Test Report : Tchernov Cable Classic MK III SC Speaker Cable

0

  Tchernov Cable เปิดตัวครั้งแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสียงคุณภาพสูงในปี ค.ศ.2002 โดยเปิดตัวสายสัญญาณเสียงและวิดีโอนวัตกรรมล้ำสมัยรุ่นพิเศษที่ออกแบบและผลิตในรัสเซียทั้งหมด โดยใช้เทคนิคที่แตกต่าง ไม่เหมือนใคร เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างมาก กระบวนการผลิตได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดสองทศวรรษต่อมา ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะอันล้ำสมัยมากมาย ทำให้ Tchernov Cable เติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในตลาด 

      ผลิตภัณฑ์ “Made in Russia” ของ Tchernov Cable ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติจากสื่อด้านเสียงและสาธารณชน “เราเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ผสมผสานวิศวกรรมที่ล้ำสมัยและวัสดุที่ดีที่สุดในโลกเข้าด้วยกันอย่างเหนือชั้นให้กับลูกค้า และทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีจำหน่ายในราคาที่แข่งขันได้ โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนที่สูงเกินจริงสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องตกแต่งราคาแพง!”

      ผลิตภัณฑ์สายต่างๆ ของ Tchernov ทั้งหมด (ยกเว้นสายเคเบิล HDMI และ USB) ผลิตขึ้นในโรงงานที่มีชื่อเสียงระดับสูงของรัสเซีย ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการบินและอวกาศ สายเคเบิลซีรีส์ Standard, Original, Special และ Classic ผลิตขึ้นในโรงงาน “Chuvashcable” ในเชบอคซารี (Cheboksary) สำหรับสายเคเบิลซีรีส์ Ultimate, Reference และ Classic XS SC ผลิตขึ้นในสำนักงานวิศวกรรมการออกแบบในเมืองไมทิชิ (Mytishi) ซึ่งเป็นภูมิภาคมอสโก กระบวนการเข้าขั้วสาย (Terminated) จะเกิดขึ้นในมอสโกที่โรงงาน Tchernov โดยพนักงานของ Tchernov เอง ทั้งนี้ขั้วต่อและการบัดกรีทั้งหมดผลิตในไต้หวัน โดยบริษัทเฉพาะทางและทำตามข้อกำหนดของ Tchernov

     Tchernov Cable มีผลิตภัณฑ์ทางด้านสายเชื่อมต่อต่างๆ (Cables) สารพัดอย่างสำหรับอุปกรณ์เครื่องเสียงโดยเฉพาะ ครอบคลุมตั้งแต่สายนำสัญญาณ (Interconnect Cable), สายลำโพง (Speaker Cable), สายดิจิทัล (Digital Cable) และสายไฟฟ้าเข้าเครื่อง (Power Cable) จัดแบ่งลำดับชั้นผลิตภัณฑ์ไว้เป็น 6 ซีรีส์ด้วยกัน เริ่มต้นจาก Standard (ระดับ Entry-Level), Original (ซีรีส์ที่ให้ความคุ้มค่าต่อราคา), Special (ซีรีส์ตรงกลางระหว่าง Original กับ Classic), Classic (นับเป็นซีรีส์ยอดฮิต), Reference (อันเป็นซีรีส์ในระดับ เรือธง) และปิดท้ายด้วย Ultimate ที่เป็นซีรีส์สุดพิเศษอันเหนือชั้น ชนิดที่ว่าปัจจัยราคามิใช่ปัญหา ขอให้ได้มาซึ่งเสียงที่ดีสุดๆ ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง

ปรัชญาของ Tchernov Cable คือ “MUSICAL FIDELITY”

     Tchernov Cable พยายามถ่ายทอดเสียงต้นฉบับของเครื่องดนตรีและสไตล์เฉพาะตัวของนักแสดงที่เล่นเครื่องดนตรีเหล่านั้น เพื่อรักษาข้อมูลต้นฉบับให้คงเดิม โดยไม่สูญเสียความรายละเอียดยิบย่อย แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ด้วยการถ่ายโอนข้อมูลดนตรีที่ประกอบเป็นความเป็นเอกลักษณ์นี้อย่างแม่นยำ สายต่างๆ ของ Tchernov Cable ช่วยเปิดเผยความสง่างามและอารมณ์ของนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งในยุคเก่าก่อนและสมัยใหม่ ความเที่ยงตรงของดนตรีคือ สิ่งที่สายต่างๆ ของ Tchernov Cable เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวางในหลายระดับ ซึ่งด้วยเจตนาพื้นฐานนี้ถูกนำมาปฏิบัติในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Tchernov Cable โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยราคา

แนวคิดของ Tchernov Cable คือ “DIFFERENCE TO DISCOVER”

     Tchernov Cable ยึดมั่นในแนวทางทางวิทยาศาสตร์สำหรับวิศวกรรมสายต่างๆ รวมถึงการจัดการในโรงงาน โดยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงดนตรีที่ใกล้เคียงกับประสบการณ์ของงานแสดงสด สามารถดึงศักยภาพของงานแสดงดนตรีออกมาให้ได้มากที่สุด Tchernov Cable เป็นแบรนด์เทคโนโลยีขั้นสูง ที่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมของการถลุงสินแร่แบบดั้งเดิม ควบคู่กับการคิดค้นแนวคิดใหม่ๆ มากมายที่มีความล้ำสมัย Tchernov Cable สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองด้วยเทคโนโลยีฉนวนตัวนำ (Conductor Insulation) และการเชื่อมไฟฟ้าแบบไดอิเล็กทริก (Dielectric Binding Technologies) ระดับชั้นนำในอุตสาหกรรม เช่น CAFPE®, SATI® และ SASDB® การผสมผสานระหว่างฉนวนตัวนำแต่ละตัว และการเชื่อมไฟฟ้าแบบไดอิเล็กทริกที่แตกต่างกันนั้น นับว่า ยังไม่มีใครเทียบได้ในแวดวงจนถึงปัจจุบัน

     Tchernov Cable ใช้แนวทางที่รอบคอบในการกำหนดองค์ประกอบสายเคเบิลทุกด้าน รวมถึงเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น วิธีการแดมปิ้งตัวนำ FTDA® Conductor Damping Method และ สถาปัตยกรรม DSC (Distributed Symmetrical Conductor) ที่ทันสมัยที่สุด รวมถึง X-Shield® (Multi-Element Shielding System) ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ซึ่งถือเป็นรากฐานของซีรีส์ Reference และ Ultimate ระดับไฮ-เอนด์

     สายเคเบิลของ Tchernov Cable นั้นเป็นมิตรกับอุปกรณ์ใช้งานต่างๆ มากขึ้น ด้วยการสร้างช่วงความถี่ตอบสนองที่ขยาย และเป็นเชิงเส้นตรง ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตอื่นนั้นขึ้นอยู่กับระบบมากเกินไป โดยเน้นที่ช่วงความถี่บางส่วนมากจนละเลยความสอดคล้องต้องกัน (Coherence) และความแม่นยำของโทนเสียง โดยรวม (Tonal Accuracy) สายเคเบิลของ Tchernov Cable ช่วยให้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเสียงที่แตกต่างกันผสมผสานกันอย่างลงตัวเป็นระบบที่บูรณาการอย่างแท้จริง โดยไม่สูญเสียลักษณะเฉพาะที่สำคัญของความเป็นสายเคเบิล

TCHERNOV CABLE กับ THE GOLDEN RATIO

     มนุษย์เราอาจเริ่มรู้จักกับการใช้ “Golden Ratio” มาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณในการสร้างพีระมิด; ชาวกรีกใช้ “Golden Ratio” นี้เพื่อความกลมกลืนทางสุนทรียะในงานศิลปะและสถาปัตยกรรม ในขณะที่ศิลปินยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ถือว่า “Golden Ratio” เป็นสัดส่วนศักดิ์สิทธิ์ที่มอบความงามและความสมดุลในการสร้างสรรค์งานศิลปะ นอกจากนี้ “Golden Ratio” ยังปรากฏในสัดส่วนทางกายภาพของร่างกายมนุษย์ และจักรวาลอีกด้วย ทั้งนี้ “Golden Ratio” มีมาตั้งแต่ 300 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อนักคณิตศาสตร์ชาวกรีกโบราณชื่อ Euclid ได้อธิบายถึง “Golden Ratio” นี้เป็นครั้งแรกในงานสำคัญของเขาเรื่อง “Elements” (องค์ประกอบ) โดยเป็นคำตอบของสมการ x² – x = 1 (จำนวนอตรรกยะ ≈ 1.618) เมื่อพิจารณาถึงบทบาทพื้นฐานในหลายๆ ด้านของการดำรงอยู่ของมนุษย์ “Golden Ratio” จึงเป็นกรอบสำหรับกำหนดความยาวสายเคเบิลของ Tchernov Cable ที่เหมาะสมเป็นความยาวมาตรฐาน

ความยาวของสายเคเบิลของ Tchernov ถูกกำหนดตาม “Golden Ratio” จุดเริ่มต้นในการคำนวณความยาวคือ สัดส่วนทางกายวิภาค 62:38 ซึ่งให้ค่าเริ่มต้น 1.0 และเมื่อหาร 62:38 -ตัวเลข 1, 6315787 (ปัดเศษเป็น 1.65) โดยใช้จุดเริ่มต้น 1.0 (ช่วงฐาน 1 เมตร) และตามหลักการของ “Golden Ratio” เราก็จะได้ความยาวสายตามช่วงดังต่อไปนี้ : 0.62 ม.,1 ม., 1.65 ม.,  2, 65 ม., 4.35 ม., 7.1 ม.   *** สำหรับความยาว 4.35 ม. และ 7.1 ม. สูงกว่าค่า “Golden Ratio” เล็กน้อย ซึ่งสัมพันธ์กับการแพร่กระจายของคลื่นในสายเคเบิล 

     ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สายเคเบิลของ Tchernov ทุกชิ้นได้รับการประดิษฐ์ด้วยมือทีละชิ้น ทดสอบและบรรจุหีบห่อโดยบุคลากรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในโรงงานผลิตของ Tchernov เองในเมือง Zelenograd ในภูมิภาคมอสโก นอกจากนี้ Tchernov ยังใช้ตะกั่วบัดกรี ‘SFS/AG’ แบบพิเศษ พร้อมสารเติมแต่งเฉพาะ รวมถึงชิ้นส่วนอื่นๆ ที่คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน รวมทั้งขั้วเสียบต่อที่ผลิตด้วยความแม่นยำ และทักษะการประกอบเป็นเลิศ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ความสมบูรณ์ทางวิศวกรรมที่สมบูรณ์แบบ และการประกอบ รวมถึงการตกแต่งที่เป็นผู้นำในแวดวงระดับไฮ-เอนด์ โดยละทิ้งความฉูดฉาดของเปลือกนอก เพื่อเน้นประโยชน์ใช้สอยแทนอันแท้จริง วัสดุที่ไม่ได้ให้ประโยชน์ด้านเสียงที่ชัดเจนจะไม่ถูกนำมาใช้สำหรับความเป็น Tchernov ซึ่งมุ่งเน้นอย่างจริงจังสำหรับตัวนำทองแดงที่ผ่านการปรับแต่งสมดุล (Balanced Refinement Copper) หรือ BRC ซึ่งใช้ทั้งในส่วนของตัวนำ และชีลด์ (Conductors And Shields)

BALANCED REFINEMENT COPPER (BRC)

      ต่างจากผู้ผลิตรายอื่นส่วนใหญ่ที่ยึดมั่นในการใช้ทองแดงปลอดออกซิเจน (OFC) อย่างเคร่งครัด แต่สำหรับ Tchernov ได้เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ BRC (Balanced Refinement Copper) ซึ่งทองแดงทุกออนซ์ที่เลือกใช้นี้ ผลิตจากทองแดงคุณภาพสูงจากภูมิภาคอูราล (Ural Region) ของรัสเซีย ซึ่งผ่านกระบวนการถลุงสินแร่ด้วยไฟฟ้า (Electrolytic Refinement) เมื่อขึ้นรูปเป็นแผ่นฟอยล์ หรือ แท่งลวด จะได้โครงสร้างผลึกที่สม่ำเสมออย่างยิ่ง และปราศจากตำหนิ พร้อมคุณสมบัติการนำไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยม 

     เพื่อจุดประสงค์นี้ Tchernov ได้นำเอาการวิเคราะห์โครมาโตกราฟีและสเปกตรัมมวล (Chromatographic And Mass Spectrum Analysis) อย่างละเอียดถี่ถ้วนมาผสมผสานกับผลการทดสอบการฟังอย่างครอบคลุม ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกันของการทดสอบนี้คือ OFC ให้เสียงที่แย่กว่า BRC ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นผลมาจากซิลิกอน (Si) ที่มีปริมาณสูงกว่า ซึ่งใช้เป็นตัวดูดซับออกซิเจนในระหว่างกระบวนการดีออกซิไดเซชั่น (Deoxidisation Process) เพื่อการเป็น OFC

     นอกจากผลกระทบเชิงลบของซิลิกอนแล้ว ธาตุต่างๆ ในลำดับที่ 3, 4 และ 5 เช่น กำมะถัน (S), เจอร์เมเนียม (Ge), สารหนู (As), ซีลีเนียม (Se), ดีบุก (Sn) และแอนติโมนี (Sb) ยังทำให้ประสิทธิภาพลดลงอีกด้วย แม้ว่าจะมีปริมาณไม่เกิน 0.001 ถึง 0.003% ก็ตาม ธาตุเหล่านี้สามารถสร้างสารประกอบทางเคมีที่มีคุณสมบัติเป็นสารกึ่งตัวนำและสร้างรอยต่อแบบ Schottky barrier ที่ขอบของผลึกได้ สัญญาณจึงเดินทางไม่ราบเรียบ

     ผลกระทบของโลหะในกลุ่มย่อยเหล็ก (Iron Subgroup) ได้แก่ โครเมียม (Cr), แมงกานีส (Mn), เหล็ก (Fe) และโคบอลต์ (Co) ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่ายินดีเช่นกัน ปริมาณที่ไม่เกิน 0.001 ถึง 0.005% อาจส่งผลเสียต่อความยืดหยุ่นของทองแดงและทำให้เปราะ ซึ่งจะนำไปสู่การบิดเบือนแบบไม่เป็นเชิงเส้น (Non-Linear Distortion) เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อความเข้มของกระแสไฟฟ้าที่สูงขึ้น

      เมื่อเราพิจารณาโลหะของลำดับที่ 5 และ 6 เช่น เงิน (Ag), ทองคำ (Au), ตะกั่ว (Pb) และกลุ่มย่อยแพลตตินัม (Rh, Pd, Pt, Ir) และอโลหะของลำดับที่ 2 เช่น คาร์บอน (C), ไนโตรเจน (N) และออกซิเจน (O) ผลลัพธ์จะแตกต่างกันและไม่เป็นอันตรายมากนัก ในปริมาณระหว่าง 0.01 ถึง 0.03% จะไม่มีผลที่เห็นได้ชัดต่อคุณสมบัติทางไฟฟ้า หรือ คุณภาพเสียงของตัวนำ นอกจากนี้ การมีเงินในปริมาณสูงสุดถึง 0.02% และตะกั่วในปริมาณ 0.0005% ยังช่วยปรับปรุงความสม่ำเสมอของโครงสร้างผลึก เพิ่มอุณหภูมิการตกผลึกใหม่ และช่วยให้ลวดรักษาสภาพนำไฟฟ้าได้สูงหลังจากถูกกดดันทางกล (Mechanical Stress)

     ผลที่ได้อาจเปรียบได้กับน้ำแร่ สิ่งเจือปนจำนวนมากไม่เป็นที่ต้องการอย่างแน่นอน แต่การที่มีสารอื่นๆ ในปริมาณเล็กน้อยทำให้ได้น้ำที่มีรสชาติ และดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำกลั่นที่ “บริสุทธิ์กว่า” เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่คล้ายคลึงกันในตัวนำ Tchernov จึงสั่งซื้อทองแดงที่มีอัตราส่วนของสิ่งเจือปนที่กำหนดเพื่อใช้กับตัวนำและชีลด์ทั้งหมดของ Tchernov เอง ซึ่ง Tchernov เรียกขานทองแดงนี้ว่า Balanced Refinement Copper (BRC) ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านภาพและเสียง โดยไร้ซึ่งการแต่งเติมสีสันใดๆ

      ที่สำคัญ-ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ หรือสายรุ่นใดๆ ของ Tchernov Cable ก็ล้วนใช้เนื้อตัวนำทองแดงแบบ BRC นี้ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า ในสายที่เป็นซีรีส์สูงขึ้น “ปริมาณ” หรือ “จำนวนเส้น” ของ BRC ที่ใช้ก็จะมากขึ้น รวมถึงกรรมวิธีในขั้นตอนการชีลด์ (Shielded) ก็จะซับซ้อนมาก-น้อยแตกต่างกันไป อาทิ Reference Series และ Ultimate Series  ที่เป็นซีรีส์ในระดับเรือธงของ Tchernov Cable ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันในขั้นตอนการผลิตเป็นอย่างมาก ถึงขนาดต้องแยกโรงงานการผลิตเลยทีเดียว อีกทั้งในซีรีส์ Ultimate และ Reference ยังจะใช้เทคโนโลยีพิเศษที่เรียกว่า “XS” ที่หมายถึง X-Shielded ซึ่งให้ผลต่อเสียงที่รับฟังในระดับที่เยี่ยมยอด 

     ฉนวนที่ซับซ้อน (Complex Insulation) คือสิ่งที่ Tchernov Cable ขึ้นชื่ออย่างมาก โดยเลือกใช้ Non-Polar Polyethylene (PE) ที่มีความบริสุทธิ์สูงซึ่งผลิตในรัสเซีย โดยไม่มีตัวเร่งปฏิกิริยาพอลิเมอร์เทียม (Artificial Polymerization Accelerators) ที่มีโครงสร้างโมเลกุลแบบมีขั้ว เพื่อให้ได้การสูญเสียพลังงานสัญญาณที่ต่ำอย่างน่าทึ่งภายในฉนวนไฟฟ้า เทปฟลูออโรพลาสติก (PTFE) ที่แตกต่างกันถูกนำไปใช้สำหรับเทคนิคการยึดฉนวนไฟฟ้าและฉนวน SATI® ที่ทันสมัยของ Tchernov ซึ่งไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมได้ในแวดวงจนถึงปัจจุบัน

     SATI® เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ซับซ้อน บอบบาง และให้ความทนทานในการใช้งาน โดยมีเทป PTFE ที่มีรูพรุน (ซึ่งมีราคาแพง) เป็นพื้นฐาน ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมจึงใช้เทปนี้ในสายเคเบิลที่มีราคาแพงที่สุดสองซีรีส์ของ Tchernov อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ Tchernov ยังใช้กระบวนการ SATI® ในสายเคเบิลลำโพง Classic XS SC (แต่เปลี่ยนใช้เป็น Solid PE Tapes) แทน ทั้งนี้ในสายเคเบิลระดับเริ่มต้น และระดับมาตรฐานของ Tchernov ใช้ทองเหลืองเคลือบทอง (Gilded Brass) ทว่าในสายเคเบิลระดับพรีเมียม Tchernov จะใช้เฉพาะทองแดงคุณภาพสูงชุบด้วยทองคำบริสุทธิ์ (Pure Gold) หนา 7 และ 10 ไมครอน

     ความสำคัญของฉนวนหุ้มภายนอกคุณภาพสูง สำหรับการลดแรงสั่นสะเทือนของสายเคเบิลนั้นไม่ควรมองข้าม การสั่นสะเทือนที่แตกต่างกันนั้นส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อความถี่เสียง ผสมผสานการใช้ฉนวน SPVC-2 ชั้นที่ล้ำสมัย พร้อมชั้นในโฟมอากาศ (Air-  Foamed Inner Layer) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกโดย Tchernov Cable ช่วยให้มีความเสถียรทางไฟฟ้าในระยะยาว ดูดซับเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีความยืดหยุ่นตัวที่น่าทึ่ง ซึ่งในปัจจุบัน ยังไม่มีฉนวนที่คล้ายกันนี้ในท้องตลาด ฉนวน 2 ชั้นได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มพารามิเตอร์ฉนวนไฟฟ้า และฉนวนเชิงกลในสายเคเบิลที่มีโครงสร้างแบบสมมาตร (Symmetrical Construction) โดยมีตัวนำบิดเกลียวและหุ้มฉนวน 2 เส้น (Two Twisted And Insulated Conductors) การปรับปรุงนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการซ้อนทับ PE ด้วยโฟมอากาศด้านในโดยตรงบนตัวนำ (เพื่อให้มีอากาศจำนวนมาก) และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับชั้น solid PE ด้านนอก (ปกป้องสายเคเบิลไม่ให้เสียรูปเมื่อโค้งงอ) ทั้งนี้ Tchernov ใช้ฉนวน 3 ชั้น ในสายเคเบิลโคแอกเซียลที่มีตัวนำเพียงตัวเดียว ซึ่งความร่วมศูนย์ของฉนวนมีความสำคัญ

       อย่างไรก็ตาม ในสายระดับ Reference และ Ultimate ระดับไฮ-เอนด์ของ Tchernov เลือกใช้ Elastollan® เทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน (TPU) ที่ไม่มีใครเทียบได้ เพื่อให้มีประสิทธิภาพการหน่วงหนืด (Damping) ที่สูงขึ้น ‘Elastollan®’ ที่พัฒนาโดย BASF ให้ความยืดหยุ่น และความแข็งแรงเชิงกลสูง ทั้งยังดูดซับเสียงรบกวน และการสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทนทานต่อการสึกกร่อน, การฉีกขาด, ความผันผวนของอุณหภูมิ และสารเคมีที่กัดกร่อนได้ดีเยี่ยม

      Elastollan® คือ อีลาสโตเมอร์ โพลียูรีเทน เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic Polyurethane Elastomer) ชนิดพิเศษ (ซึ่ง BASF เป็นผู้ผลิต) และ Tchernov นำใช้เป็นวัสดุหุ้ม เพราะเป็นวัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งมีคุณสมบัติทางไฟฟ้า, แมคคานิค (Mechanical) และการหน่วงหนืดสูง (High-Damping) ฉนวนที่ทำจาก PTFE ทำให้ตัวนำสัมผัสกับอุณหภูมิสูง ดังนั้น Tchernov จึงใช้ฉนวนความเย็น (Cold Insulation) ในฟิล์ม PTFE ที่มีรูพรุนหลายชั้นที่พันรอบตัวนำ เพื่อให้เป็นฉนวนโดยไม่ทำให้ตัวนำมีความร้อน

     เรื่องสีสันบนผลิตภัณฑ์ได้รับการประมวลผลด้วยสีย้อมแบบอินทรีย์ (Organic Dyes) ที่มีสูตรเคมีซึ่งปรับสภาพแล้วให้ตรงกับ SPVC แต่ละประเภทอย่างแม่นยำ  ผลิตภัณฑ์เข้มข้นเป็นอินทรีย์บริสุทธิ์ที่ผลิตในรัสเซีย ไม่มีผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันในที่อื่นใดในโลก เนื่องจากไม่ประกอบด้วยส่วนผสมโลหะใดๆ ที่ทำให้คุณสมบัติของวัสดุฉนวนเสื่อมลง นอกจากนี้ Tchernov ยังมีการบำบัดป้องกันไฟฟ้าสถิต (Antistatic Treatment) เพื่อขจัดผลกระทบจากไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Effect) ที่ทำให้คุณภาพการส่งสัญญาณลดลง สารเติมแต่ง (Additive) ที่ช่วยให้คงตัว ช่วยให้มวล SPVC มีความสม่ำเสมอมากขึ้น ในระหว่างการอัดขึ้นรูป (Extruding) และการชุบแข็ง (Hardening) ในภายหลัง

SOLDER SFS/AG

      Tchernov Cable พัฒนาตะกั่วบัดกรีสูตรเฉพาะของตัวเองที่มีจุดหลอมเหลวต่ำเพียงแค่ 180°C พร้อมด้วยอัตราส่วนเงินและทองแดงที่สมดุล (Balanced Silver And Copper Ratio) การมีฟลักซ์พิเศษ (Special Flux) ทำให้สัญญาณมีความสมบูรณ์ และมีความสม่ำเสมอในการบัดกรีที่เหนือชั้น เส้นผ่านศูนย์กลางที่เหมาะสมทำให้การเข้าขั้ว (Terminated) กับขั้วต่อประเภทใดก็ได้ง่ายดายและสะดวก ทั้งนี้ตะกั่วบัดกรี SFS/AG ผลิตขึ้นตามข้อกำหนดของ Tchernov โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น

CLASSIC MK III SC

     สายลำโพงแบบมีชีลด์ (Shielded) เจนเนเรชั่นที่สามที่นับได้ว่า ขายดีที่สุดของ Tchernov ซึ่งได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการทำงานร่วมกับอุปกรณ์เครื่องเสียงภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการรบกวนรายรอบ ทั้งจากเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ ซึ่งมีคลื่นแทรกซ้อนทาง EMI เป็นอย่างมากจากต้นกำเนิดต่างๆ ได้รับการปรับปรุงโดยเน้นการลดเสียงรบกวนเป็นหลัก เป็นสายลำโพงที่ได้รับการออกแบบและคำนวณมาอย่างดีใช้สำหรับเชื่อมต่อเครื่องขยายเสียงกับลำโพงต่างๆ ในระดับไฮ-เอนด์ได้อย่างเต็มที่ โดยดึงเอาทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จากการบันทึกเสียงออกมาด้วยความเป็นกลาง พร้อมด้วยรายละเอียดที่ครบถ้วน และไม่ถูกแตะต้องต่อการเติมแต่ง หรือ ผิดเพี้ยน-บิดเบือนใดๆ

     ในเว็บไซต์ของ Tchernov Cable ระบุว่า CLASSIC MKIII SC มีความโดดเด่นทั้งในส่วนของฉนวนและชีลด์ที่ถักป้องกันอย่างแน่นหนา ซึ่งได้รับการปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน ลวดระบายทิ้งพิเศษ (Special Drain Wire) ที่ทอดยาวตลอดชีลด์เกราะป้องกันทั้งหมด ช่วยลดเสียงรบกวนจากหน้าสัมผัส เมื่อเชื่อมต่อกับขั้วลบของลำโพง ทั้งยังให้ค่าอิมพีแดนซ์ของชีลด์ป้องกันต่ำและคงที่ มีความยืดหยุ่นตัว (Flexibility) และความต้านทานต่อแรงเครียดเค้นภายนอก (External Stress) ซึ่งได้มาจากเปลือกหุ้มภายนอก (Jacket) SPVC – 2 ชั้นร่วมกับโฟมอากาศชั้นใน (Air-Foamed Inner Layer) จึงให้ความน่าทึ่งในไดนามิกเสียง พร้อมอาณาบริเวณเสียงที่มีปริมณฑลกว้างขวาง และความประทับใจในการส่งมอบสภาพเวทีเสียงที่ยอดเยี่ยม ลักษณะทางกายภาพ สายลำโพง Classic MK III SC ใหม่นี้เข้ากันได้กับลำโพงระดับออดิโอไฟล์ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมีแนวคิดการออกแบบและคุณลักษณะใดๆ ก็ตาม

       ทั้งนี้ทั้งนั้นเปลือกหุ้ม PVC พร้อมสารป้องกันไฟฟ้าสถิต โดยที่สารป้องกันไฟฟ้าสถิต ทำหน้าที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ :

• ลดเอฟเฟกต์ของอาการไมโครโฟน (Microphone Effect) เนื่องจากแรงดันไฟฟ้าสถิตของปลอกหุ้มมีขนาดเล็กลงระหว่างการเปลี่ยนรูป

• ลดความไวของสายเคเบิลต่อสัญญาณรบกวนภายนอก เนื่องจาก PVC ไม่สะสมประจุไฟฟ้าสถิต

• ลดระยะเวลา “อุ่นเครื่อง” ของสายเคเบิล (ระยะเวลาในการทำให้พารามิเตอร์ต่างๆ คงที่)

     นอกจากนี้ ยังมีผ้าฝ้าย (Cotton) ที่สอดไส้อยู่ภายในสายเคเบิล ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการลดแรงสั่นสะเทือนทางกล ที่เกิดจากผลของอิเล็กโทรไดนามิก (Electrodynamics Effects) ในสนามแม่เหล็กโลกและสนามแม่เหล็กแผ่จากอุปกรณ์ต่างๆ และลดผลของอาการไมโครโฟน (Microphone Effect) ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของสายเคเบิลที่มีสัญญาณขนาดเล็กได้อย่างมาก และเพิ่มความละเอียดของระบบเสียง

Specifications

        TypeShielded Speaker Cable
    Conductor2 × 2.85 mm2 (112 × 0.18 mm) Multi-Stranded BRC Conductors
      Insulation2-Layer CAFPE® with the Extended Inner Air-Foamed PE Layer
Dielectric BindingSASDB® With PTFE Tapes
        Shield>90% BRC Braid with an Integral Drain Wire
        JacketCombined 2-layer SPVC Jacket with the Air-Foamed Inner Layer And A Solid Outer Layer with Antistatic Treatment
Protective CoverNylon Sleeve
  Outer Diameter16.5 mm
    TerminationDifferent Variants with Audiophile Grade Classic NG Banana or Spade Connectors
      AvailableIn Standard Terminated Lengths
Country of OriginMade in Russia

     ทั้งนี้สายลำโพง CLASSIC MK III SC ในปัจจุบันมีการออกแบบตัวนำใหม่ทั้งหมด รวมทั้งฉนวนขั้นสูงที่ซับซ้อน ตัวนำเป็น BRC แบบฉบับของ Tchernov มีหน้าตัดขนาดใหญ่ 2.85 ตร.มม. ช่วยลดความต้านทานโดยรวม และเป็นตัวกลางส่งผ่านสัญญาณจากเครื่องขยายเสียงไปสู่ลำโพงได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีข้อจำกัดด้านช่วงไดนามิก ฉนวนตัวนำ CAFPE® 2 ชั้นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ พร้อมชั้น PE โฟมอากาศด้านใน ซึ่งรวมกับ Dielectric Binding แบบ SASDB® ช่วยลดค่าความเก็บประจุภายในตัวฉนวน รวมถึงค่าสัมประสิทธิ์ที่สอดสัมพันธ์ และการสูญเสียพลังงานของสัญญาณได้อย่างมาก

       สายระบายทิ้ง (Drain Wire) ที่เป็น BRC แบบ Multi-Stranded ที่ตีเกลียวรวมเป็นเส้นเดี่ยว ซึ่งเกี่ยวโยงไปทั่วทั้งชีลด์ ทำหน้าที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากหน้าสัมผัส (Contact Noise) ช่วยให้ค่าอิมพีแดนซ์ของชีลด์ต่ำลงและคงที่ ภายใต้การเสียรูปทางกล (Mechanical Deformation) และปรับปรุงความสม่ำเสมอของชีลด์ป้องกันในทุกจุด เปลือกหุ้มภายนอก (Jacket) แบบ SPVC 2 ชั้นที่มีการสูญเสียต่ำได้รับการปรับเพิ่มหนาขึ้น 20% เพื่อความแข็งแรงทางกลที่ดีขึ้น และการดูดซับเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนที่มีประสิทธิภาพ CLASSIC MK III SC มาพร้อมกับขั้วเสียบต่อ Banana & Spade ที่ทันสมัย ซึ่งทำจากทองแดงเบริลเลียมชุบทอง (Gold Plated Beryllium Copper) หนา 5 µ มั่นใจได้ในประสิทธิภาพที่เหนือชั้น อันโดดเด่นด้วยไดนามิกที่น่าทึ่ง การสำแดงแจกแจงรายละเอียดสูง รวมถึงความโปร่งใส และความกลมกลืนกันของเสียงโดยรวม

ผลลัพธ์ทางเสียง

     สายลำโพง CLASSIC MK III SC ที่ได้รับมามีความยาวสาย 2.65 ม. ตามมาตรฐานของ Tchernov Cable และเท่าที่ทราบทาง Tchernov ก็แนะนำว่า สายเหล่านี้ควรต้องใช้เวลา 230 ชั่วโมงจึงจะครบระยะการเบิร์น-อินแล้วสำแดงศักยภาพทางเสียงออกมาอย่างเต็มที่ แต่กระนั้น “CLASSIC MK III SC” ที่ได้รับมาก็น่าจะผ่านชั่วโมงการเบิร์น-อินจากทางผู้นำเข้า/ตัวแทนจำหน่ายมาแล้วนับร้อยชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งบอกได้เลยว่า ในทันทีที่ได้ฟังเสียงเจ้า “CLASSIC MK III SC” ทำหน้าที่เป็นสายลำโพงส่งผ่านจาก Tonwinner : AD2PRO มายังลำโพงที่รับฟัง (Davis Acoustic : Krypton 6; DALI : EBERON 6; ATC : SCM11; Monitor Audio: 50th Anniversary) บอกได้เลยครับว่า ต่างกับเสียงที่ได้รับจาก CLASSIC MK II SC (รุ่นก่อนหน้า) ที่ผมใช้อยู่ประจำกับซิสเต็มที่บ้านพอสมควรทีเดียว…”CLASSIC MK III SC” ทำให้เรารับรู้ได้ถึง “ความเปิดโปร่ง” ขึ้นอีกระดับ จนสามารถ “จับ” ได้ถึงรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่แม้จะแผ่วเบาแต่ก็แจ่มชัด แยกแยะเสียงนั้นเสียงนี้ได้ชัดเจน ไม่มีคลุมเครือ รวมไปถึงความสดสะอาด ใสกระจ่าง และเปิดโปร่งมากขึ้นจริงๆ เฉพาะอย่างยิ่งรายละเอียดช่วงปลายเสียงสูงๆ รับรู้ได้ถนัดหูในละอองอณูเสียงของแอมเบี้ยนซ์อันพละพลิ้ว กระจายตัว และทอดตัวยาวไกล ก่อนจะค่อยๆ จางหายไปอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมด้วยความกระชับ กระฉับกระเฉงในจังหวะจะโคนอันแม่นยำ ยิ่งฟังยิ่งเพลิน 

      แน่นอนครับ “CLASSIC MK III SC” ไม่ได้ให้เสียงที่สดใส สว่างไสว จนฉูดฉาด (Bright) หรือว่า หนาจนเข้มข้น ทึมทึบ (Dark) แต่มันเป็นเสียงที่มีความคมชัดควบคู่ความกลมกล่อมพร้อมกับความสมดุลด้วย ‘Tonal Balance’ ที่สมส่วนดีมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังฟังเสียงนั้นเสียงนี้จริงๆ เป็นเสียงจากชิ้นดนตรีของจริงที่เรากำลังฟังอยู่ตรงหน้า ทำให้เรา “อิน” เข้าไปในเพลงที่กำลังฟัง พร้อมทั้งนำเสนอบรรยากาศเสียง (Atmosphere) ที่เหมือนเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับฟังจากแผ่นแสดงสดจะสมจริงมากๆ สามารถจำแนกระยะห่างจากกันของชิ้นดนตรีที่มีความเหลื่อม ไม่ซ้อน-ปนเปกัน ท่ามกลางระยะถอยลึกเข้าไปในเวทีเสียงเป็นชั้นๆ มันเหมือนมีเวที หรือ Stage กลายๆ ในบรรยากาศคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างตัวเรากับการแสดงดนตรีที่เรากำลังรับฟังอยู่กระนั้นแหละครับ เสียงคนปรบมือที่แผ่กระจายอยู่โดยรอบ ก็ถอยห่างอยู่ตำแหน่งลึกสุดของเวทีเสียง ราวกำลังเห็นมือไหวๆ มันทำให้เราสนุกในขณะฟัง-ทั้งยังให้รายละเอียดเสียงที่ซ่อนอยู่ในเพลงที่เราฟังได้ชนิด-น่าขนลุกเลยก็ละกัน

      “CLASSIC MK III SC” ยังให้สเกลเสียงที่มีขนาดสมจริง รับรู้เป็นตัวเป็นตน ไม่เข้มจนใหญ่เกินจริง หรือบางจนผิดธรรมชาติ ฟังเพลงจากแนวอะคูสติกนี่ยิ่งประทับใจ เพราะทั้งกังวานและเอิบอิ่มในฮาร์โมนิกเสียง ช่วงปลายเสียงสูงๆ พละพลิ้วดีจริงๆ และไปได้ไกลสุดกู่ ไม่มีอาการห้วน หรือโรยตัวจางลงห้วนๆ ทางด้านไดนามิกก็กริ๊บกรั๊บฉับไว แต่ไม่เกรียวกราดจนเข็ดฟัน ท่ามกลางความอบอุ่น ฉ่ำชุ่มของเนื้อเสียง ในเวลาเดียวกันก็โดดเด่นอย่างมากในความสดใส โปร่งกระจ่าง ควบคู่กับเนื้อเสียงเนียนนุ่มละมุนละไม รวมถึงความชัดเจนของทรานเชียนต์ (Transient) อันเยี่ยมยอด เสียงแต่ละเสียงมีน้ำหนัก มีมวลกลมมนเป็นตัวเป็นตนให้ได้รับรู้ ไม่โหวงเหวงเวิ้งว้าง ความผุดโผล่ของเสียงแต่ละเสียงล้วนฉับไว-ทันทีทันใด และระบุทิศทางที่มาหรือตำแหน่งแห่งที่ของเสียงแต่ละเสียงได้อย่างแน่นอน แม้ในเสียงที่เกิดขึ้นซ้อน-แทรกพร้อมๆ กัน ก็ยังสามารถจับตำแหน่งของแต่ละเสียงนั้นได้ ไม่ถูกเบียดบัง หรือกลบเกลื่อนจนเลือนหาย (กลมกลืน) ไป

       “CLASSIC MK III SC” ส่งมอบความเปิดกว้างที่ยอดเยี่ยม และเสียงกลาง-สูงที่ไพเราะจับใจ จนถึงขั้นที่ทำให้คุณหลงใหลในมันโดยไม่รู้ตัว มิใช่เฉพาะเสียงนักร้องที่คุณจะได้ยินในความเป็นจริง เสียงไวโอลิน เสียงกีตาร์ เสียงเปียโน และชิ้นดนตรีอะคูสติกนั้นน่าประทับใจยิ่งนัก “CLASSIC MK III SC” จะเสมือนกำลังทำให้คุณเข้าไปอยู่ในเสียงที่กำลังรับฟัง มีทั้งแม่นยำ รวดเร็วฉับไว ไดนามิกอันลื่นไหล และความถูกต้องของฮาร์โมนิกเสียง ไร้ซึ่งร่องรอยของความหยาบกร้าน-กระด้าง ในส่วนของช่วงย่านเสียงต่ำก็รับรู้ถึงน้ำหนักเบสที่แผ่ใหญ่ ทรงพลัง ให้เรี่ยวแรงปะทะ และแผ่บาน-กระจายตัว มีจังหวะจะโคนที่ชัดเจน ผมได้ยินเสียงเหยียบกลองกระเดื่อง เป็นจังหวะตึ๊กๆ ซ้อนอยู่ในเสียงเบสบึ๊กๆ ที่แน่นเป็นลูกๆ หนักหน่วง ทว่ากระชับและแม่นยำในจังหวะท่วงท่า และยังลงไปได้ลึกเท่าที่ตัววูฟเฟอร์ในลำโพงของคุณจะตอบสนองได้จริงๆ ครับ…ยิ่งฟัง ยิ่งรักครับ เฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ฟังกับแนวเพลงอะคูสติก, เพลงร้อง และแจ๊ส รวมทั้งคลาสสิก

     “CLASSIC MK III SC” สามารถให้ “ความเด่นลอย” ของเสียงหลักที่ถูกจำแนกแยกออกมาจากพื้นเสียง (Background) โดยที่ “พื้นเสียง” นั้นก็ดูจะเข้มขึ้นกว่าธรรมดา จนสามารถรับฟังได้ถึงรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่แม้จะแผ่วเบาแต่ก็รับรู้ได้ถนัดชัดหู เสียงทุกเสียงที่รับฟังมีความสว่าง “กระจ่าง” ขึ้น สำแดงถึงความฉับพลันทันใดของเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ในขณะที่เสียงแต่ละเสียงนั้น มีความอิ่มฉ่ำ มีห้วงอารมณ์ความรู้สึกของดนตรีที่กำลังรับฟัง ทั้งยังให้ความเป็นธรรมชาติของเสียงแต่ละเสียงที่บังเกิดขึ้นมา อย่างมีชีวิตชีวาและลมหายใจ…มันเป็นลักษณะเสียงที่มีตัวตน ราวมี “วิญญาณ” สมจริง ฟังแล้วเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงและดนตรีที่กำลังรับฟัง แม้กระทั่งการออกเสียงอักขระภาษาที่นักร้องเปล่งออกมานั้นก็ “สมจริงมาก” ในความเป็นธรรมชาติอย่างที่เราได้ยินได้ฟังการเปล่งเสียงนั้นออกมาจากปากมนุษย์จริงๆ กระนั้น 

สรุปส่งท้าย

      ความสุดยอดของ “CLASSIC MK III SC” ซ่อนตัวอยู่ในเส้นสายที่อาจดูธรรมดาๆ ในรูปลักษณ์ แต่อาจทำให้ใครที่ได้ฟังนึกรักชนิดถอนตัวไม่ขึ้น นอกจากในเรื่องของ “Tonal Balance” ที่มีความกลมกลืนกัน ไม่กดหรือยก-เน้นที่ช่วงย่านใดเป็นพิเศษ เพื่อสร้างลักษณะเสียงที่โดดเด่น หรือให้รู้สึกถึงความสดใสในไดนามิกในแบบ Crispy Sound ซึ่งอาจจะน่าตื่นเต้นเมื่อแรกฟัง แต่ครั้นฟังไปนานๆ จะรู้สึกล้าหู-เหนื่อยที่จะฟัง จนต้องพักแล้วค่อยกลับมาฟังใหม่ จึงจะรู้สึกเร้าใจ แต่สำหรับ “CLASSIC MK III SC” แล้วไซร้…เสียงแต่ละเสียง ล้วนอิ่มฉ่ำ ฟังสบายหู ทั้งยังรับรู้ได้ในรายละเอียดระยิบระยับ ควบคู่กับการให้ “เนื้อเสียง” ที่มีความกลมมนเป็นตัวเป็นตน มีห้วงอารมณ์ความรู้สึกของดนตรีที่กำลังรับฟัง 

ทว่ายังมีสิ่งสำคัญที่ผมกล้ายืนยันก็คือว่า “CLASSIC MK III SC” แทบจะไม่มีการเลื่อนของเฟสสัญญาณ อย่างที่เรียกว่า Phase Shift ปรากฎขึ้นมา การรับรู้ได้ถึงอิมเมจ-ซาวด์สเตจจึงมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ราวกับเป็น 3 มิติในการรับรู้ของเรา อันน่าจะมาจากวัสดุตัวนำ BRC รวมถึงองค์ประกอบของเทคนิคการชีลด์สาย และวัสดุฉนวนที่มีความพิเศษเฉพาะตัว รายละเอียดต่างๆ จึงยังคงดำรงรักษาไว้ตรงตามต้นฉบับสัญญาณ 

      ใครที่ชอบสไตล์เสียงกลมมน ครบชัดในรายละเอียด ให้ลักษณะเสียงที่เป็นตัวเป็นตนสมจริง (ราวมีวิญญาณ), เปี่ยมในความอบอวลของสภาพบรรยากาศ แต่ให้ไดนามิกได้ปรู๊ดปร๊าดไม่เฉื่อยช้า, ให้ท่วงท่า-จังหวะจะโคน (Pace&Time) ที่มีความน่าฟัง ไม่หน่วงหู, สดกระจ่างแต่ไม่โปร่งบาง, บ่งบอกรายละเอียดได้ระยิบระยับราวกับยกการแสดงดนตรีที่กำลังฟังนั้นเข้ามาเล่นอยู่ตรงหน้าเรา, เบสหนักแน่นแต่ไม่อับทึบ ตอบสนองได้ล้ำลึกถึงก้นบึ้ง, ช่วงย่านเสียงสูงทอดยาวไกล ฟังพละพลิ้ว ระรื่นหู…สรุปได้ว่า “น่าทึ่ง” มาก-น่าทึ่งในทุกๆ อย่างที่รับฟังนั่นแหละครับสำหรับ CLASSIC MK III SC

ขอขอบคุณ : CH Home Media Co.,Ltd. โทร.085 559 9225 ที่อนุเคราะห์ ผลิตภัณฑ์ในการรับฟังครั้งนี้