กับชื่อ Ruark Audio เป็นแบรนด์ที่ผมเริ่มเห็นตามหน้าสื่อแบบประปรายมาตั้งแต่ช่วงหลัง Y2K ไม่นาน และเห็นพูดถึงเชิงชื่นชมจากการวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น ก็สักประมาณช่วงกว่าสิบปีให้หลัง รวมทั้งสังเกตเห็นว่าได้รับรางวัลโน่น นี่ นั่น อยู่เนืองๆ นับแต่ช่วงเดียวกันที่บอกว่าเห็นถี่ขึ้นนั้นเป็นต้นมา ก็ได้แต่สนใจเพราะไม่เคยสัมผัสตัวเป็นๆ ด้วยในบ้านเราไม่มีใครสั่งเข้ามา กอปรกับความสนใจที่ว่านั้นมันเป็นช่วงที่ผมเลิกเดินทางในความหมายของการตะลอนไปทำงานซะแล้ว
กระทั่งไม่นานวันที่ผ่านมา ได้ข่าวว่ามีผู้นำผลิตภัณฑ์ของ Ruark Audio เข้ามาจำหน่ายในบ้านเราแล้ว ก็เลยถือโอกาสนำมาบอกกล่าวพร้อมเล่าสู่ให้รู้จักกันพอเป็นสังเขป
ย้อนกลับไปช่วงเปลี่ยนผ่านสหัสวรรษใหม่ๆ แรกที่เห็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ ซึ่งในเวลานั้นใช้ชื่อว่า Vita Audio เข้าใจว่าเป็นบริษัทที่ทำสินค้าระบบเสียงจำพวกไลฟ์สไตล์แบบชิ้นเดียว ที่น่าสนใจก็ตรงที่โครงสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า ที่หน้าตามักจะออกมาในแนวย้อนยุคแบบ Retro Style แต่ให้การทำงานที่ทันสมัย เห็นในรูปให้รู้สึกว่างานฝีมือประณีตดี ช่างเลือกหรือคัดสรรวัสดุต่างๆ มากอปรกันเป็นผลิตภัณฑ์ที่เรียบหรูดูดีไม่น้อย จากที่ติดตามมาแต่แรกๆ ทำให้พอจะรู้อยู่ในที ว่าเป็นแบรนด์ที่มีความโดดเด่นด้านวิทยุดิจิทัล หรือ DAB (Digital Audio Broadcasting) Radio เป็นพิเศษ
ซึ่งวิทยุดิจิทัลในบ้านเรานี่, เวลานี้ยังไม่มีการออกอากาศเป็นกิจจะลักษณะแต่อย่างใดนะครับ เท่าที่ทราบมีการสาธิตและทดลองตามพื้นที่ต่างๆ เป็นระยะๆ รวมทั้งมีบางบริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกำลังทำเรื่องนี้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีการจัดประชุมทางด้านวิชาการ เผยแพร่ความรู้ รวมทั้งจัดสาธิตให้เห็นถึงประโยชน์ของการนำไปใช้ในระบบต่างๆ อาทิ การขนส่งสาธารณะ การจราจร การเตือนภัยพิบัติ และสภาพอากาศ ปัจจุบันได้พัฒนาขึ้นไปในด้านเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ช่องสัญญาณที่ดีขึ้น เรียกว่า DAB+ Radio
หลังรู้ว่าแบรนด์นี้เข้ามาในบ้านเราแล้ว ก็ไปหาข้อมูลเพิ่มจากเท่าที่เคยทราบดังบอกไปข้างต้น จึงได้รู้ว่าเป็นบริษัทอังกฤษที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 80s และสินค้ายุคแรกๆ ที่ทำออกมาก็มีเพียงอย่างเดียว คือลำโพง ภายใต้ชื่อ Ruark Acoustics ผู้ก่อตั้งคือ Alan O’Rourke ที่เติบโตมากับการเล่นกีตาร์ และรายล้อมไปด้วยอุปกรณ์ระบบเสียงไฮ-ไฟ เพราะพ่อของเขาอยู่ในอุตสาหกรรมทางด้านนี้ รวมทั้งทำงานอยู่กับบริษัทนำเข้ากีตาร์ด้วย นั้นเองที่ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสกับอุปกรณ์อันยอดเยี่ยมต่างๆ มากมาย จึงรักและหลงใหลในเสียงดนตรีมาแต่อ้อนแต่ออก ถึงกับบอกทำนองว่าดนตรีเปรียบได้กับชีวิตและลมหายใจของตัวเขาเอง
และเมื่อมาตั้งบริษัทเครื่องเสียง เขาจึงบอกว่าดนตรีเป็นหัวใจสำคัญยิ่งของแบรนด์มาแต่แรก
หลังช่วงเปลี่ยนผ่านสหัสวรรษไม่นานปี Ruark Audio ได้หันมาทำระบบเสียงชิ้นเดียวแบบไลฟ์สไตล์เป็นครั้งแรก คือวิทยุดิจิทัลแบบตั้งโต๊ะรุ่น R1 แต่เพื่อป้องกันความสับสนทั้งกับร้านค้าและผู้บริโภค จึงใช้ชื่อแบรนด์ Vita Audio ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และด้วยความยอดเยี่ยมของมันถึงกับทำให้หนังสือพิมพ์ Sunday Telegraph ที่นำไปวิพากษ์วิจารณ์ได้ให้นิยามว่าเปรียบดั่ง The Aston Martin of DAB Radios นั่นเทียว
ช่วงที่วิทยุดิจิทัลเริ่มแพร่หลายในยุโรป เป็นเวลาเดียวกับที่เครื่องเล่นเพลงพกพาอย่าง AppIe iPod กำลังเป็นที่นิยม วิทยุดิจิทัลรุ่นหลังๆ ที่ Vita Audio ทำออกมาจึงมีช่องเสียบให้สามารถวาง iPod เพื่อเล่นเพลงกับเครื่องรับวิทยุได้ด้วย เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและพลังเสียงให้กับดนตรีจากอุปกรณ์พกพา ทำให้ในยุคนั้นเองที่เราได้เห็นเครื่องเล่นประเภทที่ว่ามีโฆษณาทำนองบอกว่าเป็น iPod/iPhone Friendly กันเต็มไปหมด
หลังจากใช้ชื่อ Vita Audio ประมาณห้าหกปี แบรนด์ Ruark Audio ก็ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งกับเครื่องรุ่นหลังๆ ตั้งแต่ปี ค.ศ.2012 จนทุกวันนี้
ช่วงหลังๆ นอกจากผลิตวิทยุดิจิทัลตั้งโต๊ะแบบ DAB/DAB+ Radio แล้ว เครื่องบางรุ่นยังได้เพิ่มภาคการทำงานอื่นๆ เข้ามาด้วย เพื่อให้มีความเป็น All-in-One หรือเป็น Music System มากขึ้น อาทิ การเพิ่มภาครับ FM Tuner ภาคการทำงานในส่วนของ CD Player บางรุ่นมีการใส่ DAC: Digital-to-Analogue Converter พร้อมระบบไร้สายทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth เพื่อรองรับการทำงานแบบสตรีมมิง รวมทั้งผนวกการเข้าถึงผู้ให้บริการบางรายได้ในตัว ซึ่งนอกจากจะเอื้อความสะดวกในการใช้งานแล้ว ยังรองรับการเล่นเพลงที่หลากหลายมากขึ้นด้วย
คือมีสโคปของเครื่องให้เลือกเล่น เลือกใช้งาน ได้หลายหลากมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความต้องการในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างทั่วถึงนั่นเอง
Ruark R410
Integrated Music System
ช่วงก่อนปลายปีที่แล้วสักพัก เห็นมีรุ่นใหม่ออกมาในหน้าสื่อฝั่งยุโรป ให้รู้สึกต้องตา ต้องใจ ตั้งแต่แรกเห็นโครงสร้างหน้าตาในภาพข่าว เห็นรายละเอียดพอประมาณแล้วก็เลยเข้าไปหาเรื่องราวเพิ่มเติม เลยทำให้ทราบตอนนั้นแหละครับ ว่าแบรนด์นี้เพิ่งเข้ามาบ้านเราเมื่อต้นไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนนี่เอง เพียงแต่รุ่นที่เตะตาต้องใจผมยังไม่ได้เข้ามาด้วย น่าจะเป็นเพราะเพิ่งจะลงตลาดแถบยุโรปได้ไม่กี่วัน แต่อีกไม่นานวันก็คงเข้ามาเป็นแน่แท้ เพราะเห็นมีป้ายราคารอแปะเอาไว้แล้ว
ไม่แน่นะครับ, ขณะที่คุณๆ กำลังอ่านงานเขียนชิ้นนี้ เครื่องรุ่นนี้อาจจะเข้ามาวางขายในบ้านเราแล้วก็เป็นได้
เครื่องที่ว่า คือ ที่จ่าหัวย่อยเป็น Sub-Head นั่นแหละครับ จึงไปหารายละเอียดมาบอกกล่าว เล่าสู่กัน พอเป็นสังเขปได้ดังนี้ครับ
ภายใต้โครงสร้างภาพลักษณ์ที่แลดูย้อนยุคแบบ Retro Style นั้น ภายในผนวกภาคการทำงานต่างๆ แบบร่วมสมัยที่เหมาะนักกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่มักใช้ชีวิตอยู่กับการไถหน้าจอเป็นหลัก โดยระบบเสียงนั้นภาคขยายใช้แอมป์ Class-D ให้กำลังขับ 120Wrms (วัดค่าความเพี้ยนฮาร์โมนิกรวมที่ 30W/Ch ได้ 0.02%) ให้การทำงานตอบสนองความถี่ 35Hz-22kHz ลำโพงสองตัวอยู่ในตู้เฉพาะที่มุมเครื่องแต่ละด้าน ซ้าย/ขวา เป็นลำโพงที่ทำงานในระบบ Bass Reflex แบบ 2-ทาง ทวีตเตอร์ขนาด 20 มิลลิเมตร มิด/เบสส์ ไดรเวอร์ ขนาด 100 มิลลิเมตร มาพร้อมระบบเพิ่มประสิทธิภาพเสียงแบบ Stereo+3D ภาคโทน คอนโทรล ให้แยกปรับทุ้ม/แหลม
ภาควิทยุรองรับ DAB/DAB+, FM กับ RDS: Radio Data System (87.5-108MHz) ใช้งานแบบมัลติ-รูมได้ผ่าน Apple AirPlay, Google Cast ระบบไร้สายผ่าน Wi-Fi, Bluetooth 5.1 ซึ่งรองรับ aptX HD, SBC, AAC, BLE, A2DP รองรับอุปกรณ์ DLNA: Digital Living Network Alliance ผนวกผู้ให้บริการสตรีมมิง Spotify Connect, Tidal Connect พร้อมรองรับการทำงานกับไฟล์เสียงความละเอียดสูง มีพอร์ต HDMI ARC/eARC, USB 2.0 Type-C, Ethernet มีช่องเสียบดิจิทัล อินพุต แบบ Optical พร้อมช่องเสียบสำหรับเครื่องเล่นซีดี (ผ่าน External USB CD Drive) และมีอินพุทให้สำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียง (รองรับหัวเข็ม MM: Moving Magnet) มี Line-Input แบบ Stereo RCA และมี Sub-Woofer Out ให้ด้วย
ที่แผงหน้าปัดเครื่องค่อนมาทางด้านซ้าย มีจอแสดงผล Colour TTF ที่นอกจากจะใช้เพื่อเข้าถึงการทำงานและรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างสะดวกแล้ว ยังแสดงปกอัลบั้มของเพลงที่กำลังเล่นอยู่ได้ด้วย
มาพร้อมรีโมต คอนโทรล แบบแป้นทรงกลม ที่มีลักษณะเดียวกับลูกบิดปุ่มปรับต่างๆ ซึ่งติดตั้งอยู่บนฝาหลังด้านบนของเครื่อง
มิติโครงสร้างเครื่อง (กว้าง × สูง × ลึก) 560 × 150 × 290 มิลลิเมตร น้ำหนัก 9.5 กิโลกรัม
เห็นบางสื่อแถบยุโรปบอกว่าเป็นความย้อนยุคอันน่าทึ่งมาก เพราะดูสวยงาม ทันสมัย แลดูเป็นเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีที่ให้คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมมากด้วย มาพร้อมระบบการทำงานอันยืดหยุ่นที่มีฟังค์ชันครบครันมาก ให้น้ำเสียงที่หนักแน่น เป็นน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเชื่อถือมากจากทุกๆ แหล่งกำเนิดเสียงที่ได้ลองเปิดฟัง
แต่แอบเสียดายหน่อยก็ตรงที่หน้าจอเล็กไปนิด คือแค่ 4 นิ้วเท่านั้นเอง
Ruark R1S
Smart Tabletop Radio
คราวนี้มาเข้าเรื่องเครื่องที่ได้ลองเล่นแบบจับตัวเป็นๆ มาใช้งานอยู่พักใหญ่ๆ กันละ เครื่องที่ว่าก็คือวิทยุอัจฉริยะแบบตั้งโต๊ะ Model R1S ครับ
ซึ่งก็คือเครื่องที่มีพื้นฐานมาจาก Model R1 ที่เป็น Tabletop Radio ระบบดิจิทัล (DAB) รุ่นแรกของค่ายที่ใช้ชื่อแบรนด์ Vita Audio เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปี ค.ศ.2006 และได้รับการยกย่องว่าเปรียบได้ดั่งซูเปอร์ คาร์ อย่างแอสตัน มาร์ติน ของแวดวงวิทยุดิจิทัลดังที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้นนั่นแหละครับ
โดยเป็นพัฒนาการออกแบบมาจากเจเนเรชันล่าสุด คือ Model R1 Mk4
และเมื่อกดสวิตช์เปิดให้เครื่องทำงาน ที่แผงหน้าจอแสดงผลก็ยังคงขึ้นตัวอักษรส่องสว่างเพียงแค่ R1 เท่านั้น
ในโลกตะวันตกโดยเฉพาะทางแถบยุโรปนั้น เครื่องรับวิทยุยังคงเป็นที่นิยมและมีผู้ใช้งานกันมากกว่าสื่อความบันเทิงแบบอื่นๆ เพราะสามารถใช้รับฟังข่าวสารในตัวได้อย่างสะดวก ยิ่งปัจจุบันทางแถบนั้นการแพร่กระจายเสียงด้วยระบบดิจิทัลเป็นที่แพร่หลายมาก อุปกรณ์อย่าง DAB/DAB+ Radio จึงเฟื่องฟูมากด้วย
และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของทุกวันนี้ ที่ทำให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ สามารถย่อส่วนให้เล็กลงได้มากๆ การเพิ่มฟังค์ชันหรือภาคการทำงานอื่นๆ เข้าไปจึงทำได้สะดวก โดยที่มิพักต้องมีขนาดของเครื่องใหญ่โตเทอะทะ ทำให้หลายๆ เครื่องที่เห็นเล็ก กะทัดรัด แต่สามารถให้การทำงานได้หลากหลายหน้าที่อย่างน่าทึ่ง
Ruark R1S มีโครงสร้างแบบวิทยุตั้งโต๊ะขนาดย่อมๆ เป็นกล่องสี่เหลี่ยมลบมุม ที่ทำให้แลเนียนตาด้วยเส้นสายอันโค้งมน ดูละมุนละไมดี มีแผงหน้าที่กว้างและสูงน้อยกว่าพ็อกเก็ต บุ๊ก มาตรฐานพอประมาณ ผนังตู้ขึ้นรูปด้วยโพลีเมอร์ที่ภายในได้มีการปรับปรุงคุณสมบัติทางด้านอะคูสติกเป็นอย่างดี ทำหน้าที่เสมือนเป็นตู้ลำโพงระบบ Bass Reflex ชั้นเลิศอยู่ในทีด้วย มีสีเทาหม่นเคลือบแลคเกอร์ ส่วนแผงหน้านั้นตอนบนของพื้นที่ประมาณ ⅓ เป็นจอแสดงผล TFT แบบ Full Colour ที่ให้ปรับระดับความสว่างได้ แผงหน้าตอนล่างขึ้นรูปในลักษณะตะแกรงแบบไม้ระแนงร่วมสมัยสีน้ำตาล เป็นงานฝีมือแบบ Hand Crafted นอกจากแลดูสวยลงตัวแบบคลาสสิกแล้ว ยังทำหน้าที่ปกป้องตัวขับเสียงหรือดอกลำโพงที่เป็นแบบ Full Range ชิ้นเดียว ขนาด 75 มิลลิเมตร
โดยตัวขับเสียงที่ว่านี้คือ Ruark NS+ Driver ที่ขึ้นชื่อของแบรนด์ และถูกนำไปใช้ในเครื่องของ Ruark Audio หลายๆ รุ่นมาก ทำงานร่วมกับภาคขยายหรือแอมปลิไฟเออร์ คลาสส์-เอ/บี
โดยพื้นฐานแล้วเครื่องนี้ทำหน้าที่รับวิทยุจากการกระจายเสียงทั้ง Internet/DAB/DAB+ รวมถึง FM พร้อมรองรับการสตรีมผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth v5.0 และให้เข้าถึงผู้ให้บริการสตรีมมิงยอดนิยมสามรายได้อย่างรวดเร็ว ประกอบไปด้วย Spotify Connect, Deezer และ Amazon Music
สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกนั้น มีพอร์ท USB-C สำหรับเครื่องเล่น MP3 และสามารถใช้เป็นช่องประจุไฟให้กับสมาร์ตโฟนได้ พร้อมกับมีช่องเสียบแบบ Mini Jack 3.5mm. สำหรับเฮดโฟน และ Aux Input อย่างละช่อง โดยที่ช่องเสียบต่อชุดหูฟังนั้นสามารถจดจำระดับความดังเสียงที่ใช้งานครั้งล่าสุดได้
โดยช่องเสียบต่อทั้งหมดนี้เรียงแถวอยู่ตอนล่างของแผงหลังเครื่อง รวมทั้งช่องเสียบสำหรับอะแดปเตอร์ไป AC ด้วย ส่วนด้านบนเป็นเสาอากาศสำหรับรับ DAB/DAB+/FM แบบยืดขึ้นและพับเก็บได้
ที่ฝาหลังตู้ด้านบนเป็นส่วนควบคุมการทำงานของเครื่องแบบวงกลมซ้อนวงกลม ซึ่งเป็นแบบเฉพาะตัวของแบรนด์ที่เรียกว่า Ruark RotoDial Controller วงแรกติดขอบนอกเป็นแบบปุ่มกดเจ็ดปุ่ม เรียงติดต่อกันในลักษณะติดขอบครึ่งวงกลมตอนบน ใต้ลงมาที่จุดกึ่งของวงนอกตอนล่างเป็นปุ่มกดเปิด/ปิดเครื่อง ที่เมื่อกดปิดแล้วเครื่องยังทำหน้าที่ Stand-By ต่อไปอีก 20 นาที
ส่วนวงกลมด้านใน (สูงกว่าวงนอก) เป็นปุ่มควบคุมระดับความดังเสียง แบบมีหลุมให้ใช้นิ้วหมุนวนซ้าย/ขวาได้
ทั้งหมดให้ใช้งานได้แบบเรียบง่าย แต่อาจจะไม่สะดวกสำหรับใครที่คุ้นชินกับการใช้รีโมต คอนโทรล ควบคุมการทำงานของเครื่อง โดยเครื่องรุ่นนี้มีอุปกรณ์ที่เป็นออปชันที่ต้องซื้อแยกต่างหาก (หากต้องการ) อยู่สองชิ้น หนึ่ง, คือรีโมต คอนโทรล ส่วนอีกหนึ่ง, คือ Power Back-Pack สำหรับแปะติดด้านหลังของเครื่อง ในกรณีต้องการนำไปใช้งานนอกสถานที่แบบเครื่องพกพาเพื่อความสะดวกและคล่องตัว
กับแบตเตอรี่สำรองหรือเพาเวอร์ แบ็ก-แพ็ก นี้, เมื่อติดตั้งแล้วควรปล่อยไว้ให้อยู่ด้วยกันอย่างถาวร เพราะเมื่อเสียบใช้งานไฟ AC มันจะประจุไฟเข้าแบตฯสำรองในตัว ซึ่งจะทำให้รู้สึกง่ายที่จะหยิบฉวยเครื่องไปเปิดใช้งานที่ไหนๆ ก็ได้อย่างสะดวก คล่องตัว เมื่อไฟเต็มแบตฯสำรองแล้ว สามารถถอดปลั๊กไฟ AC ใช้งานแบบพกพาได้นานถึง 12 ชั่วโมงโดยประมาณ เพราะขึ้นอยู่กับระดับความดังเสียงที่เปิดฟัง แบบว่าเปิดฟังเสียงดังมากต้องใช้พลังงานเยอะ ไฟในแบตฯก็หมดเร็ว, ว่างั้นเถอะ
โดยในกล่องที่ให้มานอกจากตัวเครื่องวิทยุแล้ว ก็มีอะแดปเตอร์ไฟ AC ที่ให้เปลี่ยนเต้าเสียบ (ปลั๊กตัวผู้) ได้ ซึ่งมีให้มาสองชิ้นแบบสามขากับสองขา
อย่างไรก็ตาม, เพื่อความสะดวก คล่องตัว และการใช้งานได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการเข้าถึงวิทยุอินเทอร์เน็ต และการค้นหาพอดแคสต์ ควรดาวน์โหลด Oktiv Application มาใช้งาน ซึ่งมีให้บริการฟรีทั้งในระบบปฏิบัติการ Android และ iOS
Ruark R1S มีคุณสมบัติในการตั้งค่าล่วงหน้าเพื่อการเข้าถึงสถานี และเพลย์ลิสต์ จากซอร์ซต่างๆ ได้อย่างละ 8 สถานี/ชื่อ และในฟังค์ชันนาฬิกานอกจากบอกเวลาแล้ว ยังให้ใช้ตั้งปลุกเตือนเวลาได้สองรูปแบบ ทั้งแบบปลุกรายวันและเตือนรายสัปดาห์ รวมถึงทำหน้าที่เป็น Sleep Timer เพื่อพักการทำงานของเครื่องเมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ล่วงหน้าได้ด้วย
ทางด้านเสียงนั้นมีภาคโทน คอนโทรล แยกปรับทุ้ม/แหลม รวมทั้งได้ผนวก Adaptive EQ เพื่อให้การคุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบในทุกระดับความดังเสียง จึงมิพักต้องเป็นกังวลว่าเสียงที่บางความถี่จะขาดหายไปเมื่อหรี่เสียงลง หรือเสียงที่บางความถี่จะโดดหรือแตกพร่าเพี้ยนเมื่อเร่งความดังเสียงมากขึ้น
มิติโครงสร้างเครื่อง (กว้าง × สูง × ลึก) 130 × 175 × 135 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.6 กิโลกรัม
Ruark R1S
กับการลองเล่น
และคุณภาพเสียง
แพ็คเกจจิงดูดีทีเดียว ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กล่องนอกถึงวัสดุห่อหุ้มภายใน และจัดวางเป็นระเบียบเรียบร้อยดี แม้จะเป็นกล่องเล็กๆ แต่ก็แยกสัดส่วนพื้นที่ของแต่ละอุปกรณ์อย่างเหมาะสม ลงตัวดี แบ่งพื้นที่เป็นส่วนของตัวเครื่อง อุปกรณ์ไฟฟ้า และคู่มือใช้งาน
เห็นแล้วรู้ได้เลย ว่าเป็นงานที่ผ่านกระบวนการคิดอยางละเอียดมาก, ชื่นชมครับ
ขณะที่ตัวเครื่องเองก็ดูดีด้วยงานฝีมือที่เนี้ยบ เฉียบ ไม่รู้สึกผิดจากที่คาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ที่เคยรู้สึกว่าน่าจะงานดีจากที่เคยในรูปรุ่นต่างๆ มานานช้า เมื่อได้มาจับต้องตัวเป็นๆ แล้ว งานเขาประณีตพิถีพิถันดีจริงๆ บ่งบอกถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด เครื่องจึงออกมาดูดีอย่างที่เห็น
และมีขนาดที่เหมาะจะนำไปวางใช้งานได้ทุกมุมทั่วบ้านโดยไม่รู้สึกเกะกะแต่อย่างใด แม้แต่ในครัวก็เถอะ
วิทยุเครื่องนี้มาพร้อมคุณสมบัติต่างๆ มากมาย ดังที่ได้บอกไป ให้ใช้งานได้หลายหลากมากกว่าลำโพงไร้สายส่วนใหญ่ ที่มักจะรองรับเฉพาะการสตรีมมิงเท่านั้น โดยเฉพาะกับการที่มีฟังค์ชันวิทยุอินเทอร์เน็ตด้วยนั้น มันเลิศมาก (สำหรับผม) เพราะสามารถพาผมท่องไปในโลกกว้างของเสียงดนตรีได้แบบไร้พรมแดนจริงๆ
ขณะที่การใช้งานคลื่นเอฟเอ็ม (87.5MHz-107MHz) กับบางคลื่นที่ชื่นชอบแต่กำลังส่งค่อนข้างต่ำ อาทิ วิทยุจุฬาฯ ก็ทำงานด้วยได้ดี รับได้ชัดเจน ถ่ายทอดความสุนทรีย์ของเสียงเพลงและเสียงดนตรีออกมาให้รับรู้ได้เพลิดเพลินดี
ประเด็นนี้ขอชื่นชมประสิทธิภาพของเสาอากาศเค้าหน่อย ว่าเมื่อยืดขึ้นตั้งตรงจนสุด (ไม่ได้วัดน่าจะเป็นเสายาว-หรือสูง, สักเมตรเห็นจะได้) แล้ว รับคลื่นวิทยุในบ้านเราได้ดีเอาการทีเดียว ทั้งแม่นยำ ชัดเจน ขณะเดียวกันภาครับก็มีระบบขจัดการแทรกซ้อนจากคลื่นข้างเคียงได้ดีมาก
การสตรีมผ่านบลูทูธจับคู่กับอุปกรณ์พกพาได้ค่อนข้างรวดเร็ว และให้การทำงานที่ลื่นไหลดี ขณะที่การเข้าถึงวิทยุอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายไว-ไฟนั้น ออกจะขลุกขลักเล็กน้อยในขั้นตอนการใส่พาสเวิร์ด เพราะต้องใช้ปุ่มควบคุมที่ด้านบนคอยกดไล่เลือกอักษรทีละตัว ส่วน DAB/DAB+ เมื่อลองกดเลือกใช้งาน ที่หน้าจอขึ้นตัวอักษรว่า No Stations ขณะที่การเข้าถึงผู้ให้บริการสตรีมมิงทั้งสามรายก็สามารถเลือกผ่านปุ่ม Source ได้อย่างรวดเร็ว นับว่าสะดวกดี
นั้น, คือภาพรวมที่ได้ลองใช้งานดู ซึ่งพบว่าแม้จะไม่มีรีโมต คอนโทรล ก็หาใช่เรื่องลำบากสักกี่มากน้อย ยิ่งควบคุมผ่านแอพพลิเคชัน ยิ่งสะดวกโดยเฉพาะในแง่การค้นหาและเข้าถึงสถานีวิทยุอินเทอร์เน็ต
แล้วก็มาถึงเรื่องสำคัญ นั้นคือเรื่องของคุณภาพเสียง
Ruark R1S ให้สุ้มเสียงที่สมกับที่ทำลำโพงมานานช้า เพราะภาพรวมของเสียงที่สัมผัสได้นั้น บ่งบอกถึงความเป็น ‘เสียงคุณภาพ’ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือเปิดได้ดังถึงระดับที่เกินความดังปกติที่ฟังแล้ว ภาพรวมของเสียงยังถูกควบคุมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี จนต้องลดความดังเสียงลงมาให้อยู่กับร่องกับรอยที่เป็นความคุ้นเคย จากนั้นก็เปิดฟังกันไปยาวๆ เลย
ผมลองเล่นวิทยุเครื่องนี้โดยวางเอาไว้บนโต๊ะเตี้ยด้านข้างที่เยื้องกับโต๊ะทำงาน ห่างกับตำแหน่งที่นั่งเขียนหนังสือแบบพอเอื้อมมือกันถึง
แต่ถึงอยู่ในระยะแค่เอื้อม หากแทบไม่ได้ยื่นมือไปยุ่งอะไรกับเครื่องเลยหลังเปิดฟังคลื่นถูกใจ อาทิ ช่วงบ่ายๆ สองชั่วโมงเต็มกับรายการ ‘สุขกันเถอะเรา’ ของสถานีวิทยุจุฬาฯ รวมทั้งการสตรีมเพลงจากอุปกรณ์เล่นเพลงพกพาที่จัดเรียงเอาไว้อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ทั้งนี้ก็เนื่องเพราะมิพักต้องไปยุ่งหรือปรับแต่งอะไรอีกนั่นเอง หากจะมีให้รู้สึกบ้างก็คือเรื่องของระดับความดังเสียงของเพลงบางเพลงที่การบันทึก หรือเข้ารหัสมา เบากว่าระดับการฟังปกติเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับให้รับรู้ว่าเสียอรรถรสหรือขาดความสุนทรีย์อะไรไปแต่อย่างใด
วิทยุตัวเล็กๆ เครื่องนี้ให้เสียงที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังเกินตัวมาก ทั้งยังมีความคมชัดและเป็นน้ำเสียงที่สะอาดซึ่งให้ความชัดเจนออกมาดีมาก มิติเสียงพอจะรับรู้ถึงความชัดลึกที่ดีอยู่พอประมาณ ฟังดนตรีไม่มากชิ้นรับรู้ได้ถึงการแยกแยะเสียงของแต่ละชิ้นเครื่องดนตรีออกมาได้ดี แต่ก็หาได้ขี้เหร่หรือจับสรรพรสใดไม่ได้เมื่อฟังลองฟังงานคลาสสิกซิมโฟนีจากออร์เคสตราวงใหญ่ เพราะสุ้มเสียงที่ถ่ายทอดออกมานั้นยังความเพลิดเพลินที่ให้รู้สึกเจริญใจดี รับรู้ถึงความสุนทรีย์จากกลุ่มเครื่องดนตรีต่างๆ อย่างมีอรรถรส แม้บางลีลามีจังหวะที่แต่ละกลุ่มชิ้นเครื่องดนตรีโหมประโคมขึ้นมาพร้อมๆ กัน น้ำเสียงที่สื่อออกมาก็หาได้มีความสับสนปนเปกันแบบมั่วซั่วแต่อย่างใด แต่เป็นภาพรวมของเสียงที่ให้หลับตาก็นึกได้ว่ามีกลุ่มเครื่องดนตรีอะไรบ้างกำลังทำงานอยู่ในห้วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นเป็นกลุ่มเครื่องสาย กลุ่มเครื่องเป่า รวมทั้งกลุ่มเครื่องเคาะ ที่ต่างกำลังทำหน้าที่บรรเลงตัวโน้ตในกำกับอย่างแข็งขัน และรังสรรค์ออกมาเป็นภาพรวมของเสียงที่เอาการเอางานดีทีเดียว
ครับ, ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ Ruark R1S ให้สุ้มเสียงที่สมกับที่คลุกคลีและมีประสบการณ์ทำลำโพงมาช้านานจริงๆ
สรุป
จำเป็นไหมที่คุณจะต้องมีวิทยุตั้งโต๊ะเครื่องนี้?
ตอบแทนมิได้ดอกนะครับ
แต่หากคุณต้องการเสียงเพลงเป็นเพื่อนเพื่อความเพลิดเพลินขณะทำงาน แบบมี Background Music คลอไปด้วย วิทยุเครื่องนี้ก็จะเป็นทางเลือกที่ดี ทั้งยังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเวลาที่คุณต้องการฟังเพลงแบบจริงจังในห้วงเวลาที่ต้องการพักผ่อนด้วย
ขณะเดียวกันยังให้เลือกแหล่งที่มาของเพลง หรือ Source ได้อย่างหลากหลาย ไม่จำเพราะแต่ว่าต้องฟังจากสถานีวิทยุเท่านั้น
ทั้งยังให้คุณภาพเสียงที่ดีเกินเกณฑ์มาตรฐานวิทยุจากทุกๆ แหล่งที่มาของเสียงเพลงด้วย
พร้อมเอื้อความสะดวกให้ใช้งานในลักณะเครื่องพกพา ที่สามารถหิ้วถือไปตั้งวางที่ไหนๆ ได้อย่างคล่องตัว เพียงซื้อแบตเตอรี่สำรอง หรือ Power BackPack เพิ่มเท่านั้นเอง
และที่สำคัญคือเป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติต่างๆ มากมาย ที่ลองกลับไปดูตามที่กล่าวมาตั้งแต่แรกได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาซ้ำอีกครั้งแล้ว นอกเหนือจาก ‘คุณภาพที่วางใจได้’ คุณอาจพบว่ามันมีคุณสมบัติเฉพาะตัวมากพอที่ไม่อยากจะพลาดการเป็นเจ้าของก็เป็นได้
จะให้ดี, ลองออกไปสัมผัสตัวเป็นๆ ของมันดู แล้วคุณจะรู้คำตอบที่จะให้ตัวเองได้อย่างชัดเจนครับ!!!
ขอขอบคุณ : บริษัท อัศวโสภณ จำกัด โทร.02-266-813-8 ที่อนุเคราะห์ผลิตภัณฑ์ในการรับฟังครั้งนี้