Test Report: PMC MB2 XBD se

0

3-Way Floor-stander Speakers

Test …..มงคล อ่วมเรืองศรี

            PMC เป็นแบรนด์เนมที่ย่อมาจากชื่อเต็มว่า Professional Monitor Company ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1991 โดย Peter Thomas (ซึ่งเคยทำงานอยู่ใน BBC) และ Adrian Loader (แห่ง FWO Bauch) จากนั้นก็ได้ออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์แรกสุด ‘BB5-A’ ในรูปแบบของ Active Main Studio Monitor จนเป็นที่กล่าวขานถึง PMC จึงมีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์ลำโพงมอนิเตอร์มาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งลำโพงมอนิเตอร์ก็นับเป็นหนึ่งในประเภทลำโพงเพื่อการใช้งานในระดับมืออาชีพ

‘ลำโพงมอนิเตอร์’ (Monitor Speakers) ชื่อก็บ่งบอกถึงการใช้งานเพื่อการตรวจเช็คคุณภาพของการบันทึกเสียงโดยเฉพาะอยู่ในตัว ดังนั้นลำโพงมอนิเตอร์จึงต้องมีสมรรถนะการใช้งานที่สำคัญยิ่งนัก ในการส่งมอบความสมจริง และความถูกต้อง-แม่นยำในการถ่ายทอด-บ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่จริงในขณะทำการบันทึกเสียง เพื่อให้วิศวกรผู้ควบคุมการบันทึกเสียงจะได้สามารถรับรู้ได้ถึงเสียงที่ขาด – เสียงที่เกินจากความเป็นจริง, รายละเอียดต่างๆ รวมทั้งอะไรต่อมิอะไรที่มีอยู่จริงได้อย่างครบถ้วน ไม่เว้นแม้แต่ในเรื่องของขนาดของชิ้นดนตรีหรือ Scale และระยะห่างของแต่ละชิ้นดนตรีหรือ Space รวมถึงความโอ่โถงของสถานที่ที่ทำการบันทึกเสียงหรือ Spacious นอกเหนือไปจากการไร้ซึ่งความคลาดเคลื่อนในเรื่องของค่าเฟสและค่าเวลา (Phase & Time) อันเป็นปัจจัยสำคัญในด้านของการบ่งบอกสภาพอิมเมจและซาวด์สเตจ

            ดังนั้นการออกแบบลำโพงมอนิเตอร์ จึงต้องคำนึงถึงประเด็นในเรื่องของการปราศจากซึ่งบุคลิกเสียงเฉพาะตัว อย่างที่เรียกกันว่า Characteristic และยังจำต้องไร้ซึ่งการเติมแต่งสีสันของเสียงให้ผิดเพี้ยน-เบี่ยงเบนไปจากเสียงจริงๆ อย่างที่เรียกกันว่า Coloration อีกด้วย สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ลำโพงมอนิเตอร์มีศักยภาพที่เหนือระดับลำโพงบ้าน (Home use) โดยทั่วไป นักเล่น-นักฟัง แม้แต่เซียนหูทองหรือนักทดสอบเครื่องเสียงบางท่านจึงมักนิยมนำเอาลำโพงมอนิเตอร์มาใช้งานในการรับฟัง

            วิศวกรของ PMC จึงมีบางซีรีส์ที่หยิบจับเอาลำโพงมอนิเตอร์มาพัฒนาหรือประยุกต์ให้เหมาะเจาะกับการใช้งานในลักษณะของลำโพงบ้านที่มีสมรรถนะในระดับมอนิเตอร์ อาทิเช่น “i Series” ในอดีต และ “se Series” ในปัจจุบัน ซึ่งโดยแท้จริงนั้น “se Series” ก็เป็นการพัฒนาต่อเนื่องจาก “i Series” อันสุดโด่งดังในอดีตนั่นเอง โดยที่ Peter Thomas ท่านประธานบริษัทของ PMC ได้ระบุว่า ‘นี่เป็นซีรีส์ใหม่ล่าสุดของ PMC ที่สืบทอด-ต่อยอดความสำเร็จ จนเป็นที่ยอมรับอย่างมากจากทั่วโลกของ “i Series” ซึ่งอ้างอิงระบบการทำงานในการส่งมอบความถูกต้องของการถ่ายทอดเสียง รวมถึงความแม่นยำในการจำลองสภาพเสียงในแนวทางของลำโพงมอนิเตอร์สู่ความเป็นลำโพงใช้งานในบ้าน โดยที่ “se Series” ได้รับการพัฒนาสมรรถนะให้เหนือชั้นยิ่งกว่า “i Series” ขึ้นไปอีกขั้น ทั้งยังให้ความสวยงามของลายไม้บนตัวตู้ลำโพงควบคู่กับความงดงามของเสียงที่รับฟัง

คุณลักษณ์

            MB2 XBD se นั้น โดยแท้จริงแล้ว ประกอบด้วยการทำงาน 2 ส่วน – สอดประสานร่วมกันอย่างเป็นระบบ อันได้แก่ MB2 se กับ XBD โดยที่ “MB2 se” ก็คือ รุ่นหนึ่งใน se Series ที่เป็นการหยิบจับเอาลำโพง Reference Monitors รุ่น MB2S (ในกลุ่ม Professional สำหรับการรับฟังในสตูดิโอที่ระยะห่างปานกลางหรือ Midfield Listening) มาพัฒนาสมรรถนะให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานในลักษณะของ Home-use อันเหนือชั้นยิ่งกว่าธรรมดา ส่วน “XBD” ก็เปรียบได้กับ Bass Element System ที่ทำหน้าที่ “เสริม” ช่วงความถี่เสียงต่ำให้กับ MB2 se ซึ่งจะทำงานในลักษณะที่เป็น Passive Device โดยจะมีวงจรตัดกรอง/แบ่งช่วงความถี่บรรจุอยู่ในตัว (เฉกเช่นเดียวกับ MB2 se)

            ดังนั้น “XBD” จึงมิใช่ Subwoofer หรือ Sub Bass Unit สำหรับ MB2 se เนื่องเพราะว่า MB2 se จะยังคงทำการขับขานตลอดช่วงความถี่หลัก (Full Bandwidth) อยู่เช่นเดิม ในขณะที่ XBD จะเข้ามาเสริมสมรรถนะ “เติมเต็ม” ช่วงความถี่เสียงต่ำให้แก่ MB2 se …โดยที่่ XBD จะช่วย “ยกระดับ” เฮดรูมในช่วงความถี่เสียงต่ำ (LF Headroom) โดยเฉพาะความถี่ที่ต่ำกว่า 380Hz ลงมา ให้เพิ่มขึ้นจากปกติมาอีก 3dB – ซึ่งนี่จะส่งผลลัพธ์โดยรวมต่อการรับฟังในทุกลักษณะของห้องฟัง !

MB2 se นับเป็นลำโพงตัวหลัก (Main Speaker) ที่มีระบบการทำงานในแบบ 3 ทาง ภายใต้รูปลักษณ์ลำโพงวางขาตั้ง (Stand-Mounted Speakers) ขนาดใหญ่ (ซึ่งต้องใช้ขาตั้งวางเฉพาะรุ่นนี้ของ PMC) ในชุด “se Series” ที่มุ่งเน้นในสมรรถนะระดับสูง เพื่อการส่งมอบคุณลักษณ์เสียงดนตรีที่มีความสดใส แจ่มชัด เที่ยงตรงตามแบบฉบับของแนวดนตรีที่รับฟัง ให้คุณได้เข้าถึงห้วงอารมณ์ (Emotion) ของดนตรีอย่างที่ควรจะได้รับจากดนตรีแท้จริง ด้วยการผสมผสานไดรเวอร์ที่ออกแบบใหม่ ซึ่งให้ความแม่นยำสูงในการตอบสนองช่วงความถี่ ควบคู่กับหลักการ ATL Bass Loading Technology ที่ผันผ่านพัฒนาการจากแนวทางของระบบ Transmission-Line อย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

            MB2 se มีมิติขนาดตัวตู้ภายนอก 870x380x535 มม. (สูงxกว้างxลึก) น้ำหนักต่อข้าง 58 กก. (ไม่รวมน้ำหนักขาตั้งข้างละ 17 กก.) โดยติดตั้งใช้ตัวขับเสียงต่ำหรือวูฟเฟอร์แบบ PMC Radial™ Driver ขนาด 12 นิ้ว ร่วมกับตัวขับเสียงกลางหรือมิดเรนจ์ ‘PMC75 SE’ แบบ Fabric Soft Dome ขนาด 75 มม. ทวีตเตอร์แบบ SONOLEX™ Fabric Soft Dome, Ferrofluid Cooled Effective ของ PMC/SEAS® ขนาด 27 มม. โดยมีจุดตัดกรอง/แบ่งช่วงความถี่กำหนดไว้ที่ 380 เฮิรตซ์ และ 3,800 เฮิรตซ์ ด้านหลังตัวตู้ลำโพงติดตั้งขั้วลำโพงคุณภาพสูง 3 ชุด พร้อมรับการเสียบต่อสายลำโพงในแบบ Tri-Wired

ส่วน XBD นั้น ก็จะมีมิติขนาดตัวตู้ภายนอก รวมทั้งน้ำหนักต่อข้างที่ใกล้เคียงกับ MB2 se เพียงแต่จะมีเฉพาะตัวขับเสียงต่ำหรือวูฟเฟอร์ที่เป็นแบบ PMC Radial™ Driver ขนาด 12 นิ้ว (เป็นวูฟเฟอร์แบบเดียวกับ MB2 se นั่นแล) จำนวน 1 ตัวติดตั้งอยู่เท่านั้น เพื่อทำหน้าที่ขับขานจำเพาะช่วงย่านความถี่เสียงต่ำ-เสริม-เข้าไปกับระบบเสียงโดยรวม (ความถี่ต่ำกว่า 380 เฮิรตซ์ลงมา) …นี่จึงส่งผลให้ MB2 XBD se ทำหน้าที่เป็นระบบลำโพงแบบ 3 ทาง, 4 ตัวขับเสียง ที่สามารถตอบสนองช่วงความถี่เสียงโดยรวม ครอบคลุมในช่วงตั้งแต่ 20 – 25,000 เฮิรตซ์ ที่ค่าความไวเสียง 93 ดีบี และมีค่าความต้านทานปกติ 4 โอห์ม ภายใต้มิติขนาดตัวตู้ภายนอกโดยรวม 1740x380x535 ม.ม. (สูงxกว้างxลึก) น้ำหนักต่อข้าง 116 กก. (รวมน้ำหนักของ XBD ด้วย)

            ทั้งนี้ทาง PMC มิได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวูฟเฟอร์แบบ ‘Radial™ Driver’ ที่ PMC ได้นำมาใช้เป็นเครื่องหมายทางการค้าเฉพาะหรือ Trademark แต่จากการสืบค้นข้อมูลทราบว่า PMC ได้มีการพัฒนาและนำไดรเวอร์แบบนี้มาใช้ใน “i Series” เป็นครั้งแรกสุด แล้วต่อยอดพัฒนาการมาสู่การใช้งานใน “se Series”

            วูฟเฟอร์แบบ ‘Radial™’ นี้ เมื่อดูจากสภาพภายนอก (Physical) จะพบความแตกต่างจากโครงสร้างวูฟเฟอร์ธรรมดาทั่วไป โดยจะมีส่วนที่เรียกว่า EXO-Skeleton (ซึ่งมองดูเหมือนแขนของดาวทะเล) ในลักษณะของ “แขนยึดจับ” (Exposed Fins) จำนวนทั้งสิ้น 8 อัน ทำหน้าที่คล้ายๆ โครงกระดูกค้ำยันบริเวณส่วนหน้าตัวกรวยลำโพง (Cone) พร้อมๆ กับจะทำหน้าที่ในลักษณะของการช่วยระบาย-ถ่ายเทความร้อนตรงจากวอยซ์คอยล์สู่อากาศ คล้ายๆ กับ Heat Sink ส่งผลให้วอยซ์คอยล์มีช่วงอุณหภูมิที่แทบจะคงที่ตลอดระยะเวลาของการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Spider อีกชุดติดตรึงอยู่ตรงบริเวณส่วนหน้าใกล้ๆ ใจกลางตัวกรวยเพื่อช่วยเสริมเสถียรภาพการเคลื่อนตัวของตัวกรวยให้มีความสมดุลในลักษณะของลูกสูบหรือมีความเป็น Piston motion อย่างที่ควรจะเป็นอยู่ตลอดเวลาในขณะใช้งาน ไม่ว่าจะต้องเคลื่อนตัวไปเป็นระยะทางมาก-น้อยเพียงใดก็ตามที

            ส่วน “ATL” นั้น ย่อมาจาก ‘Advanced Transmission line’ ดังนั้น ATL จึงเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของระบบตู้เปิดนั่นเอง โดยจะรับเอาพลังงานเสียงจากทางด้านหลังของตัวขับเสียงมิด/เบสส่งผ่านช่องทางเดินของอากาศภายในตัวตู้ที่ได้รับการแดมป์ไว้อย่างดี แล้วก็มาปล่อยออกทางท่อเปิดด้านหน้าตัวตู้ ซึ่งก็จะมาเสริมแรงเข้ากับพลังงานเสียงของตัวขับเสียงมิด/เบสทางด้านหน้าตัวตู้นี่แหละ ทำให้ได้เสียงความถี่ต่ำๆ ที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น …ซึ่งความยาวเส้นท่อที่วกไปวนมาของ ATL สำหรับทั้ง MB2 se และ XBD นั้นยาวถึง 3 เมตร หรือ 10 ฟุตเลยทีเดียว

            “ATL” ของ PMC จะมีโครงสร้างตัวตู้อันแข็งแกร่ง ซึ่งขึ้นรูปจากวัสดุ MDF ที่มีความหนาถึง 35 มม. ผนวกเข้ากับตัวขับเสียงซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ควบคู่กับการใช้วัสดุดูดซับ-สลายแรงสั่นสะเทือนพิเศษสุด นำไปสู่ผลลัพธ์ทางเสียงอันเหนือชั้นยิ่งนักเมื่อเทียบกับระบบลำโพงทั้งแบบตู้ปิด และตู้เปิดโดยทั่วไป แนวคิดของ PMC จะใช้ตัวขับเสียงต่ำติดตั้งในตำแหน่งด้านปลายสุดของเส้นทางเดินท่อเปิดที่วกไปวนมา (Labyrinth) ของ ATL (Advanced Transmission Line) ซึ่งเส้นทางเดินท่อเปิดที่วกไปวนมานี้ จะมีวัสดุอะคูสติกพิเศษทำหน้าที่ “Damped” กรุอยู่ภายในโดยตลอดเพื่อดูดซับคลื่นความถี่เสียงเบสส่วนเกินที่ไม่ต้องการ ซึ่งเปล่งออกมาจากด้านหลังของตัวขับเสียงต่ำให้หมดไป เฉพาะช่วงความถี่เสียงต่ำอันลึกล้ำเท่านั้นที่จะถูกปล่อยผ่านออกมาจากสุดทางอีกด้านของปลายเส้นทางเดินท่อเปิดนี้ ด้วยค่าเฟสที่ถูกต้องและตรงกับเสียงที่เปล่งออกมาจากด้านหน้าของตัวขับเสียงต่ำ ดังนั้น “ท่อเปิด” ดังกล่าวจึงทำหน้าที่เสมือนเป็น “ตัวขับเสียงต่ำ-ตัวที่สอง” นั่นเอง

…เคล็ดลับสำคัญนั้นอยู่ตรงแนวคิดวิธีของแรงกดอากาศ (Air Pressure) ภายในตัวตู้ที่รับภาระต่อเนื่องจากตัวขับเสียงต่ำยังคงไว้ซึ่งความสอดคล้องต้องกันอยู่โดยตลอด มวลอากาศภายในเส้นทางเดินท่อเปิดที่วกไปวนมานี้ จะมีส่วนช่วยควบคุมการทำงานของตัวขับเสียงต่ำให้ครอบคลุมช่วงย่านความถี่ที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น และยังเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยลดความผิดเพี้ยนทางเสียงในช่วงย่านเสียงต่ำให้น้อยลงไปอีกด้วย นี่เองที่ส่งผลให้รายละเอียดต่างๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในช่วงย่านความถี่เสียงต่ำตอนบน (Upper Bass) และช่วงย่านเสียงกลาง (Mid-Range) นั้นมิได้ถูกปิดบังอำพรางหรือจมกลืนหายไป คุณลักษณ์ทางเสียงของ PMC จึงเป็นที่ยอมรับกันว่า ให้ช่วงย่านเสียงกลางที่มีความโปร่งกระจ่าง, รวดเร็ว-ฉับไว, ให้แรงกระแทกกระทั้นของเสียงเบส และให้ความชัดเจนอย่างแจ่มชัดจนน่าทึ่ง

            เหนือสิ่งอื่นใด, ATL ของ PMC จะส่งมอบเสียงเบสที่ตอบสนองลงไปได้ลึกล้ำอย่างมาก ควบคู่กับความสามารถในการรองรับกับค่า SPL ที่สูงมากยิ่งขึ้น หากเปรียบเทียบกับระบบตัวตู้ทั้งแบบตู้ปิดและตู้เปิดที่มีขนาดตัวตู้ไล่เลี่ยกัน – ถึงแม้ว่าจะใช้ตัวขับเสียงแบบเดียวกันก็ตามที ยิ่งไปกว่านั้น, ATL ของ PMC ยังให้ความสมจริงในการรับฟัง ด้วยค่าแรงดันเสียงที่สามารถแผดสนั่นได้ในระดับเดียวกับค่าความดังเสียงของเหตุการณ์จริงอีกด้วย เหล่านี้คือ ความโดดเด่นอันเหนือชั้นยิ่งกว่าใครของระบบ Advanced Transmission Line (ATL) จาก PMC

ผลการรับฟัง

       …ก็ต้องขอชี้แจงไว้ก่อนว่า นี่เป็นการเดินทางมาฟังเทสต์นอกสถานที่ ณ โชว์รูม High-End Gallery บนชั้นสองของ The Nine สำหรับการรับฟังของผมในครั้งนี้ ซึ่งขอยืนยัน ณ ตรงนี้ว่า การรับฟัง “MB2 XBD se” ในครั้งนี้ ได้สร้างประสบการณ์อันน่าประทับ – แตกต่างจากลำโพงรุ่นปกติของ PMC ที่เคยรับฟังอย่างจริงจังมาก่อนหน้านี้ ด้วยการออกแบบที่แทบจะเรียกได้ว่า ‘ถอดแบบ’ มาจากลำโพงมอนิเตอร์คุณภาพสูงระดับ Reference Monitor ของ PMC บวกกับ XBD ทำหน้าที่เสริมสมรรถนะช่วงย่านความถี่เสียงต่ำ – “MB2 XBD se” จึงให้ไดนามิกเสียงอันฉับไว เปี่ยมในเรี่ยวแรงกระแทกกระทั้น น้ำหนักเสียงที่ให้เรี่ยวแรงกระทบปะทะ และการทิ้งทอดตัวของเสียงต่ำอันลึกล้ำ-ดื่มด่ำอย่างน่าทึ่ง วูฟเฟอร์แบบ Radial™ Driver ขนาด 12 นิ้ว ทั้ง 2 ตัว เคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในช่วงจังหวะเวลา เสียงเบสจึงกระฉับกระเฉง มีพละกำลังอันหนักหน่วง เข้มข้น ท่วงทำนองดนตรีจึงแน่นปึ๊ก ฟังแล้วรู้สึกคึกคัก มันส์ซะใจ – สมฐานะความเป็นลำโพงใหญ่สูงตระหง่านกว่าเมตรครึ่ง

       “MB2 XBD se” สร้างความประทับใจ ไม่เคยได้ฟังเยี่ยงนี้มาก่อน… !!! ต่อช่วงความถี่ต่ำที่ปลดปล่อยออกมา ทั้งในแง่ของความกระชับ กระฉับ กระเฉง ในท่วงท่า-จังหวะจะโคนของดนตรี เสียงเบสที่เปี่ยมในพละกำลัง ควบคุมตัวได้ดี และยังทิ้งทอดตัวลงไปได้ลึกล้ำเต็มที่ – ที่สำคัญในขณะรับฟังจะรับรู้ว่า “MB2 XBD se” ได้ผลักดันคลื่นเสียง โดยเฉพาะช่วงความถี่ต่ำออกมาในแพทเทริ์นแนวระนาบที่เป็นสมมาตรพร้อมกัน ตั้งแต่พื้นจรดเพดานห้องได้อย่างเป็นเนื้อเสียงเดียวกัน เสียงเบสจึงแผ่เต็มทั้งห้องฟังอย่างทรงพลัง

       ย่านเสียงเบสต่ำๆ ที่ขับขานออกมาจาก “MB2 XBD se” นั้น มิได้มีความขุ่นมัว-อับทึบ หรือว่าหนืด-หนึบหนับ เอื่อยเฉื่อยเลยแม้แต่น้อยนิด หากเพียบพร้อมด้วยเรี่ยวแรงกระแทกกระทั้นอันแน่นปึ๊กปั๊ก การจำแนกแยกแยะจังหวะจะโคนในเสียงเบสนั้นทำได้แม่นยำมากๆ สามารถจับช่วงจังหวะของท่วงทำนอง ควบคู่กับไดนามิกเสียงอันตื่นเต้น ให้ความรู้สึกรุกเร้าใจ …นี่คือคุณประโยชน์ที่ได้รับจาก “XBD” ที่มีการติดตั้งตัวขับเสียงวูฟเฟอร์แบบ Radial™ Driver ขนาด 12 นิ้ว อีกหนึ่งตัวเสริมเข้าไปในระบบ

       อีกหนึ่งความน่าประทับใจที่ได้รับจาก “MB2 XBD se” นอกเหนือจากเสียงเบสที่เปี่ยมในพละกำลัง ควบคุมตัวได้ดี และยังทิ้งทอดตัวลงไปได้ลึกล้ำเต็มที่ ดังที่บอกไว้ตอนต้นแล้วนั้น ก็คือไดนามิกเสียงอันฉับไว เปี่ยมในความไหลลื่น-กลมกลืน น่าฟัง เสียงต่างๆ ล้วนมีความอบอุ่น อิ่มฉ่ำ ให้ความมีตัวมีตนของเสียง สมจริงสมจังอย่างเสียงที่ได้ยินได้ฟังในธรรมชาติ รวมทั้งรายละเอียดเสียงสารพัดสารพัน อันพรั่งพรูออกมาอย่างจะแจ้ง สำแดงศักยภาพความมีมิติเสียงหรือจินตภาพ ทั้งในแง่ความแผ่กว้าง-ความสูง และความลึกในสภาพซาวด์สเตจ พร้อมทั้งบรรยากาศห้อมล้อมหรือ Atmosphere อันอบอวล

ทางด้านของเสียงร้อง (Vocal) ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ฟังดูอิ่มเอิบ มีชีวิตชีวา ราวกับกำลังปรากฏอยู่ท่ามกลางเสียงเพลง และดนตรีที่กำลังรับฟัง แสดงถึงศักยภาพทางเสียงของมิดเรนจ์แบบ โดมผ้า รุ่น ‘PMC75 SE’ อันสุดแสนโด่งดังของ PMC สมดังคำร่ำลือ ในขณะที่ช่วงความถี่เสียงสูงนั้น ก็ไม่ขึ้นขอบแข็งกร้าวหรือจัดจ้าน สามารถให้ความแจ่มชัด และสดสว่าง ควบคู่ด้วยความสะอาดสะอ้านของเสียง จนขอบอกว่า รู้สึกทึ่งมาก ด้วยว่าสามารถจับเสียงดนตรีโน่น-นี่-นั้น ได้ถนัดหูราวกับมองเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยทีเดียว

       คุณจะรับรู้ได้ถึงสเกลเสียงอันสมจริง ไม่ใหญ่-ไม่เล็กผิดไปจากสภาพอันเป็นจริงอย่างที่เราเคยได้ฟังในธรรมชาติ ด้วยขนาดเวทีเสียงที่แผ่กว้างเลยตำแหน่งตั้งวางลำโพงซ้าย-ขวาออกมาข้างละร่วมเมตร ซึ่งถ้าลองฟังกับแนวดนตรีแสดงสด คุณจะรู้สึกราวกับเข้าไปอยู่ท่ามกลางสภาพเสียงในเหตุการณ์จริง ณ ขณะนั้นเลยทีเดียวเชียวละ “MB2 XBD se” สามารถให้ช่วงย่านความถี่เสียงสูงอันพละพลิ้ว ลอยตัว เต็มเปี่ยมในความมีชีวิตชีวา และทิ้งทอดตัวได้ยาวไกล ในขณะที่หางเสียงสูงๆ อย่างฉิ่ง-ฉาบ-เหล็กสามเหลี่ยม ก็เปี่ยมในความกังวาน-ยาวไกลไปสุดตัว และยังบ่งบอกเสียงลมพ่น-กัดหูน้อยๆ ของเครื่องดนตรีประเภท Brass และเสียงลมเป่า-เป็นละอองของเครื่องดนตรีประเภท Woodwind ได้เป็นธรรมชาติสมจริงมาก สามารถให้ความแจ่มชัด และสดสว่าง ควบคู่ด้วยความสะอาดสะอ้านของเสียง จนขอบอกว่า รู้สึกทึ่งมาก

“MB2 XBD se” ให้รายละเอียดเสียงต่างๆ ได้อย่างระยิบระยับ เสียงที่เคยฟังแล้วไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอะไร ก็เคลียร์ละครับคราวนี้ …นี่ยิ่งทำให้การรับฟัง “MB2 XBD se” มีความเพลิดเพลินจำเริญใจ ยิ่งอยากนำเพลงนั้น เพลงนี้มาเปิดฟัง เพื่อดูซิว่า จะได้ยินเสียงอะไรมากขึ้นกว่าที่คุ้นชิน…

       อนึ่งนั้น ระบบลำโพงแบบตู้เปิดโดยทั่วไป มักจะมีเสียงจำเพาะของตัวเอง อันเนื่องมาจากเสียงลมที่เคลื่อนตัวผ่านบริเวณปากท่อเปิด (Port) แต่สำหรับ “MB2 XBD se” ซึ่งก็ใช้ระบบตัวตู้ภายในแบบ Transmission Line ที่ก็นับเป็นระบบตู้เปิดประเภทหนึ่งนั่นแหละ กลับไม่รู้สึกถึงความขุ่นมัวหรือว่าอับทึบในช่วงย่านความถี่เสียงต่ำล้ำลึก “MB2 XBD se” ยังคงส่งมอบเสียงต่ำที่สด สะอาด กระชับ ฉับไว ไม่แช่มช้า เอื่อยเนือยเลยแม้แต่น้อย ควบคู่ด้วยแรงกระแทกกระทั้นอันแน่นปึ๊ก

เปรียบเทียบกับลำโพงอื่นที่มิใช่แบบ Transmission Line ในระดับราคาใกล้ๆ กัน ต้องยอมรับว่า “MB2 XBD se” ดูจะให้ความแม่นยำในท่วงท่า-จังหวะจะโคนของดนตรีได้ดีกว่า รวมทั้งความสด สะอาด ความโปร่งกระจ่างก็ทำได้ดีกว่าเช่นกัน เพียงแต่ต้องขอบอกว่า ตำแหน่งตั้งวางนั้นจำเป็นต้องมีพื้นที่โล่ง ที่หนีห่างจากผนังหลังและผนังด้านข้างอยู่สักหน่อย ทั้งยังควรมีระยะตั้งวางที่อยู่ห่างจากตำแหน่งนั่งฟังเกินกว่า 4.50 เมตรขึ้นไป …นั่นก็เพื่อที่ว่า ถ้าตำแหน่งนั่งฟังอยู่ใกล้กับ “MB2 XBD se” จนเกินควร อาจทำให้ได้รับอิทธิพลจาก XBD แบบเต็มๆ จนเสียงเบสนั้นไปกลบการรับฟังเสียงในช่วงย่านอื่นๆ กระทั่งขาดซึ่งความสมดุลเสียงโดยรวมไป

สรุปส่งท้าย

            “MB2 XBD se” ทำให้การรับฟังเพลงและดนตรีรับรู้ได้ถึงสรรพสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่จริงในสารพัดเสียงที่รับฟัง (ตามที่ได้รับการบันทึกมา) รายละเอียดเสียงสารพัดพรั่งพรูออกมาอย่างจะแจ้ง สำแดงศักยภาพความเป็น 3 มิติ ครบถ้วนทั้งความแผ่กว้าง-ความสูง และความลึกในสภาพซาวด์สเตจ ที่ทะลุเลยผนังห้องออกไป พร้อมทั้งบรรยากาศหรือ Atmosphere อันอบอวล

            คุณจะตราตรึงใจในความแผ่กว้างของอาณาบริเวณเสียงโดยไม่ต้องเครียดเคร่งกับตำแหน่งนั่งฟังตรงกลางระหว่างลำโพงเป๊ะๆ อีกต่อไป ด้วย Sweet Spot ที่กว้างขวางเข้าถึงประสบการณ์ความสมจริงในตำแหน่งแห่งที่ของเสียงเพลงและดนตรี ท่ามกลางสภาพเวทีเสียงอันเสมือนจริง อิ่มเอมใจในรายละเอียดต่างๆ ราวกับกำลังรับฟังดนตรีแสดงสดอยู่ตรงหน้ากระนั้น

            ขอขอบคุณ ร้าน High End Gallery-The Nine Center โทร. 02-056-7934 ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการรับฟัง PMC MB2 XBD se ในครั้งนี้