Test Report: M&K S300 Mk2
“สุดยอดเสียงหนัง”
ไมตรี ทรัพย์อเนกสันติ
ผมเคยทดสอบลำโพงดูหนัง M&KS150 ไปแล้ว เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ด้วยความชื่นชม เมื่อ M&K ออกรุ่นใหม่ S300 ที่ใช้ดอกกลางทุ้ม ใหญ่ขึ้น ดอกแหลมรุ่นใหม่ ตู้ใหญ่ขึ้น จึงน่าคิดว่า มันจะให้ “อะไร” ที่ดีกว่า S150 ได้จริงไหม (ซึ่ง S150 ผมว่ามันก็หายห่วงแล้วน่ะ)
M&K เป็นลำโพงที่เน้นใช้ในวงอาชีพ ไม่ว่าสถานเริงรมย์ โรงภาพยนตร์ ห้องบบันทึกเสียง มากกว่าในบ้าน (อย่างน้อยก็ขณะนี้) จึงทำมาแบบไม่เอาใจ “หู” ไหนๆทั้งนั้น เน้นเสียงเป็นกลาง เป็นธรรมชาติ ขี้ฟ้องระดับมอนิเตอร์ จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมราคาจึงสูงมาก ต้องไม่ลืมว่คุณกำลังใช้ของชุดเดียวกับที่ “ผู้สร้าง” ใช้ในการฟังทดสอบการทำงาน เช่น ระบบมาตรฐาน THX, DTS Dolby Labs, Sony Music, Lucas Film ฯลฯ
ลำโพง M&K ตระกูล S ได้คุณภาพถึงระดับสูงสุดของ THX ล่าสุด คือ THX Ultra 2
ดอกลำโพงที่ใช้ในตระกูล S300 M&K ร่วมมือกับ Scan-Speak ผู้เชี่ยวชาญด้านดอกลำโพงอันดับต้นๆของโลกมา 50 ปี ในการออกแบบและผลิตให้ M&K โดยเฉพาะกับรุ่น S300 ดอกลำโพงกลางทุ้ม (6×5 นิ้ว) ระบบแม่เหล็กเพิ่มวงแหวนอลูมิเนียมช่วยลดความเพี้ยน ตัวแขวนลอยเป็นลอนวงแหวน 5 วงที่ให้การขยับตัวเข้าออกของกรวยได้อย่างคงเส้นคงวา (Linear) วอยส์คอยล์ใช้แกนไฟเบอร์กลาสที่ไม่แสดงตัวมีผลต่อเส้นแรงแม่เหล็ก เจาะรูระบายอากาศรอบๆแกนวอยส์คอยล์ที่เบาแต่แกร่ง กรวยลำโพงทำจากไฟเบอร์กลาสเคลือบโพลีเมอร์ ขอบลอนเดี่ยวSBR ส่วนปิดหน้าวอยส์คอยล์กลางกรวย (dust cap) เป็นไฟเบอร์กลาส โครงลำโพงเป็นอลูมิเนียมที่ M&K สั่งทำโดยเฉพาะ
ดอกเสียงแหลม โดมไหมกับโพลีเมอร์ 1 นิ้ว เน้นการลดแรงอัดอากาศด้านหลังโดม โดยท่อนำส่งอากาศอัดนั้นไปสู่ด้านหลังสุดผ่านการซับเสียงระหว่างทาง ลอดผ่านแม่เหล็กปิดหลังการนำร่องอากาศนี้มีตัวช่วย เบี่ยงนำ (ส่วนควบคุมแรงอัดนี้มีตั้งแต่ กระเปาะด้านท้ายสุด, ตัวลดการสั่น, ตัวปรับแรงดันอากาศ, ตัวรีดนำอากาศ (T-Yoke Air flow) มีการสอดวงแหวนทองแดงช่วยลดความเพี้ยน ตัววอยส์คอยล์เบาหวิว แกนมีรูระบายอากาศโดยรอบ โดมไดอาแฟรม มีการตัวลดการสั่นค้างประกบอยู่ พร้อมกับตัวลดการสั่นหลังโดม
แผงการยึดคอกแหลมทั้ง 3 กับการยึดดอกกลางทุ้มทั้ง 2 จะแยกกันโดยกลางทุ้มยึดกับตัวตู้หลัก ด้านหลังของแผงดอกแหลมจะเป็นผืนอลูมิเนียม ด้านหลัง (ในตู้) ที่ยึดดอกกลางทุ้มจะเป็นแผงเหล็ก
ตัวตู้ของ S300 จะเป็นไม้ MDF 2 ชั้นแบบตู้ซ้อนตู้ มีแผ่นยางมะตอยหนา 3 มม. กั้นกลางช่วยลดการสั่นค้าง ตู้ชั้นในไม้หนา 9 มม. ตู้ชั้นนอกไม้หนา 12 มม. มั่นใจได้ว่าตัวตู้จะ นิ่ง, แกร่ง, ไร้เสียงรบกวน
ดอกกลางทุ้มทั้ง 2 จะยึดติดกับตัวตู้และอยู่ลึกเข้าไป อาศัยความหนาของตัวตู้เป็นปากแตรวงกลม เช่นเดียวกับดอกแหลม ก็จะเสมือนมีปากแตรกลมอยู่ด้านหน้าในทุกๆดอกแหลม แม่เหล็กใช้สตรอนเตียมเฟอไรท์คุณภาพสูง มั่นใจได้ว่าไม่อ่อนไหวต่อความร้อน วงจรแบ่งเสียงเข้าดอกกลางทุ้มทั้งสองจะตัดชันถึง 24dB/oct. วงจรตัดออกแหลมตัดชัน 12dB/oct. มีการแก้ไขควบคุมเฟส พร้อมกับควบคุมความต้านทานโดยรวมให้นิ่งไม่โด่งหรือตกมากตลอดช่วงใช้งาน M&K เน้นการตอบสนองที่ฉับไว มีการใช้อุปกรณ์ระดับหูทอง เช่น ตัวเก็บประจุ โพลีโพไพลีน รับกำลังขับได้สูง สายลำโพงขนาดใหญ่ขดลวดแกนอากาศ (ที่ไร้ความเพี้ยน) โดยใช้เส้นลวดทองแดงบริสุทธิ์ขนาด 1.2 มม. การคัดชิ้นส่วนอุปกรณ์ของวงจรจะเน้นค่าที่ตรงเป๊ะๆ, รับกำลังขับได้สูง
การติดตั้งดอกลำโพงเรียงตัวในแนวดิ่ง ช่วยเพิ่มมมุมกระจายเสียงแนวนอนให้กว้างสุด ขณะที่ควบคุมมุมกระจายเสียงแนวตั้งให้แคบสุด ลดปัญหาเสียงสะท้อนจากเพดานและพื้นห้อง
ขั้วรับสายลำโพงด้านหลังแบบซิงเกิ้ล binding post
สเปคจากโรงงาน
ความต้านทานเสียง 4 โอห์ม
ความถี่ตอบสนอง 60 Hz~ 22 KHz (±3dB)
จุดแบ่งความถี่ 1.2 KHz
แนะนำใช้กับแอมป์ 25~500 วัตต์
ขนาดตู้ (สูง×กว้าง×ลึก) 39.5×34×33 ซม.
หนัก 18.2 กก.
ผลการทดสอบ
จากเครื่องเล่นบลูเรย์ OPPO BDP 105 (ปรับปรุงภาคจ่ายไฟโดย PERFECT POWER โทร. 081-9042213) ต่อออกสายเสียง บาลานท์ MADRIGRAL CZ-GEL2 ไปเข้าอินทิเกรทแอมป์ GARMUT Di 150 (กำลังขับ 180 W.RMS/CH ที่ 8 โอห์ม, 360 W.RMS/CH ที่ 4 โอห์ม, 720 W.RMS/CH ที่ 2 โอห์ม) เป็นทรานซิสเตอร์ DUAL MONO แยกสองหม้อแปลงไฟกลม ผมเลือกขับ Di 150 เพื่อให้หายห่วงไปเลยในเรื่องของกำลังขับ ให้มันรู้ไป ขับด้วย 360 W.RMS ต่อข้าง (ลำโพง S-300 4โอห์ม) อีกทั้ง Di 150 ก็ให้เสียงระดับโคตรมอนิเตอร์ ไร้การแต่งแต้มเติมแต่งโดยสิ้นเชิง (ดูทดสอบ WHAT HIFI ของผมในเล่มที่แล้ว)
จาก Di 150 ต่ออกสายลำโพง FURUKAWA S-2 (ตามทิศ) หัว WBT บานาน่าล็อคได้ ซิงเกิ้ลไวร์ เข้า S-300 (สายลำโพง S-2 ไบ-ไวร์) วางลำโพงบนขาตั้ง TARGET 24 HJ เอียงลำโพง TOE IN ปรับให้ได้ทั้งสุ้มเสียงครบและมิติโฟกัสดีที่สุด วางตู้ลำโพงให้ดอกลำโพงเสียงแหลมอยู่ในแนวตั้ง (ซึ่งจะให้มุมกระจายเสียงแนวนอนกว้างดีที่สุด) เอาหน้ากากลำโพงออก ยกสายลำโพงสูงหนีพื้นห้อง (พรม/ปูน) ด้วยตั้งกระดาษพิมพ์ดีด (ใหม่) สูง 1 คืบ และอีก 4 ตั้งทับบนสายลำโพงให้นิ่ง
บนเครื่องเล่น OPPO BDP 105 มีแผ่นผลึกอาร์เกต (1 แผ่นกลม 1 คืบกว่า), ควอตซ์ 4 แท่ง, อ๊อบซีเดียน 1 แท่ง (พวกนี้ช่วยให้ภาพ, เสียง ชัดเจนขึ้น) สายภาพ HDMI ของ MONSTER HD2000 (ย้อนทิศ) จาก BDP 105 ไปจอภาพ TOSHIBA LCD 23 นิ้ว FULL HD
สายไฟ AC ของ OPPO ยกมาจากอินทิเกรทแอมป์ Mark Levinson No.383 ไปเข้าเต้าเสียบตัวเมียที่กล่องกรองไฟ PHD POWER STATION (โทร. 0813470204) (เลือกไฟออกเช็คเฟสถูกต้อง) สายไฟ AC ของ GARMUT Di 150 ก็ไปเข้ากล่อง PHD เช่นกัน รวมทั้งสายไฟจากจอ TOSHIBA ด้วย (ทั้งหมดเลือกเฟสไฟ AC ขาออกด้วย) สายไฟที่เข้ากล่อง PHD ใช้ FURUKAWA CB-10 (ตามทิศ) 3 ชุด (ทิศถูกต้องหมด) หัว WATT GATE ทั้งหมดไปเสียบเต้าเสียบ MONITOR ACOUSTICS รุ่นสีเทา (ตระกูลสูงสุด) ที่กำแพง (น่าใช้มาก ช่วยได้มากจริง) (โทร 0816596165) มีก้อนผลึกทัวมาลีนสูงครึ่งคืบวางใกล้ๆ (ช่วยให้เสียง Dynamic ดีขึ้น) อีกหนึ่งก้อนอยู่ที่พื้นห้องด้านหน้าผม
มีกล่องตัวอย่างผลึก 12 ก้อนเล็กๆ วางกลางห้อง (ชุดหนังสือเรื่องผลึก พร้อมตัวอย่างผลึก) ของ JUDY HALLS วางกลางห้อง 1, หลังที่ผมนั่งฟังอีก 4 กล่อง (หมุนหาทิศให้ได้เสียงชัด, มิติโฟกัสดีที่สุดทุกกล่อง)
หัวปลั๊กเสียบกรองไฟของ PHD ที่นอกห้องเสียง (แผงไฟเข้าห้อง) 3 หัว, ในห้องอีก 2 หัว
มีการทำระบบระบายกระแส EDDY ให้แก่กล่องกรองไฟ PHD ด้วย (ปกติทำที่ BDP 105 ด้วย แต่พอย้ายสายไฟไปขอไฟจาก PHD POWER STATION พบว่า ควรตัดระบบ EDDY ที่ BDP105 ออก ไม่ควรใช้ อาจซ้ำซ้อนที่กล่องมีอยู่แล้ว)
มีผลึกอะมิทิสขนาด 4 ฝ่ามือ อยู่ด้านขวาของ OPPO 105 อีก 1 ฝ่ามือ ที่พื้นห่างจากจุดนั่งฟังเมตรกว่า (หมุนหาทิศแล้ว)
ลำโพงซ้าย, ขวา ห่างกันประมาณ 2 เมตร ห่างจากจุดนั่งฟังประมาณ 3.6 เมตร ห้องฟังขนาดประมาณ 3.85×9×2.5 เมตร ฝาทั้ง 4 มีฟองน้ำเก็บเสียง SONEX สีขาว (ของเยอรมัน) พื้นปูพรม มีของอื่นๆในห้องพอควร ไม่ก้อง
ภายในห้องไม่มี WiFi/LAN จอ LCD อื่นใดอีก, ไม่มีโน้ตบุ๊ค /PC, รีโมทไร้สาย (นอกจากของ OPPO105), ไม่มีรีโมทแอร์, นาฬิกาไฟฟ้า (แขวนข้อมือ), ไม่มี iPad, เกมส์, ปัดลมแอร์ (25 องศา, LOW) ลงด้านหลังลำโพง
ขณะฟัง ไม่มีโทรศัพท์มือถือใดๆในห้อง, ไม่มีบัตรแม่เหล็กในกระเป๋าเสื้อ, นาฬิกาข้อมือ
S300 ที่ได้มาทดสอบ มีการใช้งานพอควร เคยใช้ในการให้เสียงของการแสดงดนตรีสดมาแล้วที่ร้านขายด้วย
จากการที่ผมเลือก การปล่อยสัญญาณ เสียงออกจาก OPPO105 ด้วยสายบาลานท์ ทำให้ผมสามารถกลับ Absolute Phase ของดอกลำโพงให้ขยับออกได้เสมอ (จำเป็น)
เป็นเรื่องน่าแปลกทันทีที่ผมเปลี่ยนมาใช้ S-300 แทนลำโพงอ้างอิง MONITOR AUDIO BR-5 ของผม ผมว่า”ภาพ” คมชัด, สีสัน สดอิ่ม มีพลัง ชุ่มฉ่ำขึ้น การควบคุมตัวเองของแสงดีขึ้น มิติภาพ/ ตื้นลึกดีขึ้น
แสดงว่า S-300 ควบคุมตัวเองได้กระชับดีมาก จนลดการส่งกระแสย้อนกลับ (BACK EMF) ที่จะไปป่วนขาออกของแอมป์ ทำให้แอมป์ทำงานได้ดีขึ้น ภาคจ่ายไฟสะอาด, นิ่ง, เสถียรขึ้น (ย้อนการกลับไปป่วนที่กล่องกรองไฟ PHD ก็ลดลง มีผลต่อสายไฟ AC ของจอ LCD ที่เสียบอยู่ที่กล่องด้วย) (ภาพดีขึ้นอย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว)
S-300 ให้เสียงจากหนังที่ออกไปทางสด (แต่ไม่ขนาดฉ่ำพริ้ว) เข้มข้น (มาก), จริงจัง/ จริงใจ (มาก), โดยเฉพาะการไล่เสียงจากค่อยสุดไปดังสุด หรือ เสียงอ่อนแก่ (DYNAMIC CONTRAST) ได้ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยฟังเสียงดูหนังมา (ดีกว่า S-150 ไม่ต่ำกว่า 15-20%) เราจะจับอารมณ์เสียงพูดที่กระโชกโฮกฮาก, การตวาด, ตะโกน หรือตอกย้ำเย้ยหยันได้อย่างไม่มียั้ง ขณะเดียวกันก็ให้รายละเอียดอากัปกิริยา น้ำเสียงได้ดีทีเดียวแต่ละสียง แต่ละคน มีความหลากหลาย แยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไรพร้อมๆกับฟ้องคุณภาพการบันทึกเสียงได้จะแจ้งหมดเปลือก ให้ทรวดทรงของเสียงได้ค่อนข้างโอเคเลย ไม่รู้สึกว่ามันฟุ้ง, แบน แต่เป็นกลุ่มก้อน, โฟกัส และหลุดกระเด็นลอยออกมาได้ดี มีความเป็นกลางค่อนข้างสูงระดับมอนิเตอร์ห้องบันทึกเสียงสตูดิโอ ให้เสียงควบแน่น มีน้ำหนัก ปลายแหลมสดใสเป็นประกายกว่า S-150 สัก 5-10% แต่ปลายแหลมสุดก็ยังจำกัดแถวๆ 20 KHz ไม่น่าไปได้สูงกว่านั้น (ก็เข้าใจได้ ถ้าจะให้กินความถี่สูงกว่านี้ โดมแหลมจะต้องเล็กและเบามากๆ เกินกว่าจะรับการอัดดังๆ ระดับโรงหนังได้แน่) อย่างไรก็ตาม ปลายแหลมของ S-300 ก็สดใส ระยิบระยับใช้ได้ เกลี้ยง สะอาด โฟกัส มีทรวดทรงเรื่องราวไม่ฟุ้งฝอย
เสียงกลางและเสียงโดยรวม ไม่ขนาด โปร่งทะลุ (TRANSPARENT)แบบลำโพงฟังเพลงระดับไฮเอนด์หลายๆแสนบาท (ซึ่งพวกนั้นเอามาดูหนังอัดๆก็ตกม้าตายหมด) จึงไม่อาจคาดหวังได้ว่า S-300 จะฟังเพลงได้ระดับทะลุปรุโปร่ง ทุกกระเบียด ทุกขุมขน ทุกท่วงท่าลีลา เอาว่ามันออกไปทาง PA นิดๆมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม มิได้หมายความว่า ความน่าฟัง ฟังเพลินจะด้อยลง มั่นใจได้ว่ามันจะยังคงให้ความบันเทิงรื่นรมย์ดุจการแสดงสดในห้องอาหาร ในเวทีคอนเสิร์ต แก่คุณได้เต็มที่ เป็นแต่ว่าลดจริตจก้าน เสน่ห์ลงบ้าง
ด้านเสียงทุ้ม ต้องเข้าใจก่อนว่า ผู้ออกแบบไมได้หวังให้มันเป็นลำโพง SULL RANGE ครบทุกความถี่ ในสถานการณ์ที่คุณอาจเปิดดังระดับโรงหนัง ประเภทต้องตะโกนกรอกหู เป็นไปไม่ได้เลยที่ลำโพงตู้ขนาดนี้จะยังคงให้ทุ้มอิ่มลึกได้โดยไม่พังเสียก่อน ทางรอดเดียวคือ ต้องจำกัดเสียงความถี่ต่ำไม่ให้กินลงลึกนัก ต่ำกว่านั้น โยนให้เป็นหน้าที่ของซับวูฟเฟอร์ นั่นทำให้ S-300 ลงความถี่ต่ำได้แค่ 100 Hz (ต่ำกว่านี้เสียงจะตกวูบลงทันที) มันอาจฟังเพลงได้ไม่อวบอิ่มจนขากางเกงไหว พื้นห้องสะท้าน แต่ก็ต่ำพอที่จะให้เสียงหนังได้กระหึ่ม เร้าใจ ไม่รู้สึกว่า เสียงห้วยหาย, ผอมบาง, เสียงหุ่นยานยนต์ (AVATAR) ก็ยังใหญ่หนักแน่น เสียงคอปเตอร์ก็ยังกระหึ่ม เสียงตึกถล่มทลาย (2012) ก็ยังน่าเกรงขาม
ในด้านการแยกมิติเสียง, เวทีเสียง, บรรยากาศ (เลือกเสียงที่ OPPO 105 เป็น LT/ RT) ถือว่า น่าทึ่งทีเดียว ไม่ว่าด้านหน้าเรา, เลยไปหลังลำโพง โอบมาซ้ายหลัง, ขวาหลัง วิ่งผ่านเพดานห้อง พูดง่ายๆว่า มันเก่งพอที่จะทำให้คุณรู้สึก “อยู่ในเหตุการณ์” ได้อย่างดีเกินคาดมากๆ (ยกผลประโยชน์ให้ GARMUT Di150 ด้วยในแง่นี้ คือมันดีเสริมกันอย่าลงตัว) ลืมได้เลยเรื่องวุ่นวายกับระบบเสียง 5.1 CH ลำโพงยั้วเยี้ยเต็มห้อง หาซับแอคตีฟ 10 นิ้ว ตัดที่ 50 Hz อีกสัก 1 คู่ แค่นี้ก็ “สวรรค์” ในบ้านแล้ว
สรุป
ถ้าคุณกำลังมองหาลำโพงดูหนังระดับ มหากาฬ สุดยอดสักคู่อยู่ละก็ S-300 นี่แหละสุดยอด, ใช่เลย ราคาอาจสูงเอาเรื่อง (ลดแล้วประมาณคู่ละ 230,000 บาท) แต่เมื่อได้ฟังและอยู่กินกับมัน คุณจะรู้เลยว่า ลำโพงฟังเพลงก็คือลำโพงฟังเพลง ลำโพงดูหนังก็คือลำโพงดูหนัง ไม่มีทางที่จะเอาลำโพงฟังเพลงต่อให้ราคาเป็นล้านบาทขึ้นไป มาฟังเสียงหนังได้อย่างที่ S-300 ถูกมอบหมายมาได้เลย
ขอขอบคุณ SAVE AUDIO&VIDEO โทร. 02-1022211-2, 0818236045 ที่ให้ลำโพงมาทดสอบ