Sonus Faber – บริษัทผู้ผลิตลำโพงชื่อดังที่มีชื่อเสียงยาวนานจากอิตาลี ที่มีรูปแบบหรูหรา งดงาม อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะควบคู่คุณสมบัติใช้งานในระดับไฮ-เอ็นด์ ซึ่งเพิ่งจะมีซีรี่ส์ใหม่ล่าสุดออกจำหน่ายในระดับ Entry Level ที่มีราคาย่อมเยา แต่ยังคงได้รับการสืบทอดความเป็นไฮ-เอ็นด์อย่างสมบูรณ์ ทั้งรูปลักษณ์และคุณภาพเสียง นั่นคือ Lumina series
ซึ่งคำว่า “Lumina” เป็นภาษาลาตินหมายถึง “แสงสว่าง” เปรียบเสมือนแสงส่องทางที่จะนำผู้ใช้งานได้พบกับหนทางที่ถูกต้องของการรับฟัง (ไม่หลงทาง) ดังนั้นจะว่าไป Lumina series ก็คือ ซีรี่ส์สุดคุ้มค่าของ Sonus Faber เพื่อให้ผู้ฟังได้รับรู้ถึงดีเอ็นเอระดับเริ่มต้นของความเป็น Sonus Faber ซึ่งแน่นอนว่า Sonus Faber ย่อมไม่ต้องการให้ใครมองข้ามไปได้ง่ายๆ ทำให้จำเป็นต้องทุ่มเทเทคโนโลยีที่มีอยู่มาบรรจุไว้ ภายใต้ดีไซน์ที่มีความเรียบหรู คงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ในน้ำเสียงแบบอิตาเลียนสไตล์ โดยมีปัจจัยราคาไม่สูงนัก เพื่อให้ผู้คนที่สนใจจับจองได้ง่ายไม่ไกลเกินคว้า
คอลเลกชั่น Lumina series คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Sonus Faber ใหม่ล่าสุด ที่มีแนวคิดว่า การใช้เวลาเพื่อตัวเราเองและเฉลิมฉลองช่วงเวลาอันมีค่าของชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ในโลกปัจจุบัน เราได้ชื่นชมพื้นที่อยู่อาศัยของเราอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้มีชีวิตขึ้นมา ความมุ่งมั่นของเราคือ การมอบประสบการณ์ทางดนตรีที่หรูหราให้กับบ้าน Faber ของ Sonus ทุกหลัง ซึ่งได้รับการอำนวยความสะดวกผ่านประเพณีอันยาวนานของ Sonus Faber ในการใช้วัสดุที่ประณีตและงานฝีมือที่พิถีพิถัน
LESS IS MORE – น้อยลงแต่มากขึ้น คอลเลกชั่น Lumina ประกอบด้วยค่านิยมหลักของ Sonus Faber และวัสดุอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น ไม้จริงหลายชั้น, หนัง และองค์ประกอบตามธรรมชาติของไดรเวอร์ ความเรียบง่ายยังคงเป็นศูนย์กลางในความเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลกชั่น ด้วยการตั้งค่าที่ง่ายดาย ปัจจัยราคาที่เข้าถึงได้ และความเป็นเลิศในประสิทธิภาพเสียง ช่วยให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ Faber ของ Sonus ที่แท้จริง ซึ่งผลิตในอิตาลีอย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ Lumina series มีจำหน่ายด้วยกัน 5 รุ่น ดังนี้ Lumina I, Lumina lI, Lumina III, Lumina V และ Lumina Center โดยที่ Lumina I และ Lumina II ดูดีในฐานะลำโพงคู่หน้าวางขาตั้งขนาดเล็กในการรับฟังเพลงระบบสเตอริโอ หรือ ใช้งานลำโพงเซอร์ราวด์สำหรับซิสเต็มรับชมภาพยนตร์, Lumina III และ Lumina V ในแบบฉบับของลำโพงตั้งวางพื้น ช่วยให้มั่นใจได้ถึงเสียงที่ทรงพลัง ไม่ผิดเพี้ยน และความชัดเจนของเสียงในระดับที่สูงขึ้น, Lumina Center I เป็นลำโพงเซนเตอร์ที่มีรูปลักษณ์และระบบเสียงที่เข้ากันอย่างลงตัวกับรุ่นพี่ในคอลเลกชั่นทั้งหมด
Lumina II Amator
Livio Cucuzza เป็นหัวหน้านักออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Sonus Faber ที่รับผิดชอบโครงการ Lumina Amator ซึ่งมีผลิตออกมาอยู่ 2 รุ่นด้วยกัน คือ Lumina II Amator และ Lumina V Amator ซึ่ง Lumina II Amator นั้นเป็นลำโพงวางขาตั้ง ในขณะที่ Lumina V Amator เป็นลำโพงตั้งวางพื้น (ส่วน Lumina I, Lumina III และ Lumina Center ไม่ได้รับสิทธิการยกระดับนี้) ซึ่ง Livio Cucuzza ระบุคร่าวๆ ไว้ว่า
“เราทำการทดลองโดยใช้ Lumina II และ V อย่างละคู่ เพื่อทำความเข้าใจว่า การปรับปรุงในส่วนของครอสโอเวอร์ที่เกิดขึ้นในการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ Homage นั้นมีประสิทธิภาพกับไดรเวอร์ของ Lumina ที่มีอยู่หรือไม่ ในระหว่างการทดสอบการฟัง เราค้นพบว่า ไม่เพียงแต่ความแม่นยำในการจัดเวทีเสียงเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากระบบการจัดตำแหน่งเฟสใหม่ดังกล่าว (the new phase-alignment system) แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การรับรู้เสียงเบสและช่วงจังหวะโดยรวม (overall timing) การปรับปรุงดังกล่าวนี้สำหรับเรามีผลกระทบมากจนเราตัดสินใจสร้าง Lumina ทั้งสองเวอร์ชั่นขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อมอบความเป็นส่วนหนึ่งของ Homage sound ให้กับลูกค้าที่สนใจในความเป็น Amator”
สิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องการเปลี่ยนแปลงครอสโอเวอร์ที่ Livio Cucuzza กล่าวถึงก็คือ การปรับเปลี่ยนความถี่จุดตัดครอสโอเวอร์ที่สูงขึ้น จากเดิมซึ่งกำหนดความถี่จุดตัดครอสโอเวอร์ไว้ที่ 1,800Hz สำหรับ Lumina II แต่ในเวอร์ชั่น Lumina II Amator นั้นจุดตัดครอสโอเวอร์ได้ถูกกำหนดใหม่ไปไว้ที่ 2,600Hz ซึ่งจะเปลี่ยนลักษณะการกระจายเสียง (dispersion characteristics) ของลำโพง และอาจลดการผิดเพี้ยน-บิดเบือน (distortion) รวมถึงการบีบอัด (compression) ด้วย เนื่องจากทวีตเตอร์ไม่ได้ถูกบังคับให้ตอบสนองความถี่ลงมาที่ต่ำกว่าโซนของความถี่ ‘comfort zone’ ที่ทวีตเตอร์ทำงานได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยความถี่ครอสโอเวอร์ที่แตกต่างกันดังกล่าว Lumina II และ Lumina II Amator จึงให้เสียงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
Lumina II และ Lumina II Amator ล้วนผลิตในอิตาลี และสร้างขึ้นโดยใช้ตัวตู้ที่เป็นวัสดุ MDF ที่มีมิติขนาดตัวตู้เท่ากัน 12 ×7.1×10.3 นิ้ว (สูงxกว้างxลึก) ซึ่งยังได้รับการหุ้มด้วยผ้าหนังเทียมสีดำ แต่ทั้งนี้ ในส่วนของผนังตัวตู้ (baffle) นั้นมีความแตกต่างจากกัน มิใช่ว่าจะเป็นเพียงรูปลักษณ์สวยงามเท่านั้น นั่นคือ ผนังตัวตู้ของทั้ง Lumina II และ Lumina II Amator เป็นแผ่นไม้หนา 3/8 นิ้ว แต่การเคลือบแผ่นไม้อัดที่ติดผนังตัวตู้นั้นแตกต่างกันมาก อีกทั้งใน Lumina II Amator แผ่นวีเนียร์ไม้อัดบนผนังตัวตู้ถูกจัดวางในรูปแบบก้างปลาที่ซับซ้อน (sophisticated herringbone pattern) โดยไม่มีการฝัง (no inlay) เฉกเช่นเดียวกับลำโพงที่มีราคาแพงของบริษัทบางรุ่น นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงด้านรูปลักษณ์อื่นๆ ระหว่างทั้ง 2 รุ่นคือ แผ่นจำรักสัญลักษณ์ Amator (Amator badge) บนแผ่นโลหะเล็กๆ ที่ด้านบนของตัวตู้ของ Lumina II Amator
คุณลักษณ์
“Lumina II Amator” เป็นลำโพงวางขาตั้ง (bookshelf) แบบพาสซีฟ ที่สร้างจากจุดแข็งของรุ่นก่อนหน้า นั่นคือ Lumina II พร้อมด้วยประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น และเทคโนโลยีครอสโอเวอร์ที่ได้รับการอัพเกรดไปอีกขั้น ภายใต้สโลแกน ‘SIMPLICITY, STYLE, AND PERFORMANCE’ (ความเรียบง่าย, ดูดีมีสไตล์ และประสิทธิภาพใช้งาน) ด้วยเป้าหมายของการเติมเต็มเสียงเปี่ยมธรรมชาติในห้องฟัง ภายใต้รูปลักษณ์กะทัดรัด โดยยังคงไว้ซึ่งปรัชญาหลักของ Sonus Faber ภายใต้ศักดิ์ศรีความเป็นผลงานชิ้นเอกที่เรียบง่าย แฝงความสวยงาม และผลิตในอิตาลีอย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ ‘Amator’ เป็นชื่อที่ชวนให้นึกถึงความเป็นเอกลักษณ์สำหรับรุ่นพิเศษของ Sonus Faber และกลายมาเป็นชื่อที่สื่อถึงความมีแบบฉบับเฉพาะตัว “Lumina II Amator” จึงเสมือนเป็นรุ่นพิเศษจาก Sonus Faber ที่ยกระดับความลึกล้ำแห่งเสียง ถ่ายทอดรายละเอียด ความกลมกลืน และมิติเวทีเสียงได้อย่างเข้มข้น ด้วยดีไซน์จาก Homage Collection ที่นำมาจากโซลูชั่นของ Amati G5 และ Guarneri G5
TWEETER
ทวีตเตอร์ D.A.D. (Damped Apex Dome) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Sonus Faber แบบเดียวกับที่ใช้ในซีรีส์ Sonetto มีตัวโดมเป็น soft silk diaphragm ขนาด 29 มม. ทาน้ำยาเคลือบด้วยมือ (hand coated) มีวงแหวนโครเมียม (chrome rings) รอบๆ ตัวขับ เน้นรูปทรงและสัดส่วน และให้ความโดดเด่นสะดุดตาบนแผงหน้า
MIDWOOFER
“Lumina II Amator” มีวูฟเฟอร์/มิดเรนจ์ขนาด 4 นิ้ว ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับคอลเลกชั่นนี้ ประกอบด้วยตัวโครงยึด หรือ basket ที่สั่งทำพิเศษ (custom-made) และไดอะแฟรมที่ประกอบด้วยเยื่อเซลลูโลสผสมกับเส้นใยธรรมชาติอื่นๆ
IFF CROSSOVER
วงจรตัดกรอง/แบ่งช่วงความถี่แบบ IFF I(nteractive Fusion Filtering) ร่วมกับปรัชญาความกลมกลืนกันทางเฟส (phase coherent philosophy) ช่วยให้มั่นใจได้ว่า การส่งมอบเวทีเสียงที่มีความเสมือนจริงจะสมบูรณ์แบบในความเป็นสามมิติ อีกทั้งวงจรฟิลเตอร์แบบใหม่นี้ยังให้รายละเอียดเสียงที่มากขึ้น และการจำลองจินตภาพเสียงที่แม่นยำ และสอดคล้องต้องกันมากขึ้น
“Lumina II Amator” เป็นแบบ 2-ทาง ตั้งวางขาตั้งขนาดกะทัดรัด ระบบตู้เปิด (Vented box design) ซึ่งประกอบเข้ากับสิ่งที่ Sonus Faber เรียกว่า Stealth Reflex Port เพื่อเพิ่มเอาต์พุตเสียงเบส โดยที่พอร์ตนี้ถูกนำมาใช้อย่างชาญฉลาดผ่านฐานพลาสติกแบบซี่ (ribbed plastic base) ที่มีความสูงประมาณ ¾ นิ้ว โดยมีช่องเปิดทรงโค้ง (flared opening) ที่ด้านหน้า
ทั้งนี้ “Lumina II Amator” ได้รับการออกแบบให้สามารถครอบคลุมช่วงการตอบสนองความถี่ 55 Hz -24.000 Hz ด้วยค่าความไวเสียง 86dB SPL (2.83V/1m) ค่าอิมพีแดนซ์ปกติอยู่ที่ 4 โอห์ม อัตรารองรับกำลังขับ 30W – 150W ติดตั้งขั้วเสียบสายลำโพงจำนวน 2 ชุด ที่พร้อมรองรับ bi-wire ภายใต้มิติขนาดตัวตู้ 304x180x263 มม. (สูงxกว้างxลึก) น้ำหนัก 5.8 กก. มีให้เลือก 3 สี:- Gloss Red, Gloss Wenge และ Gloss Walnut
คุณภาพการรับฟัง
“Lumina II Amator” มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ โดยให้เสียงเบสที่แผ่ใหญ่ และหนักแน่น ทรงพลังเมื่อเทียบกับขนาดของไดรเวอร์ พร้อมด้วยเสียงกลางที่อบอุ่นและนุ่มนวล จนให้เสียงของเปียโนที่มีเนื้อหนังออกมามากพอที่จะฟังสมจริงเป็นธรรมชาติมาก และมีช่วงกลางตอนล่างที่น่าพึงพอใจ ช่วงบนของความถี่เสียงสูงมอบความชัดเจนของรายละเอียดระดับพื้นผิว (textural detail) ที่มีความไหลลื่นต่อเนื่อง สามารถส่งมอบเฉดเสียงที่แตกต่างกัน และผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้ได้รสชาติของเสียงครบรสครบเครื่อง ชวนให้หลงใหลในทันที นับเป็นเสียงคุณภาพระดับออดิโอไฟล์ที่เต็มเปี่ยมในรายละเอียดอันเปิดเผย เป็นประสบการณ์ทางดนตรีที่น่าดึงดูดใจ
ในขณะที่เสียงเบสของ “Lumina II Amator” แม้จะให้ออกมาไม่ได้ลึกล้ำเมื่อเทียบกับไดรเวอร์ขนาดใหญ่ แต่มันก็ลงได้ลึกอย่างน่าประหลาดใจ พอเพียงที่จะให้เสียงที่หนักแน่น ไม่ได้ผอมบาง ช่วงย่านเสียงกลางก็มีความชัดเจนอย่างน่าทึ่ง ฟังดูโดดเด่น โดยไม่ถูกเน้นให้โฉ่งฉ่างอย่างผิดไปจากธรรมชาติ โดยเฉพาะเสียงร้อง (vocal) นั้นฟังดูให้ความสมจริงเป็นธรรมชาติมากๆ สดสะอาด และแจ่มชัด ไร้ซึ่งขอบแข็งกร้าน นับเป็นมิดแบนด์ที่ให้เสียงอันชัดเจน และเปี่ยมในความอิ่มเอิบ เข้มข้นไปพร้อมกัน สัมผัสได้ถึงการส่งต่อระหว่างวูฟเฟอร์/มิดเรนจ์กับทวีตเตอร์ ที่ดูเหมือนว่า “Lumina II Amator” จะส่งเสียงออกจากไดรเวอร์ตัวเดียว ไม่ใช่สองตัว ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายของการสมานเสมอไดรเวอร์ได้ดีมากๆ
“Lumina II Amator” ให้เสียงสูงที่เด่นชัดเป็นประกายแวววาว โปร่งใส ละเอียด สดชัด มีชีวิตชีวา ทั้งอาจจับสังเกตได้ว่า เสียงแหลมนั้นออกทางสว่าง สดใส พุ่งสูงล้ำอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ Lumina II Amator พูดได้ว่า มีลักษณะที่เสียงคมกริบ จัดจ้า แต่ทว่ายังให้สีสันของเสียงที่เข้มข้นไม่ได้สว่างเกินไป และยังคงอ่อนละมุน นวลนุ่มกว่าลำโพงวางขาตั้งบางรุ่นที่เคยรับฟังในระดับราคาใกล้ๆ กัน แม้ว่า “Lumina II Amator” จะนำเสนอเสียงที่ออกทางพละพลิ้ว ฉะฉาน ถึงลูกถึงคน โดยเฉพาะช่วงย่านเสียงกลางตอนบน จึงให้การแสดงตน หรือ เปิดเผยชิ้นดนตรีที่กระจ่าง แจ่มชัด ซึ่งสำหรับแนวเพลงร้อง (vocal) แล้วไซร้ กล่าวได้ว่า ลำโพงรุ่นนี้เป็น “ตัวเอก” ของการส่งมอบเสียงกลางได้อย่างน่าฟัง ภายใต้ปัจจัยราคาที่จัดว่า มิได้ร้อนแรงนัก
ต้องขอบอกว่า “Lumina II Amator” นำเสนอรสชาติของเสียงที่รุกเร้า เย้ายวน ชวนให้ตื่นเต้นในห้วงอารมณ์ จนอาจทำให้เผลอใจหลงใหลในทันที ไม่ว่าคุณจะรับฟังในแนวทางดนตรีแบบใด …มันก็ใช่ละครับที่ “Lumina II Amator” จะให้เฉดสีของเสียงดนตรีบางประเภทได้น่าฟังมากๆ จนอาจทำให้หลงรักหัวปักหัวปำ ทว่าโดยรวม “Lumina II Amator” ก็ไปกันได้ดีกับดนตรีแทบจะทุกแนว
“Lumina II Amator” เปรียบเสมือนพริกกะเหรี่ยง ที่อุดมด้วยรสเผ็ดจัด-ข้อดีเด็ดสารพัด นับจากช่วงย่านเสียงกลางที่เข้มข้น กระจ่างชัด และอบอุ่น ราบเรียบระรื่น มีชีวิตชีวา ช่วงย่านเสียงสูงที่พละพลิ้ว สดสะอาด เปิดโปร่ง และทอดยาวไกลไปสุดกู่ พร้อมด้วยการตอบสนองเสียงเบสที่ให้เรี่ยวแรงกระทบ-ปะทะหนักหน่วงอย่างเกินตัว โดยที่สามารถส่งมอบสภาพเวทีเสียงแผ่กว้าง จนทำให้รู้สึกประหลาดใจกับเวทีเสียงที่แผ่กระจายอย่างมั่นคง ทั้งระหว่าง-รอบๆ ตำแหน่งตั้งวางลำโพง และอาณาบริเวณด้านหลังลำโพง ควบคู่กับความลึกไล่ระดับ บางครั้งรับรู้ได้ในความมีมิติของเวทีเสียงจำแนกเป็นชั้นๆ อันน่าทึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องมีจินตนาการ ซึ่งในทัศนะของผมนั้น “Lumina II Amator” นับเป็นหนึ่งในลำโพงวางขาตั้ง หรือ Bookshelf Speaker ที่ให้ความครบเครื่องน่าหลงใหลที่สุดที่เคยได้รับฟังในระดับราคาเยี่ยงนี้ครับ
…แน่นอนครับ สิ่งที่จะทำให้รู้สึกได้ทึ่งกับลำโพงเล็ก ก็คือ เสียงเบสต่ำๆ ลึกล้ำ เกินขนาดไดรเวอร์ แต่สำหรับ สิ่งที่จะทำให้ยิ่งทึ่งและอึ้งก็คือ การส่งมอบรายละเอียดระยิบระยับ พร้อมกับสภาพอิมเมจ-ซาวด์สเตจอันแจ่มชัด ราวกับฉายออกมาจากโปรเจ็คเตอร์ ให้เราได้รับรู้ตำแหน่ง-แห่งที่ของชิ้นดนตรีต่างๆ เรียงรายเป็นแถวเป็นชั้นอยู่ต่อหน้ากระนั้น …อย่าลืมนำแผ่นเสียง หรือ ซีดีที่คุณคุ้นชินติดมือไปด้วย แล้วคุณจะแปลกใจว่า ลำโพงขนาดเล็กคู่นี้ส่งมอบพื้นที่เสียง และถ่ายทอดจินตภาพเสียงได้ดีเพียงใด
ที่สำคัญแม้จะจงใจตั้งวางให้ลำโพงสองข้างอยู่ห่างกันกว่าปกติทั่วไป “Lumina II Amator” ก็ยังไม่มีอาการเสียงโหว่กลาง สรรพเสียงทุกอย่างยังคงเรียงรายกันอย่างสมจริง ไม่ถูกฉีกออกเป็นซีกซ้ายซีกขวา ขาดซึ่งความรู้สึกซ้อนทับกันเป็นสนามเสียง (soundfield) เลยแม้แต่น้อย พิสูจน์ได้ถึงการกระจายเสียงที่ทำได้แผ่กว้างอย่างแท้จริง มิใช่คำคุยโว
สรุปส่งท้าย
ลำโพงวางขาตั้ง หรือ ลำโพงประเภท bookshelf ขนาดกะทัดรัด โดยเฉพาะในระดับราคาไม่แรงนัก กำลังเบ่งบานเป็นที่แข่งกัน หลายสำนักถึงกับทุ่มเทการออกแบบอย่างเต็มที่ มีการนำเทคโนโลยีระดับสูงมาย่อส่วนแล้วบรรจุไว้ ทำให้ได้เสียงอันน่าทึ่ง ในระดับราคาที่น่าอึ้ง ซึ่ง “Lumina II Amator” ก็เช่นกัน จนได้พิสูจน์ตัวเองเป็นที่น่าประทับใจในความ(เกือบจะ)สมบูรณ์แบบ ภายใต้ระดับราคาที่นับว่า ย่อมเยา ไม่ได้ไกลเกินจะไขว่คว้า
ซึ่งด้วยรูปลักษณ์ที่เล็กกะทัดรัด ทว่าแฝงไว้ด้วยความหรูหรา พร้อมกับคุณภาพการประกอบที่ดี และการผลิตในอิตาลี ราคาจำหน่ายของ Lumina II Amator จึงดูสมเหตุสมผล “Lumina II Amator” อาจเป็นหนึ่งในลำโพงระดับเริ่มต้นของ Sonus Faber ที่เมื่อได้ฟังแล้ว คุณจะต้องฉงนใจ !! …นี่คือ ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ไม่น่าพลาดที่จะได้ฟังในท้องตลาดปัจจุบันอีกตัวหนึ่งครับ
System
2-way shelf loudspeaker system.
Vented box design.
Loudspeakers
Tw: Ø 29mm high-definition DAD™ driver.
Mw: Ø 150mm paper cone driver.
Crossover Points
2600 Hz
Frequency response
55 Hz -24.000 Hz
Sensitivity
86dB SPL (2.83V/1m)
Nominal impedance
4 ohm
Recommended power amplifier
30W – 150W, undistorted signal
Product dimensions (HxWxD)
304 x 180 x 263mm
12 x 7.1 x 10.3 in
Dimensions with packaging (HxWxD)
43.5 x 38.0 x 49.0 cm
17.1 x 15.0 x 19.3 in
Weight
5.8 Kg
12.8 lb
Packaging weight
7.0 Kg
15.4 lb
*** อนึ่งการรีวิวของผมทุกครั้ง จะเป็นการรีวิวเพื่อให้ทราบถึงสมรรถนะและคุณภาพเสียงที่ซิสเต็มจะสามารถให้ออกมาได้ในขั้นพื้นฐาน หรือ อย่างน้อยที่สุด โดยไร้ซึ่งการใช้อุปกรณ์ช่วยเสริมสมรรถนะใดๆ ทุกชนิด เพื่อความเป็นกลาง หลีกเลี่ยงการเบี่ยงเบนจากปัจจัยตัวแปร จึงเป็นการรับรู้-รับฟังอย่างแท้จริง มิได้มีปัจจัยตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าที่ส่งเข้ามารับการรีวิวนั้น ได้รับการนำไปใช้ร่วมกับอุปกรณ์ช่วยเสริมสมรรถนะซึ่งท่านนักฟังได้ใช้งานอยู่ ก็ย่อมที่จะรับรู้-รับฟังได้ถึงสมรรถนะและคุณภาพเสียงในอีกระดับ ***