Test Report: Cayin Audio A-100T
Stereo Integrated Tube Amplifier
มงคล อ่วมเรืองศรี
นับเป็นครั้งแรกจริงๆ ครับ ที่ได้มีโอกาสทดสอบสมรรถนะและลองฟังคุณภาพเสียงของแอมป์หลอดฯ ขนานแท้จาก Cayin Audio อันเลื่องชื่ออย่างจริงจัง-นานวันขนาดนี้ จนผมสามารถยืนยันการันตีได้ใน “คุณภาพเสียง” ที่รับฟังจาก A-100T ไว้ตั้งแต่บรรทัดนี้เลยว่า สามารถเทียบชั้นกับ Tube Amplifier ระดับไฮเอนด์ราคาสุดโต่งจากทวีปยุโรปหรืออเมริกาได้อย่างเปี่ยมในประสิทธิภาพ แม้ว่าจะเป็นเครื่องเสียง “Made in China” แต่ทว่านับได้ว่า สมศักดิ์ศรีแห่งพญามังกรนั่นเลยเทียว
ความเป็น A-100T
แรกสัมผัสด้วยสายตา ถือได้ว่า A-100T นั้นเป็น Stereo Integrated Tube Amplifier ที่มีรูปลักษณ์สวยงามลงตัวอย่างบึกบัน-ทะมึน ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่โต และหนักอึ้งมากถึงเกือบ 30 กก. …ยกเครื่องคนเดียวนี่ทำเอาเสียดร้าวสันหลังเลยละคุณ…! ก็ดูหม้อแปลงทั้ง 3 ลูกบนตัวเครื่องซิครับ แต่ละตัวขนาดไล่เลี่ยกับคอมเพสเซอร์ตู้เย็นได้เลยกระมัง !!
บนแผงหน้าตัวเครื่องด้านซ้ายติดตั้งปุ่มกด เปิด/ปิดการทำงาน (power on/off) พร้อมดวงไฟ LED สีฟ้าสด แลดงสถานะการทำงานเมื่อเปิดการทำงาน (power on) ถัดมาหน่อยจะเป็น remote sensor สำหรับรับสัญญาณควบคุมระยะไกล หรือ remote controlled ที่นับว่า “จำเป็น” ต่อการเอื้ออำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งานในปัจจุบันทุกวันนี้อยู่พอสมควร ใกล้ๆ กันเป็นปุ่มปรับหมุนขนาดใหญ่ใช้สำหรับปรับระดับความดังเสียง (volume control) ที่มีดวงไฟ LED สีฟ้าสด “ฝัง” ติดมาด้วย ซึ่งนอกจากจะใช้บอกได้ถึงระดับความดังเสียงขณะรับฟังอย่างแจ่มชัดแล้ว ยังสามารถ “กะพริบ” เตือนช้าๆ เพื่อบ่งบอกให้ผู้ใช้งานได้ทราบว่า ขณะนี้ A-100T กำลังอยู่ในสภาวะ Soft-Start หรือ การหน่วงเวลาขณะเปิดใช้งาน อย่างที่เรียกกันว่า turn-on delay โดยจะใช้เวลาราวๆ 30 วินาที ก่อนที่ A-100T จะพร้อมเข้าสู่สภาวะใช้งานตามปกติ
ส่วนแผงหน้าตัวเครื่องด้านขวาจะมีปุ่มกดอยู่ 2 ปุ่ม – ปุ่มนึงจะทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนสถานะการทำงานของ A-100T ที่ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่า จะให้ A-100T มีรูปแบบการทำงานวงจรภาคขยายในโหมด Triode หรือ TR (ซึ่งจะให้คุณภาพเสียงที่ละเอียด ราบเรียบ ไหลลื่น ละมุนละไม) หรือว่าจะเป็นโหมด Ultra Linear หรือ UL (ที่จะได้สมรรถนะกำลังขับจ่ายออกมาเต็มกำลัง) กับอีกปุ่มที่ติดตั้งอยู่ใกล้ชิดติดปุ่มกดเลือกโหมดการทำงานวงจรภาคขยาย (TR/UL) นี่แหละก็จะเป็นปุ่มกด selector สำหรับให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะรับฟังการขับขาน A-100T จากแหล่งสัญญาณขาเข้าอะไร – CD, AUX หรือว่า TAPE ซึ่งจะมีช่องเสียบต่อ (socket) แบบ RCA ติดตั้งอยู่ทางด้านหลังเครื่องจำนวน 3 ชุดพร้อม rec-out อีก 1 ชุด นอกจากนี้แผงด้านหลังเครื่องของ A-100T ยังมีช่องเสียบต่อแบบ RCA สำหรับรองรับสัญญาณขาเข้าแบบ pre-in ติดตั้งมาให้ด้วย “เผื่อ” สำหรับท่านใดที่อยากจะใช้งานเจ้า A-100T ในแบบที่เป็นเพาเวอร์แอมป์อย่างจำเพาะเจาะจง ผ่านการรองรับสัญญาณขาเข้าจากปรีแอมป์ภายนอก
ดังนั้นการเล่น A-100T จึงเปรียบได้กับการมีภาค “แอมปลิไฟเออร์” ถึง 2 ชุดบรรจุอยู่ในเครื่องเดียวกัน ให้ท่านสามารถเลือกใช้งานได้ตามอารมณ์ความต้องการ หรือ ตามความเหมาะสมของประเภทบทเพลงที่รับฟัง – วันนี้รู้สึกแฮปปี้สุดซึ้งอยากรับฟังแบบเน้นคุณภาพเสียงกันสุดๆ ก็กดเลือกใช้งานแบบ “TR” เจ้า A-100T ก็จะทำหน้าที่สำแดงคุณภาพเสียงให้คุณได้รับฟังอย่างเนื้อๆ เต็มที่กันไปเลย พอวันใดที่อารมณ์เปลี่ยนอยากฟังมันๆ ต้องการเน้นสมรรถนะกำลังขับมากๆ หน่อยก็กดเลือกใช้งานแบบ “UL” เจ้า A-100T ก็จะทำหน้าที่สำแดงสมรรถนะออกมาเต็มกำลังขับ เหมาะกับการรับฟังดนตรีที่โหมกระหน่ำ นี่นับเป็นความสุดพิเศษของ A-100T ที่คุณจะได้รับ โดยหากกดเลือกเป็นแบบ “TR” ระดับกำลังขับ หรือจำนวนวัตต์ต่อข้างที่จะได้รับออกมาจาก A-100T นั้นจัก “น้อยกว่า” เมื่อกดเลือกเป็นแบบ “UL” อยู่ประมาณ “ครึ่งนึง” นะครับ
ทั้งนี้ในภาคปรีแอมป์ของ A-100T นั้นใช้หลอดสุญญากาศเบอร์ 6CG7 จำนวน 2 หลอดทำงานในส่วนควบคุมค่าแรงดันอินพุท ร่วมกับหลอดฯ เบอร์ 12AU7 อีก 2 หลอด และ 12AX7 อีก 1 หลอด ก่อนที่จะส่งต่อไปยังภาคขยายกำลังหรือภาคเอาท์พุท ซึ่งใช้หลอดสุญญากาศเบอร์ KT88 จำนวนทั้งสิ้น 8 หลอด (4 หลอดต่อแชนแนล) ทำงานร่วมกันในแบบ Push-Pull โดยสามารถให้กำลังขับได้ 100 วัตต์ต่อแชนแนลในโหมด Ultra Linear UL) และ 50 วัตต์ต่อแชนแนลในโหมด Triode (TR) ทั้งที่ค่าความต้านทาน 4 และ 8 โอห์ม
ส่วนทางด้านหลังตัวเครื่องจะติดตั้งขั้วเสียบสายไฟฟ้าเข้าเครื่อง ซึ่งเป็นแบบมาตรฐาน IEC – 3 ขามาให้ พร้อมติดตั้งขั้วเสียบสายลำโพงชุบเคลือบทองอย่างดีมาให้ 3 ชุดสำหรับการเสียบต่อเข้ากับขั้วบวก (+) ของระบบลำโพงที่ทำแยกต่างหากจากกันเป็นสำหรับค่าความต้านทาน 4 โอห์มและ 8 โอห์มโดยเฉพาะ รวมทั้งขั้วลบ (-) ที่เป็นแบบ common ให้ร่วมกัน แผงด้านหลังตัวเครื่องของ ยังมีปุ่มปรับแบบ rotary ติดตั้งอยู่อีก 2 ปุ่ม สำหรับทำหน้าที่ BIAS SELECTOR ให้กับหลอดฯ ขยายกำลังแต่ละหลอด แยกเป็นแชนแนลซ้าย-แชนแนลขวาโดยเฉพาะ ง่ายดายต่อการปรับตั้งค่าไบอัสเมื่อถึงวาระจำเป็น (พร้อมมิเตอร์แสดงระดับการปรับตั้งค่าไบอัสที่ใช้ควบคู่กันติดตั้งบนตัวเครื่อง)
อีกประการหนึ่งนั้น A-100T ยังมีอุปกรณ์ IR remote controlled มาให้ด้วย โดยปุ่มกดบน remote controlled นั้นจะสามารถสั่งการใช้งาน A-100T ให้ทำการปรับเปลี่ยนแหล่งสัญญาณที่รับฟัง รวมทั้งทำการปรับระดับความดังเสียงได้ตามที่ต้องการอย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องลุกเดินมาปรับเปลี่ยนที่ตัวเครื่อง
ผลการรับฟัง
เฉกเช่นทุกครั้งที่ผมเขียนถึงเครื่องหลอดฯ มักจะเน้นถึงปัจจัยสำคัญอันเป็นที่ยอมรับกันว่า ส่งผลเป็นตัวแปรต่อสมรรถนะและคุณภาพเสียงของแอมป์หลอดฯ โดยตรงนั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 ประการ –หนึ่งนั้นแน่นอนก็คือ ตัวหลอดสุญญากาศเอง (ผลิตจากแหล่งไหน ก็จะมีบุคคลิกเสียงที่แตกต่างกันไป มากบ้างน้อยบ้าง) –สองก็คือ ตัวหม้อแปลงเอาท์พุท (Output Transformer) ซึ่งจริงๆ แล้วโดยส่วนตัว ผมให้ความสำคัญกับสิ่งนี้เป็นอันดับแรกสุดด้วยซ้ำ เพราะบุคลิกและรายละเอียดเสียงจะถูกบิดเบือน สูญหาย หรืออยู่ครบถ้วน เป็นจริงตรงตามต้นฉบับสัญญาณเสียงก็อยู่ที่ Output Transformer นี่แหละครับ
อันเนื่องมาจากว่า หลายครั้งทีเดียวที่พบว่า หลอดสุญญากาศเกรดเยี่ยม ไม่สามารถให้ความประทับใจได้เทียบเท่า หลอดฯ ธรรมดาๆ ทว่าใช้หม้อแปลงเอาท์พุทที่ดีเยี่ยม จากคุณภาพเสียงที่ได้รับฟัง A-100T นั้นน่าจะใช้หม้อแปลงเอาท์พุทที่มีคุณภาพดีทีเดียว (Cayin Audio มิได้ระบุที่มาว่าผลิตจากแหล่งไหน ทว่าได้บอกไว้ชัดเจนว่าเป็นแบบ EI – wide frequency response) ร่วมกับการเลือกใช้หลอดฯ ที่มีคุณภาพ (ซึ่งน่าจะสั่งตรงจาก Shuguang อันโด่งดังของจีน)
อนึ่งทาง Cayin Audio ได้ระบุเพิ่มเติมว่า A-100T นั้นได้รับการคัดสรรอุปกรณ์ใช้งานในส่วนต่างๆ อย่างดี อาทิการใช้คาปาซิเตอร์ของทั้ง NICHICON และ REALCAP แม้กระทั่ง Volume Control ก็ยังเป็นเกรดสูงของ ALPS จากประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งการบัดกรีเชื่อมต่อต่างๆ ภายในตัวเครื่องซึ่งกระทำด้วยมือล้วนๆ นั้น ยังใช้ “สาย” เชื่อมโยงระหว่างกันแบบจุดต่อจุด (ไร้ซึ่งแผงวงจร หรือ circuit-board ใดๆ ) ด้วยสายตัวนำที่เป็นเนื้อทองแดงค่าความบริสุทธิ์สูง ซึ่งผ่านการชุบเคลือบผิวภายนอกไว้ด้วยเงินแท้ (silver-plated)
ทั้งนี้ตามธรรมเนียมปฏิบัติของการเล่นเครื่องเสียงหลอดฯ ก็ต้องทำการวอร์ม-อัพเครื่องประมาณ 30 นาทีก่อนการรับฟังจริงๆ จังๆ (นอกเหนือจากการผ่านพ้นสภาวะเบิร์น-อินแล้วตามปกติ) จนเกิดเป็นการปรารภกระทบกระเทียบว่า รักจะเล่นเครื่องเสียงหลอดฯ ต้องใจเย็นๆ หรือ คนใจร้อนเล่นเครื่องเสียงหลอดฯ ไม่ได้หรอก ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริงแล้วจะเครื่องหลอดฯ หรือโซลิดสเตทก็ล้วนจะต้องทำการ “วอร์ม-อัพ” ก่อนการรับฟังจริงๆ จังๆ ด้วยกันทั้งนั้น เพื่อให้เครื่องหรือระบบการทำงานได้ค่อยๆ ปรับสภาพ เหมือนอย่างที่คนเราก็ต้องค่อยๆ จ๊อกกิ้งก่อนที่จะลงวิ่งมาราธอน มิเช่นนั้นร่างกายโดยเฉพาะกล้ามเนื้อจะอยู่ในสภาวะตึงเครียดมาก
หลังจาก 30 นาทีผ่านพ้นไป… จะบอกได้เลยว่า A-100T นั้นมีบุคลิกเสียงที่เนียนนุ่ม ฉ่ำชุ่ม ระรื่นโสตประสาทในขณะรับฟังเป็นอย่างมาก ให้ความผ่อนคลาย เฉพาะอย่างยิ่งลักษณะเสียงในช่วงย่านความถี่เสียงกลางที่มีความโดดเด่นดีมากจริงๆ ครับ A-100T นั้นมิใช่แอมป์หลอดฯ ประเภทแช่มช้า เนิบนาบ โดยสามารถตอบสนองต่อสัญญาณฉับพลันได้อย่างฉับไว ไร้อาการเฉื่อย-เนือย พร้อมด้วยลักษณะเสียงอันอบอุ่น มีชีวิตชีวา และมีมวลอากาศห้อมล้อม พร้อมสภาพบรรยากาศที่ให้ความมีตัวตนของสรรพเสียง
โดยธรรมชาติแล้ว ลักษณะบุคลิกสุ้มเสียงแท้จริงของแอมป์หลอดฯ นั้น ฟังทีไรก็ให้ความรู้สึกชื่นมื่น ชุ่มฉ่ำใจ และมักจะให้ความมีชีวิตชีวาของเสียงสมจริงยิ่งกว่าแอมป์แบบ Solid – State ฟังแล้วติดหู ติดใจ อยากจะฟังไปเรื่อยๆ ยิ่งรับฟังจากเพลงร้อง เจ้า A-100T จะให้ลักษณะเสียงร้องของมนุษย์อย่างน่าทึ่ง ที่เสมือนเปล่งออกมาจากปาก อย่างมีลมหายใจ (breathing) มีวิญญาณ สัมผัสได้ถึงห้วงอารมณ์ของการร้อง พร้อมการแยกแยะอาณาบริเวณเสียงของกลุ่มนักร้อง เสียงนักร้องแต่ละคนล้วนมีมวลมีน้ำหนักมีตัวตน
เมื่อได้รับฟังกับดนตรีอคูสติกและคลาสสิก A-100T สามารถส่งมอบสภาพซาวด์สเตจ ซึ่งรับรู้ได้ถึงความสมจริงอย่างเป็น 3 มิติออกมา คุณจะรู้สึกราวกับว่า ผนังหลังลำโพงนั้นถอยหลังออกไปไกล ผนังด้านข้างก็กว้างขวางขึ้น โดยมีระยะความสูงของปริมณฑลเสียงที่ลอยตัวอยู่เหนือลำโพงขึ้นไป ในช่วงที่ดนตรีโหมประโคม ประชันกัน แผดสนั่น สุ้มเสียงที่รับฟังก็ยังปราศจากอาการตีรวน ปนเปกัน ช่วงย่านเสียงต่ำอันทรงพลังนั้นให้จังหวะจะโคนที่แม่นยำ พร้อมด้วยความหนักหน่วงในแรงปะทะของเสียงเบสช่วงความถี่ต่ำๆ
จากสภาพเสียงที่มีมวลอากาศห้อมล้อม อบอวลอยู่นั้น ทำให้รับรู้ถึงสภาพบรรยากาศของสถานที่แสดงดนตรีที่ถูกบันทึกมา ไม่ว่าจะเป็นในห้องโถงแสดงดนตรี (hall) ในโบสถ์ ในคลับ หรือในเวทีกลางแจ้ง (arena) ได้ราวกับตัวเรากำลังนั่งฟัง-ดื่มด่ำในอรรถรส ท่ามกลางห้วงอารมณ์ดนตรี ณ สถานที่แห่งนั้นได้อย่างสมจริงมาก สามารถบ่งบอกอิมเมจแยกแยะเป็นแถวเป็นแนวชัดเจน ในสภาพซาวด์สเตจอันกว้างขวาง สรรพเสียงล้วนกระจายตัวอย่างมีอาณาบริเวณ มิได้กระจุกรวมเป็นกลุ่มเป็นก้อน
ช่วงย่านเสียงกลางต่อเนื่องไปจนสุดปลายเสียงสูง หวานใส เนียนนวล ปลอดโปร่ง ลอยตัว หางเสียงทอดยาวกังวานไกล ให้ความลื่นไหลต่อเนื่อง มีความเป็นตัวตน ค่อนข้างกลมมน แยกแยะรายละเอียดที่แทรกซ้อนออกมาได้ชัดเจนไม่สับสน เสียงเครื่องเคาะจังหวะเป็นเสียงที่ “ผลุดโผล่” ขึ้นมาอย่างฉับไว มีมวลอากาศแผ่กระจายรายรอบ ไม่แห้งผาก ให้ความรู้สึกเสมือนจริงของทั้งเสียงร้องและเสียงดนตรี (หรือสรรพเสียงใดก็ตาม) ที่มีความชัดเจนปราศจากความคลุมเครือ การออกเสียงอักขระชัดเจนมาก บ่งบอกรายละเอียดความแตกต่างกันของแต่ละบุคลิกเสียงนักร้องได้ดี
ในอัลบั้ม “LET IT GO” (สังกัด Sheffield Lab หมายเลขแผ่นซีดี 10029-2) เพลงแรกจะรับฟัง-รับรู้ได้ถึงสภาพซาวด์สเตจ ซึ่งวงออร์เคสตร้า (เครื่องสาย) เล่นเป็นแบ็คกราวด์อยู่ด้านหลัง (เป็น Back-stage) ที่มีอาณาบริเวณเสียงแยกตัวออกมาเป็นระยะถอยห่างมาพอควรจากอาณาบริเวณของวงดนตรีที่บรรเลงเป็นหลักให้กับ Clair Marlo (เป็น Center-stage) โดยจะมีตำแหน่งเสียงร้องของ Clair Marlo และผองเพื่อนอยู่หน้าสุด (เป็น Front-stage) …น่าทึ่งจนขนลุกซู่
ยิ่งในเพลง LET IT GO จะยิ่งรับฟังได้ชัดเจนมากถึงการแยกแยะอาณาบริเวณเสียงของกลุ่มนักร้อง เสียงนักร้องแต่ละคนล้วนมีมวลมีน้ำหนักมีตัวตนให้ได้สัมผัส ที่สำคัญเป็นลักษณะเสียงของมนุษย์ที่เปล่งออกมาจากปากอย่างมีลมหายใจจริงๆ เสียงเครื่องเคาะจังหวะเป็นเสียงที่ “ผลุดโผล่” ขึ้นมาอย่างฉับไว มีมวลอากาศรายรอบและหางเสียงกังวานทอดยาว
จากอัลบั้ม “The Sheffield Jazz Experience” (สังกัด Sheffield Lab “The Audiophile Reference Series” หมายเลขแผ่นซีดี 10046-2-G) ซึ่งบันทึกเสียงแบบ Live studio recording ด้วยรายละเอียดข้อมูล “20+ 16” (เป็นแผ่นทอง) ยิ่งสร้างความประทับใจมากขึ้น เสียงเบสกระชับ อิ่ม-ใหญ่-แน่น ให้แรงปะทะที่เด็ดขาด หนักหน่วง และทิ้งตัวลงไปลึก ไร้ซึ่งความอึดอัด ยิ่งฟังยิ่งเร้าใจ พร้อมด้วยรายละเอียดเสียงและมวลอากาศห้อมล้อม-อบอวล
ลักษณะเบสที่เล่นในอัลบั้ม “The Sheffield Jazz Experience” นั้นบ่งบอกความเป็น “เบสยืน” (Acoustic bass) ชัดเจน แทบจะมองเห็นลีลาการกระตุกสายเบสของนักดนตรี ชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นเป็นอิสระ กระจายตัวอย่างมีอาณาบริเวณหน้า-กลาง-หลัง ไม่เบียดเสียดหรือกระจุกตัวอยู่เฉพาะแถวกลางๆ ระหว่างลำโพงซ้าย-ขวา ในเพลงที่ 3 จากอัลบั้ม ”Discovered Again” (สังกัด Sheffield Lab หมายเลขแผ่นซีดี CD-5) สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของโถงบันทึกเสียงอบอวลเป็นฉากหลัง โดยมีชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นค่อยๆ ผุดขึ้นมา ตรงโน้นตรงนี้ ตรงนั้น กระจายตัวกันอยู่ในซาวด์สเตจที่ราวเป็น 3 มิติ เฉพาะอย่างยิ่งเสียงเปียโนที่พละพลิ้ว อ่อนหวาน เสียงเครื่องเคาะจังหวะ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เสียงกระดิ่ง) ชัดใส กังวาน แผ่ไปไกลสุดๆ ไม่มีอั้น
เสียงพลิกกระดาษโน้ตในช่วงต้นเพลงที่ 9 ของอัลบั้ม “The Missing Linc” (สังกัด Sheffield Lab หมายเลขแผ่นซีดี CD-S10) มิใช่แค่เสียงพลิกกระดาษแผ่นเล็กๆ บางเบา แต่จะมีน้ำหนักรับรู้ได้ถึงแผ่นกระดาษขนาดใหญ่เด่นชัดทีเดียว (เช่นเดียวกับเสียงกระแอมเบาๆ ในเพลงที่ 7) เสียงเบสของกลองใหญ่ในช่วงท้ายเพลงที่ 2 ของอัลบั้ม “The Missing Linc” มีน้ำหนัก และแรงปะทะจากระลอกคลื่นอากาศ สำแดงถึงพลังความถี่ต่ำที่ทอดตัวลงไปแผ่-ลึก ทั้งยังสามารถรับรู้ถึงเสียงต่ำที่ค่อยๆ จางตัวลง จนขึ้นต้นเพลงที่ 3
จากแผ่น The Kroumata Percussion Ensemble ที่เป็นการบันทึกเสียงสารพัดเครื่องเคาะจังหวะ A-100T สามารถสำแดงให้ได้ประจักษ์ถึงความฉับพลันทันใดในการตอบสนองต่อสัญญาณเสียง ทั้งกลองเล็ก-กลองใหญ่ ฆ้องไทย-ฆ้องใหญ่-ฆ้องยักษ์ รวมถึงระนาดฝรั่ง ที่บรรเลงแบบโชว์ความไวอย่างสะใจ เมื่อได้ฟังจากแผ่น POSTCARDS ก็รับรู้ได้ถึงความใหญ่โตโอฬารของซาวด์สเตจ จากเสียงร้องประสานของ Turtle Creek Chorale กว่า 200 ชีวิต ในสภาพบรรยากาศอันกว้างขวางของโถงแสดงดนตรี มีความชัดเจนในการแยกแยะตำแหน่งแห่งที่ของเสียงอย่างไม่เบียดบังทับซ้อนกัน
หยิบจับแผ่น PIERRE VERANY ชุด “DIGITAL TEST” มาลองฟัง ในเพลงแรกซึ่งเป็นการบันทึกเสียงพลุ-ดอกไม้เพลิงที่จุดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองงานเทศกาล มีทั้งเสียงผู้คนที่เบียดเสียดอยู่ในงาน บรรยากาศรายรอบภายในงานเทศกาล เสียงพลุที่ถูกจุดแล้วพุ่งปรู๊ดขึ้นไปบนอากาศ เสียงแหวกอากาศแล้วระเบิดแตกออกเป็นประกายดวงไฟที่กระจายตัวอยู่สูงเหนือหัวเรา สร้างความน่าประทับใจ เสมือนเราเข้าไปยืนดูอยู่ในเหตุการณ์จริงที่กำลังเกิดขึ้นกระนั้น
กับแนวเพลงคลาสสิกที่ประโคมโหมกระหน่ำ A-100T ดูจะตอบรับได้ถนัดมากขึ้น เมื่อถูกปรับตั้งให้ทำงานในโหมด UL ด้วยความกระหึ่มกึกก้อง ทั้งยังบ่งบอกสภาพบรรยากาศของโถงบันทึกได้โอฬารยิ่งนัก ขนาดของห้องฟังของคุณเสมือนขยายใหญ่ขึ้น ซาวด์สเตจนิ่งสนิทมีครบทั้งความกว้าง-ความลึก และความสูง เสียงร้องประสานหมู่ 200 ชีวิตในอัลบั้ม “POSTCARDS” (สังกัด REFERENCE RECORDINDS หมายเลขแผ่นซีดี RR-61CD) เป็นแถวเป็นแนวชัดเจน อยู่ในเวทีเสียงอันกว้างขวาง มิได้กระจุกตัวเป็นกลุ่มก้อน
จากอัลบั้ม “CANTATE DOMINO” (สังกัด PROPRIUS หมายเลขแผ่นซีดี PRCD 7762) เป็นอีกอัลบั้มที่ถูก A-100T แจกแจงรายละเอียดออกมาอย่างน่าทึ่ง เสียงทุ้มที่ทอดตัวลงไปลึกถึงก้นบึ้ง พร้อมด้วยแรงสั่นไหวของมวลอากาศเป็นระลอก กระทั่งเสียงออร์แกนท่อที่พ่นเป็นลมเป็นมวลอากาศออกมาให้รับรู้ได้ สภาพบรรยากาศในโถงของโบสถ์ที่ใช้บันทึกเสียงนั้นอบอวลเลยทีเดียว ในช่วงต้นแทร็คแรกของอัลบั้ม “Happy Trails” (สังกัด Telarc หมายเลขแผ่นซีดี CD-80191) เป็นเสียงม้าที่บรรดาคาวบอยขี่ไล่ตอนฝูงวัว ขอบอกว่า กึกก้องฝุ่นตลบห้องเลยเชียวแหละ
อัลบั้ม “Victory at sea” (สังกัด Telarc หมายเลขแผ่นซีดี CD-80175) รับรู้ได้ถึงสภาพเวทีเสียงที่โอ่อ่า อลังการด้วยเครื่องดนตรีนับร้อยชิ้น รายะเอียดเสียงเครื่องดนตรีประกอบมากมายทั้งระฆัง-กระดิ่ง-ฉาบใหญ่-ไตรแองเกิล สามารถใช้ทดสอบ-บ่งบอกถึงความเร็ว-ช้าในการตอบสนองต่อสัญญาณ ความแผ่กว้างของเสียง รวมถึงสภาพเสียงที่มีอาการตีรวนปนเปกันหรือไม่เมื่อเครื่องดนตรีประโคมพร้อมกัน …A-100T สอบผ่านอย่างลอยลำ ไม่มีข้อตำหนิใดๆ
ด้วยสภาพเสียงที่สัมผัสได้ถึงความมีมวลบรรยากาศห่อหุ้มอยู่ (ยิ่งอบอวลมากขึ้น เมื่อปรับตั้งการทำงานไปรับฟังในโหมด TR) สามารถให้ความเป็นตัวตนเสมือนมีอยู่จริงของทั้งเสียงร้องและเสียงดนตรี (หรือสรรพเสียงใดก็ตาม) ที่มีความชัดเจนปราศจากความคลุมเครือ ราวกับเรา-ท่านกำลังนั่งฟัง ดื่มด่ำในอรรถรส ห้วงอารมณ์ดนตรี ที่แสดงอยู่ในห้องโถงแสดงดนตรี หรือในคลับ หรือในเวทีกลางแจ้ง หรือในอารีน่า
สรุปสั้นๆ ทิ้งท้าย A-100T ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ ฟังแล้วได้อารมณ์ดนตรีที่มีเสน่ห์ น่าเคลิบเคลิ้ม ชวนลุ่มหลง ช่วงย่านเสียงทุ้มก็ให้พลังหนักแน่น ไม่แช่มช้า จังหวะจะโคนแม่นยำ ยามใดที่ได้ฟัง A-100T แล้วคุณจะหลงเสน่ห์มัน ยิ่งฟังยิ่งถอนตัวไม่ขึ้น …ผมขอยืนยัน
ขอขอบคุณ บริษัท ดิจิตอล ไฮไฟ มีเดีย จำกัด โทร. 0-2880-8240-6 ต่อ 107 ที่เอื้อเฟื้อให้เครื่องมาทดสอบในครั้งนี้