What HI-FI? Thailand

Test Report : Reference GS Edition The New Flagship Loudspeaker, The Best Of Canton Ever Made.

Canton เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีลำโพงมานานกว่า 50 ปี และเป็นบริษัทลำโพงอันดับหนึ่งในประเทศเยอรมนี ณ เวลานี้ ถึงเวลาที่ Canton จะออกวางตลาดลำโพงลำดับชั้น Reference Class ใหม่ ซึ่งเป็นซีรีส์ลำโพงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คุณภาพเสียงดีที่สุดของ Canton มาแทนที่ลำโพง ‘Reference K’ Series ที่ออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี ค.ศ.2015 ด้วยจำนวนอันจำกัด ภายใต้ชื่อรุ่นสุดพิเศษ “Reference GS Edition” ซึ่งทำการผลิตเพียงแค่ 50 คู่เท่านั้น!!…Reference GS Edition นับเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูล GS Edition-ลำโพงรุ่นเรือธง (Flagship Loudspeaker) ที่ใหญ่ที่สุด และพิเศษที่สุดเท่าที่ Canton เคยสร้างมา โดยใช้เฉพาะส่วนประกอบที่ดีที่สุด เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงที่ผู้รับฟังจะไม่มีวันลืม…

  ทั้งนี้ในปี ค.ศ.2022 Canton เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการพัฒนาลำโพง โครงสร้างลำโพง และจารีตปฏิบัติของลำโพง (Loudspeaker Development, Loudspeaker Construction and Loudspeaker Tradition) ซึ่งเพื่อวาระพิเศษฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท Canton ได้ฟื้นคืนไอคอน Canton สองอัน นั่นคือ Ergo และ Karat ทั้งสองรุ่นนี้มีรูปทรงหน้าตาในความเป็นตัวตนของ Canton โดยที่ ‘Ergo’ นั้นถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1979 โดยเป็นลำโพงตั้งพื้นรุ่นแรกสุดที่ Canton ผลิตออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกทางเทคนิคในการออกแบบที่เหนือกาลเวลา พร้อมเทคโนโลยีที่นับเป็น Fully Active Technology และระบบควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Control Systems) เพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุด  

  ในวาระการฉลองครบรอบ 50 ปีของ Canton จึงได้นำเสนอ Ergo GS Edition และ Karat GS Edition เพื่อแสดงถึงดีไซน์เหนือกาลเวลาของ Ergo และ Karat ในอดีต การออกแบบที่กำหนดสไตล์ของลำโพงทั้งสองรุ่นนั้น ทันสมัยและก้าวข้ามกาลเวลา ‘Ergo GS Edition’ นำเสนอตัวขับเสียงระดับไฮ-เอนด์ จำนวน 4 ตัวบนแผงหน้าตัวตู้ที่แผ่กว้าง ตัวขับเสียงเบส Ceramic-Wolfram Technology ขนาด 200 มม. จำนวน 2 ตัวให้เสียงที่มีไดนามิกอันไม่จำกัด ตัวขับเสียงกลางถึงสูงติดตั้งอยู่บนแผงหน้าที่เอียงทำมุมเล็กน้อย เพื่อปรับเสียงให้เหมาะสม และเพื่อการสร้างจินตภาพเสียงในห้องอย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ ‘Karat GS Edition’ นำเสนอเทคโนโลยีตัวขับเสียงทังสเตนเซรามิกสีดำ (Blackened Ceramic Tungsten Technology) ในช่วงเสียงกลาง รวมทั้งตัวขับเสียงเบส-มิดเรนจ์ ผสมผสานกับตัวขับเสียงเซรามิกอะลูมิเนียมออกไซด์ (Aluminium Oxide Ceramic) ในช่วงเสียงแหลม สร้างความประทับใจด้วยลักษณะเสียงในแบบฉบับ Audiophile Canton Sound พร้อมด้วยไดนามิกอันฉับไวในทุกช่วงความถี่ 

 ตัวอักษร "GS" นั้น ย่อมาจาก Günther Seitz ผู้ก่อตั้งของ Canton และเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นต่อเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของ Canton ทั้งนี้ตระกูล GS Edition มีจำนวนการผลิตจำกัดอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวของความเป็น Günther Seitz ลำโพง “GS Edition” ติดตั้งวัสดุที่ดีที่สุด (The Best Material) เท่าที่ Canton รู้จัก สำหรับการขึ้นรูปไดอะแฟรม นั่นคือ Ceramic Tungsten โดยที่ Canton ทำการผลิตวัสดุนี้ที่โรงงานของ Canton เอง ด้วยกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน ในกระบวนการแปลงโครงสร้างโมเลกุลของกรวยอะลูมิเนียมร้อยละ 20 ให้เป็นโครงสร้างเซรามิก และขัดเกลา (Refine) ด้วยอนุภาคทังสเตน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ไดอะแฟรมที่มีอัตราส่วนความแข็งแกร่งต่อน้ำหนักที่เหมาะสม การหน่วงหนืดภายใน (Internal Damping) ที่ดีขึ้น และน้ำเสียงที่เจือความอบอุ่น เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษและจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ ตัวขับลำโพงที่พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับ GS Edition จึงมีสีดำทั่วทั้งตัว สิ่งนี้ทำให้ลำโพงเหล่านี้มีเอกลักษณ์เฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ลำโพงขนาดใหญ่ของ Canton 

  ลำโพง GS Edition มีขั้วต่อสายลำโพงจากผู้ผลิต WBT ที่ผ่านการจัดทำเป็นพิเศษ นั่นคือ WBT-Nextgen ซึ่งเป็น Low-Mass Terminals รองรับปลายสายลำโพงที่มีขนาดสูงสุด 6 มม.² รวมถึงตัวเชื่อมสายลำโพงแบบหางปลา และปลั๊กกล้วย (Banana Plugs) พร้อมรองรับการเสียบต่อสายลำโพงในแบบ Biwiring/Biamping เปิดโอกาสในการใช้งานเครื่องขยายสัญญาณที่ขับขานแตกต่างกัน หรือสายเคเบิลที่แยกสำหรับช่วงความถี่ต่ำ และช่วงความถี่กลางถึงสูง 

Ergo GS Edition

Karat GS Edition

Reference GS Edition : The Masterpiece

Sweeping cabinet shape for unlimited listening pleasure

Acoustically neutral cover with magnetic attachment

Iconic sound for the highest quality demands

Acoustic Principle : 3-way downfire bass reflex system with Black Ceramic Tungsten technology (BCT diaphragm)

Tweeter : 1× 25 mm. DLC aluminium ceramic oxide

Midrange Driver : 1× 174 mm. Black Ceramic Tungsten

Woofer : 4 × 219 mm. Black Keramik-Wolfram

Transmission Range : 18-40,000 Hz

Crossover Frequencies : 160 / 3,100 Hz

Nominal Load Capacity : 500 watts

Music Load Capacity : 950 watts

Dimensions : 46 ×163 ×72 cm. (W × H × D) including base construction

Weight : 155 kg.

Reference GS Edition

The Masterpiece

 Reference GS Edition จาก Canton เป็นผลจากการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางที่ริเริ่มโดย Günther Seitz ผู้ก่อตั้งบริษัท เป้าหมายของเขาคือ การพัฒนาสุดยอดลำโพงระดับอ้างอิง ‘Canton Reference’ ด้วยความหลงใหลและพลังอันยิ่งใหญ่ ความคิดต่างๆ ได้ถูกรวบรวมและวางแผนโดยคำนึงถึงความชอบส่วนบุคคล สำหรับวัสดุของตัวตู้และการออกแบบพื้นผิวที่มีบทบาทสำคัญ ผู้อำนวยการด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ได้รับการอนุมัติ ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ด้วยความพยายามที่จะผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ในทางเทคนิค เพื่อสร้างลำโพงที่ให้เสียงดีที่สุดและมีประสิทธิภาพดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Canton 

    ทีมงาน Canton ทั้งหมดล้วนมีส่วนร่วมในโครงการนี้ เพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบและตระหนักถึงทุกแง่มุมของลำโพงแห่งฝันนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีในประวัติศาสตร์ของบริษัท ไม่เคยมีการพัฒนาและผลิตลำโพงด้วยความซับซ้อนระดับนี้มาก่อน ผลลัพธ์ของการทำงานอย่างเข้มข้นนี้คือ Reference GS Edition ลำโพงตั้งวางพื้นที่มีความสูงกว่าเมตรครึ่ง อันส่งมอบเสียงน่าประทับใจ ซึ่งเน้นย้ำถึงความเป็นเอกลักษณ์และความพิเศษเฉพาะของ GS Edition ระดับสุดยอด ด้วยคุณสมบัติด้านเสียงที่โดดเด่น การออกแบบที่น่าดึงดูด และคุณภาพการประกอบที่ประณีตอย่างที่สุด 

      แผงหน้ารูปทรงโค้งมนได้รับการออกแบบสำหรับ Reference GS Edition ด้วยแผงหน้าที่หนาถึง 81 มิลลิเมตร ผลิตขึ้นจากเครื่องกัด CNC แบบพิเศษ 5 แกน (Special 5-Axis CNC Milling Machine) แผงด้านข้าง, ฐานตั้งวาง และฝาปิดโค้งมนอย่างประณีตทำจากไม้ลามิเนตหลายชั้นความหนา 30 มม. ซึ่งช่วยให้ตัวตู้มีความมั่นคงอย่างยิ่ง นอกจากนี้แผงด้านข้าง (Side Panels) ที่มีแผ่นไม้อัดจริงเนื้อดี ซึ่งยึดติดกับผนังตัวตู้ด้านข้างอย่างแน่นหนา ยังช่วยเพิ่มน้ำหนักของตัวตู้ได้อย่างมาก ทั้งยังช่วยทำให้ตัวตู้ลำโพงมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และลดลักษณะการสะท้อนตามธรรมชาติของตัวตู้ลำโพงลงได้อย่างมากอีกด้วย รูปลักษณ์บนลักษณะเส้นโค้งที่ค่อยๆ ลาด (Sweeping Curves) ช่วยให้สามารถออกแบบตัวตู้ที่ปรับให้เหมาะสมทางเสียง โดยที่อิสระจากขอบโค้งมนนี้จะป้องกันการสะท้อนของเสียงช่วงต้น (Early Diffraction) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

    อันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าลักษณะพื้นผิวที่เป็นทรง “เรียวโค้ง” จะมีค่าการรับแรงกดได้มากกว่าลักษณะพื้นผิวแนวตรง ด้วยการที่ลักษณะพื้นผิวทรงโค้งจะมีการกระจายตัว หรือ เฉลี่ยแรงกดออกไปทางด้านข้างทั้งสองด้าน ผนังตัวตู้ของ Reference GS Edition จึงมีค่าความแข็งแกร่งทางโครงสร้างของตัวตู้ที่สูงมาก อีกทั้งผนังทรงเรียวโค้งยังทำให้ไร้ซึ่งด้านขนาน จึงส่งผลช่วยลด “คลื่นสั่นค้าง” (Standing Wave) ของโครงสร้างตัวตู้ลงไปอย่างมากด้วย เพราะด้านที่ขนานกันจะส่งผลสะท้อนของคลื่นเสียงไป-มาไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งเป็นผนังตู้ลำโพงด้วยแล้วก็จะทำให้ผนังตัวตู้นั้นแหละส่งเสียงแทรกซ้อนปนปลอมออกมาผสมกับคลื่นเสียงที่เปล่งออกมาจากตัวไดรเวอร์ กลายเป็นอาการคัลเลอร์ที่ยากต่อการแก้ไข คุณภาพเสียงที่ได้ก็จะขาดความจริงแท้แห่งต้นฉบับเสียงไป 

   ตัวลำโพงทั้งหมดจำนวน 6 ตัวต่อข้าง ทำหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างเสียงเพลง ภายใต้รูปแบบของลำโพง 3-ทาง น้ำหนักรวม 155 กก. สร้างความประทับใจด้วยวัสดุคุณภาพสูงและงานฝีมือของแท้ มีขนาดที่ดูโอ่อ่า ลำโพง Reference GS Edition ได้รับการผลิตด้วยมืออย่างอุตสาหะ มีการออกแบบที่หรูหราและทรงไว้ซึ่งความขลังในคุณภาพ ด้วยผลงานอันประณีตและพื้นผิวที่น่าประทับใจ ผู้ออกแบบ Reference GS Edition ผสมผสานองค์ประกอบของไม้, โลหะ และแลคเกอร์อย่างกลมกลืน เพื่อสร้างงานศิลปะที่ไม่อาจต้านทานได้ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ลำโพงที่ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการสูงสุดในด้านเสียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุนทรียภาพอีกด้วย 

  Reference GS Edition คือ สัญลักษณ์ความเป็นลำโพงตั้งพื้นทรงพลังจากวูฟเฟอร์แบบ BCT ขนาด 219 มม.จำนวน 4 ตัวต่อข้าง ซึ่งจัดวางตำแหน่งเฉพาะตัวไว้บนแผงหน้าตู้ให้ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจในระดับเสียงของตัวตู้ขนาดใหญ่ ร่วมกับระบบนำเสียงเบสที่มีประสิทธิภาพ (Efficient Bass Guide System) ไดรเวอร์เสียงกลางแบบ BCT เส้นผ่านศูนย์กลาง 174 มม. ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นมา ช่วยให้ได้เสียงที่มีชีวิตชีวาและสมจริง ทั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Canton ที่ใช้ทวีตเตอร์โดมเพชร (Diamond Dome Tweeter) กับทวีตเตอร์ขนาด 25 มม. ทำให้ได้มาซึ่งเสียงทวีตเตอร์ที่มีรายละเอียดดีที่สุด ทวีตเตอร์ยังคงความแม่นยำและการสร้างเสียงที่เป็นธรรมชาติ แม้ในระดับความดังเสียงสูงสุด ฟังสบาย และปราศจากความเครียด 

    Reference GS Edition ของ Canton ติดตั้งขั้วต่อสายลำโพงระดับไฮ-เอนด์จาก WBT และเน้นย้ำถึงคุณภาพของลำโพง การเชื่อมต่อ ‘The Nextgen’ ของ WBT ผู้ผลิตชาวเยอรมันที่มีชื่อเสียงจาก Essen มอบคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงการสัมผัสสายลำโพงที่ใช้ในระยะยาวอย่างมั่นคง “Reference GS Edition” สามารถใช้งานในโหมด Bi-Wiring หรือ Bi-Amping ได้อย่างสมบูรณ์ตามความต้องการของผู้ฟังจะเลือกใช้งาน แต่หากไม่ต้องการใช้งานแบบ Bi-Wiring / Bi-Amping mode ก็สามารถใช้งาน Reference GS Edition ในแบบ Single-Wiring Mode ได้ เพื่อจุดประสงค์นี้ สะพานเชื่อมสัญญาณคุณภาพสูงที่ประกอบด้วย WBT Nextgen Cable Lugs และ CantoLink 600 Cables (ผลิตโดยผู้ผลิตสายเคเบิลที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน In-Akustik) จะรวมอยู่ในชุดที่จัดเตรียมไว้ให้ของ Reference GS Edition  

   ทั้งนี้ทั้งนั้น “Reference GS Edition” มีระบบควบคุมการชดเชยห้อง RC (Room Compensation) Technology ของ Canton ฟังก์ชันนี้ช่วยให้สามารถปรับระดับแรงดันเสียง (Sound Pressure Levels) ของช่วงย่านเสียงกลาง และทวีตเตอร์ได้อย่างละเอียดอ่อน โดยเพิ่มครั้งละ 1.5 เดซิเบล (dB) นอกจากนี้ ช่วงความถี่เสียงเบสสามารถปรับได้ขั้นละ 1.5 เดซิเบลเช่นกัน เพื่อปรับลำโพงให้เข้ากับเสียงในห้อง และพร้อมรองรับต่อการตั้งค่าเสียงส่วนบุคคล 

Shape CANTON Reference GS Edition : le constructeur Allemand

ส่วนแท่นฐานตั้งวางลำโพง (Plinth) ทำหน้าที่เป็นส่วนควบคุมทิศทางการเคลื่อนตัวของมวลอากาศที่บริเวณปลายปากท่อเปิด (Port) ให้มีการเคลื่อนตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ออกไปทางด้านหน้าและด้านหลังของตัวลำโพง ซึ่งทาง Canton เรียกขานว่า Bass-Guide® Bass Reflex System

   ระบบการทำงานตัวตู้ที่สูงถึงกว่าเมตรครึ่งของ Reference GS Edition ยังแปลกแตกต่างไปจากระบบลำโพงแบบตู้เปิด หรือ Bass-Reflex โดยทั่วไป แม้ว่าจะเป็นระบบการทำงานตัวตู้แบบ Bass-Reflex ที่เหมือนจะไม่มีอะไรซับซ้อนก็ตามที โดยแทนที่ “Port” หรือ ท่อเปิดระบายเสียงเบสของ Reference GS Edition จะติดตั้งอยู่ทางด้านหน้าตัวตู้ (Front-Ported) หรือว่า ด้านหลังตัวตู้ (Rear-Ported) เช่นที่เคยคุ้นกันสำหรับระบบตัวตู้แบบ Bass-Reflex โดยทั่วไป กลับถูกนำ “ท่อเปิด” ไปติดตั้งไว้ทางด้านล่างของตัวตู้ โดยจะมี "ส่วนฐานตั้งวาง" (Plinth) ทำหน้าที่รองรับตัวตู้ลำโพงไว้ให้ยกลอยขึ้นจากพื้นห้อง โดยส่วนแท่นฐานตั้งวางลำโพงดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นส่วนควบคุมทิศทางการเคลื่อนตัวของมวลอากาศที่บริเวณปลายปากท่อเปิดนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทาง Canton นั้นเรียกขานรูปแบบนี้ว่า Bass-Guide® Bass Reflex System (น่าจะพัฒนาต่อยอดจากระบบ Slot-Loading ที่รีดเสียงเบสให้เคลื่อนผ่านช่องเปิดที่แคบแต่กว้างและลึก) 

“Reference GS Edition” จึงสามารถหาตำแหน่งตั้งวางได้ง่ายขึ้น หากจำเป็นจะต้องตั้งวางชิดผนังหรือเข้าใกล้มุมห้องก็ไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่หากสามารถหาตำแหน่งตั้งวางที่อยู่ห่างผนังทุกด้านได้ก็สมควรกระทำ…ที่สำคัญ Canton ยังได้ทำการพัฒนาสายนำสัญญาณที่ให้สำหรับการเดินสายภายในเชื่อมต่อจากขั้วเสียบต่อสายลำโพงไปยังแผงวงจรตัดกรอง/แบ่งช่วงความถี่เสียง และจากแผงวงจรตัดกรอง/แบ่งช่วงความถี่เสียงไปยังตัวขับเสียงต่างๆ สำหรับ “Reference GS Edition” โดยเฉพาะอีกด้วย เพื่อการนำพาสัญญาณที่ครบถ้วน และราบเรียบต่อเนื่อง

ผลการรับฟัง

 ขอชี้แจงสักนิดนะครับว่า นี่เป็นการเดินทางมาฟังเทสต์นอกสถานที่ โดยได้ใช้โชว์รูมของ Innovative Audio Video Co.,Ltd. (IAV) ละแวกหัวลำโพงในการรับฟังของผมครั้งนี้ ภายในโชว์รูมได้ซ่อนห้องฟังขนาดกว้าง 4.93 ม., ยาว 7.75 ม. และสูง 2.79 ม. โดยประมาณที่ได้รับการทรีตเมนต์สภาพอะคูสติกเอาไว้อย่างดีของ IAV ซึ่งบอกตามตรงๆ ว่านั่งฟังตั้งแต่เช้าจรดเย็นได้อย่างเพลินใจ ไม่รู้สึกอึดอัด-อับทึบแต่อย่างใด เป็นอีกหนึ่งโชว์รูมที่ใส่ใจกับสภาพอะคลูติกห้องฟังชั้นเยี่ยมครับ 

   ซึ่งด้วยวูฟเฟอร์แบบ BCT ขนาด 219 มม.จำนวน 4 ตัวต่อข้างของ Reference GS Edition รับรู้ได้ถึงเสียงเบสที่ทิ้งทอดตัวลงต่ำได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว พร้อมด้วยพลัง เรี่ยวแรงปะทะสมจริงสมจัง เบสต่ำๆ นั้นก็ตอบสนองลงไปลึกล้ำมากๆ ส่งมอบเนื้อเสียงต่ำที่เข้มข้นขึ้น มวลเบสหนา-แผ่ใหญ่ และเปี่ยมพลัง ทั้งยังลงไปได้ลึกล้ำ ดื่มด่ำ โดยยังคงไว้ซึ่งความกระชับ เรี่ยวแรงปะทะอันเด็ดขาด “Reference GS Edition” ให้เรี่ยวแรงที่หนักแน่น และทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เป็นพลังงานกระทบปะทะ-กระแทกกระทั้นในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เรียกร้องความน่าตื่นเต้นจนเกินจริง การตอบสนองความถี่เสียงที่ยึดขยาย-ทอดตัวจากบนลงล่างให้ความราบเรียบระรื่น ไม่รู้สึกถึงการเพิ่ม หรือ ลด (เน้น หรือ กด) ช่วงความถี่ใดช่วงหนึ่ง การนำเสนอสุ้มเสียงที่ส่องสว่างสดใส โดยไม่สปอร์ตไลท์ในช่วงใดช่วงหนึ่งขึ้นมาโดดเด่นโดยเฉพาะ 

  แน่นอนว่า ด้วยความเป็นลำโพงตั้งพื้นขนาดใหญ่ 46 × 163 × 72 ซม. ของ Reference GS Edition สามารถเปิดฟังได้ดังขึ้น จึงเหมาะสมกับห้องฟัง หรือ ห้องนั่งเล่นที่มีพื้นที่กว้างขวาง โดยยังคงให้เสียงที่มั่นคง หนักแน่น และควบคุมตัวได้อย่างแม่นยำ โดยไม่รู้สึกถึงการบิดเบือนใดๆ รูปแบบการติดตั้งตัวขับเสียงทั้งหมดของ Reference GS Edition ให้ความเป็นสมมาตรของการกระจายเสียงในแนวดิ่ง รวมถึงการกระจายเสียงที่แผ่กว้างในแนวระนาบ จึงสามารถให้ผลลัพธ์ของการรับรู้รับฟังในอิมเมจ-ซาวด์สเตจที่เด่นชัดทั้งกว้าง-สูง-ลึกโดยไม่ต้องจินตนาการใดๆ ไม่ต้องถึงขนาดหลับตาฟัง ก็จะรับรู้ได้ถึง “กำแพงเสียง” ที่ให้ความรู้สึกเต็มไปด้วยรายละเอียดและความเอิบอิ่ม รวมถึงพลังเสียงอันหนักแน่น ควบคู่ความโปร่งกระจ่างสดใส และความฉับไวในการส่งมอบทรานเชียนต์ (Transient Response) รวมถึงการนำเสนอรายละเอียดต่างๆ (Resolution) อย่างแจ่มชัด การถ่ายทอดจินตภาพเสียงที่ชัดเจนทั้งกว้าง-สูง-ลึกไม่ต้องมโน  

   “Reference GS Edition” ให้ไดนามิกเสียงอันฉับไว เปี่ยมในเรี่ยวแรงกระแทกกระทั้น ทั้งในแง่ของความกระชับ กระฉับกระเฉงในท่วงท่า-จังหวะจะโคนของดนตรี ความตราตรึงใจในขณะเดียวกันเสียงต่างๆ ที่รับฟังก็ล้วนมีความอบอุ่น อิ่มฉ่ำ ให้ความมีตัวมีตนของเสียง สมจริงสมจังอย่างเสียงที่ได้ยินได้ฟังในธรรมชาติ ดังนั้นเสียงที่รับฟังจาก Reference GS Edition  จึงมีท่วงทำนองดนตรีที่เข้มข้น แน่นปึ๊ก รุกเร้าไม่แช่มช้า ฟังได้มันส์ซะใจ จนพูดได้ว่า "เยี่ยมยอด" เหนือชั้น  

   ยิ่งรับฟัง “Reference GS Edition” ยิ่งสร้างความตราตรึงใจที่ทำให้การรับฟังเพลงและดนตรีรับรู้ได้ถึงสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่จริงจากสรรพเสียงที่กำลังรับฟัง รายละเอียดเสียงสารพัดพรั่งพรูออกมาอย่างจะแจ้ง สำแดงศักยภาพความเป็น 3 มิติของเสียงได้อย่างครบถ้วนโดยไม่ต้องใช้มโนภาพ ทั้งในแง่ความแผ่กว้าง-ความสูง และความลึกในสภาพซาวด์สเตจ พร้อมทั้งบรรยากาศห้อมล้อม หรือ Atmosphere อันอบอวลสมจริง ยิ่งกว่านั้นทางด้านของเสียงร้อง (Vocal) ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ฟังดูอิ่มเอิบ มีชีวิตชีวา ราวกับว่านักร้องนั้นกำลังปรากฏกายอยู่ท่ามกลางเสียงเพลงและดนตรีที่กำลังรับฟัง  

   “Reference GS Edition” สามารถให้ช่วงย่านความถี่เสียงสูงอันพละพลิ้ว ลอยตัว เต็มเปี่ยมในความมีชีวิตชีวา และทิ้งทอดตัวได้ยาวไกล ในขณะที่หางเสียงสูงๆอย่างฉิ่ง-ฉาบ-เหล็กสามเหลี่ยมก็เปี่ยมในความกังวาน-ยาวไกลไปสุดตัว และยังบ่งบอกเสียงลมพ่น-กัดหูน้อยๆของเครื่องดนตรีประเภท Brass และเสียงลมเป่า-เป็นละอองของเครื่องดนตรีประเภท Woodwind ได้เป็นธรรมชาติสมจริงมาก สามารถให้ความแจ่มชัด และสดสว่าง ควบคู่ด้วยความสะอาดสะอ้านของเสียง จนขอบอกว่า รู้สึกทึ่งมาก ด้วยว่าสามารถจับเสียงดนตรีโน่น-นี่-นั้นได้ถนัดหูราวกับมองเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยทีเดียว “Reference GS Edition” ให้รายละเอียดเสียงต่างๆ ได้อย่างระยิบระยับ เสียงที่เคยฟังแล้วไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอะไร ก็เคลียร์ละครับคราวนี้  

  นอกจากนี้ “Reference GS Edition” ยังจะทำให้เรา-ท่านรับรู้ได้ถึงสเกลเสียงอันสมจริง ไม่ใหญ่-ไม่เล็กผิดไปจากสภาพอันเป็นจริงอย่างที่เราเคยได้ฟังเสียงนั้นๆ ในธรรมชาติ ด้วยขนาดเวทีเสียงที่แผ่กว้างเลยตำแหน่งตั้งวางลำโพงซ้าย-ขวาออกมาข้างละร่วมเมตร ซึ่งถ้าลองฟังกับแนวดนตรีแสดงสด คุณจะรู้สึกราวกับเข้าไปอยู่ท่ามกลางสภาพเสียงในเหตุการณ์จริง ณ ขณะนั้นเลยทีเดียวเชียวละ...ซึ่งยิ่งทำให้การรับฟัง “Reference GS Edition” มีความเพลิดเพลินจำเริญใจ ยิ่งอยากนำเพลงนั้นเพลงนี้มาเปิดฟัง เพื่อดูซิว่า จะรับรู้ได้ถึงอะไรต่อมิอะไรมากขึ้นกว่าที่คุ้นชิน... 

  ว่ากันตามจริงไม่มีอ้อมค้อม “Reference GS Edition” มีบุคลิกเสียงที่เนียนนุ่ม ฉ่ำชุ่ม ให้ความระรื่นโสตประสาทเป็นอย่างมาก ฟังอะไรก็ไพเราะเสนาะหู ด้วยความกลมกล่อม มีน้ำมีนวลชวนฟัง เป็นเสียงที่น่าเคลิบเคลิ้ม ให้ความผ่อนคลาย ฟังได้ไม่รู้หน่าย ทั้งยังช่วยให้คุณได้รับรู้อะไรต่อมิอะไรในสิ่งที่แตกต่างจากที่เคยได้ฟัง “มิใช่เกินจริง” แต่ดุจเดียวกับความเป็นจริงแห่งจินตนาการขณะรับฟังเพลงและและดนตรี “Reference GS Edition” ให้เสียงที่ผุดโผล่อย่างฉับพลันทันใด รวมทั้งให้อาณาบริเวณเสียงที่มีตัวมีตน ระบุตำแหน่งได้ชัดเจน ไม่เบียดบังซ้อนทับกัน ทั้งยังมีความกังวานในปลายอณูเสียง ไม่หดห้วนอัดอั้น หรือว่าถูกจำกัดการนำเสนอ เสียงทุกเสียงตลอดทั้งช่วงย่านเสียงสูงล้วนทอดตัวยาวไกล ให้ความพละพลิ้วค่อยๆ จางหายไปอย่างสมจริงเป็นธรรมชาติ 

   “Reference GS Edition” ยังส่งมอบสภาพเสียงแวดล้อมต่างๆ ได้เป็นละอองอณูรายรอบ มิใช่บ่งบอกออกมาแค่บรรยากาศ (Atmosphere) หรือ มวลอากาศ (Airy) ทั้งยังให้ความพละพลิ้ว อิ่มเอิบ เปล่งปลั่งได้อย่างน่าฟัง โดยมิใช่เป็นเสียงในลักษณะเจิดจ้า หรือจัดจ้าน ช่วงย่านความถี่สูงที่รับฟังก็รับรู้ว่า ทอดยาวไปไกลสุดกู่กันเลยทีเดียว เป็นเสียงสูงๆ ที่เรา-ท่านรับฟังได้ในความสมจริง เป็นเสียงที่เปี่ยมในความเป็นธรรมชาติ มิได้มีการปรุงแต่ง หรือ เน้นขึ้นมาให้ฟังดูใสกระจ่างอย่างผิดไปจากความเป็นจริง “Reference GS Edition” สร้างความน่าประทับใจในด้านการส่งมอบลักษะเสียงที่ปลดปล่อย และเปิดโปร่งได้อย่างสมจริงมากทีเดียว ให้ทั้งพลังไดนามิกอันฉับพลัน ไหลลื่น เฉียบคม (Crispy) กระทั่งมีความฉับไวในการจำแนก-แยกแยะเสียงต่างๆ คุณจะรับฟังเสียงฉาบได้เป็นเส้นเป็นสาย ให้ประกายสดใสปิ๊ง คุณจะรับฟังเสียงแซกโซโฟนที่มีมวล มีน้ำหนักให้ลักษณะลมพ่นอย่างสมจริง คุณจะรับฟังเสียงกลองซึ่งตึงแน่น สั่นระรัวเป็นระลอกคลื่นอากาศ ฟังได้มันส์ในอารมณ์มาก เช่นเดียวกับเสียงเบสยืนที่หนักแน่น ฟังโน๊ตได้เป็นเป็นตัวๆชัดเจน โดยไม่พลาดการรับรู้อิมเมจ-ซาวด์สเตจ รวมไปถึงมวลอากาศรายรอบอันอบอวล (Airy) 

  ในขณะเดียวกันสรรพเสียงที่ “Reference GS Edition” ส่งมอบ-ถ่ายทอดออกมานั้นยังเปี่ยมด้วยรายละเอียด ให้การจำแนกแยกแยะลักษณะเสียงจำเพาะ-เฉพาะตัวของแต่ละเสียง (Timbre) ได้อย่างดีทีเดียว ทั้งยังสามารถส่งมอบการผุดโผล่ของรายละเอียดเสียงระยิบระยับ รวมทั้งสัญญาณเสียงฉับพลันได้อย่างทันทีทันใด ให้ทั้งความจะแจ้ง-แจ่มชัด-สดใส พร้อมการเปิดโปร่ง-โล่งกระจ่าง ไร้สภาพ “หมอกควัน” ปกคลุม ลักษณะเสียงโดยรวมมีมวลมีน้ำหนักให้ความชัดเจนในทุกสรรพเสียง พร้อมด้วยความอวบอิ่ม-ฉ่ำชุ่ม และอบอวลของมวลบรรยากาศห้อมล้อม (Atmosphere) เป็นธรรมชาติสมจริงมาก 


สรุปส่งท้าย

  ขอใช้คำว่า “Reference GS Edition” นั้นเป็นลำโพงประเภทตัวจริงเสียงจริง ที่ให้ได้ทั้งความอิ่มเอิบ ความฉ่ำชุ่ม ละมุนละไม รวมทั้งความฉับไว และเปี่ยมในการบ่งบอกสภาพแวดล้อมของเสียง สมบูรณ์แบบจริงๆ ครับ ส่งมอบทั้งความกลมกล่อม นวลเนียน ละเมียดละไมของสรรพเสียง เฉกเช่นเดียวกับสมรรถนะในการส่งมอบไดมามิกและรายละเอียดเสียงในระดับระยิบระยับ รวมทั้งเรา-ท่านจะยังคงรับรู้ได้ในความกระชับกระฉับกระเฉง ปรู๊ดปร๊าดในไดนามิกเสียง ได้ฟัง “Reference GS Edition” แล้วจะรู้สึกรุกเร้า-คึกคักในอารมณ์ พร้อมด้วยจังหวะจะโคนอันแม่นยำ ให้การเก็บตัวที่ดี ไม่มีอาการเบสรุ่มร่าม หรือเบสกลวงๆ ลวงหูแม้แต่น้อยนิด 

  “ขอยกนิ้วสองหัวแม่โป้ง” (Two Thumbs Up !) ให้เลยครับสำหรับความเยี่ยมยอดของ “Reference GS Edition” ทั้งในด้านความกลมกล่อม นวลเนียน ละเมียดละไมของสรรพเสียง รวมถึงสมรรถนะการถ่ายทอด-บ่งบอกจินตภาพและสภาพเวทีเสียงที่ดูจะมีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษ เฉกเช่นเดียวกับสมรรถนะในการส่งมอบไดนามิกเสียง ในขณะเดียวกัน “Reference GS Edition” ก็ให้ลักษณะเสียงอันละเมียดละไม เอิบอิ่ม ฟังสบาย-ผ่อนคลาย ให้ความความเพลิดเพลินใจ ฟังได้ยาวนานติดต่อกัน...ได้ฟัง “Reference GS Edition” แล้วคุณก็จักได้พบกับความสุขในขณะที่ได้รับฟังเพลง...แน่นอนครับ 

  จุดเด่นสำคัญอย่างมากๆ ที่ดูจะหาได้ยากจากลำโพงโดยทั่วไปในความเป็น “Reference GS Edition” ก็คือ ความกลมกลืน-ละเมียดละไมของทุกย่านเสียงจนไร้ซึ่งตะเข็บรอยต่อ...พูดบอกออกมาเจาะจงไม่ได้จริงๆ ครับว่า “Reference GS Edition” ให้ความโดดเด่น-น่าประทับใจในช่วงย่านเสียงกลาง-วงย่านเสียงสูง หรือว่าที่ช่วงย่านเสียงต่ำ เพราะทั้งหมดนั่นมีความนวลเนียนเป็นเนื้อเดียวกันอย่างไหลลื่นและต่อเนื่องโดยตลอดทั้งช่วงย่านความถี่ตอบสนองจากต่ำสุดไปสูงสุด จนราวกับว่าเปล่งออกมาจากลำโพงเดียวโดดๆ มิใช่ลำโพงที่แบ่งแยกแบบสาม-ทาง หกตัวขับเสียง นี่แสดงว่า “Reference GS Edition” ได้รับการปรับจูนอย่างพิถีพิถัน เฉพาะอย่างยิ่งกับวงจรตัดกรอง/แบ่งช่วงความถี่ (Crossover) ที่ใส่ใจมากทีเดียว และนั่นย่อมสะท้อนไปถึงเรื่องของการออกแบบมาอย่างดีมากๆ แต่แรกเริ่มด้วยเช่นกัน 

   ยืนยันได้ว่า “Reference GS Edition” เป็นลำโพงที่ “ครบเครื่อง” ในทุกด้านทั้งอิ่ม ทั้งฉ่ำ ทั้งฉับไว ทั้งหนักแน่น ทั้งละมุนละไม และเปี่ยมในบรรยากาศ สมบูรณ์แบบจริงๆ ครับ “Reference GS Edition”  นั้นให้ทั้งความหนักแน่น เรี่ยวแรงกระแทกกระทั้น และพลังแรงกระทบ-ปะทะ รวมทั้งไดนามิก ได้ฟังแล้วรู้สึกคึกคัก กระฉับกระเฉง แม้ว่าเสียงเบสของ “Reference GS Edition” จะมิได้เป็นลักษณะอัดดันตับปอดหัวใจไส้พุงของคุณจนรู้สึกจุกอก แต่ “Reference GS Edition” ก็ให้ความลึกได้ดื่มด่ำ ทิ้งทอดตัวลงไปได้ลึกอย่างน่าทึ่ง พร้อมด้วยจังหวะจะโคนอันแม่นยำ ให้การเก็บตัวที่ดี ไม่มีอาการรุ่มร่ามที่ฟังดูเป็นเบสหนาๆ กลวงๆ ลวงหูแม้แต่น้อยนิด  

…เป็นอีกครั้งที่ผมอยากจะบอกทิ้งท้ายไว้ว่า “Reference GS Edition” ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ฟังที่เน้นการรับฟังแบบ “พินิจพิเคราะห์” หรือ ชื่นชอบในการฟังแบบจับโน่นจับนี่จับนั่นอย่างเป็นพิเศษอยู่สักหน่อย แต่ในขณะเดียวกันการที่มีลักษณะเสียงอันละเมียดละไม เอิบอิ่ม ฟังสบาย-ผ่อนคลาย ก็ให้ความความเพลิดเพลินใจ ฟังได้ยาวนานติดต่อกัน ซึ่งน่าจะลงตัวกับกลุ่มผู้ฟังแบบ “เอาเพลิน” หรือ เสพสุขจากห้วงอารมณ์ดนตรีด้วยเช่นกัน…ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเล่นประเภทไหน คุณก็จักได้พบกับความสุขในขณะที่ได้รับฟังเพลง…แน่นอนครับ

    ปัจจุบัน ‘Canton’ ลำโพงคุณภาพสัญชาติเยอรมันมีผลิตภัณฑ์ทางด้านลำโพงครอบคลุมอยู่ใน 5 หมวดหมู่หลักๆ :- Reference, Hi-Fi, Home Cinema, Pro House และ Wireless Hi-Fi ครอบคลุมเป้าประสงค์เพื่อการดูหนัง และการฟังเพลงอย่างเป็นการเฉพาะเหมาะเจาะ รวมถึง Bluetooth Speakers, Soundbar และ Soundbase Speakers กระทั่ง In-Wall/In-Ceiling Speakers และลำโพงเพื่อการใช้งานอย่างเป็นเอนกประสงค์ โดยที่ในแต่ละหมวดหมู่นั้นก็แยกย่อยลงไปในอีกหลายต่อหลายซีรีส์  

    โดยที่ ‘Canton’ แท้จริงแล้วนั้น ชื่อนี้มาจากรากศัพท์ของคำ 2 คำประกอบกัน ‘Cantare’ : ซึ่งเป็นภาษาลาติน มีความหมายถึง “To Sing” รวมเข้ากับคำว่า ‘Ton’ : ในภาษาเยอรมัน มีความหมายถึง “Musical Tone” กลายเป็นความหมายที่บ่งบอกในเรื่องของ ‘การส่งเสียงเพลงและดนตรีอันไพเราะ’ สะท้อนย้อนไปได้ถึงภาระหน้าที่ของลำโพงชั้นดียี่ห้อนี้ ที่ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ปีค.ศ.1972 หรือกว่า 40 ปีมาแล้ว โดยความร่วมมือร่วมใจกันของ Hubert  Milbers, Otfried Sandig, Günther Seitz และ Wolfgang Seikritt ซึ่งต่างประสบการณ์ ต่างความรู้ความเชี่ยวชาญในแวดวงการทำงานได้ก่อตั้ง ‘Canton’ ขึ้นมา สืบเนื่องจากแนวคิดที่เห็นพ้องต้องกันในการสร้างสรรค์ลำโพงที่ส่งมอบเสียงแบบ “Pure Music” ได้อย่างในอุดมคติ 

   ‘Canton’ ออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ‘Subwoofer Satellite System’ เป็นผลงานชิ้นแรกสุดในปีค.ศ.1979 จากนั้นในปีถัดมา ‘Ergo Floor-standing Speaker’ ก็ตามติดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ซีรีส์ชุดแรกสุดของ Canton ต่อมาในปีค.ศ.1983, Pullman Set 300 เป็นลำโพงรถยนต์ที่กษัตริย์ ฮวน คาร์ลอส แห่งสเปนทรงเลือกใช้ติดตั้งในรถยนต์เปิดประทุนส่วนพระองค์ กระทั่งในปีค.ศ.1989 ‘Canton’ ก็ได้ลงทุนสร้าง ‘Anechoic Chamber’ เป็นของตัวเอง 

  ‘Canton’ ออกจำหน่าย Karat Series เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1999 ซึ่งได้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก โดยมี “Karat Reference 2 DC” เป็นรุ่นเรือธงระดับ Masterpiece ประดับไว้ในวงการ และแล้วในปี ค.ศ.1999 ทาง ‘Canton’ ก็ได้สร้างความน่าทึ่งให้เป็นที่ปรากฏต่อแวดวงลำโพงไฮ-เอนด์ โดยเป็นบริษัทแรกสุดที่เปิดตัวลำโพงแบบไร้สายเต็มระบบ (Fully Wireless Hi-Fi Speakers) แสดงให้เห็นถึงแนวคิดอันก้าวหน้า และรุดหน้าในเทคโนโลยี รวมทั้งความพิถีพิถันในสมรรถนะและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 

  Günther Seitz รับหน้าที่ CEO ของบริษัท ณ ปัจจุบัน และ Frank Göbl ทำหน้าที่ Technical Director ให้แก่ Canton และยังทำหน้าที่ดูแลการออกแบบซีรีส์ระดับ Flagship ของ Canton อีกด้วย ‘Canton’ ระบุว่า ระบบลำโพงของบริษัททุกรุ่น-ทุกซีรีส์ล้วนคำนึงถึงปัจจัยความคิดของทั้งเพศหญิงและเพศชายมาเป็นประเด็นสำคัญร่วมกันของการออกแบบ โดยที่ประเด็นความสวยงาม ดูดีมีสไตล์ กะทัดรัด น่ารัก เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้หญิงให้ความใส่ใจ ในขณะที่เรื่องของเรี่ยวแรง พละกำลัง และคุณภาพเสียงนั้นนับเป็นประเด็นที่ผู้ชายมุ่งให้ความสนใจ ดังนั้น ‘Canton’ จึงรวมเอาความสวยงาม-ความลงตัวของขนาดมิติตัวตู้ลำโพงที่น่ามองเข้ากับพลังและคุณภาพแห่งเสียงที่รับฟัง ดุจดั่งเป็นลำโพงในอุดมคติ 

     โดยที่ Reference K series นับเป็นซีรีส์ในระดับ Flagship ปลายสุดยอดของ Canton ซึ่งมี Frank Göbl ซึ่งเป็น Technical Director ทำหน้าที่ผู้ออกแบบในทุกรุ่นของซีรีส์นี้ 'Frank Göbl' ได้เคยเปรียบเทียบถึง Reference K series เอาไว้ว่า "Living in a monastery... strict asceticism and a focus on essentials lead to a steady improvement in virtues." (การใช้ชีวิตในสังฆาวาส...การบำเพ็ญตบะอย่างเคร่งครัดและการให้ความสนใจกับข้อมูลสำคัญจะนำไปสู่การปรับปรุงคุณธรรมอย่างสม่ำเสมอ) เพื่อบ่งบอกถึงความ "มหาโหด" ของการออกแบบสำหรับ Reference K series ที่ต้องการให้เคร่งครัดในวินัย-ความประพฤติอันดีงาม นำไปสู่ความถูกต้อง-แม่นยำ ไร้ซึ่งความลำเอียง โดยไม่มองข้ามในความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นนิรันดร์ และจักต้องดำรงไว้ซึ่งคุณธรรมของการปฏิบัติตัว  

    ทว่าทั้งนี้ในปี ค.ศ.2024 Canton จะมี Reference Series ใหม่ล่าสุด ซึ่งออกมาแทนที่ Reference K Series ดั้งเดิมทั้งหมด นอกเหนือจากการมี Reference GS Edition เป็นรุ่นเรือธงใหม่ระดับบนสุด อันก้าวล้ำในเทคโนโลยีล่าสุดของ Canton 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอขอบคุณ : บริษัท อินเวนทีฟ จำกัด โทร.0-2238-4078-9

ที่อนุเคราะห์ Canton : Reference GS Edition และสถานที่ในการรับฟังครั้งนี้

Exit mobile version