Test Report: Scansonic MB-1
2-way Stand-mounted Mini Monitor
มงคล อ่วมเรืองศรี
จะเรียกว่าเป็น RAIDHO DNA เลยก็ว่าได้ สำหรับ Scansonic เนื่องเพราะเป็นผลงานการออกแบบของ Michael Børresen วิศวกรมือฉมังที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Raidho Acoustics มากว่า 12 ปี โดยที่ Scansonic นั้นก็อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกับ Raidho Acoustics และ Harmony ในเครือบริษัทของ DANTAX A/S แห่งประเทศเดนมาร์ก (ทั้งยังโยงใยไปถึง Ansuz Acoustics และ Aavik Acoustics อีกด้วย)
ทว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้น Scansonic เป็นแบรนด์เนมที่จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1970 โดย ScanSpeak ผู้ผลิตดอกลำโพงรายใหญ่ของเดนมาร์กอันเป็นที่ยอมรับกันอย่างมากในโลกของลำโพงระดับไฮเอนด์ ในลักษณะของบริษัทผู้ผลิตระบบลำโพงคุณภาพสูงที่ใช้ดอกลำโพงของ ScanSpeak เป็นหลัก ต่อมาทาง Dantax A/S ได้เข้าไปซื้อกิจการของ ScanSpeak ในปี ค.ศ.1977 หลังจากนั้นทาง Dantax A/S จึงได้โยกย้ายฐานการผลิตทั้งหมดของ ScanSpeak จากเมือง Hørning มายังเมือง Pandrup ทางตอนเหนือของเดนมาร์ก และก็ได้แยก ScanSpeak ออกมาจัดตั้งเป็นอีกบริษัทต่างหาก เพื่อให้สามารถทำการดอกลำโพงระดับไฮเอนด์ป้อนสู่ตลาดได้อย่างไม่ขาดตอน
ในปี ค.ศ.1985 โรงงานผลิตของ ScanSpeak ถูกไฟไหม้เสียหายอย่างหนัก แต่เพื่อให้การผลิตดอกลำโพงระดับไฮเอนด์ยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ สายการผลิตจึงถูกย้ายไปสู่เมือง Aabybro และต่อมาในปี ค.ศ. 1989 ทาง Dantax A/S ก็ได้รับการติดต่อจาก Videbæk Loudspeaker Factory (ซึ่งก็คือโรงงานผู้ผลิต VIFA และ PEERLESS นั่นเอง) เพื่อขอซื้อกิจการของ ScanSpeak มาถือครอง กระทั่งปี ค.ศ. 2008 ทาง VIFA และ PEERLESS ได้ถูกกลุ่มทุนจากประเทศจีนซื้อกิจการไป ในขณะที่ ScanSpeak ยังคงอยู่กับ Videbæk Loudspeaker Factory ไม่ได้ถูกขายกิจการไป …ทุกวันนี้ ScanSpeak จึงยังคงดำรงอยู่ในฐานะ Danish Loudspeaker Drive UInit Factory อย่างเต็มภาคภูมิ
ส่วน Scansonic ก็ยังคงเป็นแบรนด์เนมที่ทาง Dantax A/S ถือครองอยู่ตราบจนปัจจุบัน ซึ่ง Dantax A/S นั้นก็เป็นกลุ่มบริษัทในประเทศเดนมาร์ก (Denmark-Based Company) ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1969 ภายใต้ชื่อ Dantax Radioindustri A/S เพื่อทำการผลิตอุปกรณ์วิดีโอและออดิโอ, ลำโพง รวมทั้ง Consumer Electronics ออกจำหน่าย ซึ่งต่อมาก็ได้เปลี่ยนมาเป็น Dantax A/S ในเดือนธันวาคมปี ค.ศ.2004 ครั้นถึงปี ค.ศ.2009 Dantax A/S ก็ได้เข้าถือครอง Raidho Loudspeaker Project และต่อมาก็ปรับเปลี่ยนชื่อมาเป็น Raidho Acoustics โดยได้พุ่งเป้าไปสู่ความเป็นที่สุดของระบบลำโพง (Super HiFi Loudspeakers) โดยเฉพาะ ในขณะที่ Scansonic นั้นจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทั้งในกลุ่ม Tabletop Radios และ Hi-Fi Products รวมทั้ง Hi-Fi & Home Cinema Loudspeakers
คุณลักษณ์
MB-1 เป็นระบบลำโพงรุ่นหนึ่งของ MB Series ที่อยู่ในไลน์การผลิตระบบลำโพงซีรี่ส์ล่าสุดในกลุ่ม HD Range ของ Scansonic ซึ่งอย่างที่ได้บอกกล่าวไว้แต่ตอนต้นว่า Scansonic นั้นไซร้ จะเปรียบไปก็มี DNA เดียวกับ Raidho Acoustics จะต่างก็เพียงแค่ว่า Scansonic นั้นคือ “พระเอกตัวรอง” นั่นเองละครับ ด้วยระดับราคาที่ย่อมเยากว่ากันมาก เมื่อเทียบกับสมรรถนะและคุณภาพเสียงที่ได้รับ ดังนั้นจึงมิพักต้องแปลกใจอะไรที่รูปลักษณ์ภายนอกของ Scansonic กับ Raidho Acoustics นั้น แทบจะเป็นแพะ-เป็นแกะกันเลยทีเดียว
Michael Børresen วิศวกรผู้ออกแบบ Scansonic ได้ระบุถึง MB-1 เอาไว้ดังนี้ “WEIGHT LOSS FOR RESOLUTION TRANSIENTS AND SUPERB LEADING EDGES & WEAVED CARBON CONES FOR STIFFNESS AND LOW COMPRESSION” ดังนั้นตัวลำโพงขับเสียงความถี่สูงที่เขาเลือกใช้จึงเป็น Ribbon Tweeter เฉกเช่นเดียวกับ Raidho Acoustics …อันเป็นที่ทราบกันดีว่า Ribbon Tweeter นั้นมี-ข้อดี-อยู่ที่ความบางและเบาของส่วนไดอะแฟรม ซึ่งด้วยค่ามวลที่น้อยมากๆ ของไดอะแฟรมจึงทำให้ได้มาซึ่งความฉับพลันทันใดในการตอบสนองต่อสัญญาณ
Ribbon Tweeter ของ MB-1 นั้นใช้ส่วนของไดอะแฟรมที่เป็น Kapton-Aluminum Sandwich ที่มีความหนาเพียงแค่ 20 ไมโครเมตรเท่านั้น ซึ่งเมื่อคิดคำนวณหาค่าของมวลแล้วจะได้เท่ากับ 0.03 กรัมโดยประมาณ …ด้วยค่ามวลขนาดนี้จึงมีความเบายิ่งกว่าโดมผ้า (Textile Dome), โดมเซรามิก (Ceramic Dome), โดมเบอริลเลี่ยม (Beryllium Dome) และแม้กระทั่งโดมเพชร (Diamond Dome) ถึง 50 เท่าโดยประมาณกันเลยทีเดียว นี่จึงเท่ากับว่า “MB Ribbon Tweeter” นั้น นอกจะฉับไวในการตอบสนองแล้ว ยังสามารถส่งมอบรายละเอียดเสียงได้ระยิบระยับยิ่งกว่า Ribbon Tweeter ธรรมดาทั่วไป
เมื่อได้มาซึ่ง MB ribbon tweeter ที่มีสมรรถนะสูง ก็จำเป็นต้องหาตัวขับเสียงกลาง/ต่ำที่มีประสิทธิภาพสูงมาใช้งานเข้าคู่กัน ดังนั้น Michael Børresen จึงได้ออกแบบมิดเรนจ์/วูฟเฟอร์ขนาด 4.5 นิ้วแบบพิเศษสุดๆ ขึ้นมาใช้งานสำหรับ MB-1 โดยเฉพาะ นั่นคือ Weaved Carbon-fiber Cone ที่ขึ้นชื่อลือชาว่า น้ำหนักเบาแต่ให้ความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้าที่มีมวลเท่าๆ กัน เมื่อนำมาใช้เป็นวัสดุไดอะแฟรมขึ้นรูปเป็นตัวกรวยลำโพงจึงมั่นใจได้ในเรื่องของความเบาควบคู่ความแข็งแกร่ง ทั้งยังมีความพิเศษอยู่ในตัว ด้วยการ “ไร้ซึ่ง” ดัสท์แคป (Dustcap Free) ทำให้ไม่ต้องมีน้ำหนักเพิ่มเติมเข้ามาที่เป็นภาระส่วนเกินในขณะทำงาน
อีกทั้ง Michael Børresen ยังได้ออกแบบในส่วนของระบบแม่เหล็กไว้เป็นพิเศษ (Overhung Magnet System) เช่นเดียวกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งการเคลื่อนตัว หรือช่วงชักของวอยซ์คอยล์ที่เป็นแนวตรงได้ยาวมาก (Long Linear Stroke) เป็นลักษณะของลูกสูบ (Piston Motion) ดั่งในอุดมคติ ควบคู่กับ “อัตราเร่ง” ของมิดเรนจ์/วูฟเฟอร์ที่ทำได้สูงมาก สามารถให้ความฉับไวในการตอบสนองต่อสัญญาณในระดับที่เทียบเคียงได้กับ MB Ribbon Tweeter และยังนำมาซึ่งผลลัพธ์ทางด้านเสียงเบสอันยอดเยี่ยมอีกด้วย
นอกจากนี้ Michael Børresen ยังได้ยึดหลักการออกแบบตัวตู้ลำโพงให้มีแผงหน้าที่แคบ แต่ลึกเข้าไป (Narrow-and-Deep Enclosure) ในลักษณะของรูปทรง “หยดน้ำ” หรือ “ลิ่ม” โดยที่ผนังตู้ด้านข้างนั้นจะเรียวลู่เข้าไปทางผนังด้านหลัง ทำให้ผนังตัวตู้ด้านข้างมิได้ขนานกัน อย่างตู้ลำโพงธรรมดาๆ ทั่วไปที่มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า อันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าลักษณะพื้นผิวที่เป็นทรงโค้งจะมีค่าการรับแรงกดได้มากกว่าลักษณะพื้นผิวแนวตรง ด้วยการที่ลักษณะพื้นผิวทรงโค้งจะมีการกระจายตัวหรือเฉลี่ยแรงกดออกไปทางด้านข้างทั้งสองด้าน
นอกเหนือจากการมีผนังตัวตู้ด้านข้างที่ไม่ขนานกันแล้ว ผนังตัวตู้ด้านบนและด้านล่างยังใช้วัสดุที่ต่างกันอีกด้วย โดยที่ผนังตัวตู้ด้านบนจะใช้เป็นแผ่นคาร์บอน (Carbon Sheet) ในขณะที่ผนังตัวตู้ด้านล่างจะเป็นแผ่นอะลูมินั่มคุณภาพสูงระดับ Aircraft Quality ที่ให้ความแข็งแกร่งสูง ผนังตัวตู้ของ MB-1 จึงมีค่าความแข็งแกร่งทางโครงสร้างของตัวตู้ที่สูงมากตลอดทั้งตัวตู้
ที่สำคัญการไร้ซึ่งด้านขนานของผนังตัวตู้นั้น ยังช่วยให้ลดผลทาง คลื่นสั่นค้าง (Standing Wave) ลงไปอย่างมากด้วย เพราะด้านที่ขนานกันจะส่งผลสะท้อนของคลื่นเสียงไป-มาไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งเป็นผนังตู้ลำโพงด้วยแล้วก็จะทำให้ผนังตัวตู้นั้นแหละส่งเสียงแทรกซ้อนปนปลอมออกมาผสมกับคลื่นเสียงที่เปล่งออกมาจากตัวไดรเวอร์ กลายเป็นอาการคัลเลอร์ที่ยากต่อการแก้ไข คุณภาพเสียงที่ได้ก็จะขาดความจริงแท้แห่งต้นฉบับเสียงไป MB-1 จึงปราศจากซึ่งการเติม-แต่งสีสันลงไปในน้ำเสียงได้อย่างแท้จริง (Coloration-Free Response)
MB-1 ยังมี-จุดเด่น-ที่เป็นความแตกต่างจากระบบลำโพงโดยทั่วไป นั่นคือ การไม่มีแผงหน้ากากครอบส่วนหน้าตัวตู้ลำโพง (Grille) ทั้งนี้เพื่อให้ “ไร้” ซึ่งการหักเห-เบี่ยงเบนเสียงบริเวณแผงหน้าตัวตู้ลำโพง รวมทั้ง “ไร้” การบดบัง หรือลดทอนของความถี่เสียงในช่วงย่านต่างๆ อันเนื่องมาจากคุณสมบัติและความหนา-บางของเนื้อผ้าหน้ากากลำโพงนั่นเอง
Michael Børresen ได้ออกแบบ MB-1 ให้เป็นระบบลำโพงแบบ 2-ทาง ตู้เปิดด้านหน้า (Ventilated Box Design) เพื่อให้สามารถตั้งวางได้ใกล้กับผนังหลังห้องฟัง อีกทั้งยังมีขาตั้งที่ได้รับการออกแบบมาควบคู่กัน ซึ่งขึ้นรูปจากวัสดุอะลูมินั่มที่มีมวลเบา แต่ไร้ซึ่งการสะสมพลังงานแรงสั่นสะเทือน โดยได้รับการระบุสเปคฯ ว่า สามารถครอบคลุมช่วงความถี่ตอบสนองได้ตั้งแต่ 50-40,000 เฮิรตซ์ ค่าความต้านทาน 6 โอห์ม จุดตัดแบ่งช่วงความถี่เสียงอยู่ที่ 3,500 เฮิรตซ์ ด้วยอัตราความชันออร์เดอร์ที่ 2 แนะนำให้ใช้งานกับแอมปลิไฟเออร์ที่มีกำลังขับขั้นต่ำ 50 วัตต์ต่อข้างขึ้นไป โดยมีมิติตัวตู้ 312 x 178 x 286 มม. (สูง x กว้าง x ลึก) น้ำหนัก 6.1 กก.
ผลการรับฟัง
บอกกันซื่อๆ เลยว่า MB-1 มีสมรรถนะทางเสียงที่โดดเด่นมากๆ ตั้งแต่แรกฟัง ทั้งในด้านความกลมกล่อม นวลเนียน ละเมียด ละไม เฉพาะอย่างยิ่งกับสมรรถนะการถ่ายทอด-บ่งบอกสภาพอิมเมจและซาวด์สเตจ ที่ดูจะน่าทึ่งเป็นพิเศษ MB-1 สามารถให้การรับรู้ถึงสภาพเสียงที่นอกจากจะแผ่กว้าง – จนสามารถสร้างความรู้สึกโอบล้อมของบรรยากาศเสียงแล้ว ยังถอยลึกเข้าไปหลังตำแหน่งตั้งวางระบบลำโพงเป็นปริมณฑลเสียงอยู่หลังตำแหน่งตั้งวางลำโพง สามารถจำแนกแยกแยะแถวชั้นของตำแหน่งชิ้นดนตรีได้อย่างเป็นปริมณฑลมีบริเวณเสียงเป็นอิสระ ปราศจาการเบียดบัง กลบซ้อนทับกัน ทั้งยังไล่ระดับความสูง-ต่ำของสรรพเสียงได้อย่างสมจริงสมจัง พร้อมด้วยมวลอากาศรายรอบของสภาพบรรยากาศเสียง –ราวเป็นเสียง 3 มิติ ที่ลำโพงนั้นแทบจะหายไปจากห้องฟังกระนั้น
ยิ่งได้รับฟังจากแผ่นที่บันทึกมาดีๆ (อย่างเช่น OPUS 3, Reference Recording, Proprius, BIS, Sheffield เป็นต้น) จะยิ่งรู้สึกว่า MB-1 กลายสภาพล่องหนไปได้เลยเชียวแหละ…นี่คือความจริง หากว่าได้รับการใส่ใจในการหาตำแหน่งตั้งวางที่ดีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอ จึงต้องขอเน้นย้ำว่า ให้ใจเย็นๆ ในการค่อยๆ ยก ค่อยๆ ขยับ ปรับเลื่อนตำแหน่งในการตั้งวางเจ้า “MB-1” แล้วคุณก็จะได้รับ “สิ่งดีที่สุด” จาก MB-1 ชนิดที่ว่าน่าปลาบปลื้มใจยิ่งนักในห้องฟังของคุณ …แน่นอนผมขอรับรอง
MB-1 ให้อิมเมจเสียงที่มีความเด่นชัดมาก สามารถจำแนกระยะห่าง หรือ ช่องว่างระหว่างชิ้นดนตรีได้แน่ชัดอย่างไม่น่าเชื่อ ให้การรับรู้ได้ถึงสภาพความลึกเข้าไปในเวทีเสียงอย่างโดดเด่น พร้อมด้วยสภาพเสียงที่มีอาณาบริเวณแผ่เลยออกมาทางด้านหน้าตำแหน่งตั้งวางลำโพง กระทั่งว่าสภาพเสียงที่มีการแผ่โอบมาทางด้านหลังตำแหน่งนั่งฟัง MB-1 ก็จะทำให้เรารู้สึกได้ถึงสนามเสียง ที่อ้อมโอบรอบตัวเราอย่างสมจริง
สรรพเสียงที่ MB-1 ถ่ายทอดออกมานั้นมีความเป็นดนตรี (Musicality) ที่สูงมาก และเปี่ยมไปด้วยรายละเอียดระยิบระยับ ลักษณะเสียงโดยรวมมีความโปร่งโล่ง-ลอยตัว ให้การจำแนก-แยกแยะลักษณะเสียงได้อย่างเด่นชัด สามารถบ่งบอกการผุดโผล่ของรายละเอียดเสียงได้แจ่มชัด รวมทั้งสัญญาณเสียงฉับพลันได้อย่างทันทีทันใด ให้ทั้งความจะแจ้ง-แจ่มชัด-สดใส และเปิดโปร่ง-โล่งกระจ่าง ไร้สภาพหมอกควันปกคลุม เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงความถี่เสียงกลาง-สูงนั้นเป็นเสียงที่มีความกลมกลืนต่อเนื่องนวลเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ให้ทั้งความสดใส สะอาด มีมวลมีน้ำหนัก (แรงกระทบ-ปะทะ) มีตัวตน มีลมหายใจ พร้อมด้วยความคึกคัก กระฉับกระเฉง ฟังแล้วสดชื่น-คึกคักเร้าใจ
ลักษณะน้ำเสียงของ MB-1 ในด้านการตอบสนองความถี่เสียงกลาง-สูงนั้นเป็นเสียงที่มีความกลมกลืนต่อเนื่องนวลเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน สดใส สะอาด มีมวลมีน้ำหนัก (แรงกระทบ-ปะทะ) ให้ความมีตัวตน มีลมหายใจ พร้อมด้วยคึกคัก กระฉับกระเฉง ฟังแล้วสดชื่น-เร้าใจ ช่วงย่านความถี่เสียงกลางนั้นมีความอวบอิ่ม-ฉ่ำชุ่มไม่แหบแห้ง ให้ความเป็นตัวตนของเสียงที่ดีมาก รับฟังเสียงหมู่เครื่องสาย (ไวโอลิน-วิโอลา-เชลโล) ได้น้ำหนัก-เนื้อหนังของเสียงอย่างสมจริง
ในขณะที่ช่วงย่านความถี่เสียงสูงให้ความพละพลิ้ว เต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ทั้งยังยืดขยายปลายหางเสียงออกไปได้ไกลมาก หางเสียงสูงๆ อย่างฉิ่ง-ฉาบ-เหล็กสามเหลี่ยมให้ความกังวาน-ทอดตัวได้ยาวไกล มีความพละพลิ้วลอยตัว บ่งบอกเสียงลมพ่น-กัดหูน้อยๆ ของเครื่องดนตรีประเภท Brass และเสียงลมเป่า-เป็นละอองของเครื่องดนตรีประเภท Woodwind ได้สมจริงมากทีเดียว ส่วนช่วงย่านความถี่เสียงต่ำนั้นให้เรี่ยวแรงพลัง รวมทั้งน้ำหนัก-แรงปะทะได้ในระดับที่พึงพอใจ ไม่เป็นปึก-หนึบหนับ ให้ความกระชับในจังหวะจะโคนที่ปลดปล่อยออกมา หนังหน้ากลองกระเดื่องให้แรงปะทะเป็นระลอกที่รับรู้ได้ว่ากำลังสั่นกระพือ แยกแยะออกมาจากเสียงทุ้มที่ระรัวเป็นจังหวะของกลองไฟฟ้าได้ชัดเจน
พร้อมด้วยความหนักแน่นของเสียงที่ไม่อัดอั้น ให้ทั้งความฉับไวและแม่นยำในจังหวะจะโคน กับแนวเพลงคลาสิก MB-1 ก็สามารถถ่ายทอดความอลังการของเสียงจากวงออร์เคสตราที่กำลังแผดสนั่น ประโคมคำรนอย่างยิ่งใหญ่ ไม่อัดอั้น ความกว้างใหญ่ของวงออร์เคสตราถูกถ่ายทอดออกมาจนเต็มห้อง แผ่เลยตำแหน่งตั้งวางลำโพงซ้าย-ขวา และถอยลึกเลยผนังหลังห้องฟังออกไป ในขณะที่ความสูงของชิ้นดนตรี หรือนักร้อง นั้นลอยเด่นขึ้นไปสูงเหนือแนวตัวตู้ลำโพงอย่างมีปริมณฑลเสียง
คุณจะรับรู้ได้ถึงความโอ่โถงของสถานที่บรรเลง/บันทึกเสียงแผ่เต็มห้อง พร้อมด้วยความกังวาน-แผ่กว้างของเสียงสูงอย่างเสียงกระดิ่งและเหล็กสามเหลี่ยม ให้การแยกอิมเมจเสียงฝั่งซ้าย-ขวาของกลุ่มนักร้องหญิง-ชายชัดเจน มิได้เกาะกลุ่มเป็นก้อน ได้ยินแม้กระทั่งเสียงสูดลมหายใจเบาๆ เลยทีเดียว …ในระดับการรับฟังความดังปกติ คุณจะสัมผัสได้ในสภาพความแผ่กว้างของเสียงเต็มพื้นที่ห้อง ถอยลึกเลยผนังหลังห้องฟังเข้าไป แยกเป็นแถว/ชั้นของเสียงชัดเจน บ่งบอกตำแหน่งแห่งที่ของเสียงที่เกิดขึ้นได้แน่นอน พร้อมด้วยละอองอณูของมวลเสียง ควบคู่กับความสดใส ฉับไว ในทุกๆ สรรพเสียง
MB-1 ไร้ซึ่งอาการเสียงเดินหน้า (Forward) หรือว่าจัดจ้าอย่างที่อาจเคยได้รับจากริบบอน ทวีตเตอร์ธรรมดาๆ ทว่าคุณจะยิ่งทึ่งในรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้ส่งมอบออกมา เฉพาะอย่างยิ่งกับความรู้สึก-รับรู้ถึงมวลอากาศรายรอบ และความมีชีวิตชีวาของชิ้นดนตรีอะคูสติกชนิดต่างๆ บอกกันตรงๆ ว่า MB-1 ให้ความรู้สึกสมจริงเป็นอย่างมาก ชนิดที่ว่าไม่เคยได้สัมผัสเยี่ยงนี้มาก่อน
สรุปส่งท้าย
MB-1 จะถ่ายทอด-ส่งมอบสรรพเสียงชิ้นดนตรีที่เสมือนผุดโผล่ออกมา จากตรงโน่นตรงนี้ในเวทีเสียง มีตำแหน่งแห่งที่ชี้ชัด ไม่ว่าจะเป็นเสียงกีตาร์-เสียงเปียโน-เสียงไวโอลิน-เสียงเครื่องสายทั้งหลายเรียกได้ว่า แทบจะมองเห็นเป็นเส้นสายที่สั่นไหวกันเลยทีเดียวเชียวละ – ผมไม่ได้โม้นะ
แต่ก็ต้องขอบอกต่อละกันว่า MB-1 ดูท่าว่า “ชอบ” ที่จะถูกตั้งวางให้หนีห่างจากผนังทุกด้าน (พื้น-ผนัง-เพดาน) เพื่อหลีกเลี่ยงเสียงสะท้อนจากบริเวณรอบข้าง บนขาตั้งที่แข็งแรงและสูงจากพื้นอย่างน้อย 26 นิ้ว พร้อมด้วยการตั้งวางแบบเฉียงเอียงสอบหน้าตัวลำโพงเข้าหากัน หรือ โท-อิน (Toe-In) สักเล็กน้อย ประมาณ 5-10 องศา แล้วแต่ว่าระยะห่างของตำแหน่งนั่งฟังนั้นอยู่ใกล้-ไกลจากตำแหน่งตั้งวางลำโพงขนาดไหน
อันจะทำให้ได้มาซึ่งลักษณะ “สนามเสียง” ที่กว้างขวาง แผ่ใหญ่ กระจายตัว (Spacious) มีการโอบล้อมของบรรยากาศรายรอบ (Ambience) พร้อมด้วยความลึกของเวทีเสียงที่เด่นชัดและนิ่งสนิท ให้การรับรู้ได้ถึงสภาพเสียงที่มีหน้า-มีหลัง รับรู้สึกถึงระยะถอยลึกเข้าไปในเวทีเสียงอย่างเด่นชัด สามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งแห่งที่-การวางตัวของเสียงแต่ละเสียง และมีระดับสูง/ต่ำได้อย่างชัดแจ้ง
อุปกรณ์ร่วมใช้งาน : เครื่องเล่นแผ่นซีดี Marantz CD/DA-12; ปรีแอมป์ Luxman : C-5000A; เพาเวอร์แอมป์ USHER : R1.5; สายสัญญาณ HighDiamond 7 และสายลำโพง SPC-650 ของ SAEC
อุปกรณ์อ้างอิง : XAV : EMX -9 (วางทับบน Luxman : C-5000A และ USHER R1.5); Entreq : Ground Box รุ่น MinimUs Silver + Earth Cable รุ่น Silver; MagicBoxAudio : Lunar 1
ขอขอบคุณ บริษัท ออดิโอ แอบโซลุท จำกัด โทร. 0-2489-8954,081-845-4321 ที่เอื้อเฟื้อ Scansonic MB-1 มาให้ได้ทดสอบกันในครั้งนี้
รูปลักษณ์ – 4 ดาว
สมรรถนะ – 4 ดาวครึ่ง
คุณภาพเสียง – 4 ดาว
โดยรวม – 4 ดาวครึ่ง