What HI-FI? Thailand

Test Report: AMC STEREO INTEGRATED AMPLIFIER 3150 MKII

Test Report: AMC STEREO INTEGRATED AMPLIFIER 3150 MKII

หัสคุณ

 

            จะว่าไปแล้ว AMC นั้นเป็นบริษัทที่ดำรงมาจวบจนถึงปัจจุบันนี้ก็มีระยะเวลากว่า 40 ปีแล้ว จุดกำเนิดของ AMC ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเครื่องเสียงเลยก็ว่าได้ เพราะ AMC นั้นก่อกำเนิดขึ้นจากระบบคอมพิวเตอร์ ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้คนและเปิดตัวขึ้นในปีค.ศ. 1970 จากแนวความคิดในการที่จะมุ่งมั่นพัฒนาให้ดีขึ้น นำหน้าผู้อื่นอยู่ 1 ก้าวเสมอ (ONE STEP AHEAD OF THE OTHERS) ส่วนอักษรตัวย่อ AMC นั้นมาจากชื่อเต็มว่า ADVANCED MERIT CONCEPT กิจการหรืองานหลักของ AMC ก็คือ การวางระบบสายไฟของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบริษัท, ห้างร้าน รวมทั้งบ้านเรือนไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า, ระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงเครื่องมือ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งต่อมาทาง AMC ได้เรียกรวมว่า H.O.M.E. AUTOMATION SERIES OF PRODUCTS โดยที่ H.O.M.E. นั้นก็คือ HOME OFFICE MOBILE & MARINE ENTERTAINMENT & EDUCATION ซึ่งถือเป็นสายงานที่ครอบคลุมกว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง

ปรัชญาในผลิตภัณฑ์ของ AMC นั้นเรียบง่าย แต่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสำคัญยิ่งก็คือคำว่า ‘LIFE’ ซึ่งหมายถึง ชีวิตหรือการดำเนินชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ AMC IA SYSTEM/SERVICES ใช้ระบบ MODULE CONCEPT มาเป็นระยะ 25 ปี ทาง AMC ยังคงเติบโตไปอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยคุณภาพที่ขยับสูงขึ้นเป็นลำดับ แต่ยังคงความคุ้มค่า คุ้มราคาที่มาพร้อมกับการปรับปรุงในเรื่องของการออกแบบ, รายละเอียด, ลูกเล่น และฟังก์ชั่น รวมทั้งความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจ

สำหรับเครื่องเสียงนั้น ทาง AMC ได้จับมือกับบริษัท WELTRONICS ซึ่งตั้งอยู่ในลอนดอนประเทศอังกฤษให้เป็นผู้ออกแบบเครื่องเสียงของ AMC ขึ้น สำหรับวิศวกรใหญ่ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเสียงที่ถือว่าเป็นคีย์แมนคนสำคัญ และเป็นถึงผู้อำนวยการของ WELTRONICS ก็คือ PETER L. BATH หรือเรียกแบบย่อๆ ว่า PETER BATH

ปีเตอร์ บัธ เป็นวิศวกร ชาวอังกฤษ บิดาของปีเตอร์ บัธ นั้นทำหน้าที่จูนความถี่เครื่องรับวิทยุเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้เองที่งานของพ่อเขาถือว่าเป็นแรงกระตุ้นให้ปีเตอร์เกิดความสนใจ และมีใจรักในงานเครื่องเสียงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเติบใหญ่ขึ้น ปีเตอร์ บัธก็เลือกที่จะเจริญรอยตามเส้นทางที่พ่อของเขาได้เลือกเดินเช่นกัน ปีเตอร์ได้ฝึกฝน และเรียนรู้จนเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ ในแขนงเครื่องเสียงเป็นหลัก

เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ผ่านการทำงานกับหลายสถาบันที่เกี่ยวข้อง และอยู่ในวงการเครื่องเสียงชื่อดัง เช่น เขาเคยทำงานอยู่ที่ DOLBY LAB หรือ DOLBY LABORATORIES ถึง 9 ปี เคยทำงานอยู่กับ NAD ถึง 8 ปี ในช่วงนี้ต้องนับว่าเป็นช่วงที่ปีเตอร์ บัธ ได้พัฒนาความรู้ความสามารถของตนเองได้อย่างสูงมาก ปีเตอร์ยังเคยได้ร่วมงานกับ SOUNDSTREAM ในแคลิฟอเนียร์ และยังเคยร่วมงานกับบริษัทผู้ผลิตลำโพงชื่อดังอย่าง AR (ACOUSTIC RESEARCH) หลังจากที่เขาสั่งสมประสบการณ์รวมทั้งฝีมือไว้อย่างเต็มเปี่ยม ก็ได้เวลาที่เขาจะออกมาตั้งหลัก เพื่อสร้างสรรค์ผลงานของตนเองขึ้น ปีเตอร์ บัธ จึงได้ก่อตั้ง WELTRONICS ขึ้นในช่วงปีค.ศ. 1991 ต่อมาได้ตกลงตัดสินร่วมสร้างสรรค์งานกับทาง AMC จาก L.A. ปีเตอร์ เป็นคนที่รักงานด้านเครื่องเสียงเป็นชีวิตจิตใจ เขาอุทิศเวลาส่วนใหญ่ของเขาทั้งหมดให้กับงานทางด้านเครื่องเสียงเป็นหลัก ซึ่งก็คือเครื่องเสียงภายใต้แบรนด์ AMC ตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบัน

ผลิตภัณฑ์ของ AMC ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน และครอบคลุมทั้งระบบออดิโอ 2 แชนแนล รวมไปถึงระบบโฮมเธียเตอร์ สำหรับในบ้านเรา ณ ขณะนี้นั้น จะมีอินทีเกรทแอมป์ด้วยกัน 3 รุ่น ประกอบด้วย AMC 306 d, AMC 3150 MKII และอินที

เกรทแอมป์ระบบหลอดไฮบริดจ์ และทรานซิสเตอร์รุ่น CVT-3030 MKII นอกจากนี้ยังมีรีซีฟเวอร์แบบ 2 แชนแนล รุ่น AMC X7i-B อีก 1 รุ่น

เครื่องเสียงของ AMC ทั้งหมดถูกผลิตขึ้นโดยบริษัทในเครือของบ. IEEE GROUP ในประเทศไต้หวัน (IEEE คืออักษรย่อของ THE INSTITUTE OF ELECTRICAL AND ELECTRONICS ENGINEERS, INC.) IEEE GROUP ถือว่าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ระดับ GLOBAL ORGANIZATION ที่มีเครือข่ายถึง 300 แผนกในท้องถิ่น และคณะช่างเทคนิคถึง 1,150 แห่ง กระจายอยู่ใน 10 แคว้นทั่วโลก นอกจากจะเป็น OEM ให้กับทาง AMC แล้ว ทาง IEEE GROUP ยังผลิตงานแบบ OEM ให้กับแบรนด์ดังๆ ไม่ว่าจะเป็น NAD, A/D/S และ LUXMAN

 

AMC 3150 MKII

ถึงแม้ปีเตอร์ บัธ จะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ แต่เมื่อต้องพูดถึงรูปลักษณ์ หน้าตาของเครื่องแล้วดู ปีเตอร์ บัธ จะเป็นแนวนักอนุรักษ์นิยมอยู่ไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะการที่เขาได้เคยร่วมงานกับ NAD มาอย่างยาวนาน หรืออาจจะเป็นด้วยแนวคิดโดยส่วนตัว ที่จะมุ่งเน้นไปที่การออกแบบวงจร รวมไปถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องเมื่อใช้งานจริงเป็นหลัก ดังนั้นในการออกแบบแล้ว ต้นทุนส่วนใหญ่จะวางสัดส่วนไว้กับวงจรของเครื่องเป็นอันดับแรก ส่วนในเรื่องของรูปร่างหน้าตาแล้วถือว่าเป็นเรื่องรอง โดยมุ่งเน้นที่การใช้งานจริง มีฟังก์ชั่น รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีมาให้อย่างครอบคลุม ครบถ้วน ในส่วนของความสวยงาม เพื่อให้เครื่องดูดี หรือเพื่อเรียกร้องความสนใจนั้น ปีเตอร์ บัธ กลับไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เหตุผลหลักก็คงจะเป็นเพราะถ้าต้องลงทุนในส่วนนี้ด้วย ต้นทุนก็จะขยับสูงขึ้น โดยที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณภาพเสียงเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะมีเสียงเรียกร้องที่สะท้อนมาจากผู้บริโภคบ้างก็ตาม แต่ปีเตอร์ บัธ ก็ยังคงยึดมั่นในแนวทางนี้อย่างหนักแน่น

ดังนั้นสำหรับนักเล่น นักฟัง ที่อยู่ในวงการเครื่องเสียงแล้ว จะสังเกตเห็นว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ เครื่องเสียงของ AMC จะยังคงรูปแบบ และหน้าตาที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากเครื่องรุ่นเก่าในอดีตเลย แนวทางนี้ก็ใช่แต่จะมีแค่ AMC เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น แต่ NAD เองในอดีตก็ยึดแนวทางนี้มาก่อนแล้ว และผลงานก็เป็นที่ประจักษ์ หรือพิสูจน์ด้วยตัวของมันเอง จากความนิยมที่ยังคงมีอยู่ โดยมิได้ลดน้อยถอยลงเลย ในทางกลับกันก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่กลับสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งความน่าเชื่อถือได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

AMC 3150 MKII จึงมีหน้าตารวมทั้งการวางปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ ไว้แทบจะเหมือนกับ AMC 3150 และ 3150 a ในอดีตแบบไม่ผิดเพี้ยน เริ่มจากสวิตช์เปิด/ปิด ซึ่งเป็นปุ่มกดสีเขียวเข้ม วางไว้ทางด้านมุมซ้ายล่างของแผงหน้าที่ขึ้นรูปจากอะลูมิเนียมแบบอะโนไดซ์ผิวเรียบสีดำ ถัดมาจึงเป็นช่องสำหรับต่อหูฟัง เว้นระยะห่างออกมาระยะหนึ่ง จึงเป็นปุ่มปรับบาลานซ์ หรือสมดุลซ้าย-ขวา จากนั้นจึงเป็นปุ่มกด DIRECT SWITCH ที่เมื่อกดใช้งานจะตัดการทำงานของภาคโทนคอนโทรลออกแบบ BYPASS เพื่อให้คุณภาพเสียงที่เที่ยงตรง มีการตอบสนองความถี่ที่ราบเรียบ (FLAT FREQUENCY RESPONSE) จากนั้นจึงเป็นปุ่มปรับเสียงทุ้ม (BASS) ซึ่งจะทำงานที่ความถี่ 100 Hz โดยปุ่มปรับจะเพิ่ม หรือลดได้ +/- 9 dB ปุ่มปรับเสียงแหลม (TREBLE) จะทำงานที่ความถี่ 10 kHz โดยปุ่มปรับจะเพิ่ม หรือลดได้ที่ +/- 8 dB

ถัดมาจึงเป็นปุ่มเลือกแหล่งโปรแกรมสำหรับการบันทึก (RECORD SOURCE SELECTOR) ซึ่งใน AMC 3150 MKII จะมีช่องต่อแบบ RECORD OUT มาให้ 1 ชุด จากนั้นจึงเป็นปุ่มเลือกแหล่งโปรแกรม (INPUT SELECTOR) ใน AMC 3150 MKII นี้จะมีมาให้ 6 ชุด ด้วยกัน ประกอบด้วย PHONO/iPod/DAC/CD/TUNER/VIDEO และ AUX ตัวปุ่มเลือกแหล่งโปรแกรมนี้จะเป็นปุ่มที่ทำงานแบบโรตารี่ (ROTARY) ซึ่งตัวปุ่มเองจะสามารถหมุนได้โดยไม่มีตำแหน่งล็อกเหมือนปุ่มหมุนเลือกแหล่งโปรแกรมโดยทั่วไป ผู้ใช้จะต้องหมุนให้ตรงกับตำแหน่งตามตัวอักษรที่ระบุไว้ เพราะทาง AMC ได้ออกแบบมาเพื่อให้สามารถที่จะเลือกแหล่งโปรแกรม ผ่านตัวควบคุมรีโมทคอนโทรลได้อย่างสะดวก สุดท้ายจึงเป็นลูกบิดโวลลุ่ม (VOLUME) แบบมอเตอร์เพื่อเพิ่มความสะดวกในการควบคุมระดับความดังผ่านรีโมทคอนโทรลได้เช่นกัน

ด้านหลัง ขั้วต่ออินพุททั้งหมดเป็นขั้ว RCA แบบเคลือบทอง AMC 3150 MKII ยังมีขั้วต่อแบบปรีเอาท์ และเมนอิน พร้อมกับตัว U JUMPERS ที่สามารถถอดออกได้ในกรณีที่ต้องการนำ AMC 3150 MKII ไปต่อใช้งานร่วมกับปรีแอมป์ หรือเพาเวอร์แอมป์ภายนอกได้ สำหรับขั้วต่อลำโพงเป็นแบบไบดิ้งโพสต์ขันล็อคชุบทองแบบ HEAVY DUTY สามารถต่อกับสายลำโพงทั้งแบบเปลือย, ก้ามปู (SPADE) และขั้วต่อแบบบานาน่าขนาด 4 มม. ได้ ใน AMC 3150 MKII จะมีขั้วต่อสายไฟแบบ IEC 3 ขาแต่ไม่มีการต่อลงกราวด์ที่ตัวแท่น สามารถถอดเปลี่ยนสายไฟ AC ได้ พร้อมกับมีขั้วต่อแบบ RECEPTACLE 3 ขา แบบ UNSWITCHED ซึ่งไม่ได้ผ่านการควบคุมจากสวิตช์เปิด/ปิด ที่หน้าเครื่องของ AMC 3150 MKII เพื่อเพิ่มความสะดวกในการต่อไปใช้งานกับเครื่องเสียงของ AMC หรือเครื่องเสียงอื่นๆ ที่นำมาใช้งานร่วมกันได้อีกทางหนึ่ง

AMC 3150 MKII มีสัดส่วนอยู่ที่ 430 x 112 x 288 มม. (ก x ส x ล) มีน้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 12.20 กก. ฝาครอบด้านบนของ AMC 3150 MKII จะมีการเจาะรูเป็นช่อง เพื่อระบายความร้อนได้สะดวกแบบเต็มพื้นที่ ทาง AMC แนะนำว่าไม่ควรนำเครื่องเสียงชิ้นอื่นมาวางทับไว้ด้านบนของ AMC 3150 MKII เพราะตัว AMC 3150 MKII เมื่อเปิดใช้งานแล้วจะมีความร้อนอยู่ในระดับค่อนข้างอุ่น (QUITE WARM) และเมื่อใช้งานจนเกือบเต็มกำลังจะมีความร้อนสะสมที่ค่อนข้างสูงทีเดียว ผู้ใช้งานจึงควรจะใส่ใจในสถานที่สำหรับการจัดวาง เพื่อให้มีการถ่ายเทของอากาศที่ดี

ภายใน AMC 3150 MKII จะใช้หม้อแปลงแบบเทอรอยด์ขนาดใหญ่ทำงานร่วมกับคาปาซิเตอร์ขนาด 15,000 UF 80 V จำนวน 2 ตัว และขนาด 10,000 UF 50 V จำนวน 2 ตัว มีการแยกแผ่นวงจร PCB ออกเป็น 7 ชุดด้วยกัน ประกอบด้วยภาคซัพพลาย 1 ชุด, ภาคอินพุท 1ชุด, ภาค PHONO 1 ชุด ,บอร์ดสำหรับหูฟัง 1 ชุด ภาคปรีแอมป์ และโทนคอนโทรล 1 ชุด และภาคเอาท์พุทที่แยกเป็นอิสระสำหรับแชนแนลซ้าย และขวา อีกอย่างละ 1 ชุด การจัดวางถูกออกแบบมาอย่างลงตัว และมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในภาคซัพพลายนั้นมีการแยกเร็กกูเลทไฟออกเป็น 4 ชุดด้วยกัน สัญญาณอินพุทที่เข้ามาจากแหล่งโปรแกรมจะถูกส่งมายังชุดซีเล็คเตอร์ ซึ่งอยู่บนวงจรภาคปรีแอมป์ และโทนคอนโทรลโดยใช้สายแพร์ ภาคปรีแอมป์ใช้อ็อปแอมป์ของ JRC-2068D ซึ่งเป็นอ็อปแอมป์คุณภาพสูงแบบ HIGH PERFORMANCE ทำงานแบบ LOW NOISE DUAL OPERATIONAL AMPLIFIER มีการทำงานแบบ BIPOLAR TECHNOLOGY

ทาง AMC ได้ออกแบบภาค PASSIVE TONE CONTROL มาเป็นพิเศษ มีอุปกรณ์ไม่มากชิ้น แต่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับการออกแบบของเครื่งเสียงระดับไฮเอนด์ ที่ต้องการให้ทางเดินของสัญญาณนั้นมีระยะที่สั้น ผ่านอุปกรณ์น้อยชิ้น เพื่อให้สัญญาณที่ถูกขยายมีความผิดเพี้ยนต่ำ คุณภาพเสียงจึงความเที่ยงตรงสูง และเป็นธรรมชาติ

ใน AMC 3150 MKII ได้ใส่ชุดวงจรภาคโฟโน (PHONO) มาให้เพื่อเอาใจนักเล่นในยุคนี้ ที่หันกลับมาเล่นเครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือเทิร์นเทเบิ้ลกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน นี่คือความแตกต่างที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมขึ้นจาก AMC 3150 และ 3150a ในอดีต ที่สำคัญวงจรภาคโฟโนใน AMC 3150 MKII ยังสามารถปรับใช้กับหัวเข็มทั้งแบบ MM (MOVING MAGNET) และ MC (MOVING COIL) ได้ เพียงแต่ต้องเปิดฝาเครื่องแล้วไปโยกสวิตช์ที่อยู่บนบอร์ดวงจรภาคโฟโน เสียดายที่ทาง AMC ไม่ได้ทำสัญญาลักษณ์เอาไว้ว่าโยกทางไหนจึงเป็นแบบ MM หรือ MC จริงๆ แล้วทาง AMC น่าจะออกแบบให้เหมือนกับ AMC 306d ที่สวิตช์เลือกชนิดของหัวเข็ม จะวางไว้ที่ด้านหลังเครื่อง และมีตัวอักษรกำกับไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้ง่ายกว่า แต่เป็นเพราะว่าทาง AMC ได้ออกแบบ 3150 MKII ไว้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนบอร์ดวงจรภาคโฟโนให้เป็นบอร์ดวงจรภาค DAC ที่ทาง AMC ได้ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อรับสัญญาณแบบ DIGITAL IN จากแหล่งโปรแกรมใหม่ๆ ในอนาคตได้นั่นเอง จึงต้องออกแบบให้มีความคล่องตัวในการเปลี่ยนบอร์ดได้ง่าย AMC 3150 MKII จะมีขั้วต่อ PHONO GROUND TERMINAL มาให้อยู่ทางมุมซ้ายของด้านหลังเครื่อง

สำหรับภาคขยายนั้น จะถูกแยกเป็นอิสระระหว่างแชนแนลซ้าย และขวา ทาง AMC จัดวงจรเป็นแบบ DISCRETE หรือวงจรแบบแยกชิ้นล้วนๆ ไม่มีการใช้ไอซีอ็อปแอมป์แต่อย่างใด ในภาคเอาท์พุทใช้ทรานซิสเตอร์จำนวน 3 คู่ ต่อแชนแนล ที่แปลกก็คือทรานซิสเตอร์ที่ใช้นั้นเป็นเบอร์ที่ไม่ซ้ำกันเลย แม้จะเป็นของ SANKEN ทั้งหมดก็ตาม ประกอบด้วย 2SA 1494 จับคู่กับ 2SC 3858, 2SA 1186 และ 2SC 3519 จับคู่กับ 2SC 2837 AMC จึงมีกำลังขับอยู่ที่ 150 วัตต์ต่อแชนแนล สามารถจ่ายกระแสได้สูงถึง 30 แอมป์ แบบ HIGH PEAK OUTPUT CURRENT ทาง AMC ยืนยันว่าสามารถขับลำโพงได้เกือบทุกชนิด แม้กับลำโพงที่มีอิมพีแดนซ์ที่สลับซับซ้อนก็ตาม มีการใช้ขดลวด หรือ COIL เพื่อป้องกันการเกิด OSILATION หรือเกิดการลัดวงจรที่ความถี่สูงๆ

ใน AMC 3150 MKII จะมีวงจรป้องกันที่คอยตรวจจับอุณหภูมิแบบ THERMAL PROTECTION ในกรณีที่หม้อแปลงเกิดความร้อนจากการใช้งานที่หนักหน่วง วงจรดังกล่าวจะตัดการทำงานโดยทันทีและจะกลับมาทำงานเป็นปกติเมื่ออุณหภูมิเย็นลงจนอยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้ในส่วนของเพาเวอร์แอมป์นั้น ทาง AMC จะเลือกใช้ฟิวส์ในภาคเพาเวอร์ซัพพลายเป็นตัวป้องกันเท่านั้น เพื่อการจ่ายกระแสได้สูง และเต็มที่ โดยไม่มีการจำกัดกระแสแต่อย่างใด เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมนั่นเอง

อุปกรณ์ที่ใช้ภายในได้ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี มีทั้งเกรดธรรมดา และออดิโอเกรด รีซิสเตอร์ในจุดสำคัญจะเป็นแบบเมทัลฟิล์มที่มีค่าผิดพลาดต่ำแบบ 1% งานการประกอบรวมทั้งการจัดวางตำแหน่งต่างๆ อยู่ในระดับปานกลางจนถึงดี AMC 3150 MKII จะมาพร้อมกับรีโมทรุ่น RC-S3 สเปคของ AMC 3150 มีดังนี้

 

SPECIFICATIONS

 

Rated Power into 8 ohm ………………………………………………           150 W

With both channels driven

 

Rated Power into 4 ohm ………………………………………………            210W

With both channels driven

 

Rated T.H.D. 20 Hz – 20 kHz ……………………………………..              0.03%

1kHz clipping power into 8 ohm ………………………………….              160 W

1kHz clipping power into 4 ohm ………………………………….              220 W

 

Input sensitivity for 1W/Rated Power into 8 ohms:

High level inputs ………………………………………………………..              15 mV/200 mV

 

Input impedance:

High level inputs …………………………………………………………            20 Kohms

 

Frequency response:

Tone bypass 20 Hz – 20 kHz …………………………………………..      +/-0.2dB

Normal 20 Hz – 20 kHz ………………………………………………….       +/-0.5dB

High level inputs -3dB ………………………………………………..            <10 Hz/>100 kHz

 

Signal to noise ratio (ref. 1W/8 ohms):

High level inputs “A” WTD …………………………………………           85 dB

Separation 20 Hz – 20 kHz ……………………………………………..       75 dB

 

Tone control range:

Bass at 100 Hz …………………………………………………………….           +/-9 dB

Treble at 10 kHz …………………………………………………………           +/-8 dB

 

OTHER

Dimensions (W x H x D) …………………………………………………       430 x 112 x 288mm

Net weight ………………………………………………………………….           12.2 Kg

Shipping weight (2pices) ………………………………………………          26 Kg

 

ผลการทดลองฟัง

AMC 3150 MKII มีเวลาอยู่กับพวกเราค่อนข้างสั้น ก่อนจะต้องรีบปิดต้นฉบับให้ทัน   หลังจากที่เบิร์นอินประมาณ 2 อาทิตย์ และเบิร์นอินเครื่องจนเกินกว่า 100 ชั่วโมงแล้ว จึงนำเข้าฟังเพื่อสรุปผลกัน ซิสเต็มที่ใช้ร่วมในการฟังประกอบด้วย

เครื่องเล่นซีดี              : MARANTZ CD 17 (CLOCK II)

เพาเวอร์แอมป์            : FORTE’ P5, AVI S2000MA

ลำโพง                        : XAV SMALL ONE ‘CLASSIC’

สายนำสัญญาณ          : VAMPIRE AI-II

สาย RCA JUMPER   : MUSIC MUSE

สายลำโพง                  : VAMPIRE ST-II

สายเอซี                       : XAV XAV#5

ฟิวส์                             : MUSIC MUSE V2

 

ห้องฟังขนาด 4×8 เมตร ได้รับการปรับแต่งอะคูสติกมาอย่างดี

ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบว่า AMC 3150 MKII นั้นคล้ายๆ กับ TEAC AI-1000 ที่ได้ทดสอบไปก่อนหน้านี้ กล่าวคือเป็นอินทีเกรทแอมป์ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเบิร์นอินนานกว่าที่คุณภาพเสียงจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ก็ต้องล่วงเลยระยะเวลาที่ไม่น้อยไปกว่า 50 ชั่วโมง และถ้าจะให้ดีก็ต้องเลย 100 ชั่วโมงไปแล้วจึงจะถือว่าเริ่มเข้ารูปเข้ารอยจนเกือบสมบูรณ์ ช่วงระยะเวลาที่ยังไม่พร้อม AMC 3150 MKII จะให้คุณภาพเสียงที่เจิดจ้ามีความกระด้างแข็ง และมีการยกความถี่ในช่องเสียงแหลมที่เน้นโด่งจนออกนอกหน้า จังหวะดนตรีนั้นรวดเร็วฉับพลัน แต่ฟังได้สักพักจะเริ่มรู้สึกว่า เกิดอาการล้าหู และฟังเพลงได้ไม่เพลิดเพลินนัก อาการดังกล่าวนี้จะค่อยๆลดระดับลงเป็นลำดับจนเลยชั่วโมงที่ 100ไปแล้วอาการดังกล่าวจึงจะดีขึ้น ดังนั้นในขณะที่ AMC 3150 MKII ยังไม่พร้อมจริง คุณอาจจะมองข้าม AMC 3150 MKII ไปอย่างน่าเสียดาย ยิ่งเมื่อคำนึงถึงรูปร่างหน้าตาของ AMC3150 MKII ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การตัดสินใจที่จะมองข้ามไปนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น

ประเด็นต่อมา ถึงแม้ AMC 3150 MKII จะพ้นช่วงเบิร์นอินไปแล้วก็ตาม แต่ในทุกครั้งที่เปิดเครื่องเพื่อใช้งาน ควรจะต้องเปิดให้ AMC 3150 MKII อุ่นเครื่องประมาณ 20 นาที เป็นอย่างน้อย จริงๆ แล้วก็เป็นระยะเวลาที่ไม่นานนักเพื่อให้ AMC 3150 M KII พร้อมสมบูรณ์เต็มที่

เรื่องที่สอง ก็คือ AMC 3150 MKII นั้นเมื่อใช้งานไปสักระยะโดยตั้งโวลลุ่มไว้ที่ระดับความดังพอประมาณ จะมีความร้อนสะสมที่สูงพอควร แสดงให้เห็นว่า มีการจ่ายกระแสที่สูงตามที่ AMC ได้บอกไว้ ดังนั้นการจัดวาง AMC 3150 MKII จึงควรจะวางอยู่ในพื้นที่ ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี และไม่ควรนำเครื่องเล่นอื่นใด มาวางทับซ้อนอย่างเด็ดขาด

เรื่องที่สาม ก็คือ รีโมทที่ใช้ในการควบคุมสั่งงาน AMC 3150 MKII นั้นมีมุมในการสั่งงานที่ค่อนข้างจำกัด ในกรณีที่จัดวางเครื่องไว้ทางด้านข้าง และมีมุมนั่งฟังที่เฉียงออกมาค่อนข้างมาก จะไม่สามารถสั่งการใช้งาน AMC 3150 MKII ผ่านรีโมทได้เลย    อันดับสุดท้ายถึงแม้ว่า AMC 3150 MKII จะใช้ปลั๊กไฟ IEC แบบ 3 ขา ก็จริง แต่ภายในไม่มีการเชื่อมกราวด์ลงตัวแท่นเครื่องแต่อย่างใด มีเพียงแต่การต่อสายกราวด์เข้าไปที่ปลั๊ก RECEPTACLE และเชื่อมต่อไปยังวงจรเท่านั้น ดังนั้นจึงขอเริ่มการฟังโดยไม่ได้ต่อสายกราวด์เข้าระบบเป็นอันดับแรก

เมื่อจัดเตรียมองค์ประกอบตามที่กล่าวมาแล้ว AMC 3150 MKII ก็เปิดตัวด้วยน้ำเสียงที่สดใสมีรายละเอียดที่ดี เสียงร้องของ JACKIE EVANCHO มีความกระจ่างสดใส และชัดเจน มีอาการติดแห้งอยู่บ้างเล็กน้อย (JACKIE EVANCHO : DREAM WITH ME IN CONCERT : SONY MUSIC : USA) ถึงแม้จะผ่านช่วงเบิร์นอินมาแล้วก็ตาม แต่ AMC 3150 MKII ยังคงนำเสนอเสียงแหลมต้น ที่มีการยกเน้นขึ้นมาอย่างเด่นชัด เสียงของไวโอลินที่บรรเลงโดย ISAAC STERN นั้นถูกขับเน้นออกมาอย่างโดดเด่น มีความสดใส ในอันตราส่วนที่มากกว่าปกติ แต่ไม่มีอาการกระด้าง หรือหยาบแข็งแต่งอย่างใด เสียงแหลมฟังดูจะมีเนื้อเสียงที่บางลงเมื่อเปรียบเทียบกับย่านเสียงกลาง ปลายเสียงแหลมมีความกังวานที่ทอดตัวออกไปได้เล็กน้อย ก่อนจะเก็บตัวลง (ISAAC STERN ‘HUMORESQUE’)

ถึงแม้ดุลเสียงของ AMC 3150 MK II จะออกไปทางบาง แต่จังหวะดนตรีของ AMC 3150 MKII กลับมีความคึกคัก ฉับพลันที่โดดเด่น เสียงร้องของ JANIS IAN ในเพลง WALKING ON SACRED GROUND ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความสดใส มีรายละเอียดพร้อมกับฮาร์โมนิกที่น่าฟัง เสียงจังหวะของกลองที่บรรเลงโดย JIM BROCK นั้นมีจังหวะจะโคนที่เด่นชัด เมื่อประสานกับเสียงการเดิน BASS ของ CHAD WATSON ที่สอดรับ และส่งต่อด้วยจังหวะฝีมือที่เด็ดขาด มีความฉับพลัน กระจ่างชัด พร้อมกับการย้ำเน้นที่โดดเด่นจนทำให้คุณรู้สึกคล้อยตามจนอยากจะขยับแข้ง ขยับขาไปตามจังหวะของดนตรี ที่บรรเลงออกมาอย่างน่าฟังในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ (JANIS IAN : BREAKING SILENCE 24 GOLD LIMITED EDITION-ANALOGUE PRODUCTION)

กับเพลงคลาสสิกโหมโรง วงใหญ่ AMC 3150 MKII ก็สามารถถ่ายทอดขนาดของรูปวงที่มีขนาดใหญ่ออกมาได้ดี มีความรวดเร็ว ฉับพลันพร้อมกับแรงปะทะที่ดี เพียงแต่พละกำลังในช่วงเบสต่ำนั้น AMC 3150 MKII ดูจะขาดพลังและความหนักแน่นไปอย่างน่าเสียดาย เบสต่ำๆจะเก็บตัวเร็ว ยิ่งในจังหวะที่ดนตรีโหมแรงขึ้น AMC 3150 MKII ก็แสดงอาการซวนเซ และเริ่มมีอาการควบคุมไม่อยู่ให้ปรากฏชัดขึ้น ( TUTTI! ORCHESTRAL SAMPLE : R&R )

สำหรับการวางตำแหน่งอิมเมจ และซาวด์สเตจนั้น AMC 3150 MKII จะวางรูปวงในลักษณะที่เดินหน้า (FORWARD) เสียงกลางโดยเฉพาะเสียงร้องจะถูกวางตัวให้ล้ำหน้าออกมาอย่างเด่นชัด ซาวด์สเตจทางด้านกว้างทำได้ดี และโดดเด่นกว่าอิมเมจทางด้านลึก การแยกแยะตำแหน่งของชิ้นดนตรีทำได้อยู่ในระดับที่ดี

ต่อมาได้ต่อสายกราวด์ เข้าที่ขั้วต่อ PHONO GROUND TERMINAL ผลที่ได้ปรากฏว่าสามารถผลักดันให้คุณภาพเสียงของ AMC 3150 MKII ขยับตัวสูงขึ้นไปได้อีกระดับหนึ่ง คราวนี้ AMC 3150 MKII นำเสนอเสียงร้องของ JACKIE EVANCHO ออกมาได้อย่างโดดเด่นกว่าเดิม กล่าวคือเสียงร้องของ JACKIE นั้นมีความสดใส พร้อมกับฮาร์โมนิก ที่ชวนฟังรวมทั้งรายละเอียดที่เพิ่มมากขึ้น เสียงร้องมีความกระจ่างที่แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวล อาการติดแห้งที่ฟังพบก่อนหน้านี้กลับไม่ปรากฏให้ได้ยิน ในทางตรงกลับกัน เสียงร้องกลับมีชีวิตชีวาในแบบฉบับของแอมป์ทรานซิสเตอร์ชั้นดีอีกด้วย

ตอกย้ำกันอีกครั้งกับเสียงร้องของป้า ELLA FITZGERALD ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีตัวตน มีความนิ่งและเด่นชัด โดยที่ไม่เกิดอาการขึ้นขอบจนเกินงาม ถึงแม้ถ้าจะฟังกันแบบจับผิดกันจริงๆ แล้ว มวลเสียงของ ป้า ELLA จะออกบางไปสักเล็กน้อยตามที่พวกเราคุ้นเคยกัน (ELLA FITZGERALD : FOREVER ELLA)

เสียงแหลมของ AMC 3150 MKII ในคราวนี้ถึงแม้เนื้อเสียงจะยังค่อนมาทางบางกว่าย่านเสียงกลางอยู่บ้าง แต่ก็มีความนิ่ง โดยเฉพาะความสงัดเงียบที่เพิ่มมากขึ้น เสียงไวโอลินของ ISAAC STERN มีความนุ่มนวลขึ้นอีกเล็กน้อย พร้อมกับโฟกัสที่ชัดเจนขึ้น อาการเสียงแหลมที่ถูกยกเน้น ให้โด่งขึ้นกลับลดลง ทำให้น้ำเสียงโดยรวมฟังราบเรียบขึ้น ปลายเสียงแหลมสามารถทอดตัวออกไปพร้อมกับรายละเอียดที่ดีขึ้น ก่อนจะเก็บตัวลง (OPUS 3 : LARS ERSTRAND AND FOUR BROTHERS)

สำหรับเสียงเบสนั้น ดูจังหวะจะโคนจะถูกลดทอนความฉับพลันและการย้ำเน้นที่โดดเด่นลง แต่จะเพิ่มเสริมความกลมกลืนในอัตราส่วนที่มากขึ้น น้ำเสียงมีความกลมกล่อม และมีความต่อเนื่องที่ดีขึ้น กับเพลงคลาสสิกโหมโรงที่หนักแน่น และหนักหน่วง มาคราวนี้ AMC 3150 MKII สามารถรับมือได้ดีขึ้นจนน่าแปลกใจ จนอดที่จะหันไปมองระดับของโวลลุ่มที่ยังคงอยู่ที่ระดับความดังประมาณ 11 นาฬิกาเท่าเดิมกับที่ฟังไปก่อนหน้านี้ AMC 3150 MKII สามารถจะตรึงตำแหน่งด้วยความมั่นคง และนิ่งขึ้นพอประมาณ สามารถแจกแจงรายละเอียด ของชิ้นดนตรีต่างๆ ออกมาได้ดีขึ้น ในจังหวะของดนตรีที่โหมมาอย่างหนักหน่วง AMC 3150 MKII ก็ไม่มีอาการรวนเรให้ปรากฏ แต่กลับสามารถควบคุม และตรึงตำแหน่ง ต่างๆ เอาไว้ได้เป็นอย่างดี เบสต่ำทอดตัวได้ดีขึ้น พร้อมกับแสดงพละกำลังสำรองที่สามารถจะรองรับได้อย่างทันถ่วงที ก่อนที่จะเก็บตัวลง (TUTIT! ORCHESTRAL SAMPLE : R&R)

สำหรับซาวด์สเตจนั้น จะวางตัวขยับถอยลึกลงไปกว่าเดิม อิมเมจของเสียงร้องจะไม่ถูกเน้นให้เด่นชัดจนเกินพอดี สัดส่วนความกว้างยังทำได้ดีเหมือนเดิม แต่สัดส่วนความลึก ในครั้งนี้กลับสามารถแสดงช่องว่าง และช่องไฟ พร้อมกับระดับความลึกที่ถอยลงไปเป็นระดับชั้นได้ดี ส่งผลให้ได้ซาวด์สเตจที่มีความสมดุล และขยายตัวใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะกับด้านลึกแม้ความใส และรายละเอียดจะค่อยๆ ลดระดับลงเป็นลำดับก็ตาม จากการฟังในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การต่อกราวด์ของ AMC 3150 MKII นั้นมีผลต่อคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นจนไม่ควรมองข้ามแต่อย่างใด

สุดท้ายได้ลองเปลี่ยนตัว U JUMPERS ที่เชื่อมต่อระหว่างขั้วปรีเอาท์กับเมนอินที่ติดมากับเครื่องมาเป็นตัว RCA JUMPERS ของทาง MUSIC MUSE ที่ใช้อยู่ในห้องฟัง ผลที่ได้คือ น้ำเสียงที่โปร่ง สดใสขึ้น มีความกลมกลืนที่มาพร้อมกับความกระจ่าง เนื้อเสียงมีความละเอียดและเนียนขึ้น การย้ำเน้นของน้ำหนักถูกแยกแยะได้ชัดเจนขึ้น โดยที่ความโดดเด่นในน้ำเสียงหลักของ AMC 3150 MKIIไม่ได้ถูกบดบังหรือเปลี่ยนแปลงให้แตกต่างไปจากเดิม ที่สำคัญก็คือ สปีดของดนตรีจะมีความกระชับ กระฉับกระเฉงขึ้น มีแรงปะทะที่มาพร้อมกับน้ำหนักที่แน่นขึ้น และเฟิร์มขึ้นกว่าเดิม การทิ้งตัวของเบสต่ำๆและรายละเอียดก็ทำได้จะแจ้งขึ้น ถือว่าเป็นการอัพเกรดที่มีความคุมค่ากับ RCA JUMPERS ที่ใช้งบประมาณไม่ถึง 1,500 บาท ( ถ้าสนใจติดต่อได้ที่ INNER SOUND โทร 085-1391516,086-5990126 ) นี่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AMC 3150 MKII ที่ถูกเก็บงำซ่อนไว้ภายในได้อย่างน่าสนใจ

กับภาคโทนคอนโทรลใน AMC 3150 MKII ที่ทาง AMC จัดมาให้นั้น ถึงแม้ว่าจะมีความใส่ใจในการออกแบบมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อใช้งาน แล้วจะลดทอนความใสของเสียงลงไปจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของซิสเต็มรวมทั้งห้องฟังที่ใช้งาน แต่วงจรปรับแต่งเสียงทุ้ม และเสียงแหลม เมื่อกดใช้งานก็สามารถทำงานได้ดี เป็นการเพิ่มเติมเพื่อชดเชยสำหรับแหล่งโปรแกรมที่ไม่ค่อยสมบูรณ์โดยที่ไม่ได้เข้าไปเสริมเติม จนมีอาการโด่งหรือเน้นมากจนเกินไป จนทำให้เสียความกลมกลืน และขาดความสมดุลอย่างที่ควรจะเป็น ถือว่าทาง AMC ได้ออกแบบวงจรภาคโทนคอนโทรลมาอย่างดี และใช้งานได้จริงโดยที่ไม่ส่งผลให้เกิดการเลื่อนของเฟสของสัญญาณที่แตกต่างไปจากเดิม

ได้ลองนำ AMC 3150 MKII ไปต่อใช้งานร่วมกับปรีแอมป์และเพาเวอร์แอมป์ที่มีอยู่ในห้องฟัง ผลที่ได้นั้นภาคปรีแอมป์จะได้เปรียบกว่าภาคเพาเวอร์แอมป์ในอัตราส่วน 60:40 แต่โดยภาพรวมแล้วก็นับว่าทาง AMC ก็ได้ออกแบบมาให้ทั้ง 2 ส่วนทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว

สรุป

AMC 3150 MKII ถือว่าเป็นอินทีเกรทแอมป์ที่พอจะเรียกได้ว่า‘ลูกเป็ดขี้เหล่’ ที่เมื่อคำนึงถึงรูปร่างหน้าตา หากนำไปเปรียบเทียบกันอินทีเกรทแอมป์คู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน AMC 3150 MKII ออกจะมีรูปลักษณ์ในแบบอนุรักษ์นิยม ที่แทบไม่แตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นจึงแทบจะกลายมาเป็นรองในทันทีที่พบเห็น แต่หากได้สัมผัสฟังดู จะพบว่า AMC 3150 MK II นั้นมีข้อดีอยู่ในตัวหลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งอินพุทที่สามารถรองรับได้อย่างหลากหลายมีภาคโทนคอนโทรล เพื่อเติมเต็มให้กับแหล่งโปรแกรมที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ อย่างการบีบอัดไฟล์ในรูปแบบของ MP3นอกจากนี้ยังมีภาคโฟโนทั้งแบบ MM และ MC มาให้ด้วย AMC 3150 MKII จึงเหมาะกับนักเล่นในระดับเริ่มต้น ที่กำลังมองหาอินทีเกรทแอมป์ดีๆ สัก เครื่องมาใช้งาน ยิ่งเมื่อพูดถึงคุณภาพเสียงด้วยแล้ว ต้องบอกเลยว่า AMC 3150 MKII ไม่เพียงแต่เป็นแอมป์ที่น่าสนใจสำหรับนักเล่นมือใหม่เท่านั้น แต่ยังครบคลุมไปถึงนักเล่นมือเก่าที่ต้องการอินทีเกรทแอมป์เสียงดี แต่ยังหาแอมป์ที่เหมาะสมและอยู่ในงบประมาณที่ไม่สูงมากนักไม่ได้ AMC 3150 MKII จึงเป็นอินทีเกรทแอมป์ ที่มีความน่าสนใจ และแนะนำให้หาโอกาสไปสัมผัสฟังด้วยตนเองจริงๆสักครั้งครับ !

 

ขอขอบคุณ บริษัท ยูโรวิชั่น จำกัด โทร. 0-2969-3751-3 ที่เอื้อเฟื้อเครื่องมาให้ทดสอบในครั้งนี้

Exit mobile version