What HI-FI? Thailand

TesT Report : ESOTERIC Grandioso G1X – Master Clock Generator “Master Sound Discrete Clock” ใหม่ล่าสุดจาก Esoteric

อะไรคือ Master Clock Generator ? 

ต้องยอมรับว่า อุปกรณ์ Master Clock Generator เป็นอีกประเภทหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ ESOTERIC ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ยอมรับกันมาก ทั้งนี้ ‘Clock’ หรือ ‘สัญญาณนาฬิกา’ ก็คือ pulse signal (สัญญาณช่วงความถี่) ที่ใช้เป็นสัญญาณอ้างอิงสำหรับวงจรดิจิทอลทั้งปวง …อย่างที่ทราบกันดีว่า “ดิจิทอล” นั้นจะทำงานในลักษณะเชิงตัวเลข ที่มีแค่ 2 สถานะด้วยกัน นั่นคือ ‘เปิด’ (หรือเทียบได้กับค่า “1”) กับ ‘ปิด’ (ซึ่งเทียบได้กับค่า “0”) ดังนั้นการทำงานของดิจิทอลจึงเกี่ยวข้องอยู่กับสถานะ “เปิดๆ – ปิดๆ” หรือ “ติดๆ – ดับๆ” ไล่เรียงลำดับกันไปเรื่อยๆ ซึ่งรูปแบบของการจัดเรียงสถานะ “เปิดๆ – ปิดๆ” หรือ “ติดๆ – ดับๆ” นี่แหละที่สามารถก่อให้เกิดการ “แทนค่า” ทางคณิตศาสตร์ หรือเชิงตัวเลขขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า binary code 

ทว่าการ “แทนค่า” ทางคณิตศาสตร์จะเกิดขึ้นได้ ก็จำเป็นต้องใช้สถานะ “เปิด-ปิด” หรือ ติดๆ – ดับๆ ไล่เรียงลำดับกันอย่างน้อย 4 หน่วยด้วยกัน ภายใต้อัตราความเร็วในการ “สุ่มค่า” (sampling) ที่มีความเร็วสูงกว่า 2 เท่าของช่วงความถี่หลัก-ที่ต้องการทำการแทนค่านั้นเป็นอย่างน้อย ซึ่งแต่ละ “หน่วย” นั้นก็คือแต่ละ “บิต” (bit) นั่นเอง …ตัวอย่างเช่น การแทนค่าช่วงความถี่เสียงที่เรา-ท่านรับฟังกัน ซึ่งโดยทั่วไปจะครอบคลุมตั้งแต่ 20-20,000 เฮิรตซ์ ก็จำเป็นที่จะต้องให้ระบบดิจิทัลนั้นทำการ “สุ่มค่า” ช่วงความถี่เสียงที่ระดับสูงกว่า 40,000 เฮิรตซ์ (20,000 เฮิรตซ์ x 2 เท่า) เป็นอย่างน้อย เพื่อให้เกิดการ “แทนค่า” ได้ละเอียดอย่างเพียงพอ 

ซึ่งเพื่อที่จะให้มาซึ่ง “ความละเอียด” (resolution) ของการ-แทนค่า-ทางคณิตศาสตร์ได้อย่างเพียงพอนี่เอง ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ “หน่วย” หรือจำนวนบิตที่มากพอต่อการรองรับกับค่าความละเอียดนั้น ซึ่งจะสอดสัมพันธ์กับค่าความละเอียดของการแทนค่าทางคณิตศาสตร์นั้น สำหรับการ “แทนค่า” ทางสัญญาณเสียงนั้น จำเป็นต้องใช้ “หน่วย” หรือจำนวนบิตที่สูงกว่า 4 บิตเช่นทั่วไป (อย่างเช่นในสัญญาณภาพ) เนื่องเพราะสัญญาณเสียงนั้นมีความซับซ้อนมากทีเดียว มีทั้งช่วงเสียงสูง-เสียงต่ำ (frequency) ที่แตกต่างกันมหาศาล และช่วงระดับความดัง (amplitude) ตั้งแต่เสียงกระซิบจนกระทั่งดังสนั่น รวมทั้งค่าเฟสสัญญาณ (phase) ที่เปลี่ยนผันมากมาย ทำให้จำเป็นต้องใช้การแทนค่าด้วยจำนวน 8 บิตเป็นอย่างน้อย ซึ่งเมื่อต้องการ-แทนค่า-สัญญาณเสียงจำนวน 2 ช่องสัญญาณ (channel) ในระบบสเตอริโอ (stereo) จึงกลายเป็นค่า 16 บิตอย่างที่เรา-ท่านคุ้นเคยกัน 

นี่จึงเห็นได้ว่า ระบบดิจิทัลนั้นจะมีเรื่องของค่าเวลา หรือ timing เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อใช้ควบคุมให้การ-แทนค่า-นั้นมีความแม่นยำ (ช่วงของการ “สุ่มค่า” นั้นจำเป็นจะต้องมีความเที่ยงตรงของความถี่อ้างอิงเป็นหลัก) ดังนั้นอุปกรณ์ดิจิทัลทุกชิ้นจะต้องมีตัวกำเนิดสัญญาณนาฬิกาที่ใช้อ้างอิงในขณะทำงานติดตั้งอยู่ในตัว (on-board clock oscillator) ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่ง “นาฬิกา” ที่มีคุณภาพสูงนับว่า มีความสำคัญสำหรับการประมวลผลสัญญาณที่แม่นยำปราศจากการเหลื่อมล้ำทางค่าเวลา (อย่างที่เรียกกันว่า jitter) แต่ทว่า on-board clock oscillator ที่ใช้กันอยู่ในอุปกรณ์ดิจิทัลโดยทั่วไป มักจะเป็น “oscillator” ราคาถูกที่ให้ความแม่นยำของค่าเวลาในระดับหนึ่งเท่านั้น (เพื่อควบคุมปัจจัยราคาจำหน่ายไว้ มิให้สูงเกินไป) ซึ่งสามารถแปรผันค่าความเที่ยงตรงของนาฬิกาไปตามระยะเวลาของการใช้งาน หรือแปรเปลี่ยนไปตามค่าอุณหภูมิในขณะใช้งาน ส่งผลให้การ “แทนค่า” ในเชิงคณิตศาสตร์นั้น-ไม่ถูกต้อง ขาดซึ่งความแม่นยำ-อย่างที่ควรจะเป็น 

…ตรงนี้แหละครับที่ Master Clock Generator เข้ามาบทบาทสำคัญ เฉพาะอย่างยิ่ง “Master Clock Generator” ที่เป็นอุปกรณ์นาฬิกาภายนอก (external clock device) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งมอบค่าเวลาอ้างอิงหลัก (Master Clock) ที่มีความแม่นยำสูงมากระดับ ultrahigh precision ให้แก่อุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ (อย่างเช่น Transport, DAC, SACD player หรือว่า network audio player) ที่มีขั้วอินพุตเพื่อการรองรับค่าสัญญาณนาฬิกาภายนอกติดตั้งมาให้ ทั้งนี้ “Master Clock Generator” จะก่อกำเนิดสัญญาณนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงระดับสูงมาก และให้เสถียรภาพที่ดีกว่านาฬิกาที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระหว่างกัน ทำให้ได้มาซึ่งคุณภาพเสียงดีขึ้นอย่างน่าทึ่ง ! 

ซึ่งขอบอกตามตรงว่า คริสตัล ออสซิลเลเตอร์ (crystal oscillator) นับเป็นหัวใจสำคัญของระบบนาฬิกา เพื่อส่งมอบค่าเวลาอ้างอิงหลัก (Master Clock) “คริสตัล ออสซิลเลเตอร์” ไม่ใช่หัวข้อที่จะทำความเข้าใจได้ง่ายนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า คริสตัล ออสซิลเลเตอร์นั้นมีหลายประเภทที่ทำงานต่างกัน – ในวิธีที่ต่างกัน และเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน สาเหตุหลักมาจากการใช้งานที่แทบจะไม่มีที่สิ้นสุดของระบบดิจิทัล ตั้งแต่การสื่อสารผ่านดาวเทียมในอวกาศ, การทหารและการป้องกันประเทศ, โทรคมนาคม และอื่นๆ… ซึ่งมีความต้องการที่แตกต่างกันมากมายสำหรับเจ้าอุปกรณ์คริสตัลออสซิลเลเตอร์ 

ทั้งนี้ “คริสตัลออสซิลเลเตอร์” ประเภทที่พบบ่อยที่สุด จึงสรุปได้ดังต่อไปนี้:- 

• คริสตัลออสซิลเลเตอร์ควบคุมโดยเตาอบ (Oven controlled crystal oscillators หรือ OCXO) 

• ออสซิลเลเตอร์ชดเชยอุณหภูมิ (Temperature compensated oscillators หรือ TCXO) 

• ออสซิลเลเตอร์ควบคุมแรงดันไฟฟ้า (Voltage controlled oscillators หรือ VCXO) 

• ออสซิลเลเตอร์นาฬิกา (Clock oscillators หรือ XO) 

นอกจากนี้ ยังมี อีกสอง-สามประเภทที่พัฒนาขึ้นมารองรับกับระบบโทรศัพท์มือถือ (mobile handset) ขนาดเล็ก อย่างเช่น VC-TCXO (voltage-controlled temperature-compensated crystal oscillator) และ DCXO (Digital Controlled Crystal Oscillator) ซึ่งบรรดาผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือระบบ GSM ในปัจจุบัน ได้นำ DCXO มาใช้ในการออกแบบสถาปัตยกรรม (architecture) เพื่อลดการใช้ VC-TCXO ทั้งนี้ความสำเร็จของ DCXO ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการประมาณความถี่ (frequency estimation), การแก้ไขความถี่ (frequency) และอัลกอริธึมการติดตามความถี่ (frequency tracking algorithms) “DCXO” ถือว่า มีความเสถียรมากเมื่อเปรียบเทียบกับ VCXO และ TCXO 

…จะเห็นได้ว่า OCXO เป็น Crystal Oscillator ที่ให้ความแม่นยำสูงมาก และได้รับความเชื่อถืออย่างยิ่ง จนได้รับความนิยมในการนำไปใช้งานที่ต้องการความคลาดเคลื่อนทางค่าเวลา (jitter) ที่ต่ำสุดๆ กุญแจสำคัญของ OCXO คือ การรักษาผลึกคริสตัล และส่วนประกอบออสซิลเลเตอร์อื่นๆ บางส่วนไว้ที่อุณหภูมิเฉพาะ (ค่าหนึ่งตามที่กำหนด) ไม่เปลี่ยนแปลงไปในขณะที่อุณหภูมิภายนอก(อาจ)แปรเปลี่ยนไป ซึ่งเปรียบได้กับบ้านในฤดูหนาวที่มีเครื่องควบคุมอุณหภูมิ (thermostat) ติดตั้งภายในบ้าน ทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ และควบคุมเตาผิง (furnace) ที่ให้ความร้อนภายในบ้าน เพื่อรักษาอุณหภูมิไว้ตามที่ต้องการ 

อุณหภูมิการทำงานที่ต้องการคือเท่าใด? อุณหภูมิในการทำงาน (operation temperature) เป็นจุดเปลี่ยนประการหนึ่งของผลึกคริสตัล ซึ่ง ณ ที่จุดเปลี่ยน – ความชันของความถี่เทียบกับกราฟอุณหภูมิจะเป็นศูนย์ (zero) ซึ่งหมายความว่า แม้ว่าอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงขึ้น หรือ ลงเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงความถี่ก็จะน้อยมาก 

อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าสำหรับ OCXO – อุณหภูมิจุดเปลี่ยน (turning point temperature) ของผลึกคริสตัลจะต้องสูงกว่าขีดจำกัดบนของช่วงอุณหภูมิที่ต้องการ หรือ กำหนดค่าไว้ เนื่องจากคุณไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของบ้านไว้ที่ +25°C ด้วยเตาผิงได้  หากอุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ +35°C หลักการทั่วไปตามกฎหัวแม่มือ (rule of thumb) ก็คือ คุณจะต้องมีจุดเปลี่ยนของผลึกคริสตัลสูงกว่าอุณหภูมิการทำงานด้านบน (upper operating) ของวงจรออสซิลเลเตอร์ OCXO ประมาณ 10°C ทีนี้สำหรับ OCXO จะมีเจ้า thermistor ทำงานเทียบเท่ากับเทอร์โมสตัทในบ้าน เพื่อตรวจจับอุณหภูมิของผลึกคริสตัล และวงจรคริสตัล ออสซิลเลเตอร์ ซึ่งแหล่งความร้อนอาจเป็นได้ทั้ง power transistor หรือ power resistor ส่วนประกอบสุดท้ายที่ต้องใช้ คือ วงจรเปรียบเทียบ (comparator circuit) ที่ใช้ในการควบคุมปริมาณพลังงานที่ถูกสร้างขึ้นในแหล่งความร้อนนั้น 

ทำการเปรียบเทียบกับบ้าน… OCXO ใช้ฉนวนป้องกัน (insulation) ในลักษณะเดียวกับบ้าน “ฉนวน” ใช้เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิรายรอบ และเพื่อลดปริมาณพลังงานที่ต้องใช้ในการรักษาอุณหภูมิที่ตั้งไว้ …ยิ่งได้ใช้ฉนวนดีเท่าไร ก็ยิ่งใช้พลังงานน้อยลง เพื่อให้คงอุณหภูมิอยู่ที่จุดอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ดังนั้นฉนวนจึงมีบทบาทสำคัญ โดยการนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า “วงจรเปรียบเทียบ” (Comparator Circuit) ซึ่งประกอบด้วยออปแอมป์ (op-amp) และส่วนประกอบอื่นๆ (ตัวต้านทานและตัวเก็บประจุ) ที่กำหนดค่าให้เป็น high gain amplifier เข้ามารับหน้าที่ในส่วนประกอบสุดท้าย (วงจรควบคุมอุณหภูมิของ OCXO ทั่วไปจะรักษาอุณหภูมิจุดที่ตั้งไว้ภายใน ±1°C หรือน้อยกว่า) 

อุณหภูมิการทำงาน (operation temperature) ที่เรียกว่า “จุดที่ตั้งค่าไว้” (set point) และปรับค่าโดยตัวต้านทานที่เลือกใช้ ทั้งนี้ในระหว่างการทำงานปกติ (normal operation) เทอร์มิสเตอร์จะตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิรายรอบโดยการเปลี่ยนค่าความต้านทานที่แตกต่างกันเล็กน้อย จากนั้น ‘วงจรเปรียบเทียบ’ จะปรับค่ากำลังที่สร้างขึ้น (power generated) เพื่อให้เทอร์มิสเตอร์กลับสู่ค่าความต้านทานเดิม และปรับอุณหภูมิผลึกคริสตัล และวงจรคริสตัล ออสซิลเลเตอร์ ให้เป็นอุณหภูมิจุดที่ตั้งค่าไว้เดิม 

โดยทั่วไป ผลิตภัณฑ์เสียงดิจิทัลส่วนใหญ่ (digital-audio products) ใช้คริสตัล ออสซิลเลเตอร์ควบคุมแรงดันไฟฟ้า (VCXO) เพื่อสร้างสัญญาณนาฬิกา “VCXO” เป็นผลึกคริสตัลที่สั่นสะเทือนเมื่อมีแรงดันไฟฟ้าส่งผ่าน เนื่องจากความถี่เอาต์พุทของ VCXO เป็นฟังก์ชันของแรงดันไฟฟ้าที่ส่งผ่านคริสตัลออสซิลเลเตอร์ การกระเพื่อม หรือ การแปรผันของแรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟจะทำให้ความถี่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นคำจำกัดความของความเหลื่อมล้ำทางค่าเวลา (jitter) อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ความถี่เอาต์พุทของ VCXO จะแตกต่างกันไป หากคริสตัลอยู่ภายใต้การสั่นสะเทือน ดังนั้น VCXO จึงมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้สูง กระนั้นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเอาต์พุทความถี่เกิดจากการแปรผันของอุณหภูมิ (temperature variation) โดยจะเปลี่ยน / เบี่ยงเบนค่าความถี่เป็นปริมาณที่สูงประมาณ 10 PPM ซึ่งด้วยการใช้ OCXO และ TCXO จะสามารถบรรลุความเสถียร (stabilities) ได้ประมาณ 0.0001 PPM (PPM: Parts per million หรือ ส่วนต่อล้าน 

ทุกวันนี้ได้มีการพัฒนานาฬิกาที่ใช้รูบิเดียม (Rubidium) ทำหน้าที่ออสซิลเลเตอร์ ซึ่งให้ความแม่นยำ และได้ความเสถียรยิ่งกว่า ทั้งยังไม่ได้รับความแปรปรวนในความถี่เอาต์พุทอีกด้วย (รูบิเดียมคือ ธาตุที่มีหมายเลขอะตอม 37 และสัญลักษณ์ คือ Rb / รูบิเดียมอยู่ในตารางธาตุหมู่ 1 / รูบิเดียมเป็นธาตุในกลุ่มโลหะแอลคาไล (alkali metal) มีสีขาวเงิน เนื้ออ่อน “Rb-87” เป็นไอโซโทปเรดิโอแอคตีฟที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สามารถติดไฟได้เองในอากาศ) ทั้งนี้รูบิเดียม ออสซิลเลเตอร์ นับเป็นนาฬิกาอะตอมประเภทหนึ่ง และเป็นมาตรฐานเวลาที่แม่นยำที่สุดที่มนุษย์รู้จัก และใช้เป็นหน่วยบริการกระจายค่าเวลา (time distribution services) เพื่อควบคุมสิ่งต่างๆ เช่น ระบบโทรคมนาคม (telecommunications infrastructure), การออกอากาศทางโทรทัศน์ (TV broadcasts), และระบบดาวเทียมนำทางทั่วโลก (GPS) เป็นต้น 

ภาคการทำงานของรูบิเดียม ออสซิลเลเตอร์ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งสัญญาณเอาต์พุทนั้น แท้จริงแล้วคือ ออสซิลเลเตอร์ คริสตัลควอตซ์ (OCXO) ในขณะที่ใช้รูบิเดียมซึ่งเป็น “physics-package ” รวมถึงวงจรควบคุมที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ให้ความแม่นยำของจังหวะคาบเวลา (timing accuracy) ในการควบคุมความถี่ OCXO สำหรับออสซิลเลเตอร์แบบ ผลึกควอตซ์ (quartz) อุปกรณ์จะถูกปรับค่าความถี่เมื่อถูกสร้างความถี่นั้นขึ้นมา แต่โดยทั่วไปแล้วความถี่จะไม่ได้รับการตรวจสอบอีกเลย เมื่อเวลาผ่านไป ความถี่จะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทำให้นาฬิกาเดินเร็ว หรือ ช้า ทำให้ขาดซึ่งความแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เป็นรูบิเดียม (rubidium section) ของออสซิลเลเตอร์จะตรวจสอบความถี่ของออสซิลเลเตอร์แบบ ควอตซ์อย่างต่อเนื่อง และปรับกลับเข้าสู่ความถี่ที่กำหนดนั้นให้เที่ยงตรง-แม่นยำไปตลอด… 

คุณลักษณ์ 

เป็นอันแน่ชัดแล้วว่า ความแม่นยำของค่าเวลา-นาฬิกา (clock-timing accuracy) เป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างเสียงดิจิทัลที่มีคุณภาพเสียงดี ทำให้ Motoaki Ohmachi แห่ง ESOTERIC ได้สร้างอุปกรณ์ค่าเวลา (timing device) โดยใช้ธาตุรูบิเดียม ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณนาฬิกาหลัก (Rubidium Master Clock Generator) ซึ่งใช้ชื่อรุ่นว่า G-0Rb ออกจำหน่ายมาเป็นรุ่นแรก (ทั้งนี้นาฬิกาที่แม่นยำยิ่งขึ้นไปอีก อาจจะอ้างอิงจากธาตุซีเซียม – caesium ซึ่งเป็นธาตุเคมีที่มีหมายเลขอะตอม 55 และสัญลักษณ์คือ Cs ทั้งนี้ซีเซียมเป็นธาตุโลหะแอลคาไล มีลักษณะเป็นเงินทองอ่อนนุ่มเป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง ธาตุนี้ใช้ในนาฬิกาอะตอมที่ให้ความแม่นยำสูงมาก 

ทั้งนี้ทาง ESOTERIC ได้พัฒนา Master Clock Generator รุ่นแรกสุด (ออกจำหน่ายราวๆ ปี 2008) ภายใต้ชื่อรุ่น ‘G-0Rb’ ซึ่งก็คือ อุปกรณ์นาฬิกาอะตอมตั้งวางในชั้นวางอุปกรณ์ชุดเครื่องเสียงของคุณ !! ซึ่งให้การอ้างอิงเวลาที่แม่นยำเป็นพิเศษ สำหรับกระบวนการแปลงดิจิทัลเป็นแอนาล็อก หากมองแวบแรก “G-0Rb” อาจดูเหมือนว่า เป็นตัวแปลงดิจิทัลเป็นแอนาล็อก คุณภาพงานสร้างของ ”G-0Rb” นั้นเหนือคำบรรยาย ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมอย่างหนา เสริมความแข็งแรงภายในด้วยแผ่นเหล็กด้านล่างหนา 5 มม. ส่วนขารองตัวเครื่อง (feet) นั้นเป็นยูนิตที่ ESOTERIC ได้พัฒนาขึ้นเองแบบเดียวกับที่ใช้ใน D-03/P-03 ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีแพลตฟอร์มที่มั่นคง และตัวเครื่องปราศจากการสั่นสะเทือน อย่างไรก็ตาม แผงด้านหลังเครื่องนั้น ได้เผยให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ โดยประกอบด้วยแจ็คเอาต์พุทแบบ BNC, แจ็คอินพุตนาฬิกา BNC และปลั๊กสายไฟฟ้า AC แต่แท้จริงแล้ว ‘G-0Rb’ สามารถใช้เสียบต่อกับ transports และ processors ที่รับสัญญาณนาฬิกาภายนอก (external clock signal) ที่ค่าความถี่ 100kHz (ซึ่งได้กลายเป็นมาตรฐานสากล) นอกเหนือจากการใช้งานระบบนาฬิกาภายในตัว (on-board clocks) ซึ่งความถี่สัญญาณนาฬิกาจะสอดคล้องกับอัตราการสุ่มตัวอย่างทั่วไป อย่างเช่นที่ 32kHz, 44.1kHz และ 48kHz เป็นต้น 

หัวใจของ G-0Rb คือ แกนรูบิเดียมซึ่งอยู่ในตู้ย่อย (sub-enclosure) ที่เต็มไปด้วยก๊าซ ซึ่งปรับตั้งไว้ที่ความถี่ไมโครเวฟ (microwave frequency) รูบิเดียมเป็นธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งสั่นสะเทือนด้วยความถี่ที่แม่นยำอย่างยิ่ง นาฬิการูบิเดียมถูกนำมาใช้ในการใช้งานเชิงพาณิชย์ รวมทั้งการบินและอวกาศมานานหลายปี สิ่งที่น่าสนใจคือ Roger Nichols วิศวกรบันทึกเสียงผู้ยิ่งใหญ่ ที่ขึ้นชื่อมากจากอัลบั้ม Aja และ Gaucho ของ Steely Dan ได้เคยสร้าง และขายนาฬิการูบิเดียมเพื่อซิงโครไนซ์อุปกรณ์เสียงดิจิทัลในสตูดิโอบันทึกเสียงมานานแล้ว นั่นแสดงถึงว่า Master Clock ให้ประโยชน์ในการใช้งานด้านอุปกรณ์เสียงดิจิทัล ซึ่ง Rubidium Master Clock นับเป็นขีดสูงสุดของความแม่นยำค่าความถี่สัญญาณนาฬิกา …นี่เองทีทำให้ทาง ESOTERIC ได้พัฒนา Rubidium Master Clock Generator) ขึ้นมาใช้งาน เพื่อยกระดับคุณภาพเสียงของอุปกรณ์เสียงดิจิทัลในบ้านให้เทียบชั้นได้ดุจเดียวกับในสตูดิโอ 

…ถัดจาก G-0Rb ทาง ESOTERIC ได้พัฒนา Rubidium Master Clock Generator ขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่องหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Grandioso G1(Flagship ออกจำหน่ายราวๆ ปี 2017); G-01(ออกจำหน่ายราวๆ ปี 2014) และ G-01X พัฒนาการต่อจาก G-01) รวมทั้ง G-02 และ G-02X ที่เป็นระดับรองลงมา ซึ่งใช้ high precision oven-controlled crystal oscillator (OCXO) ทว่าปัจจุบัน ESOTERIC ได้พัฒนา Master Clock Generator ขึ้นมาใหม่ในแนวทางของตัวเองโดยเฉพาะ ภายใต้ชื่อเรียกขาน “Master Sound Discrete Clock” (มิได้ใช้ Rubidium oscillator) โดยมี Grandioso G1X เป็นรุ่นเรือธงในระดับ Flagship ซึ่งด้วยการแสวงหาการแสดงออกทางดนตรี (musical expression) อย่างไม่มีที่สิ้นสุดของ ESOTERIC เพื่อรักษาไว้ซึ่งการนำหน้าทุกสิ่งที่เคยมีมา-หนึ่งก้าว ในที่สุดการพัฒนาโมดูลนาฬิกา OCXO (Oven-Controlled Crystal Oscillator) เป็นของตัวเอง (in-house developed) ตัวแรกของ ESOTERIC ก็เสร็จสมบูรณ์ในที่สุด ภายใต้ชื่อรุ่น “Grandioso G1X” Master Sound Discrete Clock  

ทั้งนี้ทั้งนั้น Grandioso G1X ใหม่ แสดงถึงขอบเขตใหม่ของนาฬิกาหลัก (master clock) ที่ดึงศักยภาพสูงสุดของความสามารถในการเล่นเพลงของเครื่องเล่นดิจิทัลออกมาให้คุณได้รับฟัง โดยตระหนักถึงระดับความตื่นเต้นทางดนตรีที่ลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “Master Sound Discrete Clock” ใหม่ของ ESOTERIC พัฒนาขึ้นภายในบริษัทอย่างสมบูรณ์ (entirely in-house) จนเรียกได้ว่า นี่คือ Esoteric’s First Wholly Original Clock Module โดยทุ่มเทให้กับการเล่นเพลงขั้นสุดยอดโดยเฉพาะ ติดตั้งมาพร้อมกับออสซิลเลเตอร์ “SC1 crystal oscillator” (SC = Stress Compensated) ใหม่สดซิงอย่างแท้จริงของ ESOTERIC ใช้วงจรควบคุมอุณหภูมิขั้นสูงของโมดูลนาฬิกานี้ ที่มีความแม่นยำสูงมาก และการตั้งโปรแกรมทำให้ได้เสียงที่มีความแม่นยำสูงสุด ด้วยการใส่ใจในรายละเอียดที่ยิบย่อยที่สุด ESOTERIC จึงสามารถบรรลุความสามารถในการเล่นดนตรีที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในระบบเสียงบ้าน 

ในขณะที่โมดูลนาฬิกาที่มีความแม่นยำสูงอื่นๆ ได้ใช้วัสดุ รูบิเดียม (rubidium) หรือ ซีเซียม (cesium) แต่สิ่งที่ไม่เป็นที่ทราบกันดีนักก็คือ สัญญาณนาฬิกาของโมดูลเหล่านั้นจะส่งออกจากคริสตัล ออสซิลเลเตอร์ที่ซิงโครไนซ์ภายใน (internally synchronized) ซึ่งด้วยการวิจัยอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับ audio clocks มากว่ายี่สิบปี ESOTERIC ได้มุ่งเน้นไปที่ความจริงที่ว่าการออกแบบพื้นฐานของวงจรคริสตัล ออสซิลเลเตอร์หลักนี้สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเสียงโดยรวมของส่วนประกอบเสียงที่ประกอบเข้าด้วยกัน เมื่อใช้แรงดันไฟฟ้า คริสตัลของนาฬิกาจะสะท้อน-กำทอน (resonates) ที่ความถี่คงที่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งที่มาของสัญญาณนาฬิกาที่มีความแม่นยำสูง 

ด้วยเหตุนี้ ลักษณะทางกายภาพของคริสตัล เช่น ขนาด (size), รูปร่างที่ตัด (cut shape) และการรักษาพื้นผิว (surface treatment) ล้วนส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความแม่นยำของความถี่ และคุณภาพเสียงขั้นสูงสุด “Master Sound Discrete Clock” ของ ESOTERIC ได้รับการออกแบบโดยเน้นไปที่คริสตัล ออสซิลเลเตอร์ และวงจรไฟฟ้าเฉพาะ ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้รับการบรรจุเป็นโมดูลสำหรับใช้งานทั่วไป (general-purpose module) ซึ่งใช้วงจรแยกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของการแสดงออกทางดนตรี (musical expression) 

New Esoteric SC1 Crystal 

ตั้งแต่วงจรออสซิลเลเตอร์ที่มีความแม่นยำสูงไปจนถึงคริสตัล ออสซิลเลเตอร์ระดับแก่นแท้ (core) “Master Sound Discrete Clock” ใหม่เป็นส่วนประกอบระดับจัดทำพิเศษที่ผลิตโดย ESOTERIC โดยเฉพาะ วัสดุที่ใช้สร้างเป็นผลึกคริสตัลคุณภาพสูงที่ให้โทนเสียงที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น สัญญาณรบกวนในเฟสต่ำมาก และมีเสถียรภาพเป็นพิเศษเมื่อใช้ร่วมกับระบบควบคุมอุณหภูมิขั้นสูงของ Grandioso G1X 

เนื่องจากผลึกคริสตัลควอตซ์สร้างสัญญาณนาฬิกาผ่านการสั่นสะเทือน (vibration) หรือ การสั่นพ้อง (resonance) จึงมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งระหว่างลักษณะทางกายภาพของวัสดุฐาน (base material) กับคุณภาพเสียงขั้นสูงสุด คริสตัลขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะสร้างระดับการขับเคลื่อนที่สูงขึ้น (higher drive level) ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากความต้านทานสูง (high resistance) ภายในวงจรได้ง่ายกว่า พวกมันยังสร้างการออสซิลเลชั่น (oscillation) ที่เสถียรยิ่งขึ้นอีกด้วย ดังนั้นทุกรายละเอียดในกระบวนการผลิต ตั้งแต่รูปร่างที่ตัดไปจนถึงขนาด ได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อสร้างออสซิลเลเตอร์ที่มีคุณสมบัติอิเล็กโทรฟิสิคัล (electrophysical characteristics) ที่ดีที่สุดเพื่อคุณภาพเสียงขั้นสูงสุด 

จากผลึกคริสตัลควอตซ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงหลากหลายชนิด ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ESOTERIC จึงสามารถพัฒนาคริสตัล ‘SC1ง ที่เน้นการถอดแบบ-จำลองดนตรีโดยเฉพาะได้จนเสร็จสมบูรณ์ วัสดุคริสตัลนั้นเติบโตอย่างช้าๆ ในระยะเวลาอันยาวนาน (grown slowly over an extremely long period of time) จากนั้น “SC” (Stress Compensated – การชดเชยความเครียด) จะถูกตัดเป็นรูปร่างสุดท้าย (cut into its final shape) เพื่อให้มั่นใจในการควบคุมการสั่นสะเทือนแบบเรโซแนนซ์ (resonant vibration) อย่างเหมาะสมที่สุด ESOTERIC จึงภูมิใจนำเสนอคริสตัลที่ผลิตจำนวนมากที่ใหญ่ที่สุดในระดับเดียวกัน (the largest sized mass-produced crystal in its class) โดยคัดเลือกอย่างระมัดระวัง และใช้เฉพาะชิ้นส่วนที่มีความผันผวนของความถี่กลางอยู่ภายในมาตรฐานที่เข้มงวดของ ESOTERIC 

เนื่องจากความแม่นยำของความถี่ของคริสตัลสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก เนื่องจากอิทธิพลของอุณหภูมิอากาศรายรอบ (oambient air temperatures) การควบคุมอุณหภูมิ (temperature control) จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการรักษาความแม่นยำสูงสุดของนาฬิกา “Master Sound Discrete Clock” ใหม่ของ ESOTERIC จึงใช้ Master Sound TC (TC = Thermo-Control) เอกสิทธิ์เฉพาะของ ESOTERIC เป็นระบบควบคุมอุณหภูมิโดยรวมที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคริสตัล ออสซิลเลเตอร์ให้ถึงขีดสูงสุด ไม่เพียงแต่ฮาร์ดแวร์ทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงซอฟต์แวร์ควบคุมที่ได้รับการออกแบบและผลิตภายในบริษัท (in-house) อีกด้วย เพื่อให้มั่นใจว่า “Grandioso G1X” Master Sound Discrete Clock บรรลุสู่ประสิทธิภาพเสียงขั้นสูงสุด 

ในวงจร OCXO ทั่วไปส่วนใหญ่ คริสตัลจะถูกเก็บไว้ในเตาอบขนาดกะทัดรัด (compact oven) ที่อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 85°C อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอุณหภูมิที่คริสตัลแสดงประสิทธิภาพที่ดีที่สุดอาจแตกต่างกันอย่างมากจากคริสตัลหนึ่งไปยังอีกคริสตัลหนึ่ง จึงเป็นเรื่องปกติจนถึงขณะนี้ที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดเกี่ยวกับความถี่สัญญาณนาฬิกาโดยใช้วงจรแก้ไขเพิ่มเติม สำหรับในระบบ Master Sound TC โปรแกรมที่ปรับแต่งจะควบคุมเตาอบเป็นแบบ ไมโครคอนโทรล (micro-controls) เพื่อรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคริสตัลแต่ละตัว เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่แม่นยำที่สุด การออกแบบนี้ทำให้การแก้ไขสัญญาณวงจรใดๆ มีค่าน้อยที่สุด จึงให้เอาต์พุตสัญญาณนาฬิกาที่บริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติที่สุด และด้วยการขยายสัญญาณเสียงที่สะอาดและแม่นยำที่สุด 

Master Sound TC System  

ทั้งนี้คริสตัล ‘SC1’ ใหม่ของ ESOTERIC คุณลักษณะของอุณหภูมิ (temperature characteristics) จะถูกวัดแยกกัน ณ เวลาที่ผลิต และจัดทำแผนภูมิคุณลักษณะสำหรับแต่ละหน่วย จากนั้นคริสตัล ‘SC1’ จะถูกติดตั้งในเตาอบ (oven) และโปรแกรมควบคุมไมโครคอมพิวเตอร์ของเตาอบจะถูกปรับแต่งตามข้อกำหนดเฉพาะของแผนภูมิ เพื่อให้ตรงกับอุณหภูมิการทำงานที่เหมาะสมที่สุดของคริสตัลที่ติดตั้งนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละคริสตัลจะทำงานด้วยความแม่นยำสูงสุด การดำเนินการชุดนี้ดำเนินการอย่างพิถีพิถันเป็นเวลาหลายชั่วโมง รวมถึงการเบิร์นอินแบบเฉพาะตัว (individualized burn-in) อีกด้วย ดังนั้นจึงสามารถผลิต Grandioso G1X ได้เพียงไม่กี่เครื่องในแต่ละวัน 

Original Vacuum Flask Oven Design 

ความร้อนไม่สามารถเดินทางผ่านสุญญากาศได้ หากไม่มีส่วนประกอบก๊าซบางชนิดมาเติมเต็มช่องว่าง …ESOTERIC ได้พัฒนาเตาอบใหม่ทั้งหมด ที่มีโครงสร้างกระติกน้ำสุญญากาศ (หรือ กระติกน้ำร้อน) ในรูปแบบที่เป็น Vacuum Flask Oven Design ของตัวเอง ด้วยการนำเทคโนโลยีการประมวลผลโลหะขั้นสูงที่สร้างขึ้นใน Tsubame City (เมืองอุตสาหกรรมเหล็กชื่อดังระดับโลกของญี่ปุ่น) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดนีงะตะ (Niigata) ทั้งนี้ ESOTERIC สามารถสร้างสุญญากาศภายในโพรงของโครงด้านนอกของเตาอบ ซึ่งทั้งสองอย่างลดความผันผวนของอุณหภูมิภายในเตาอบ และพลังงานไฟฟ้าที่จำเป็นต้องใช้ป้อนฮีตเตอร์ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อคุณภาพเสียงให้เหลือน้อยที่สุด 

128-Step Heater Control Maintains Uniform Oven Temperature  

เครื่องทำความร้อน (heater) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อรักษาอุณหภูมิที่สม่ำเสมอภายในเตาอบยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความมุ่งมั่นสำหรับความเป็น Esoteric ในการสร้างคุณภาพเสียงขั้นสูงสุด แตกต่างจากโมดูลทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ปิดและเปิดส่วนประกอบเครื่องทำความร้อนซ้ำๆ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเตาอบ วงจรควบคุมอุณหภูมิที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ Master Sound Discrete Clock ได้รับการปรับอย่างละเอียดแบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง ด้วยฮีตเตอร์หลายขั้นตอน – ละเอียดยิบมากถึง 128 ลำดับขั้นการควบคุม (128-step multistage heater control) ช่วยรักษาอุณหภูมิเตาอบให้สม่ำเสมอ การออกแบบใหม่นี้ขจัดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับวงจรออสซิลเลเตอร์ที่เกิดจากความผันผวนของกระแสไฟฟ้าในขณะที่เครื่องทำความร้อนถูกปิดและเปิดโดยสิ้นเชิง 

Preheat Function 

นอกเหนือจากฟังก์ชัน on/off ปกติแล้ว Grandioso G1X ยังมี “โหมดอุ่นเครื่อง” (Preheat Mode) ที่ช่วยให้โมดูลนาฬิกาในตัว ยังคงพร้อมทำงานเต็มประสิทธิภาพ แม้ในขณะที่ปิดเครื่องอยู่ก็ตาม 

Four Independent Power Supplies for the Ultimate in Musicality 

โดยปกติแล้ว โมดูล OCXO จะติดตั้งแหล่งจ่ายไฟเพียงตัวเดียว เพื่อขับเคลื่อนวงจรทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าวงจรของ Master Sound Discrete Clock ทั้งหมดถูกแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง “Grandioso G1X” จึงได้ติดตั้งแหล่งจ่ายไฟอิสระมากถึง 4 ตัวเพื่อขับเคลื่อนวงจรออสซิลเลชั่น (oscillation circuitry), เครื่องทำความร้อน (heater), วงจรควบคุม (control circuitry) และตัวขยายบัฟเฟอร์ (buffer amplifier) แรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุดจะถูกส่งตรงไปยังแต่ละบล็อกวงจรจากแหล่งจ่ายไฟอิสระแยกโดยเฉพาะแต่ละตัว ซึ่งส่งผลให้คุณภาพเสียงดีขึ้นอย่างมาก 

Esoteric-HCLD Buffer Amplifier 

Grandioso G1X มาพร้อมกับวงจร ‘Esoteric-HCLD Buffer Amplifier’ แบบเดียวกับที่ใช้ใน Grandioso C1X Linestage Preamplifier ทั้งนี้ทั้งนั้นวงจรบัฟเฟอร์ แอมปลิฟายเออร์ใน Grandioso C1X Linestage Preamplifier นี้มีความสามารถในการส่งกระแสไฟฟ้า (current transmission) ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง และการตอบสนองความถี่แบนด์ช่วงกว้าง (wide-range) ที่ครอบคลุมไปได้สูงถึง 180MHz คุณลักษณะเหล่านี้มีส่วนช่วยอย่างมากในการส่งสัญญาณคลื่นไซน์บริสุทธิ์ที่ค่าความถี่ 10MHz ไปยังยูนิตรับสัญญาณ 

Five 10MHz Sine Wave Clock Outputs Compatible with ‘Adaptive Zero Ground’ Mode 

เอาต์พุทนาฬิกาทั้ง 5 ช่องสามารถเปลี่ยนเป็นโหมด ‘Normal’ หรือโหมด ‘Adaptive Zero Ground’ ทีละช่องเอาต์พุทได้อย่างอิสระ ซึ่งจะขับเคลื่อนกราวด์ที่เป็นไปได้อ้างอิง (reference potential ground) ไปที่ 0V ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ฟัง 

Custom-Made Coaxial Cables with MIL-Spec SMA Connectors 

การเดินสายภายใน ส่วนที่สำคัญทั้งหมดใช้สายโคแอกเซียลสั่งทำพิเศษ ซึ่งคัดสรรมาอย่างดีเพื่อคุณภาพเสียงสูงสุด หัวเสียบต่อ SMA แบบ MIL-spec ของ Grandioso G1X เป็นขั้วต่อ BNC ทองเหลืองกลึงขึ้นรูป (machined brass) ที่ช่วยลดการสูญเสียการส่งสัญญาณจนถึงขีดจำกัดสูงสุด 

แชสซีด้านล่างของ Grandioso G1X มีโครงสร้างสองชั้นที่แข็งแกร่ง ซึ่งติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ บนชั้นที่แยกจากกัน เพื่อลดการรบกวนระหว่างชิ้นส่วนไฟฟ้า การสั่นสะเทือนใดๆ ที่เกิดจากหม้อแปลงไฟฟ้าจะถูกต่อลงกราวด์ด้านนอก โดยใช้ระยะห่างที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (สิทธิบัตรหมายเลข 4075477, หมายเลข 3778108) อนึ่ง ท่านที่ใช้งาน Grandioso G1 อยู่นั้นสามารถทำการอัปเกรดเวอร์ชันให้ขึ้นมาเป็น ‘G1X’ ด้วยการใช้ VUK-G1X ซึ่งพร้อมให้บริการผ่านตัวแทนจำหน่าย ESOTERIC อย่างเป็นทางการ “Grandioso G1X” มีขนาดตัวเครื่อง (กว้าง x สูง x ลึก) 445 x 132 x 448 ม.ม. น้ำหนัก 23 กก. ด้านหลังตัวเครื่องติดตั้งช่องเสียบต่อต่างๆ ซึ่งเป็นแบบ BNC เอาไว้ดังนี้ :- 10 MHz Out จำนวน 5 ชุด 

ผลการรับฟัง 

ขอชี้แจงสักนิดนะครับว่า นี่เป็นการเดินทางมาฟังเทสต์นอกสถานที่ โดยได้ใช้โชว์รูมของบริษัท Innovative Audio Video (IAV) ละแวกหัวลำโพง โดยมีขนาดกว้าง 4.93 ม., ยาว 7.75 ม. และสูง 2.79 ม. ซึ่งการรับฟังในครั้งนี้ ทาง IAV ได้จัดเต็มนับตั้งแต่ต้นทางที่เป็น ESOTERIC รุ่น N-05 เน็ทเวิร์ค ออดิโอ เพลเยอร์ ระดับซุปเปอร์ไฮ-เอ็นด์ ซึ่งต้องยอมรับว่า ให้คุณภาพเสียงเกินราคามากๆ หากแต่ว่าทาง IAV ได้จัดเตรียม MASTER CLOCK GENERATOR ระดับสุดยอดของโลก ตัวใหม่ล่าสุดจาก ESOTERIC รุ่น Grandioso G1X “Master Sound Discrete Clock” ซึ่งต้องขอบอกว่า “เหนือชั้น” ยิ่งกว่า Grandioso G1 ตัวเดิม มาทำการเชื่อมต่อเข้ากับ N-05 ทำให้การรับฟัง ESOTERIC รุ่น N-05 ได้รับการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นในทุกๆ ด้าน อย่างน่าทึ่ง อึ้งไปตามๆ กัน 

จากนั้นจึงส่งผ่านสัญญาณเข้าสู่ปรีแอมป์ “Brama Preamplifier” แล้วป้อนสัญญาณเข้าสู่เพาเวอร์ แอมป์ Karan Acoustics: POWERa MONO ซึ่งขับขานระบบลำโพง Rockport Technologies รุ่น Lyra …สิ่งที่รับฟังได้สร้างความประทับใจอย่างมาก รายละเอียดต่างๆ ในเพลงและดนตรีที่รับฟังจะรับรู้ว่า ผุดโผล่ หรือลอยตัวขึ้นมาเป็นอิสระ เสียงร้องที่เป็นตัวเป็นตนอยู่ท่ามกลางเวทีเสียงอันแผ่กว้าง และถอยลึกเข้าไป ชิ้นดนตรีต่างๆ ที่เรียงรายตำแหน่งแห่งที่ ถอยลึกไล่ลำดับเข้าไปเป็นชั้นๆ (layer) อย่างน่าตื่นใจ รวมไปถึงช่วงย่านเสียงเบสที่หนักแน่น กระแทกกระทั้นให้เรี่ยวแรงกระทบปะทะ และเด็ดขาดในจังหวะจะโคนยิ่งนัก การทิ้งทอดตัวของเสียงต่ำก็ลึกล้ำ-ดื่มด่ำอย่างน่าทึ่ง ยิ่งฟังยิ่งสนุก ฟังได้มันส์ในอารมณ์จริงๆ 

การมีส่วนร่วมของ Grandioso G1X จะขยายเวทีเสียงในทุกทิศทางทันที ห้องโถงฟังดูใหญ่ขึ้น และเครื่องดนตรีก็ดูเหมือนจะ “สดสว่าง-กระจ่างขึ้น” ชนิดว่า เทียบไม่ได้กับเสียงในแบบที่ไม่มี Grandioso G1X เสียบต่ออยู่ คุณจะรับรู้ได้ถึงความอิ่มฉ่ำ ความกลมกล่อม ละมุนละไม ความหนักแน่น ฉับไว และจังหวะจะโคนอันแม่นยำ เต็มเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา รวมถึงความสะอาดสะอ้านของเสียงทำให้เราสามารถจับเสียงดนตรีชิ้นนั้นชิ้นนี้ได้ถนัดหูราวกับมองเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยทีเดียว เสียงเพลงและดนตรีที่รับฟังเป็นลักษณะเสียงที่ปลดปล่อย เปิดโปร่ง สดใส-สะอาด-แจ่มชัด ทั้งในแง่ของความกระชับ-ฉับไวในท่วงท่า ควบคุมจังหวะจะโคนของดนตรีได้ดี มีไดนามิกเสียงอันฉับพลันให้ความไหลลื่นต่อเนื่อง น่าฟังยิ่งนัก 

รวมไปถึงในแง่ของมวลบรรยากาศรายรอบอันอบอวล รายะเอียดเสียงต่างๆ ที่ให้ความมีตัวตน รวมไปถึงเรื่องของความถูกต้องของ timbre ในเสียงแต่ละเสียง การให้ความฉับพลันทันใดอันเปี่ยมในน้ำหนักเสียงอย่างสมจริง แม้แต่ช่วงปลายหางเสียงอันแผ่วเบา ความกังวานทอดยาว และพละพลิ้วราวอณูเสียงของปลายเสียงสูง ๆที่เปิดโปร่งอย่างมากๆ ล้วนเป็นความน่าประทับใจที่ชักจูงให้เราเลือกสรรแนวเพลงต่างๆ มารับฟังต่อเนื่องกันไปอย่างเพลินใจ การเสริมทัพ Grandioso G1X เข้าไปกับ ESOTERIC: N-05 ได้ยกระดับการฟังจับรายละเอียดเสียงต่างๆ ได้แจ่มชัด ในช่วงย่านเสียงสูงๆ ก็เปิดโปร่ง โล่งกระจ่าง สว่างสดใส พร้อมด้วยน้ำหนักเสียง ให้ปลายหางเสียงที่ทอดยาว หลายต่อหลายเพลงที่เลือกมาฟัง ล้วนให้ลักษณะมวลอากาศที่ห้อมล้อม อบอวล มีความกังวานก้อง และเสียงสะท้อน-บ่งบอกสภาพบรรยากาศของโถงการแสดง หรือ สถานที่ใช้บันทึกเสียงได้ชัดเจนมาก รับรู้ถึงสภาพเวทีเสียงกว้างขวาง มีระยะเว้นว่าง-ห่าง-ชิด ชิ้นดนตรีไม่เบียดติดกัน จัดวางตำแหน่ง-แห่งที่ได้ดี มีความสมจริงในจินตภาพเสียง (image) เสียงทุกเสียงมีความ ‘กังวาน’ เจือแทรกอยู่เสมอ เป็นลักษณะเสียงที่เรา-ท่านได้ยิน-ได้ฟังเสมือนจริงในธรรมชาติ เสียงทุกเสียงไม่ชัดจนจัดจ้า จนเหมือนเสนอหน้าให้ได้ยินความคมชัดจนเกินจริง 

จากการรับฟังจากแนวเพลงการแสดงสด (LIVE) ก็จะรับรู้บรรยากาศของฮอลล์ หรือสถานที่แสดงสดนั้นได้อย่างอบอวลมากๆ ให้การรับรู้ถึงความโอฬารของสถานที่บันทึกเสียง พร้อมด้วยความกังวานของเสียงช่วยให้การรับฟังมีความอบอวลของมวลอากาศอย่างสมจริงในเหตุการณ์ที่รับฟัง เสียงปรบมือของผู้ชมเวลาชื่นชอบถูกใจในการแสดงให้ความรู้สึกอันปลาบปลื้มใจ จำแนกระยะชัดลึกที่ถอยออกไปไกลมาก การแยกแยะระยะห่าง-ช่องว่างระหว่างชิ้นดนตรีก็มีความจะแจ้งมาก ให้ระดับความลึกในเวทีเสียงที่เพิ่มขึ้นกว่าธรรมดาแตกต่างอย่างมากจากที่รับฟังโดยไม่มี Grandioso G1X ทั้งนี้รวมไปถึงความอวบอิ่มมีน้ำมีนวล และความมีตัวตนเปล่งปลั่งของทุกสรรพเสียง กระทั่งอาการจางหายไปของเสียงต่างๆ ล้วนถูกจาระไนออกมาได้ดีมากๆ  ทั้งยังให้ความโดดเด่นทางด้านของการบ่งบอกสภาพอิมเมจ-ซาวด์สเตจ รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ในเสียงเพลงและดนตรีที่รับฟังได้อย่างสมจริงมาก – เป็นความ “สมจริง” ที่มีพลังงานเสียง (energy) อย่างที่เรา-ท่านพึงได้รับจากเสียงตามธรรมชาติ 

คุณจะรับรู้ได้ถึงความอิ่มฉ่ำ ความกลมกล่อม ละมุนละไม ความหนักแน่น ฉับไว และจังหวะจะโคนอันแม่นยำ เต็มเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา รวมถึงความสะอาดสะอ้านของเสียงทำให้เราสามารถจับเสียงดนตรีชิ้นนั้นชิ้นนี้ได้ถนัดหูราวกับมองเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยทีเดียว เสียงเพลงและดนตรีที่รับฟังเป็นลักษณะเสียงที่ปลดปล่อย เปิดโปร่ง สดใส-สะอาด-แจ่มชัด ทั้งในแง่ของความกระชับ-ฉับไวในท่วงท่า ควบคุมจังหวะจะโคนของดนตรีได้ดี มีไดนามิกเสียงอันฉับพลันให้ความไหลลื่น คุณจะสามารถ “สัมผัส” ถึงมวลอากาศ (air) และช่องว่าง (space) ระหว่างเครื่องดนตรีได้ถนัดชัดเจนขึ้น รวมทั้งได้ยินเสียงเบ่งบาน (bloom) ของอะคูสติกโดยรอบๆ เครื่องดนตรี ห้องฟังดูเล็กลงและแห้งผากหากไม่มี Grandioso G1X เสียบต่ออยู่ …การใช้ Grandioso G1X  ร่วมกับ N-05 ทำให้เสียงหลุดลอยตัวออกจากลำโพงมากขึ้น ส่งผลให้เข้าถึงความรู้สึกร่วมในเสียงดนตรีกำลังรับฟัง 

Grandioso G1X  ร่วมกับ N-05 ให้ความเป็นธรรมชาติในสรรพเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ความแข็งกระด้างแบบเสียงดิจิทัลของเสียงกลาง รวมเสียงที่ “แตกๆ” (shattering) ของเสียงทรานส์เชี้ยนต์ (transients) ถูกแทนที่ด้วยสุ้มเสียงที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง ในทำนองเดียวกัน โทนเสียงของเครื่องสายก็มีความ “เป็นธรรมชาติ” มากขึ้น ไดนามิกก็ปรู๊ดปร๊าด ฉับพลันได้สะใจ ไร้การอัดอั้น ดูเหมือนว่า Grandioso G1X ได้ช่วยยกระดับการจำแนกขแยกท่อนดนตรีแต่ละท่อนออกจากกัน ดูเหมือนว่า การมี MASTER CLOCK GENERATOR จะเน้นย้ำถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเครื่องดนตรี หรือระหว่างส่วนต่างๆ ของเครื่องดนตรี แทนที่จะหลอมรวมเสียงดนตรีที่รับฟังให้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด การรับรู้ได้ถึงส่วนร่วมของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้ชัดเจนมากขึ้น จะดึงห้วงอารมณ์ให้มีส่วนร่วมกับดนตรีที่รับฟังมากขึ้น รับรู้ถึงอรรถรสได้มากขึ้น ฟิลลิ่งอินได้มากขึ้น ฟังสนุกมากขึ้น 

การมีส่วนร่วมของ Grandioso G1X ทำให้รายละเอียดเสียงดนตรีที่ระดับแผ่วเบา (low-level) มีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงที่ละเอียดอ่อนของนักร้อง เสียงของนิ้วที่ขยับบนสายกีตาร์ เสียงกระทบ-ปะทะที่ปรู๊ดปร๊าด และเสียงเครื่องเคาะจังหวะที่ดังก้องกังวาน ล้วนมีความชัดเจนมากขึ้น ฉาบ (cymbals) ให้เสียงแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อใช้งาน Grandioso G1X โดยมีความสว่างจ้าน้อยลง และละเอียดยิบยิ่งขึ้น โดยให้เสียงที่ละมุนหู-นวลนุ่มขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นพื้นผิว (texture) และตัวตนที่แท้จริงของเครื่องดนตรีนั้นๆ หากไม่มี Grandioso G1X แล้วไซร้ ฉาบจะส่งเสียงที่มีลักษณะหยาบ นอกจากนี้ยังได้ยินการออกอักขระเสียงร้อง “s” และ “ch” ลดลงด้วย โดยรวมนั้นเสียงมีความนุ่มนวล และมีรายละเอียดมากขึ้นพร้อมๆ กัน …คุณจะรับรู้ได้ถึงความอิ่มฉ่ำ ความกลมกล่อม ละมุนละไม ความหนักแน่น ฉับไว และจังหวะจะโคนอันแม่นยำ เต็มเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา รวมถึงความสะอาดสะอ้านของเสียง ทำให้เราสามารถจับเสียงดนตรีชิ้นนั้นชิ้นนี้ได้ถนัดหูราวกับมองเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยทีเดียว เสียงเพลงและดนตรีที่รับฟังเป็นลักษณะเสียงที่ปลดปล่อย เปิดโปร่ง สดใส-สะอาด-แจ่มชัด ทั้งในแง่ของความกระชับ-ฉับไวในท่วงท่า ควบคุมจังหวะจะโคนของดนตรีได้ดี มีไดนามิกเสียงอันฉับพลันให้ความไหลลื่น 

สรุปส่งท้าย 

…ไม่ลองก็ไม่รู้ละครับ เพราะ “Master Clock Generator” สามารถช่วย “ยกระดับ” คุณภาพการรับฟังได้อย่างน่าทึ่งมากๆ เมื่อเทียบกับการไม่ได้ใช้ “Master Clock Generator” เสริมเข้าไปในระบบเสียงดิจิทัล การรับฟังที่ไร้ซึ่ง “Grandioso G1X” นั้น สภาพบรรยากาศอันฉ่ำชุ่มก็กลับแห้งแล้ง ความนวลนุ่มก็กลับแข็ง-คมขึ้น ความมีเนื้อหนังเปี่ยมในชีวิตชีวาก็กลับผอมบาง อ่อนด้อยในความพละพลิ้วลงไป …อารมณ์ดนตรีที่ฟังดีมีความรุกเร้ากลับกลายเป็นธรรมดาสามัญ ความรื่นรมย์ขาดหายไป การไล่ระดับความลึกในสภาพเวทีเสียงก็ตื้นเขินขึ้น รายละเอียดต่างๆ ล้วนจมตัวลง ไม่เด่นลอยขึ้นมา 

…ขอยืนยันว่า Master Sound Discrete Clock รุ่น Grandioso G1X ของ ESOTERIC ทำให้ได้รับสมจริงทางดนตรีที่โอฬารกว่าที่คิด การมีส่วนร่วมของ Grandioso G1X เสริมเข้าไปในระบบ ทำงานร่วมกับ ESOTERIC: N-05 ทำให้เสียงดิจิทัลที่รับฟังเสมือนเสียงแอนาล็อกได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกๆ ด้าน ดุจดั่งการรับฟังจาก LP กระนั้น ให้คุณได้ซึมซับและหลอมรวมเข้าไปกับดนตรีที่เต็มไปด้วยความสมจริงอย่างเป็นธรรมชาติ นำพาคุณให้อิ่มเอมใจในรายละเอียดต่างๆ ราวกับกำลังรับฟังดนตรีแสดงสดอยู่ตรงหน้ากระนั้น ให้คุณรับรู้ได้ถึงทรานส์เซี้ยน และทิมเบอะ (timbre) ของเสียงดนตรี แต่ละชิ้นแต่ละประเภทอย่างแม่นยำด้วยความสมจริง 

ขอขอบคุณ บริษัท Inventive AV จำกัด โทร. 02-238-4078-9 ที่เอื้อเฟือ ESOTERIC: Grandioso G1X ในการรับฟังครั้งนี้ 

Exit mobile version