นี่คือ The Legendary Horn Speaker Sound System ของ Altec Lansing
อย่างไรก็ตาม ดังที่ชื่อก็บอกไว้ นี่คือ ลำโพงระบบ เสียงสาธารณะ หรือ PA (Public Address) ที่ถูกออกแบบสำหรับโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ไม่ใช่ลำโพง Stereo HiFi สำหรับห้องนั่งเล่นในบ้าน ทั้งรุ่นใหญ่ยักษ์ A2 และน้องรอง A4
VOTT ทั้งรุ่น A4 และ A2 เปิดตัวในปี ค.ศ. 1945 และได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก ทาง Academy of Motion Picture Arts and Sciences เริ่มทดสอบระบบใหม่นี่ทันที ซึ่งเป็นการยืนยันถึงการพัฒนาด้านเสียง (Sonic Improvements) ในปี ค.ศ. 1955 ทาง “Academy” ได้นำ VOTT มาใช้ให้เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับวงการภาพยนตร์ ทั้งนี้ Altec ยังคงทำการผลิต VOTT จนถึงยุคปี ค.ศ. 1990 ความโดดเด่นนั้นอยู่ที่ Shearer Horn ของ Altec ถือว่า เป็นการพัฒนาอันเหนือชั้น Shearer Horn นับว่า ทันสมัยกว่าเมื่อเทียบกับระบบ Western Electric รุ่นก่อนๆ อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่า ระบบนี้มีผลกระทบต่อตลาดอย่างมาก แม้ว่า Altec Lansing จะเป็นผู้ผลิตลำโพงสำหรับภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว แต่ Voice of the Theatre ถือเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวที่ทำให้ Altec Lansing ก้าวขึ้นสู่การครองตลาด โดยการครองตลาดดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นจนเกือบจะถึงระดับผูกขาดตลอดช่วงทศวรรษที่ 1950 และ 1960 จนกระทั่งถูกคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดอย่าง JBL ก้าวขึ้นมาท้าทาย !!
Shearer Horn กลายมาเป็นมาตรฐานของระบบเสียงภาพยนตร์ในอดีตที่ผ่านมา ผู้ผลิตลำโพงแทบทุกรายในอุตสาหกรรมต่างก็เสนอผลิตภัณฑ์จากแนวคิดพื้นฐานนี้ รวมถึง Altec Lansing ซึ่งทั้ง Hilliard และ Lansing เป็นผู้พัฒนาระบบดังกล่าวเป็นหลัก ในปี ค.ศ. 1944 พวกเขาเริ่มดำเนินการในการบันทึกข้อบกพร่องที่มีอยู่ และพัฒนาแนวคิดเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้น ข้อบกพร่องหลักที่ Lansing และ Hilliard ระบุไว้คือ การขาดความสมจริง (Lack Of Presence) ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การตอบสนองเสียงมิด-เบสที่จมตัวลงระหว่างช่วง 250-500 เฮิรตซ์ จากการแผ่คลื่นเสียงจากด้านหลังของระบบลำโพง ความคลาดเคลื่อนของเฟส เนื่องจากเส้นทางฮอร์นที่พับยาว (Long, Folded Horn Path) และเสียงกำทอนของตู้ลำโพง (Cabinet Resonance) วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นสำหรับปัญหานี้อยู่ที่การออกแบบตู้ลำโพงเบสฮอร์นแบบใหม่โดยสิ้นเชิง เป็นครั้งแรกที่มีการพัฒนาตู้ลำโพงเบสฮอร์นที่ปิดล้อมไดรเวอร์อย่างสมบูรณ์ และขจัดการแผ่คลื่นเสียงจากด้านหลัง นอกจากนี้ ตู้ลำโพงยังโหลดไดรเวอร์เบสด้านหน้าด้วยฮอร์นที่บานออกโดยตรง (Direct, Flared Horn) ซึ่งแตกต่างจากแบบฮอร์นพับ (Folded Designs) ก่อนหน้านี้ ซึ่งช่วยขจัดการจมตัวลง (DIP) ของเสียงมิด-เบสที่เกิดจากการกระจายของความถี่สูงในฮอร์น
อย่างไรก็ตาม ฮอร์นด้านหน้าไม่ใหญ่พอที่จะส่งความถี่เสียงเบสต่ำกว่า 100 เฮิรตซ์ วิธีแก้ปัญหาที่ชาญฉลาดคือ การใส่พอร์ตตู้ลำโพง เพื่อให้สามารถทำหน้าที่เป็นตู้ลำโพงเบสรีเฟล็กซ์ที่ความถี่ต่ำถึง 50 เฮิรตซ์ ในที่สุด ตู้ลำโพงก็ได้รับการเสริมความแข็งแรงอย่างครอบคลุม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงสูงสุด และลดเสียงกำทอนที่ไม่ต้องการให้เหลือน้อยที่สุด ตู้ลำโพงนี้ได้รับการเรียกขานว่า รุ่น 210 และมีระบบ 2 แบบที่ได้รับการพัฒนาโดยอิงตามการกำหนดค่าที่แตกต่างกัน “A4” ใช้ตู้ลำโพง 210 ตัวเดียว พร้อมผนังปีก (Wing Walls) ที่ติดมา เพื่อเสริมการตอบสนองเสียงเบส ส่วน “A2” ใช้ตู้ลำโพง 210 จำนวน 2 ตู้วางเคียงข้างกันพร้อมผนังปีกเช่นเดียวกัน
หน่วยขับเสียงที่ใช้ใน VOTT คือ Compression Driver 288 ใหม่ล่าสุด และไดรเวอร์ขับเสียงเบส 515 อย่างไรก็ตาม หน่วยตัวขับเสียงเหล่านี้ถือเป็นการพัฒนาเชิงวิวัฒนาการมากกว่าความก้าวหน้าที่สำคัญของตู้เบสฮอร์น 210 ในขณะที่ ‘288’ นั้นเป็นเวอร์ชันแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Version) ของตัวขับเสียง Field Coil 287 พร้อมด้วยมีการปรับปรุงอีกเล็กน้อย
ตัวขับเสียงเบส ‘515’ นั้นสืบทอดมาจากการออกแบบ 604 Duplex รุ่นก่อนหน้า ความจำเป็นในการติดตั้งคอฮอร์น (Horn Throat) ภายในวอยซ์คอยล์ของกรวยทำให้ต้องใช้คอยล์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 นิ้วสำหรับเบสไดรเวอร์ การออกแบบนี้ได้รับการสืบทอดมาสู่วูฟเฟอร์ 515 รุ่นใหม่ ซึ่งเนื่องจากเส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่กว่าทำให้มีประสิทธิภาพ (Efficiency) และรองรับกำลังขับ (Power Handling) ไดรเวอร์นี้พร้อมกับกรวยของ 604 เป็นตัวอย่างแรกของไดรเวอร์ขนาด 15 นิ้วที่ใช้คอยล์แบบ ลวดแบน (Flat-Wire Coils)
____________________