเรื่องระยะเวลาในการดูแลระยะยาวแบบนั้นเป็นไปได้ครับ
What Hi-Fi? : การย้ายร้านมาที่ CDC การตอบรับเป็นยังไงบ้างครับ?
คุณอัครวัฒน์ : เรื่องการตอบรับจากลูกค้าถือว่าดีครับ แต่ส่วนมากจะเป็นลูกค้าใหม่เลยซะมากกว่า หลังจากย้ายมาที่นี่ด้วยความบังเอิญ เนื่องจากได้มีโอกาสไปทำเครื่องเสียงให้กับเจ้าของ CDC แล้วเขาเกิดประทับใจ เลยชักชวนมาเปิดร้านที่นี่ตามโปรเจ็กต์ที่เขาวางไว้ โดยระยะหลังลูกค้ากลุ่ม 2 Channel จะน้อยลง เพราะกลุ่มโฮมเธียเตอร์มีมากขึ้นๆ เพราะสามารถซื้อชุดเดียวดูได้ทั้งครอบครัว ต่างจากกลุ่มนักฟังที่ส่วนมากเป็นรสนิยมความชอบส่วนตัวมากกว่า หลังๆ ลูกค้าในกลุ่มนี้เลยเหลือแต่เพื่อนๆ กันเองซะส่วนมาก ทางผมเองก็เริ่มลดสัดส่วนสินค้าจาก 50/50 มาเป็นทำโฮมเธียเตอร์ 70/30 แล้วในตอนนี้
What Hi-Fi? : สินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายของทาง เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ หลักๆ แล้วในตอนนี้มีอะไรบ้างครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ส่วนใหญ่จะเป็นจาก MK Sound และ Sonos ครับ นอกนั้นทางตลาดโฮมก็มี จอรูพรุนจาก Cmax, AV Receiver ชั้นนำจาก Anthem กับ Denon ตัวหลักเป็นทางจากค่าย IAV กับ Krell จาก Audio Excellence แล้วก็ โปรเจ็คเตอร์จากแบรนด์ที่ติดตลาด อาทิ เช่น BenQ, Epson, Sony และ JVC สุดท้ายก็เป็นลำโพง 2 Channel จาก ATC และ สินค้าจาก Discovery HIFI ของคุณกิตติคุณครับ
What Hi-Fi? : ในทัศนะของ คุณอัครพล มองว่าสินค้าตัวเด่นๆ ของทางร้านอย่าง MK Sound และ Sonos มีจุดเด่นอย่างไรครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ในส่วนของ MK Sound เป็นลำโพงที่เด่นในเรื่องของคุณภาพเสียงอย่างมาก แถมมีการทำตลาดหลากหลายรุ่น หลากหลายราคาให้เลือก เมื่อเทียบกับราคาแล้วผมมองว่าคุ้มค่า โดยเฉพาะ เสียงที่เคลียร์ชัด, ความหลุดตู้ของเสียงเหมือนลำโพงหายไป และ ความโดดเด่นของตัวซับวูฟเอร์ที่ความถี่ต่ำจะไม่มีไปกวนช่วงกลางแหลมเลยแม้แต่น้อย มีความเป็นอิสระของย่านเสียง ถัดมาในส่วนของ Sonos ผมชอบสินค้าตัวนี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของตัวนี้โดดเด่นที่ความเป็น Multi Room 100% คือแยกอิสระแบบสมบูรณ์ แยกอิสระได้สูงสุดถึง 32 ห้อง จากเซ็นเตอร์แค่ตัวเดียว เลือกเพลงแต่ละห้องแบบต่างๆ กับได้ผ่านระบบ Wireless ราคาก็ไม่แพง เฟิร์มแวร์ก็อัพเดตตลอด เรียกได้ว่าในตลาดเดียวกันรอบสิบปีที่ผ่านมาหาแบรนด์ที่มาเทียบกับ Sonos ไม่ได้เลยในความเห็นส่วนตัวของผมเอง
What Hi-Fi? : แล้วในส่วนของ Amplifier กับสายสัญญาณ ล่ะครับ คิดว่าอยากจะนำเข้าตัวไหนเข้ามาไหมครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ความจริงก็มีเล็งๆ แอมป์ เอาไว้บ้างแหละครับ…แต่ของดีๆ เขาก็เลือกกันไปหมดแล้ว ผมเลยคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำเข้าก็ได้ ส่วนสายสัญญาณผมก็มีดีลไว้กับทาง MIT แล้วก็ Linn ซึ่งก็ถือว่าเป็นสายสัญญาณที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ต้องเลือกดูงบกับความเหมาะสมอีกที
What Hi-Fi? : ขอถามในแง่ของการตลาดบ้างนะครับ การเล่นแผ่นเสียงที่กำลังนิยมในปัจจุบันมีผลกระทบต่อกระแสโฮม เธียเตอร์ในด้านลบบ้างรึเปล่าครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ผมมองว่าไม่เลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นบวกซะมากกว่า เพราะ พวกวัยรุ่นที่นิยมเล่นแผ่นเสียง หันมาสนใจด้านเครื่องเสียงมากขึ้น ตลาดโฮมเธียเตอร์ ก็เจริญเติบโตมากขึ้นไปด้วย จนในที่สุดก็อยากได้เครื่องเสียงชุดที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ขยายตลาดได้มากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับสามารถถ่ายทอดความรู้สู่คนรุ่นใหม่ไปแบบยุคสู่ยุคต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เนื่องจากแผ่นเสียงก็มีอายุได้เป็นร้อยๆ ปีขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา แต่หากราคาในตลาดมันสูงเกินไปก็อาจส่งผลกระทบแง่ลบได้เช่นกัน เพราะบางทีวัยรุ่นนั้นจะสนใจอะไรต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับกระแสและอารมณ์ในขณะนั้น เหมือนช่วงที่ iPod, iPhone หรือเครื่องเล่นพกพา อื่นๆ บูมขึ้นมาในราคาที่ไม่สูงมากนัก
What Hi-Fi? : ช่วยอธิบายคอนเซ็ปต์ส่วนตัวในการทำห้องโฮมเธียเตอร์ หรือห้องฟัง ในแบบของคุณอัครวัฒน์ให้ทราบกันคร่าวๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นห้องที่โชว์รูมนี้ก็ได้ครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ส่วนตัวแล้วทฤษฏีของผมเอง คิดว่าการทำห้องฟังกับห้องโฮมเธียเตอร์มีความคล้ายคลึงกันไม่ต่างกันเท่าไหร่ โดยการทำห้องผมจะเน้น การสะท้อนมากกว่าการดูดซับ เหมือนกับอยู่ในห้องนั่งเล่นมากกว่าห้องอัดเสียง เพราะถ้าทำห้องให้ Dead แบบห้องอัดเสียงก็จะมีปัญหาเรื่องการขับเสียงที่จะได้ไม่ดั่งใจก็จะไปเพิ่มขยายที่ตัวแอมป์อีก ซึ่งผมมองว่าไม่ใช่ เพราะถ้าเราทำให้มันสะท้อน แล้วตรงไหนมันก้องเกินไปก็แก้แค่ตรงจุดนั้น ซับแค่ตรงจุดนั้น แต่ก็ต้องเฉพาะคนทำเป็นเท่านั้นที่จะทำได้
What Hi-Fi? : แผนงานระยะยาวของ เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ จะเป็นอย่างไรบ้างครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ผมจะเน้นทำตลาดในแบบที่เราถนัดไม่ก้าวตามใครเขาไปแบบเรื่อยเปื่อย เนื่องจากตลาดบ้านเราก็มีการขยายตัวเรื่อยๆ แต่ผมมองว่าสื่อควรจะช่วยกระตุ้นมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามทาง เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ ก็จะมีจุดยืนที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่มีความ คุ้มค่าให้กับลูกค้าในราคาที่ไม่สูงเกินไป บางคนอาจจะมองว่าบางชุดของ เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ ก็ราคาเป็นล้านๆ บาท แต่ผมก็กล้ารับประกันว่า สินค้าของเราคุ้มค่าในราคานั้นจริงๆ
นอกจากนี้ความจริงแล้วทาง เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ ก็มีการทำตลาดในเรื่องของการทำห้องในต่างประเทศ เช่นกัน ทั้ง พม่า, ลาว, เวียดนาม โดยกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ก็จะมาจาก CDC ที่นำเอาแบรนด์สินค้าด้านเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงๆ จากยุโรปมาขายที่นี่ แล้วพอลูกค้าต่างประเทศเดินทางมาดู ก็บังเอิญได้เจอร้านเราที่เสนอขายสินค้าและบริการในด้านนี้พอดี เมื่อตกลงกันได้ในราคาที่ถูกใจสมเหตุสมผลก็ดำเนินงานต่อไปตามเรื่อง ซึ่งเมื่อตลาดอาเซียนเปิดขึ้นการดำเนินแผนงานธุรกิจแบบนี้ก็เป็นไปได้สะดวกมากขึ้นไม่มีการติดปัญหาในเรื่องของกฎหมายเหมือนในสมัยก่อน อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าเจ้าใหญ่ๆ ที่ทำห้องฟัง คงมีคนไปบุกเบิกตลาดไว้ก่อนทางผมแล้วครับ…
What Hi-Fi? : ความแตกต่างของลูกค้าเก่ากับลูกค้าใหม่ เป็นอย่างไรบ้างครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ผมมองว่า เหมือนกัน เพราะว่า ลูกค้าแต่ละคนมาที่ร้านไม่ว่าจะกลุ่มโฮม เธียเตอร์ หรือ ไฮไฟ ล้วนหวังในเรื่องของคุณภาพเสียงเป็นหลักอยู่แล้วครับ
What Hi-Fi? : แล้วตลาดที่ดิจิตอลที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลดีต่อ เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ บ้างไหมครับ? รวมไปถึงมีลูกค้ามาสอบถามถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับโฮม เธียเตอร์บ้างไหมครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ความจริงแล้วเทคโนโลยีดิจิตอลทางโฮมเธียเตอร์ก็มีมาเรื่อยๆ อยู่แล้วครับ ตามการพัฒนาของนักคิดวิเคราะห์จากต่างประเทศ อาทิ เช่น Dolby และ DTS ยกตัวอย่าง เช่นทุกวันนี้ก็ระบบ Atmos กับ 3D ซึ่งลูกค้าที่รับข่าวสารด้านนี้ก็มีความสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของคำแนะนำเราก็ให้ได้ตามที่ทางบริษัทใหญ่ๆ ที่เรารับสินค้ามาแจกแจงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าใหม่ ที่จะมีในอนาคต หรือที่วางขายอยู่ให้เราได้ทราบข้อมูลเรื่อยๆ อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม บางข้อมูลทางเราก็สามารถเปิดเผยออกไปให้ลูกค้าฟังได้ แต่บางเรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาการตลาดของแต่ละแบรนด์ในอนาคตเราก็ไม่สามารถเผยความลับในจุดนั้นได้
What Hi-Fi? : ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ไม่ดีในบ้านเรา รวมถึงการเมืองที่ไม่แน่นอน มีผลกับ เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ มากน้อยแค่ไหนครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ผมมองว่าโดนกันทุกตลาดทุกคน แต่วงการเครื่องเสียงในบ้านเรามันเหมือนกราฟขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดอยู่แล้ว บางทีก็น่าแปลกเศรษฐกิจไม่ดีกลับขายสินค้าแพงๆ ได้ ผลกระทบส่วนมากน่าจะอยู่กับชนชั้นกลางมากกว่า ฉะนั้นเราควรจะจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าหลายๆ แนวทาง อาทิ เช่น พวกผ่อนชำระ หรือลดราคาพิเศษ แม้แต่การดูแลซัพพอร์ตหลังการขาย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้หลายๆ แนวทาง
What Hi-Fi? : สุดท้ายนี้อยากให้ทิ้งท้ายถึงผู้อ่านและลูกค้าสักเล็กน้อยครับ?
คุณอัครวัฒน์ : ก็ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกคนที่ไว้วางใจให้เราได้ทำธุรกิจในสิ่งที่ชอบ รวมถึงสื่อต่างๆ และพันธมิตรทางการค้าที่ให้ความร่วมมือกับการช่วยเหลือในหลายๆ ทาง เพื่อช่วยประคองตลาดนี้ไปด้วยกัน ซึ่งทาง เซฟ ออดิโอ แอนด์ วิดีโอ ก็จะยืนหยัดในแนวทางและการบริการที่ดี เพื่อนำสินค้าคุณภาพมานำเสนอให้ลูกค้าสืบเนื่องไป ขอบคุณจริงๆ ครับ
What Hi-Fi? : ขอบคุณมากครับ สวัสดี