What HI-FI? Thailand

Test Report: AC Power Cord :Tara Labs รุ่น RSC PRIME

AC Power Cord :Tara Labs รุ่น RSC PRIME

อิทธิพร

 

 

RSC® Prime AC 15amp US Plugs 6ft/1.8m

คุณลักษณะจากผู้ผลิต

neutral and ground paths.

 

เมื่อกล่าวถึงในยุคก่อนหน้านี้เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านพ้นมา เสียงดนตรีและระบบโฮมเธียเตอร์ระดับของไดนามิกยังไม่มีการจัดหนักเท่านี้ หากมีโอกาสลองไปหาฟัง เช่นเพลง Frank Sinatra, Carpenters, Elvis, The Beatles จะเป็นดนตรีที่ฟังเรื่อยๆ ไม่เน้น การกระชากของไดนามิก และซาวด์สเตจของดนตรีบางเพลง ดนตรีอยู่ขวา เสียงร้องอยู่ซ้ายซะอย่างนั้นเลย ไม่เหมือนในปัจจุบัน ซึ่งเครื่องเสียงที่ระบบไฟไม่พร้อม นักร้องคงลอยมาจะอยู่ตรงกลางและลอยมานั่งที่ตักของท่านไม่ได้หรอกครับ ทุกวันนี้จะรับรู้กันดีว่า ดนตรี มีไดนามิก มากกว่าแต่ก่อน ลำโพงก็ขับยากกว่าแต่ก่อน ดูอย่างลำโพงตู้สามทางสมัยก่อน ดอก 12 นิ้วรับกำลัง สูงสุด 50 W แอมป์แค่ 20 วัตต์ก็เปิดได้ดังลั่นบ้านแล้ว พอมายุคปัจจุบันดอก 6 นิ้วเสียงดีจริงแต่ก็ขับยากขึ้นซึ่งแอมป์ก็ต้องมีไดนามิกมากขึ้นตามยุคตามสมัย ปัจจุบันแอมป์ไม่ได้มีไว้แค่ฟังมวยและฟังหวยอย่างเดียวแต่กลับเพิ่มภาคเพาเวอร์แอมป์ที่ของเดิมใช้แค่ 2 Ch เป็น 5 Ch ถึง 9 Ch ทำมาเพื่อรองรับการตอบสนองทางเสียงในระบบโฮมเธียเตอร์ ลองพิจารณาดูซิครับ ยกตัวอย่าง เช่น ในเรื่องหนัง Saving Private ช่วงระเบิด เสียงระเบิดตูม!!!! ไดนามิกมิใช่น้อยๆ ไหนจะมีเสียงปืนกล เสียงคน เสียงเม็ดทรายและกรวดหิน กระเด็นกระดอน แอมป์จะจ่ายกำลังมากขนาดไหน ลำโพงทั้งห้าตัวโหลด ไม่ใช่แต่ 4 Ohm, 6 Ohm, 8 Ohm เหมือนตามสเปคที่พิมพ์สติ๊กเกอร์แปะไว้ที่ข้างตู้นะครับ โหลดจาก 8 Ohm จะขึ้นลง ขึ้นลง อย่างนี้ทุกเสี้ยววินาที ซึ่งปัญหาไฟที่เข้ามาเลี้ยงเครื่องถ้าใช้ AC Power Cord ที่แถมมากับเครื่องมันย่อมไม่ได้เสียแล้ว เนื่องจากเป็น AC Power Cord ธรรมดาซึ่งใช้งานก็ใช้ได้ แต่พอมีช่วงที่มีไดนามิก ก็ไม่สามารถตอบสนองได้เต็มที่ และยังทำให้ลดรายละเอียด เวทีเสียงทำให้พร่องอีกด้วย ซึ่งหลายท่านที่เล่น AVR ส่วนใหญ่ไปอัพเกรดสายสัญญาณ อัพเกรดสาย HDMI อัพเกรดสายลำโพง แต่ลืมอัพเกรด สาย AC Power Cord ด้วย ซึ่งการที่จะให้แอมป์ได้แหล่งสัญญาณไฟดีๆ นั้น แอมป์ก็ควรได้มีสิทธิเสรีภาพในการบริโภคไฟที่เต็มอิ่ม และไหลลื่นสะดวกจากปลั๊กไฟที่ดีมีคุณภาพด้วย ซึ่งนอกจากปลั๊กไฟที่ดีและมีคุณภาพแล้ว ยังต้องได้มาตรฐานด้วยครับ สาย Line, Neutron และ GND ถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งถ้าสลับสาย เช่น Neutron เป็น GND เครื่องก็สามารถทำงานได้ แต่ไม่สมบูรณ์ และจะเกิดอันตรายหากมีไฟรั่วออกมา ซึ่งสาย GND ช่วยให้เครื่องทำงานได้สมบูรณ์ เสียงดีขึ้น โดยสัญญาณรบกวนก็ถูกกำจัดทิ้งลงสาย GND ด้วย และยังช่วยในเรื่องความปลอดภัยเมื่อเครื่องเกิดมีปัญหาไฟรั่วลงตัวถัง เวลาไปจับเครื่องถ้าไม่มีเครื่องตัดไฟรั่ว ไฟที่รั่วก็จะลงตัวถังและลง GND เราก็จะไม่ได้รับอันตราย

ตัวอย่างที่ได้มาทดสอบเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งแกะกล่องกันมาใหม่ๆ ซึ่งจากการทดลองใช้งานครั้งแรกกระผมยังไม่ทันได้หวังอะไรกับสาย AC Power Cord ของ Tara Labs รุ่น RSC PRIME สักเท่าใด มาเรียกน้ำย่อยก่อนฟังของจริง โดยทดลองเสียงกับการใช้งานกับการฟังเพลง 2 Ch โดยมี Magnet Ma-300 F แหม! เสียงที่ได้ เหมือนได้ไดนามิกจาก Magnet Ma-400 เข้ามาสิงอยู่ใน Magnet Ma-300 F ซะอย่างนั้น ซึ่งการใช้งานเมื่อก่อนเป็นสาย AC Power Cord สีเขียวๆ อ้วนๆ ที่ชาวเครื่องเสียงลือว่าดีนักดีหนา เอาเป็นว่า ถ้ามีสาย AC Power Cord ของ Tara Labs ผมก็จะลืมสายเขียวอันเก่าไปเสียโดยพลัน เอ๊ะ! นี่กระผมเผลอฟังไปนั้น กระผมยังไม่ได้เบิร์นสาย AC Power Cord ของ Tara Labs เลยนี่นา อย่ากระนั้นเลยครับ เพื่อมิให้เสียเวลาและค่าไฟกระผมจึงเสียบสาย AC Power Cord ของ Tara Labs กับปรีฯ ทิ้งไว้ (ไม่เปิด Magnet Ma-300 F) และต่อแหล่งสัญญาณจาก Tuner แล้วเลือกสถานีที่ 96.6 MHz เบิร์นเส้นละ 3 วันครึ่ง มันเท่ากับ 80 ชั่วโมงกว่าต่อเส้นแล้วขอรับ (เปิดคลื่นให้ไม่ตรงกับ 96.5 MHz ได้ผลดีนักแหละครับ สัญญาณที่คลื่นไม่ตรงจะวิ่งซับซ้อนดีมากครับ ผลที่ตามมาไม่ต้องซื้อแผ่นเบิร์น และจะได้ผลการเบิร์น เร็วขึ้น 20-30 %) ในตอนนี้สายไฟไปอยู่ที่ปรีฯในการเบิร์นเราก็ไม่ต้องเปิด Power Amp Magnet MA-300 ก็ได้ครับ และยังลดค่าไฟ และยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย

 

ทดสอบจริงกับระบบโฮมเธียเตอร์ และในการทดสอบระบบโฮมเธียเตอร์ เป็นระบบ 5 Ch ไม่พึ่งซับ ในที่นี้กระผมมี Focal Chorus 714 V วางหน้าหลังสี่ตัว, เซ็นเตอร์ HS-M2 เป็นลำโพงเก่าครับอายุเกินยี่สิบปีแล้ว หากได้เห็นภาพกันแล้วหลายคนอาจบอกว่าให้ฟรียังไม่เอา แต่ลองฟังเสียงก่อนครับ เสียงกลางหวานชัดดีจริง แต่เสียงแหลมอาจนุ่มไปนิด เนื่องจากอุดมการณ์ของทีมงานเราจะเล่น จะลอง เราเน้นที่คุณภาพก่อนไม่สนใจราคาว่าเป็นเช่นไร ส่วนแอมป์ กระผมยกหน้าที่ให้ Nad 763 เพื่อสร้างความบันเทิงแบบไม่ใช้ซับ โดยการทำงานจะตั้งให้ลำโพงคู่หน้าและคู่หลัง เซ็ตเป็น Large เซ็นเตอร์ เซ็ตเป็น Small เพราะถ้าตั้งเป็น Large ลำโพงดอกสี่นิ้วซึ่งเสียงหวานมาได้ยี่สิบกว่าปีคงดับสูญวันนี้เป็นอันแน่

 

ในการทดลองระบบโฮมเธียเตอร์ กระผมจะลองเปรียบเทียบกันระหว่าง สาย AC Power Cord จากโรงงานกับสาย Tara Labs ว่าเป็นเช่นไร สาย AC Power Cord ที่แถมมาจาก Amp Surround ( สาย AC Power Cord ดูแล้วช่างเป็นคู่มวยที่สมศักดิ์ศรียิ่งนัก) ซึ่งการคาดไว้ก็มิผิดตามวิสัยของแถม เสียงออกจริง แต่แรงปะทะและบรรยากาศ มันพร่อง

 

ซึ่งกระผมและทีมงานขอกล่าวว่าให้ท่านใช้สาย Tara Labs อัพเกรดเสียจะดีกว่า ส่วนสาย AC Power Cord ที่แถมมาจะเอาไปทำเป็นสายสำหรับพัดลมหรือหม้อหุงข้าวก็ตามอัธยาศัยครับ เมื่อเวลาผ่านไปเพื่อมิให้เป็นการหายใจเสียเวลาเปล่า กระผมเสียบสาย AC Power Cord จากโรงงานกับสาย Tara Labs เสียงที่ได้จากสาย Tara Labs เสียงระเบิดและเสียงปืนกล ชัดเจนกระจ่าง แถมบรรยากาศที่เป็นเสียงห้อมล้อมชัดเจนกว่าเยอะ

 

เมื่อกระนั้น Sub Boston อยากออกมาทำงานบ้าง กระผมจึงเปิด Sub Boston เพื่อเสริมเบสช่วงต่ำเพื่อเสริมระบบเซอราวด์ให้สมจริงขึ้น ซึ่งในครั้งแรกก็ใช้สายที่แถมมากับ Sub Boston แล้วก็เปรียบเทียบสาย AC ของ Tara Labs เสียงของเบสที่ได้มีพลังและการควบคุมในการปั๊มเบสออกมาดีมีพลังขึ้นกว่าเดิมและจังหวะการเดิน การหยุด รายละเอียดของเบส อาการของเบสที่ดูแล้วเหมือนจะเหมือนไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงในตอนแรกจึงไม่ปรากฏให้เห็น

 

 

ทดสอบจริงกับการฟังเพลง 2 Ch

พอมาถึงการทดสอบการฟังในระบบ 2 ch กระผมมีเครื่องมือใช้ไม้สอย คือ Magnet Ma-300 F, Pre Rotel RC-1070, CD Rega Apollo, สายสัญญาณ Tnd Project ในครั้งแรกจะประเดิมกันด้วยเพลง Future ของศิลปิน Carl Off ซึ่งถ้าบอกไปหลายคนรู้จัก และอีกมากถามกลับว่า มันคือเพลงอะไร แต่ถ้าได้ลองฟังแล้วเพลงนี้ใช้ในงานโฆษณาสินค้าหลายๆ ตัว ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงซิมโฟนีโรงใหญ่และมีนักร้องประสานเสียง ดนตรีที่ใช้ในวงซิมโฟนีมากมายอลังการ อาทิเช่น ฉาบ กลอง ไวโอลิน และอีกมากมาย ซึ่งถ้าระบบไฟไม่ดีแล้วเล่นเพลงนี้จะเกิดอาการลงท่อทันที ซึ่งในครั้งแรกกระผมได้ลอง Power Cord ยักษ์เขียว เป็นตัวเปิดงานทั้งระบบ ซึ่งช่วงเวลาในช่วงนาทีแรกๆ พอไปได้ แต่พอพ้นระยะช่วงแรกไปแล้ว ยักษ์เขียวก็เริ่มขึ้นอึด เพราะช่วงที่ดนตรีโหมโรงเสียงร้องเสียรูปขบวนค่อนข้างชัดเจน และพาดนตรีชิ้นเล็กชิ้นน้อยล่มไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ไวโอลิน ฉาบ ฟังแล้วเสียงไม่สะอาดเอาเสียเลย เมื่อเสียบสาย Tara Labs ที่เบิร์นจนสุกแล้วในเพลง Future ของ Carl Off จากการที่ดนตรีและเสียงร้องได้เคยเสียรูปขบวนที่เกิดจากการโหมโรง กลับมาตั้งหลักอย่างมั่นคงกันเลย เสียงประสานเป็นฟังออกว่ามีหลักร้อยคน เสียงฉาบ เสียงรัวกลอง ระทึกกัมปนาทสมกับเป็นวงดนตรีวงใหญ่ เสียงเก่าที่เคยได้ฟังเมื่อก่อนหน้านี้ มันวิ่งสองข้างของลำโพง กระโดดออกมานอกลำโพงไปอีกเยอะ ทำให้กระผมแอบตั้งความหวังไว้ในใจว่า สักวันกระผมต้องมีสาย Power Cord Tara Labs เป็นของตัวเองให้ได้

ตามต่อกันในเพลงที่สอง The Soldiers March ของศิลปิน Igor Stravinsky เพลงนี้มีช่วงเวลา 1.50 นาทีเท่านั้น แต่ความไพเราะเพราะพริ้งสมบูรณ์ในการอัดก็มิได้น้อยเหมือนเวลาหาไม่ ซึ่งเพลงนี้ เครื่องสี เครื่องตี เครื่องเป่า และนักร้องหญิงหนึ่งคน ครั้งที่ได้ฟังจากสายเขียวเวลาที่กลองตีแรงๆ เสียง เครื่องเป่า เช่น ขลุ่ยหลายชนิด เครื่องสี คือ ไวโอลิน ก็ยังเรียกว่าอยากได้ดีกว่านี้ ซึ่งเมื่อใส่สาย Power Cord Tara Labs ทุกอย่างกลับกลายสถานการณ์ต่างกับการฟังเพลงนี้ในครั้งแรก ตลอดช่วงเวลาของเพลงนี้ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นเพลงที่สมบูรณ์ ด้วยระบบไฟที่สมบูรณ์ขึ้น ความกระจ่าง แรงปะทะ ความสะอาดของดนตรี เต็มใจมาพร้อมเพรียงกันแบบนัดหมายตามที่คิดฝันไว้

อันนี้เป็นข้อสรุปละครับ สำหรับท่านที่เล่นระบบเสียงในช่วงเริ่มต้นหรือเป็นช่วงที่กำลังไขว่คว้าหาสิ่งที่ดี สิ่งที่เหมาะสม ไม่ว่าท่านจะเล่นโฮมเธียเตอร์หรือเครื่องเสียง 2 Ch สำหรับการฟังเพลง ท่านที่มีเครื่องเสียง ครบชุดแล้วก็อย่าลืมอัพเกรดสายไฟด้วยครับ ซึ่งสาย Tara Labs จะช่วยระบบเสียงของท่านทางตรงเรื่องประสิทธิภาพของกระแสไฟให้ไม่ติดขัดแล้ว เมื่อกระแสไฟมาเต็ม บรรยากาศของเวทีมันก็มาตาม รายละเอียดและความสดใส ก็ดีขึ้น เบส กลาง แหลม ที่ฟังยากๆ ก็ฟังง่ายขึ้น ซึ่งเป็นความสามารถของทองแดงแบบ SA-OF8N copper นั้นเอง

ขอขอบคุณ บริษัท อินเวนทีฟ เอวี จำกัด โทร.0-2238-4078-9 ที่เอื้อเฟื้อสายมาให้ทดสอบในครั้งนี้

Exit mobile version