What HI-FI? Thailand

Test Report: JBL STUDIO 290

Test Report: JBL STUDIO 290 (เสียงมหึมา อลังการ ซับอาย)

ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

            STUDIO 290 เป็นลำโพงวางพื้นรุ่นใหญ่สุดของ JBL ในตระกูล STUDIO 2 ลำโพง STUDIO 290 เป็นลำโพงตู้เปิด 3 ทาง มีรูระบายอากาศกลมขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง

 

สเปคจากโรงงาน

แนะนำใช้กับภายขยาย                                   20 – 225 วัตต์

ความถี่ตอบสนอง                                            38 Hz – 22 kHz

ความไว                                                            91 dB

ความต้านทาน                                                 8 โอห์ม

ขนาด ตู้ (มม.) หนัก 25 กิโลกรัม                      สูง 1197 x กว้าง 273 x ลึก 330

ผลทดสอบ

STUDIO 290 ที่ได้มาทดสอบ ดูเหมือนจะเป็นของใหม่แกะกล่อง (แต่เป็นคู่ตัวอย่างที่เมืองนอกส่งให้ทางบริษัทมหาจักรฯ)

จากเครื่องเล่น CD T+A 1260R ต่อออกสายเสียง Madrigal CZ-Gel 2 (หัว RCA) เข้า INPUT 5 ของอินทีเกรทแอมป์ Mark Levinson No.383 (100 W.RMS/CH ที่ 8 โอห์ม, 200 W.RMS/CH ที่ 4 โอห์ม) (เป็นบาลานซ์แอมป์แท้) ต่อออกสายลำโพง FURUKAWA S-2 (2 ชุดแยกอิสระ ต่อแบบไบ-ไวร์เข้าดอกลำโพงชุดแหลม และดอกลำโพงชุดทุ้ม) หัวสาย WBT หางปลาเงิน ด้านแอมป์, WBT บานาน่าล็อคได้ ด้านลำโพง แยกสาย S-2 (ตามทิศทั้ง 2 ชุด) ทั้ง 2 ชุดไม่ให้แตะต้องกันด้วยตั้งกระดาษพิมพ์ดีด (ใหม่) 1 ตั้ง ยกสายสูงจากพื้นด้วยอีก 2 ตั้ง ทับบนสายบนสุด 4 ตั้ง ทุกตั้งใหม่ไม่มีกระดาษสีห่อ

เอาหน้ากากลำโพงออก เอียงลำโพงเข้ามา (TOE IN) จูนจนได้ทั้งสุ้มเสียงครบ และมิติทรวดทรงดีที่สุด (ขยับกันทีละเส้นผมกันเลย)

ตู้ลำโพงซ้าย, ขวา ห่างกันประมาณ 2 เมตร นั่งฟังห่างประมาณ 3.6 เมตร ห้องฟังประมาณ 3.85 x 9 x 2.2 เมตร ฝาทั้งหมดมีฟองน้ำเก็บเสียง SONEX (สีขาวจากเยอรมัน) พื้นปูพรมมีของพอควรไม่ก้องแน่

สายไฟ AC ของทั้ง No.383 (สายของ CHORD), ของ T+A (เอาจากสาย AC ของ NO.383) ต่อผ่าน กล่องกรองไฟ POWER STATION PHD โดยฟังทดสอบเฟสไฟของทั้งขาเข้ากล่อง และขาออกจากล่อง (ยี่ห้อเดียวในโลกที่คุณเลือกช่องเฟสไฟได้ทั้งเข้า และออก ไม่เคยมียี่ห้อไหนคำนึงจุดนี้ ทั้งๆ ที่มีผลมาก, ฟังออกเลย PHD นี้ไม่มีการอั้นกระแสใดๆ ทั้งสิ้น) ที่นอกห้องฟังก็มี หัวเสียบกรองไฟของ PHD 2 เสียบดักอีก 3 ตัว

ที่เครื่องเล่น CD T+A มีการทำระบบระบาย EDDY CURRENT ไว้ด้วย เต้าเสียบตัวเมียของกล่องกรองไฟที่กำแพงเป็นฮับเบลสีส้ม

มีกล่อง CRYSTAL POWER PACK 5 กล่อง ดูดซับคลื่นวิทยุที่ทะลุเข้าในห้องจากสารพัดคลื่น (WiFi 6 สปอร์ท) และคลื่นวิทยุอื่นๆ (มือถือ, Cell Site) วิทยุ/TV, ดาวเทียม ทุกกล่องจะหมุนจูนหาทิศทาง มีผลึกอะมิทิสขนาด 3 ฝ่ามือ อยู่ด้านขวาของ T+A ห่างไป 2 คืบ อีก 1 ก้อนขนาด 1 ฝ่ามืออยู่ที่พื้นด้านขวาที่นั่งฟัง

ไม่มี PC, โน้ตบุ๊ค, เครื่องเล่นเกมส์, Tablet (iPad, Galaxy) จอ LCD/PLASMA, นาฬิกาไฟฟ้า (ทั้งตั้งโต๊ะ, ข้อมือ), WiFi/LAN โทรศัพท์ไร้สาย, โทรศัพท์มือถือ, รีโมท, กล้องดิจิตอล ใดๆ ในห้อง (มีผลเหลือเชื่อ) แต่ก็ยังมีคลื่น WiFi จากภายนอกรั่วเข้ามาประมาณ 5 – 6 Spot เครื่องแอมป์กับเครื่อง CD ห่างกันประมาณศอกครึ่ง เวลาฟังเอาสารพัดบัตรแม่เหล็กในกระเป๋าเสื้อออกหมด ถอดสร้อยคอ, พวงกุญแจบ้าน, กล้องดิจิตอล/โทรศัพท์มือถือ เอาไปไว้นอกห้องหมด

ปัดลมแอร์ (Low 25 องศา) ลงด้านหลังลำโพง

ระวังสายต่างๆ ไม่ให้แตะต้องตัวเอง หรือแตะต้องกันเอง

ได้เปิดเพลงเบิร์นอินลำโพงอยู่ประมาณ 10 ชั่วโมงต่อเนื่อง และจูนเสียงอีก 2 ชม. ก่อนลงมือทดสอบ หลังจากฟังสักพัก ในที่สุดผมตัดสินใจถอดดอกลำโพงทุ้มทั้งสองมาฟังทดสอบทิศทางการเสียบหัวเสียบตัวยู ได้ผลดังนี้ (กรณี ป้อนสัญญาณเข้าบวกหลังตู้ลำโพง และทำให้กรวยขยับดันออก) (ดูรูป) ดอกกลางก็ทำเหมือนกัน

ก้นดอกทุ้ม

ด้านขางอหันเข้าหาลำโพงทั้งบวกและลบ

 ส่วนขั้วตัวยูที่หลังขั้วรับหลังตู้ลำโพงต้องให้ด้านตัวงอของตัวยูหัวเสียบคว่ำลงทั้ง 4 ตัว (ดูรูป)

ด้านบน

ขางอคว่ำลง

แหลม

ทุ้ม

พร้อมกันนั้นได้แยกสายลำโพง 2 ชุดภายใน จากขาเข้าไปแผงวงจรไม่ให้มัดรวมกัน

หมายเหตุ ต้องลองสลับบวก-ลบสายลำโพงที่เข้า S-290 ให้ได้เสียงหลุดลอย, โฟกัส

แผ่น The Greatest Alto Female Vol.1 (Top Music) เสียงร้องเพลงจีนหวานๆ ของสุภาพสตรีจีน เพลง 1 เสียงร้องของเธอสอดใส่อารมณ์ได้ดี แต่ออกจะผอมโปร่งไปนิด อย่างให้กลางต่ำอวบกว่านี้อีกนิด อากัปกิริยายังไม่ชัดแจ้งนัก เพลง 2 (อารีรัง) ขึ้นต้นเสียงประสานชายหญิง แยกแยะได้ดีทีเดียว ตามด้วยเสียงตีกลองที่โอ้โห…ใหญ่พองามแบบไม่เว่อร์ แต่น้ำหนักเสียงที่ควบแน่นเป็นก้อนหนัก และลงลึกสะท้านไปทั้งห้องอย่างไม่เคยเจอมาก่อน ขนาดหูอื้อเลย ลงถึงพื้นห้องกันเลย สมแล้วกับการใช้ดอกทุ้ม 8 นิ้ว ถึง 2 ตัวต่อข้าง (จะได้พอๆ กับดอกทุ้ม 12 นิ้ว 1 ดอกทีเดียว) หมดความจำเป็นเรื่องซับไปเลย เพลง 3 ขึ้นต้นเสียงดีดกีตาร์โปร่งเป็นเส้นสายก็จริงแต่ยังหลบๆ ในไปหน่อย ไม่กระเด็นจะแจ้งออกมาเสียงร้องเป็นตัวตน โฟกัสมีเนื้อหนังดีกว่าเพลง 1 กับ 2 เสียงกีตาร์ยังแข็งไปนิดๆ ซึ่งเข้าใจได้ เพราะยังเบิร์นอินแค่ 12 ชั่วโมง (รวมที่ทดสอบไป 2 อัลบั้ม) จริงๆ ลำโพงควรเบิร์น 100 – 300 ชั่วโมง ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้สำหรับผม (ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว) เพลง 4 เสียงกีตาร์โปร่งกับเบสออกสด, เข้มแข็ง เสียงร้องคล้ายเพลง 3 แต่ดูจะรื่นเริงกว่าหน่อยเสียงเดินดับเบิ้ลเบสเด่นชัดแน่นลงลึก

เพลง 5 ขึ้นต้นเสียงปลายแหลมกรุ้งกรุ้ง สดใส แต่ไม่ขนาดเป็นประกายระยิบระยับเต็มที่อย่าง JBL S-180 คือออกจะหุบๆ ขี้อายไปนิด แต่ก็ให้ลมหายใจของโน้ตแหลมได้ดี เสียงเดินเบสกระชับ, แน่นหนักลงลึกกว่าที่เคยฟัง ดีใจที่ไม่ได้เป็น “เบสโน้ตเดียว” (ONE NOTE BASS) เหมือนลำโพงบางคู่ที่ใช้ดับเบิ้ลเบสอย่างนี้ เสียงเครื่องสี, ดีด (จีน) หวานใช้ได้เลย

แผ่น RHYTHM BASKET, A Tasket, A Tisket, A Child’s ของ Brent Lewis เพลง 2 เสียงตีกลองท่อไล่จากซ้ายไปขวาจะแจ้งชัดเจนดี เสียงกลองมีทรวดทรงพองาม ความกังวานใช้ได้ เสียงต่างๆ ตื่นตัวดีมาก เร็วฉับไว เพลง 3 เสียงตีกลองท่อซ้ายที, ขวาทีสมมาตรใช้ได้ เพลง 4 เสียงพายวักน้ำฉับไว จริงจัง เข้มแข็ง เสียงคลื่นลูกน้อย, ใหญ่ เต็มไปหมด ไม่ใช่แค่หรอมแหรม เวทีด้านลึกใช้ได้ ช่องที่มีหลายๆ เสียงพร้อมกันก็ยังแยกแยะได้ดี ทุกเสียงตื่นตัว โชว์ตัวเองเต็มที่ เป็นพระเอกกันหมด เสียงหัวโน้ตชัดเจนดี ช่วงเสียงแหลมแยกแยะไม่เป็นฟุ้งฝอย เพลง 5 เสียงรถจักรไอน้ำวิ่งมาแต่ไกล เสียงเปิดหวูดโปร่งใช้ได้ ขณะเดียวกันเสียงรัวระฆังก็จะแจ้งแต่ทั้ง 2 เสียงปรากฏสั้นไปหน่อย เพลง 6 เสียงไก่ขันขึ้นต้นอยู่ตรงกลาง นิ่งไม่วอกแวก เสียงสัตว์ต่างๆ จะตั้งใจร้องอย่างเต็มที่ อาจไม่จีบปากจีคอนัก แต่ตะเบ็งกันออกมาเต็มที่ เวทีด้านลึกให้ได้ดีทีเดียว นาทีที่ 4 ของเพลงนี้ เสียงสัตว์แห่กันมาเป็นโขยง หลุดลอยออกมาหาเราโอบนิดๆ บ้าง ยังไม่เก่งพอที่จะเหมือนเซอราวด์ รอบตัวเราได้เลย แต่สัตว์ก็มากันเยอะจริงๆ เพลง 7 เสียงม้าวิ่งหอบฮักๆ มาแต่ไกล เสียงหอบครบ 6 ครั้ง…โอเค ตามด้วยเสียงตีกลองท่อวนรอบลำโพงซ้าย, ลำโพงขวา วนสูงขึ้นนิดหนึ่ง แต่ยังไม่เก่งขนาดสูงจนเกือบถึงเพดานห้อง เพลง 9 เสียงตีกลองท่อซ้ายที ขวาทีชัดเจนดี เพลง 10 เสียงต่างๆ ในฟาร์มตอนเช้าแจกแจงได้ดีไม่ตกหล่นปิดบัง ปกติเพลงนี้ฟังไปๆ หลายๆ เสียงจะลอยไปปรากฏอยู่ถึงเพดานห้อง หรือวิ่งไปมาบนเพดานห้องได้ แต่ S-290 ให้ความสูงได้ในระดับลำโพงปกติ

แผ่นระนาดเอก (ไทลำภู) เพลง 3 เสียงตีระนาดเป็นเม็ดๆ ได้ไม่เลว เสียงฉิ่งเข้าท่ามาก จับอาการกระทบแล้วตามด้วยเสียงกังวานในตัวฉิ่งได้ชัดเจนดีมาก (หายาก) เสียงกลองแขก เสียงฉาบ ฯลฯ แจกแจงแยกแยะได้หมด เสียงโดยรวมตื่นตัว สด เข้มข้น ฉับไว ว่องไว (สไตล์ฟังการแสดงสด) เพลง 4 ขึ้นต้นสงัดดีทีเดียว เสียงระนาดเป็นเม็ดๆ แยกแยะหัวโน้ตคมชัด แต่ไม่เกินไป เสียงฉิ่งเขย่าระรัวฟังออก เพลง 5 ขึ้นต้นสงัดเท่า 4 ตามด้วยเสียงระนาดที่มีทรวดทรงที่ดี และโฟกัส เพลงนี้เขาเล่นกันอย่างสนุกไม่ยั้งกันเลย ทุกเสียงเป็นพระเอกหมด แจกแจง โฟกัส มีทรวดทรงได้ค่อนข้างดี และนิ่งไม่วอกแวก ไม่บานฟุ้ง เพลง 6 เสียงตีระนาดอยู่ลึกไปหลังเวทีได้ดี เสียงระนาดเป็นเม็ดๆ เสียงตีฉิ่งอย่างเนิบนาบสังเกตเสียงฉิ่งพลิ้วได้ดี เพลง 8 เสียงกลองตะโพนขึ้นต้นให้ทุ้มที่โอ่อ่า คมชัด ลงลึกมีน้ำหนัก เสียงตี (ตบ) กลองไม่จางขวาไปซ้าย พอจะติดตามได้ทุกตำแหน่ง แม้จะไม่โฟกัสเป๊ะๆ นัก เพลง 10 เสียงระนาดเอกผสมระนาดทุ้มออกมาคล้ายๆ กันไปนิด ยังไม่สามารถแยกฉีกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

แผ่น AYA (Are You Authentic?) ของ Stockfisch (ถ่ายลง CD จากแผ่น SACD) เป็นแผ่นจีน (แผ่นแท้หาไม่ได้จริงๆ) เพลง 1 เสียงพูดแนะนำแผ่นชัดเจน ฟังง่ายกว่าปกติ เพลง 2 เสียงซ่าทดสอบ (Pink Noise) เสียงก็ครบตลอดช่วงความถี่ดี เพลง 3 เสียงร้องผู้หญิงโฆษณาขายของคลอด้วยเสียงตีฆ้องใหย่ที่ลงลึก, แน่น, รุนแรง หนักสะท้านไปทั้งห้อง (รวมทั้งหูด้วย) เสียงตีสัมผัส ชัด, กระแทกดี เพลง 4 เสียงฆ้องใหญ่สมจริง ขณะที่มือตบลงไปหน้าฆ้อง เสียงฆ้องสะท้านสะเทือนไปทั้งห้อง แบบว่าเหมือนเอาฆ้องใหญ่ขนาด 1 วา มาตีในห้องกันเลย เสียงเขย่าลูกกระพรวนเป็นเม็ดๆ ดี ปิดท้ายด้วยกลองทิมปานี่ที่ “เห็น” หน้ากลองกันเลย สะท้านถึงก้นกันเลย เพลง 5 เสียงผู้ชายร้อง คลอด้วยแบนโจ (ที่เป็นเส้นสายดี) ผสมกับเสียงสีดับเบิ้ลเบสที่จะแจ้งดีกว่าที่เคย เพลง 6 เป็นแจ๊สโบราณ มีเปียโนอัพไรท์ กลองชุด ดับเบิ้ลเบส ฟังได้ตื่นตัว เปียโนสดดี ดับเบิ้ลเบสอิ่มหนักแน่นลงลึก บางครั้งเหมือนแรงลมเบสมาปะทะเราได้ (เพลงนี้ถ้าลำโพงไม่ดีจริง จะฟังจืดๆ ซังกะตายไปเลย แต่นี่ฟังสนุก ดุจไปนั่งฟังของจริงกันเลย) เพลง 7 เป็นเสียงผู้ชายเล่าเรื่องความตายของใครคนหนึ่ง มีเสียงเปียโนคลอ ฟังรู้เลยว่าเป็นแกรนด์เปียโน เพลง 11 เสียงเขย่าลูกกระพรวน, ระฆังราว, ฆ้องใหญ่, ฉาบใหญ่ ทุกอย่างออกมากันอย่างครบครัน ถาโถมกันมาอย่างเต็มที่ไม่ยั้ง ซึ่ง S-290 ก็ถ่ายทอดออกมาอย่างไม่อั้น แต่ยังไม่สามารถให้บางเสียงวิ่งจากหน้า ข้ามศรีษะไปหลังกลับไปมาได้ ได้แต่วนๆ อยู่เหนือลำโพงที่เพดานห้อง

สรุป

ถ้าคุณต้องการเสียงที่ครบ ไม่ว่าทุ้มที่แน่น, ลึก, กระชับหนัก ทิ้งตัวลงพื้นขนาดขากางเกงไหว ก้นสะท้าน ห้องสะเทือน S-290 นี่แหละใช่เลย ไม่หมายความว่าทุ้มมันจะเกินจริง เกินเลยไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน บทควรมีมันมีแบบไร้อั้น, อำพรางใดๆ บทไม่มีก็คือไม่มี เสียงกลางที่เปิดเผย คมชัด ติดตามได้ตลอด แหลมที่เข้มข้น แต่ไม่จัดจ้าน พลิ้วและไปได้สูงไม่ต่ำกว่า 25 kHz สบายๆ

พลังเสียงโดยรวมที่ “เขย่า” ห้อง 3.85 x 9 x 2.5 ให้สั่นกราวได้เลย ไม่ว่าจะเปิดอัดดัง หรือเปิดเบาๆ ฟังพักผ่อนทุกความถี่เสียงก็ยังมาครบ (รวมทั้งทุ้ม) ผมไม่เคยเจอลำโพงวางพื้นอะไรในราคาขนาดนี้ ที่จะให้ทุ้มได้แบบซับวูฟเฟอร์ ACTIVE ต้องขอลาก่อนขนาดนี้

ในด้านมิติเสียง แสดงตำแหน่งได้ค่อนข้างดี, นิ่ง ทรวดทรงพองาม เวทีเสียงกว้างสบายๆ ด้านลึกดีทีเดียวสูงต่ำไม่โดดเด่นด้านหน้ายังไม่แผ่ลอยออกมาเต็มที่นัก เนื่องจากยังเบิร์นอินแค่ 10 – 12 ชั่วโมง มันต้องเป็น 100 ชั่วโมงขึ้นไป เสียงโดยรวมออกสด จริงจัง เข้มข้น อาจไม่ผ่อนคลายนัก (ก็อย่างว่าต้องเบิร์นอินให้ได้ที่) ทำให้เสียงโดยรวมอาจจะ “ดู” ไปบ้าง

อาจจะมีข้อติบ้างคือ มันยังไม่ใช่ลำโพงที่จะ “ตีแผ่” ทุกอากัปกิริยาทุกอณูรายละเอียด ขุดออกมาแฉกันได้อย่างล่อนจ้อน หากแต่มันก็ยังนำเสนอได้อย่างพอเพียง ไม่มีคำว่าคลุมเครือ คือมันให้คุณครบแต่ไม่ใช่ระดับ HIGH RESULUTION นัก เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของลำโพงระดับร่วมแสนบาทขึ้นไป ไม่ใช่ S-290 ที่ราคา (ลดแล้ว) คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 3 หมื่นแก่ๆ ถึง 4 หมื่นต้นๆ เท่านั้น! (ดูหนังได้มันส์หยด)

 

ขอขอบคุณ บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด โทร. 0-2610-9671-2 ที่เอื้อเฟื้อลำโพงมาให้ทดสอบในครั้งนี้

Exit mobile version