…The Ones หนึ่งนี้ “ดัง” ในอดีต…
GAS
“AMPZILLA”
มงคล อ่วมเรืองศรี
ในช่วงของยุคสมัยที่แผ่นเสียงยังฟูเฟื่องเรื่องความเป็นบรรทัดฐานหลักของแหล่งกำเนิดสัญญาณเสียงนั้น ผู้คนพลพรรคนักเล่นเครื่องเสียงบ้านเราในช่วงนั้น ล้วนพิสมัยแต่อุปกรณ์เครื่องเสียงประเภทที่มีชั้นมีตระกูลมีแหล่งผลิตมาจากทางอเมริกา หรือว่า Made in USA “ขนานแท้” นั่นแลเป็นส่วนใหญ่ ไอ้ประเภทที่ระบุว่า Made in Japan นั้นไซร้ ยังถือว่า “ไม่เข้าขั้น” ในยุคนั้น ห่างชั้นกันหลายขุม ใครที่ใช้ยังจัดเป็นนักฟังระดับเด็กประถมว่าเข้าไปนั่น ไม่งั้นอย่างน้อยๆก็ต้อง Made in UK – Made in Germany – Made in France – Made in Swiss ว่ากันไป จึงจะนับเป็นพี่เป็นน้อง พอพูดคุยกันรู้เรื่อง…
“GAS” เป็นอีกหนึ่งชื่อยี่ห้อ หรือ เนมแบรนด์สุดดังจากทางฟากฝั่งแคลิฟอร์เนีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเครื่องเสียงชั้นดีของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นด้านสมรรถนะความทนทาน ความแข็งแกร่งบึกบึน ความหนักอึ้งของน้ำหนักตัว รวมถึงเรื่องของคุณภาพเสียงอันอิ่มใหญ่-เข้มข้น ซึ่งนักเล่นเครื่องเสียงบ้านเราในช่วงยุคนั้นน้อยคนนักจักได้ครอบครอง แม้นว่าระดับราคาแต่ละเครื่องล้วนอยู่เพียงแค่หลักไม่กี่หมื่นบาท หากแต่ว่าราคาทองในขณะนั้นมันอยู่เพียงแค่บาทละ 400 บาทเท่านั้น เงินไม่กี่หมื่นบาทจึงมากมายมหาศาล ไกลเกินกว่าคนทั่วไปจะไขว่คว้า รวมทั้งตัวกระผมเองก็ด้วย เพราะในช่วงนั้นยังเป็นวัยละอ่อนขาตังค์พ่อ-แม่ใช้ เงินแค่ 10 บาทยังสามารถกินอิ่มได้ในแต่ละมื้อ (ก๋วยเตี๋ยวแค่ชามละ 5 บาท น้ำอัดลมเพียงขวดละหกสลึง-สองบาท น้ำแข็งเปล่าแก้วละสลึง ….อึ้งไหมล่ะท่าน)
กระทั่งเข้าสู่วัยใกล้เกษียณ จึงได้มีโอกาสเสาะหา “GAS” มาครอบครองกับเขามั่งตั้งรุ่นหนึ่ง นั่นคือ “AMPZILLA” ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าไอ้ที่ได้มาเนี่ย…จะยังคงความเป็น “GAS” แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่หรือไม่ แต่ก็ต้องทำใจเพราะหมดโอกาสเสาะหาอะไหล่แท้ๆมาเสียบใส่ เนื่องจากบริษัทผู้ผลิต “GAS” นั้น ปัจจุบันไม่มีอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าจะยังคงมีชื่อของ “AMPZILLA 2000” ปรากฏอยู่ในสารบบก็ตาม แต่ก็เป็นบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ “Spread Spectrum Technologies Inc.” ที่นำเอาแนวทางวงจรเดิมมาใช้เป็นหลัก แต่ได้ทำการพัฒนา-ปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งผู้ก่อตั้งบริษัทนี้ก็คือหนึ่งในบุคคลสำคัญผู้ก่อตั้ง “GAS” นั่นคือ “James Bongiorno” จึงขอไว้อาลัยอย่างสุดซึ้งให้แก่ “GAS” มา ณ ที่นี้…
Great American Sound คือชื่อเต็มของ “GAS” ที่มีผู้ร่วมก่อตั้งเป็นวิศวกรหนุ่มถึง 5 คนด้วยกัน โดยมี James Bongiorno (วิศวกรชื่อดังที่เคยเป็นผู้ก่อตั้ง SAE รวมทั้งยังเคยเป็นผู้ออกแบบให้แก่ Dynaco และร่วมออกแบบ Marantz Model 15 มาแล้วอีกด้วย) เป็นตัวหลักรับผิดชอบในการออกแบบวงจรและโครงสร้างต่างๆ ร่วมกับ Adam Zareba, James Bongiorno (formerly of SAE), Andrew Hefley, Bob Hefley และ Ed Miller
Great American Sound Company แรกเริ่มก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1974 ที่ Chatsworth, California, USA ซึ่งเหตุแห่งการจัดตั้งบริษัทนี้ขึ้นนั้น เนื่องมาจากความสำเร็จอย่างล้นหลามของ “Ampzilla project” – high power amplifier ที่ James Bongiorno ทำการออกแบบขึ้น ซึ่งได้รับการนำเสนอเรื่องราวอย่างละเอียดยิบ และนำลงตีพิมพ์ใน Popular Electronics Magazine เดือนกันยายนปีค.ศ.1974 มีความยาวถึง 8 หน้าเต็ม (นับเป็นบทความที่ยาวที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของนิตยสารนี้) จนเป็นที่ต้องการชุดคิท (kit) อย่างมากมายจากนักเล่นเครื่องเสียงประกอบเองแทบจะทั่วทั้งอเมริกา กระทั่ง James Bongiorno ต้องละจาก “SAE” และจัดตั้งบริษัท GAS ขึ้นมาเพื่อการนี้
“Ampzilla” นั้นเป็นเพาเวอร์แอมป์แบบ fully-balanced monoblock ที่มีขนาดมิติตัวเครื่อง 17x7x9 นิ้ว (กว้างxสูงxลึก) และน้ำหนักตัวกว่า 45 ปอนด์ โดยมีกำลังขับอยู่ที่ 200 วัตต์ต่อข้าง / 8 โอห์ม (125 วัตต์ต่อข้าง / 16 โอห์ม, 360 วัตต์ต่อข้าง / 4 โอห์ม) ให้การตอบสนองความถี่เสียงครอบคลุมในช่วง 20Hz ถึง 20kHz ด้วยค่าความผิดเพี้ยนทางเสียงที่ต่ำกว่า 0.05% พร้อมด้วยค่าความฉับไวในการตอบสนองต่อสัญญาณระบุไว้ที่ 50V/uS และตัวเลขค่าแดมปิ้ง แฟคเตอร์ที่มากกว่า 150 ส่วนราคาจำหน่ายแรกเริ่มในสมัยนั้น ระบุไว้ทั้งแบบมีมาตรวัดบอกกำลังขับ (meters) ราคาจะอยู่ที่ $525 และ$475 สำหรับตัวเครื่องที่ไม่มีมาตรวัดบอกกำลังขับ ให้ได้เลือกซื้อไปใช้งานตามอัธยาศัย
ต่อมาในปีค.ศ.1977, James Bongiorno ก็ได้ทำการปรับปรุงเจ้า “Ampzilla” ไปสู่ “Ampzilla II” โดยได้นำหลักการ DC-servo controlled amplifier อันทันสมัยยิ่งนักในยุคนั้นมาใช้เป็นครั้งแรก จึงนับว่าได้ชื่อเป็นเพาเวอร์แอมป์ที่ก้าวล้ำนำหน้ามากในสมัยนั้น โดยราคาจำหน่ายนั้นกำหนดไว้ที่ $1350 กันเลยทีเดียว แม้ว่าตัวเลขสเปกฯต่างๆจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม ทว่าลักษณะน้ำเสียงโดยรวมนั้นว่ากันว่า “หนักแน่น ทรงพลัง ทั้งยังสดกระจ่าง และกระชับฉับไว” จนใครที่ได้รับฟังต่างพากันหลงใหล แม้แต่นักเล่นเครื่องเสียง “กระเป๋าหนัก” ในบ้านเราก็ชี่นชอบกันมิใช่น้อย
กระทั่งในช่วงปลายปีค.ศ.1977 ทาง “GAS” ก็ได้ออกจำหน่ายเพาเวอร์แอมป์ที่ได้ชื่อว่า “the best sounding GAS amp” (คุณภาพเสียงดีที่สุดของ GAS) นั่นคือ “Son of Ampzilla” ซึ่งแม้ว่าจะมีกำลังขับน้อยกว่า Ampzilla อยู่อักโข แต่ก็สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้สูง จากความชื่นชอบในคุณลักษณ์ของเสียงที่โดดเด่นนั่นเอง โดยตัวเลขค่าสเปกฯของ “Son of Ampzilla” นั้นระบุไว้ที่ 80 วัตต์ต่อข้าง / 8 โอห์ม (150 วัตต์ต่อข้าง / 4 โอห์ม)ให้การตอบสนองความถี่เสียงครอบคลุมในช่วง 0.5Hz ถึง 20kHz (- 0.1 dB) ด้วยค่าความผิดเพี้ยนทางเสียงที่ต่ำกว่า 0.08% พร้อมด้วยค่าความฉับไวในการตอบสนองต่อสัญญาณระบุไว้ที่ 40V/uS และตัวเลขค่าแดมปิ้ง แฟคเตอร์ที่สูงถึงกว่า 500
“Son of Ampzilla” มีขนาดมิติตัวเครื่อง 19×5 1/4×12 นิ้ว (กว้างxสูงxลึก) และน้ำหนักตัวกว่า 35 ปอนด์ สำหรับราคาจำหน่ายแรกเริ่มในสมัยนั้น ระบุไว้ทั้งแบบมีสวิทช์เปิด/ปิดการทำงานเครื่อง (power switch) และไม่มีสวิทช์เปิด/ปิดการทำงานเครื่องให้ได้เลือกซื้อไปใช้งาน โดยราคานั้นอยู่ที่ $629 สำหรับตัวเครื่องที่มี power switch และ $579 สำหรับตัวเครื่องที่ไม่มี power switch ทั้งนี้พอถึงช่วงปีค.ศ.1982 ทาง “GAS” ก็ได้สิ้นสุดการผลิตจำหน่าย “Son of Ampzilla”
แต่หากถามว่า รุ่นใดคือสุดยอดของเพาเวอร์แอมป์จาก “GAS” อันเป็นที่ใคร่หมายปอง อยากได้มาครอบครองมากที่สุดแล้วไซร้… คำตอบที่ได้ย่อมหนีไม่พ้น “Godzilla” –เพาเวอร์แอมป์แบบ Dual monoblock ที่ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะให้ภาคเอ๊าต์พุททำงานในลักษณะใด Class A หรือว่า Class AB โดยที่หากปรับเลือกให้ “Godzilla” ทำงานในแบบ Class A ก็จะทำให้ได้กำลังขับออกมา 90 วัตต์ต่อข้าง แต่หากปรับเลือกให้ “Godzilla” ทำงานในแบบ Class AB ก็จะทำให้ “Godzilla” สามารถผลิตกำลังขับออกมาได้สูงถึง 350 วัตต์ต่อข้างกันเลยทีเดียว ที่สำคัญ “GAS” ได้ผลิตจำหน่าย “Godzilla” ออกมาเพียง 20 คู่เท่านั้น…!!! ทำให้ใครต่อใครในวงการต่างถวิลหา “Godzilla” มาครอบครอง แม้กระทั่งวงดนตรีชื่อดังอย่าง Grateful Dead
ทว่า James Bongiorno ก็ได้ขายโอนกิจการให้ผองเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้ง และตัวเขาเองก็ได้ไปก่อตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ SUMO Electric Co. ในช่วงปีค.ศ. 1977 ซึ่งผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ “SUMO” นี้ก็สามารถสร้างชื่อโด่งดังไม่แพ้กัน ดังนั้นผลิตภัณฑ์รุ่นสุดท้ายของ “GAS” จึงมิใช่ฝีมือการออกแบบของ James Bongiorno โดยที่ Andrew Hefley ได้เข้ามาเป็นผู้ออกแบบรุ่นท้ายสุดนี้ด้วยตนเอง นั่นคือ “Ampzilla 500” ซึ่งออกจำหน่ายในช่วงปีค.ศ.1980-1982 โดยมีขนาดมิติตัวเครื่อง 48x18x34 ซม. (กว้างxสูงxลึก) ด้วยน้ำหนักตัวกว่า 30 กก. สำหรับสเปกฯกำลังขับนั้นอยู่ที่ 256 วัตต์ต่อข้าง / 8 โอห์ม (375 วัตต์ต่อข้าง / 4 โอห์ม และ 500 วัตต์ต่อข้าง / 2 โอห์ม) ให้การตอบสนองความถี่เสียงครอบคลุมในช่วง 20Hz ถึง 20kHz ด้วยค่าความผิดเพี้ยนทางเสียงที่ต่ำกว่า 0.05% พร้อมด้วยค่าความฉับไวในการตอบสนองต่อสัญญาณระบุไว้สูงถึง 100V/uS กันเลยทีเดียว พร้อมด้วยตัวเลขค่าแดมปิ้ง แฟคเตอร์ที่มากกว่า 150 ส่วนราคาจำหน่ายแรกเริ่มในสมัยนั้นอยู่ที่ $1,395
น่าเสียดายที่ “Ampzilla 500” มิได้สร้างชื่อโด่งดังอะไรนัก เมื่อเทียบกับ Ampzilla และ “Son of Ampzilla” ซึ่งล้วนเป็นผลงานจากฝีมือการออกแบบของ James Bongiorno ดังนั้นหากไม่มีอะไรผิดพลาด ….โปรดติดตาม “หนึ่งนี้ดังในอดีต” ครั้งหน้าจะได้นำเสนอเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ “SUMO” นี้ให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบกัน ซึ่งเชื่อแน่ว่า นักเล่นเครื่องเสียงหลายท่านในบ้านเราน่าจะมี หรือ เคยมีอยู่ในครอบครองกันมาแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………………………………