สนับสนุนโดย Audio Excellence Co., Ltd และ Groove Note Records/Analog Archive
* เทปแอนาล็อก ดวลกับ DSD: งานนี้จะพิสูจน์ว่า คุณนั้นบอกความแตกต่างได้ไหม? คุณนั้นเป็น “หูทอง” ขนานแท้หรือไม่?
* เนื่องจากการใช้มาสเตอร์เทปต้นฉบับดั้งเดิม สำหรับการตัดแผ่นไวนิลแบบแอนาล็อกกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกขณะ ท้ายที่สุดแล้วอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนลาเบลใหม่เกือบทั้งหมด เพื่อระบุว่า ใช้ไฟล์ดิจิทัลบางรูปแบบสำหรับความจำเป็นในการตัดแผ่น การพัฒนาในรูปแบบดังกล่าว แน่นอนว่า จะไม่ได้รับการยอมรับจากผู้ที่ชื่นชอบแผ่นเสียงไวนิลแบบแอนาล็อกล้วน (AAA)
สืบเนื่องจากได้มีการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มออดิโอไฟล์ที่บ่งบอกออกมาอย่างแน่ชัด และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ที่ยืนยันว่า ผู้ฟังที่เป็นออดิโอไฟล์ส่วนใหญ่ (อาจไม่ใช่ทั้งหมด) ไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่าง LP ที่ตัดแผ่นจากมาสเตอร์เทปแบบแอนาล็อก กับอีกแผ่นหนึ่ง ซึ่งตัดแผ่นจากแหล่งข้อมูลดิจิทัลที่มีความละเอียดสูง
ทั้งนี้ Audio Excellence (AE) และ Groove Note Records (GRV) ร่วมกับนิตยสาร What Hi-Fi? Thailand จะได้นำเสนอและจัดกำหนดการเซสชั่นการรับฟังในงาน BIAV SALES 2022 ที่จะจัดขึ้น ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 24 ถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565
วัตถุประสงค์ของเซสชั่นดังกล่าว ก็คือ เพื่อให้สมาชิกของกลุ่มนักฟังออดิโอไฟล์ชาวไทย ได้มีโอกาสทดสอบทักษะการฟังที่เคร่งครัด-เข้มข้นของกลุ่มนักฟังออดิโอไฟล์ การทดสอบจะเน้นไปที่ความสามารถของผู้ฟังที่เป็นออดิโอไฟล์โดยเฉพาะ ในการแยกแยะระหว่าง LP ที่ตัดแผ่นจากแหล่งเทปแอนาล็อกคุณภาพสูง (เทปแอนาล็อก 30 ips 1/4 นิ้ว) เทียบกับ LP ที่ตัดแผ่นจากไฟล์ดิจิทัลความละเอียดสูง (DSD256) การเล่นกลับในเซสชั่นดังกล่าวจะสาธิตผ่านระบบสเตอริโอที่ให้ไดนามิกและความโปร่งกระจ่างสูง** ที่มีคุณภาพสูงสุดจาก Audio Excellence และ Innovative Audio Video ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ทั้งนี้โปรแกรมเสียงเพลงสำหรับการทดสอบนี้จัดทำโดย GRV โดยใช้แผ่นแล็กเกอร์อ้างอิงที่สร้างขึ้นโดยวิศวกรระดับตำนาน Bernie Grundman ที่โรงงาน Bernie Grundman Mastering (BGM) ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก
การทดสอบ:
1. BGM จะตัดชุดแล็คเกอร์อ้างอิงจำนวน 4 ชุดโดยใช้แหล่งข้อมูล (Source) ต่อไปนี้: – ต้นฉบับเทปแอนาล็อก 30 ips 1/4 นิ้วที่จัดเตรียมโดย Groove Note Records – สำเนาดิจิทัล Flat DSD256 ของต้นฉบับ 30 ips 1/4 นิ้วที่ใกล้เคียงกันมากๆ กับต้นตำรับเทปแอนาล็อก
2. BGM จะตัดเพลงหนึ่งเพลงบนแล็กเกอร์อ้างอิงด้านเดียวใน 2 เวอร์ชัน รวมเป็น 4 Lacquer ด้วยกัน (หนึ่งเพลงที่เป็นแอนาล็อกและอีกหนึ่งเพลงที่เป็น DSD) ฟังแต่ละเพลงในแต่ละด้านที่แยกอิสระจากกัน โดยใช้เพลงที่รู้จักกันดีของสังกัด GRV ดังต่อไปนี้ ซึ่งเพียบพร้อมในคุณภาพเสียงอันโดดเด่น:-
- Lacquer 1 = Anthony Wilson Love Theme from Chinatown (GRV1043-45 Anthony Wilson – Jack Of Hearts) / Track 1 – Source: analogue tape หรือ DSD file / Track 2 – Source: analogue tape หรือ DSD file
- Lacquer 2 = Roy Gaines Stormy Monday Blues (GRV1002-45 Roy Gaines – I Got The T-Bone Walker Blues) / Track 1 – Source: analogue tape หรือ DSD file / Track 2 – Source: analogue tape หรือ DSD file
- Lacquer 3 = Jacintha Light My Fire (GRV1014-45 Jacintha – Jacintha Is Her Name) / Track 1 – Source: analogue tape หรือ DSD file / Track 2 – Source: analogue tape หรือ DSD file
- Lacquer 4 = Vanessa Fernandez Here But I’m Gone (GRV1050-45 Vanessa Fernandez – Use Me) / Track 1 – Source: analogue tape หรือ DSD file / Track 2 – Source: analogue tape หรือ DSD file
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาสเตอร์เทปแอนาล็อก และแหล่งที่มาของไฟล์ DSD โปรดดูหมายเหตุท้ายรายการ
3. ลำดับของการตัดแผ่นดังกล่าวจะทำแบบสุ่มโดย Bernie Grundman กล่าวคือ การตัดแผ่นครั้งแรกอาจเป็นแบบแอนาล็อกและครั้งที่สองในแบบฉบับ DSD หรือในทางกลับกัน นอกจากนี้ยังมีช่วงเว้นว่างระหว่างแทร็กต่างๆ อย่างน้อย 5-10 วินาที เพื่อความสะดวกของผู้ฟังในระหว่างการเล่นกลับแผ่นแล็กเกอร์ดังกล่าว
4. ไม่มีใครใน Audio Excellence หรือ Groove Note ที่ทราบลำดับในแหล่งที่มาของแล็คเกอร์แต่ละแผ่นที่ BGM ทำการตัดแผ่น จนกระทั่งจบรายการสาธิต
5. Audio Excellence จะจัดหาเครื่องเล่นเทปรีลระดับมืออาชีพคุณภาพสูง รุ่น ATR-102 ที่โมดิฟายด์และอัปเกรดโดย Thomas “Beno” May หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของ BGM โดยที่ GRV จะได้จัดหาม้วนเทปมาสเตอร์ EQ-ed เจนเนอเรชั่นที่ 2 ขนาด 30 ips 1/4 นิ้ว เพื่อใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงสำหรับผู้ฟังก่อนการเล่นแผ่นแล็คเกอร์
6. เซสชั่นการฟังจะถูกจำกัดไว้ 2 เซสชั่นต่อวัน ดังนี้:-
- วันที่ 24 พฤศจิกายน (วันพฤหัสบดี) = Lacquer 1 (Anthony Wilson Chinatown) สำหรับเซสชั่น 1 และ Lacquer 2 (Roy Gaines Stormy Monday) สำหรับเซสชั่น 2
- วันที่ 25 พฤศจิกายน (วันศุกร์) = Lacquer 3 (Jacintha Light My Fire) สำหรับเซสชั่น 3 และ Lacquer 4 (Vanessa Here But I’m Gone) สำหรับเซสชั่น 4
- วันที่ 26 พฤศจิกายน (วันเสาร์) = Lacquer 1 (Anthony Wilson Chinatown) สำหรับเซสชั่น 5 และ Lacquer 2 (Roy Gaines Stormy Monday ) สำหรับเซสชั่น 6
- วันที่ 27 พฤศจิกายน (วันอาทิตย์) = Lacquer 3 (Jacintha Light My Fire) สำหรับเซสชั่น 7 และ Lacquer 4 (Vanessa Here But I’m Gone) สำหรับเซสชั่น 8
กำหนดการนี้จะมีอยู่ 8 เซสชั่นด้วยกัน ครอบคลุมทั้ง 4 วัน ซึ่งจะให้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงสำหรับแล็คเกอร์แต่ละแผ่นระหว่างการเล่นแต่ละครั้ง เพื่อปล่อยให้แล็คเกอร์แต่ละแผ่นมีช่วงเวลา “พักผ่อน” เพื่อให้ได้เสียงที่มีความสม่ำเสมอ และมีคุณภาพสูงสุด ทั้งนี้ช่วงเวลาที่แน่นอนของเซสชั่น และรายละเอียดเพิ่มเติมจะได้รับการยืนยันเมื่อใกล้ถึงวันแสดงจริง
7. เพื่อให้ผู้ฟังมีสภาพแวดล้อมที่ตอบสนองต่อการฟังอย่างมีวิจารณญาณ แต่ละเซสชั่นจะจำกัดผู้ฟังเพียงแค่ 20 คนเท่านั้น ไม่รวมเจ้าหน้าที่ AE ที่ใช้งานเครื่องเล่นแผ่นเสียงและเครื่องเล่นเทปรีล
8. บัตรแสดงความคิดเห็น (Response cards) จะมอบให้ผู้ฟังทุกคน บัตรจะมีหมายเลขและลงวันที่ แต่ไม่ระบุชื่อผู้ฟัง ซึ่งจะสามารถติดตามผลโดยรวม และคะแนนส่วนตัวของแต่ละท่านได้ทางออนไลน์หลังจากการสาธิต ผ่านลิงก์ที่จัดทำโดยนิตยสาร What Hi-Fi? Thailand www.whatgroupmag.com
9. บัตรแสดงความคิดเห็นแต่ละใบ จะมีตัวเลือกต่อไปนี้ให้ผู้ฟังได้ระบุ:-
- แหล่งที่มาของมาสเตอร์ (แอนาล็อก หรือ DSD หรือ ไม่สามารถบอกความแตกต่างได้)
- ผู้ฟังมีความชอบเฉพาะเจาะจงสำหรับการตัดแผ่นใดโดยเฉพาะ (หรือไม่มีเลย)
- อันไหน (แอนาล็อกหรือ DSD) จากการตัดแผ่นทั้ง 2 ครั้ง ที่ซึ่งใกล้เคียงกับการจับคู่ต้นฉบับอ้างอิงมากที่สุด
- เทปต้นฉบับแอนาล็อก EQ-ed ขนาด 30 ips 1/4 นิ้ว
- คำถามทั่วไปเกี่ยวกับการครอบครองเครื่องเล่นแผ่นเสียงของผู้ฟัง เช่น เจ้าของเครื่องเล่นแผ่นเสียง
- ใช่หรือไม่ใช่
10. เมื่อสิ้นสุดการรับฟัง และปิดท้ายการสาธิตระดับไฮ-เอ็นด์ครั้งนี้ หลังจบงาน BIAV SALES 2022 แผ่นแล็คเกอร์ทั้งสิ้น 4 ชุด จะถูกประมูลเพื่อมอบประโยชน์ให้แก่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชาราษฎร์ กรุงเทพมหานคร
โปรดทราบว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงถึงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรือทางเทคนิคที่จริงจังแต่อย่างใด ผู้จัดงานกำลังพยายามเสนอโอกาสให้ผู้ฟังที่เป็นออดิโอไฟล์หลายสิบท่าน ได้ทดสอบความสามารถในการฟังของพวกท่าน ภายใต้สภาวะที่มีการควบคุมแต่ไม่เป็นทางการ ซึ่งเราหวังว่า ท่านจะได้เข้าร่วมและมีส่วนร่วมในสิ่งที่เราคาดว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ให้ความกระจ่าง และสนุกสนานที่สุด !! ขอขอบคุณ!!
* M.R. = Montien Riverside * BGM = Benie Grundman Mastering ** รายละเอียดระบบการเล่นกลับสำหรับการรับฟังจะเปิดเผยเมื่อใกล้ถึงวันแสดง
หมายเหตุสำหรับ THE MASTER TAPE & DSD SOURCES:-
- GRV1043-45 Anthony Wilson Theme from Chinatown – Direct to 2-track 30 ips 1/4 inch analogue master (engineer Michael C Ross/mastering engineer Bernie Grundman)
- GRV1002-45 Roy Gaines Stormy Monday Blues – Direct to 2-track 30 ips 1/4 inch analogue master (engineer Michael C Ross/mastering engineer Bernie Grundman)
- GRV1014-45 Jacintha Light My Fire – 30 ips 1/4 inch analogue master มิกซ์ดาวน์จาก the 24 track 2 inch 30 ips analogue session master tapes (engineer Michael C Ross/mastering engineer Bernie Grundman)
- GRV1050-45 Vanessa Fernandez Here But I’m Gone – 30 ips 1/4 inch analogue master มิกซ์ดาวน์จาก the 24 track 2 inch 30 ips analogue session master tapes (engineer Michael C Ross/mastering engineer Bernie Grundman)
ทุกๆ แทร็ก ทั้งแอนาล็อก หรือ DSD จะได้รับการจัดทำมาสเตอร์ โดยใช้การตั้งค่า EQ ที่เหมือนกันบนบอร์ดแอนาล็อกทั้งหมดของ BGM และจะถูกตัดแผ่นโดย Bernie Grundman ด้วยการใช้เครื่องตัดแผ่น Scully ที่ได้รับการโมดิฟายด์อย่างมหาศาลโดย Bernie Grundman ซึ่งได้อัปเกรดล่าสุดด้วยการเปลี่ยนหัวตัดใหม่เป็นเพชร (new diamond cutting tool)
ความตั้งใจของเราคือ จับคู่ห่วงโซ่แหล่งที่มา (source) สำหรับทั้งเทป และ DSD ให้ได้ใกล้เคียงที่สุด เทปอ้างอิงขนาด 30 ips 1/4 นิ้ว สำหรับ shootout sessions ในกรุงเทพฯ จะเป็นสำเนา EQ-ed รุ่นที่ 2 สำหรับเทปต้นฉบับแอนาล็อกขนาด 30 ips 1/4 นิ้ว ที่จัดเตรียมโดย Groove Note Records การตั้งค่า EQ เพื่อให้เข้าได้กับ (match) ทั้งแหล่งสัญญาณแอนาล็อกและดิจิทัลอย่างใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
เทปนี้จะถูกระบุ (dubbed) ที่ BGM บนเครื่องเทป ATR102 สำหรับทำหน้าที่เป็นเครื่องเล่นกลับที่จะใช้ในการดวลกัน (shootout) ครั้งนี้ การถ่ายโอนไฟล์ DSD256 นั้นทำมาจากเทปต้นฉบับแอนาล็อก 30 ips 1/4 นิ้ว ลำดับแรกสุดที่เหมือนกันทุกประการ โดยใช้ตัวเข้ารหัสข้อมูล Merging Technologies HAPI 4XDSD
THE PLAYBACK SYSTEM:-
- Reel To Reel: AMPEX ATR-102 Modified by BGM
- Turntable: VPI Avenger Direct
- Tonearm: VPI JWM-12 Fatboy
- Cartridge: HYPER ANALOGUE Sonic X4
- Phono: AESTHETIX Io Eclipse
- Preamp: KARAN Master Line A
- Amplifier: KARAN Master Power B Mono
- Speakers: GENESIS Forte S2
- All Cables & Interconnect: CARDAS AUDIO