DAWN NATHONG
หลังจากเคยเปิดตัวลำโพงอนุกรมไฮเอ็นด์อย่าง LSiM ไปช่วงปี 2011 ผ่านมาร่วมสิบปี ในที่สุด Polk Audio หนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิตลำโพงสุดเก๋าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ปล่อยลำโพงอนุกรมใหม่ล่าสุดออกมาในชื่อของ Legend ซีรียส์ พร้อมวลีเด็ด “The Best Speakers Polk Has Ever Made” หรือ “ลำโพงที่ดีที่สุดตั้งแต่ Polk เคยสร้างมา” และ L800 ก็คือลำโพงตั้งพื้นรุ่นเรือธงของอนุกรมนี้ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการกระจายเสียงสิทธิบัตรใหม่ล่าสุด “SDA-PRO” ซึ่งนำ SDA Surround Technology ดั้งเดิมที่ Polk เคยใช้ในลำโพงรุ่นใหญ่อดีตมากว่า 25 ปีมาต่อยอด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การรับฟังเสียงแบบสเตอริโอที่แท้จริง
ลำโพงรุ่นใหญ่ของ Polk ในอดีต ที่นำเสนอการใช้เทคโนโลยี Stereo Dimensional Array (SDA) นั้น คงต้องพูดถึงอนุกรม SRS รุ่น1.2TL, 2.3TL และ 3.1TL ที่เปิดตัวมาพร้อมกันในช่วงปี 1990 เป็นลำโพงแบบตั้งพื้นจัดเรียงไดร์เวอร์แบบ Line Source Array (ใช้ดอกลำโพงแบบเดียวกันเรียงในแนวดิ่ง) ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งทาง Polk Audio ก็ได้นำแนวคิดพื้นฐานของเทคโนโลยีดังกล่าวมาต่อยอดและออกแบบระบบ SDA-PRO ดียิ่งขึ้น โดยเลือกที่จะนำเทคโนโลยี SDA-PRO มาใช้เฉพาะกับลำโพงรุ่นเรือธง L800 เท่านั้น
SDA-PRO ก้าวใหม่ของการรับฟังเสียงแบบ True Stereo
โดยปกติของการรับฟังเสียงจากลำโพงในระบบสเตอริโอ หูแต่ละข้างของเรา จะได้ยินเสียงจากทั้งลำโพงแชนแนลซ้ายและลำโพงแชนแนลขวาไปพร้อม ๆ กัน เราเรียกปรากฏการณ์เสียงข้ามแชนแนลนี้ว่า Interaural crosstalk (IAC) ซึ่งถือเป็นความเพี้ยนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง ส่งผลให้สมองของเรา รับรู้ตำแหน่งอิมเมจของเสียงได้ไม่ชัดเจนอย่างที่ควรจะเป็น
ไฮไลท์ของลำโพงรุ่นนี้คือการนำเทคโนโลยี SDA-PRO เข้ามาใช้ในการลดปัญหา Interaural crosstalk ในระบบสเตอริโอด้วยวิธีการหักล้างสัญญาณ เสียงที่เราได้ยินจากลำโพงแชนแนลซ้ายและขวาจะถูกแยกขาดจากกันมากขึ้น หูซ้ายก็จะได้ยินเฉพาะเสียงจากลำโพงข้างซ้าย หูขวาก็จะได้ยินเฉพาะเสียงจากลำโพงข้างขวา คล้ายกับเวลาที่เราฟังเสียงจากหูฟังดี ๆ เราจะรับรู้ตำแหน่งอิมเมจของเสียงได้ชัดเจนกว่า เพราะไม่มีปัญหาเรื่อง Interaural crosstalk มารบกวนนั่นเอง
สิ่งที่ Polk พัฒนาให้เหนือชั้นกว่าระบบ SDA ดั้งเดิม คือสัดส่วนหน้ากว้างของลำโพงที่มีความกะทัดรัดมากขึ้น โดยใช้ชุดลำโพงกลางแหลมข้างละสองชุด ติดตั้งบนแผงหน้าซึ่งเอียงทำมุม 15 องศา (ช่วยลดหน้ากว้างของลำโพงไปได้ 25 เปอร์เซนต์) ชุดตัวขับด้านในที่ทำมุมเอียงเข้าหาตำแหน่งนั่งฟังทั้งสองข้างคือลำโพงสเตอริโอปกติ ส่วนชุดตัวขับด้านนอกที่ทำมุมเอียงออกจากตำแหน่งนั่งฟังของลำโพงแต่ละข้าง เรียกว่า Dimensional Array จะทำงานแบบกลับเฟสกับลำโพงอีกข้าง เพื่อหักล้างสัญญาณ Interaural crosstalk ออกไปให้มากที่สุด และการนำทวีตเตอร์เข้ามาเสริม ก็ทำให้ระบบ SDA-PRO สามารถทำงานครอบคลุมในย่านความถี่ที่ต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด
หลักการของ SDA-PRO ช่วยทำให้สเตอริโออิมเมจมีความคมชัดในระดับพินพ้อยท์ และทำให้เวทีเสียงมีความเป็นสามมิติถูกต้องเหมือนกับต้นฉบับ มีจุดสวีทสปอตที่กว้างขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องนั่งตรงกลางเป๊ะ รวมถึงคนที่นั่งข้าง ๆ ก็จะได้รับฟังคุณภาพเสียงที่ใกล้เคียงกัน โดยไม่ต้องอาศัยการใช้ DSP หรือการปรับแต่งเสียง (EQ) ดิจิตอลใด ๆ เข้ามาช่วย
นอกจากนี้ เทคโนโลยี SDA-PRO ยังถูกสร้างมาเพื่อจัดการกับปัญหาการจัดวางลำโพงภายในที่พักอาศัยโดยทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่มักจะวางลำโพงคู่หน้าตามแนวระนาบของชั้นวาง มีระยะห่างจากผนังด้านหลังที่จำกัด แถมบางทีก็มีทีวีวางตั้งไว้ตรงกลาง โดยเฉพาะลำโพงไซส์ขนาดใหญ่ การจะดึงลำโพงหนีผนังหลังออกมามาก ๆ หรือวางลำโพงห่างจากกัน เพื่อสร้างสเตอริโออิมเมจที่ชัดเจนในพื้นที่จำกัดนั้นทำได้ไม่สะดวกนัก
รายละเอียดที่น่าสนใจ
L800 ออกแบบเป็นลำโพงตั้งพื้นสามทาง วงจรแบ่งความถี่เป็นแบบเฉพาะตัวของ Polk เองชื่อว่า Orth Crossover ตัดความถี่ที่ 370Hz และ 2.8kHz ใช้ทวีตเตอร์ Pinnacle Ring Radiator เป็นซอฟท์โดม (เส้นใยโพลีเอสเตอร์) ขนาด 1 นิ้วมีเฟสปลั๊กตรงกลางยึดเป็นแกน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทวีตเตอร์ทรงนี้ ตอบสนองความถี่สูงได้ถึง 50kHz โดยปลอดจากอาการเบรกอัพ ทำให้เหมาะกับระบบเสียงไฮเรสเป็นพิเศษ
มิดเรนจ์ Turbine Cone ขนาด 5.25” ทำจากวัสดุ Foam-core โพลิเมอร์ฉีดขึ้นรูป มีสันนูนเป็นครีบคล้ายใบพัด จุดประสงค์เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวกรวยลำโพงโดยไม่เพิ่มมวล และมีคุณสมบัติในการแดมปิ้งที่ดี ขอบทำจากยางไนไตรล์ซึ่งมีคุณสมบัติความทนทานสูง วูฟเฟอร์คู่ขนาด 10” วัสดุเป็น Foam-core โพลิเมอร์ฉีดขึ้นรูปเช่นเดียวกัน ขอบยางหนา ตอบสนองเสียงต่ำลึกถึง 25Hz
ส่วนล่างของลำโพงติดตั้งระบบท่อเบส Enhanced Powerport ขนาดใหญ่แบบยิงลงพื้น ไร้เสียงรบกวนและลดปัญหาเบสบูมจากการวางลำโพงชิดผนังด้านหลัง ด้านบนจะมีช่องสำหรับติดตั้งโมดูลเสริมรุ่น L900 เพื่อใช้เป็นลำโพงแชนแนล Height ในระบบเสียง Dolby Atmos ด้านหลังมีขั้วต่อสายลำโพงไบดิ้งโพสต์แบบไบไวร์ พร้อมจั๊มเปอร์คุณภาพดีและขั้วต่อซิงเกิ้ลไวร์สำหรับลำโพงโมดูลเสริม
โครงสร้างตู้เป็นไม้จริงผลิตแบบแฮนด์เมด มีการคำนวณทางด้านวิศวกรรมมาอย่างดี วัดเรโซแนนท์ของผนังตู้ด้วยเลเซอร์ไวโบรมิเตอร์ คาดโครงแน่นหนา เพื่อลดเรโซแนนท์ของตู้และคลื่นค้างภายในให้อยู่ในระดับต่ำสุด คาดโครงคร่าวภายในทั่วทั้งตู้ลำโพง ทำให้ตู้มีความแข็งแรงสูงตัดเสียงรบกวนจากตู้ได้ดี รวมถึงน้ำหนักตัวที่มากเป็นพิเศษ แผงหน้าลำโพงมีการขัดเคลือบสีดำกึ่งด้านแบบผิวเปียโนถึงห้าชั้น หน้ากากลำโพงแบบใช้แม่เหล็กยึด ในกล่องจะมีอุปกรณ์ช่วยในการติดตั้งแถมมาให้เสร็จสรรพ รวมทั้งสายสัญญาณ SDA Interconnect สำหรับเชื่อมต่อระหว่างลำโพงทั้งสองข้างในระบบ SDA-PRO มาให้ถึงสองเส้น (เส้นนึงยาวประมาณ 3.6 เมตร) ในกรณีที่ความยาวสายยังไม่เพียงพอ สามารถนำสายสองเส้นมาเชื่อมต่อกันได้
การติดตั้งและเซ็ตอัพ
การวาง L800 ห่างผนังหลังมากเกินไปทุ้มจะบางและขาดน้ำหนัก
ต้องบอกก่อนว่าถ้าคุณประเมินด้วยสายตาและเซ็ตตำแหน่ง L800 ด้วยมาตรฐานปกติ ดึงลำโพงหนีห่างจากผนังด้านหลังออกมามาก ๆ แล้วรู้สึกว่าเสียงทุ้มจากวูฟเฟอร์ 10 นิ้วคู่นั้นราวกับมันไม่ทำงาน ได้ยินแต่ย่านกลางแหลมเพียงอย่างเดียว นั่นแปลว่าคุณกำลังมาผิดทางในการเซ็ตอัพลำโพงคู่นี้แล้ว จงหยิบคู่มือขึ้นมาอ่านโดยพลัน!
แนวทางการเซ็ตตำแหน่งลำโพงตามคู่มือ
L800 มีเงื่อนไขในการเซ็ตอัพตำแหน่งลำโพงที่ต่างจากลำโพงปกติ เพื่อให้ระบบ SDR-PRO ทำงานได้ถูกต้องตามที่ออกแบบมา อันดับแรกเช็คความถูกต้องของแชนแนลซ้ายและขวาก่อน ซึ่งจะมีระบุเอาไว้ที่ด้านหลังของลำโพงชัดเจน จากนั้นจัดวางให้ระยะห่างระหว่างลำโพงน้อยกว่า ระยะจากลำโพงมายังจุดนั่งฟัง ในลักษณะของสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (Far Field) ยกตัวอย่างถ้าวางลำโพงห่างกัน 150-180 เซนติเมตร ตำแหน่งนั่งฟังก็ควรจะอยูห่างออกมาประมาณ 240-250 เซนติเมตรเมื่อวัดจากลำโพงแต่ละข้าง เป็นต้น
ควร “เริ่มต้น” ด้วยระยะใกล้สุดระหว่างลำโพงที่ประมาณ 150 เซนติเมตร และระยะห่างจากผนังด้านหลังประมาณ 60 เซนติเมตรก่อน (ใกล้กว่าระยะวางลำโพงโดยปกติทั่วไป) แล้วค่อย ๆ ลองขยับเพิ่มระยะ โดยขึ้นอยู่กับความกว้างห้องและตำแหน่งจุดนั่งฟัง แต่ทั้งหมดทั้งมวล อย่าลืมว่า คุณต้องมีปริมาตรของห้องที่มากเพียงพอ เพื่อรองรับคลื่นพลังงานความถี่ต่ำลึกจากลำโพงคู่นี้ด้วย และไม่จำเป็นต้องทำมุมโทอิน เพราะมีการคำนวณมุมของลำโพงกลางแหลมเอียง 15 องศามาให้แล้ว
ตำแหน่งของ L800 ในห้องทดสอบ (วัดจากแนวกึ่งกลางของวูฟเฟอร์)
- ระยะห่างจากผนังด้านหลัง 120 เซนติเมตร
- ระยะห่างระหว่างลำโพง 175 เซนติเมตร
- ระยะห่างจากผนังด้านข้าง 79 เซนติเมตร
L800 นั้นชอบสภาพอคูสติกส์ของผนังด้านข้าง ตรงบริเวณที่เป็นจุดแรกสะท้อน (Early reflection) มีปริมาณพื้นที่ของการซึมซับมากกว่าสะท้อนสักหน่อย จะช่วยทำให้ระบบ SDA-PRO ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ แต่ถ้าหากจัดวางลำโพงให้มีระยะหนีห่างจากผนังด้านข้างได้เกิน 90 เซนติเมตรขึ้นไปก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก หลังจากหาตำแหน่งลำโพงในห้องฟังลงตัวแล้วค่อยนำจุกยางที่ครอบสไปค์ออกเป็นลำดับสุดท้าย และต่อสายลำโพงแบบซิงเกิ้ลไวร์
สำหรับแอมป์ที่นำมาทดลองจับคู่กับ L800 นั้นมีอินทิเกรตแอมป์ Marantz PM-KI Ruby ซึ่งภาคขยายเป็นคลาสดี 100 วัตต์ที่ 8 โอห์ม และ 200 วัตต์ที่ 4 โอห์ม เมื่อลองดูค่าความต้านทานปกติของลำโพงจะอยู่ระหว่าง 2.8 โอห์ม – 4 โอห์มถือว่าต่ำแต่ไม่สวิงมากนัก จากโหลดของลำโพงเท่ากับว่า PM-KI Ruby จ่ายกำลังขับอยู่ที่ประมาณ 200 วัตต์ต่อเนื่อง เมื่อทดลองฟังด้วยเพลงหลากหลายแนวแล้วไม่พบอาการอั้นตื้อ น้ำเสียงเปิดโปร่งและสวิงไดนามิกได้อย่างอิสระในระดับความดังที่เพียงพอในห้องทดสอบ ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าควรใช้แอมป์ที่มีกำลังขับขั้นต่ำ 200 วัตต์ที่ 4 โอห์มขึ้นไปสำหรับ L800
อุปกรณ์ร่วมทดสอบ Polk Legend L800
- เครื่องเล่น dCS: P8i SACD player
- เครื่องเล่น Marantz: SA-KI Ruby SACD player
- อินทิเกรตแอมป์ Marantz: PM-KI Ruby
- สายสัญญาณ Ecosse: Maestro MA2 (RCA)
- สายลำโพง Wunder: Silver (Single-wire)
- สายไฟเอซี Life Audio: Gold Limited
เสียง
น้ำเสียงของ L800 มีความโดดเด่นแตกต่างไปจาก Polk อนุกรมอื่นค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะความอิ่มเอิบเป็นตัวตนที่ผสานความสดใสได้อย่างน่าสนใจ เนื้อเสียงสะอาดเกลี้ยงเกลามีความบริสุทธิ์สูง ไม่รู้สึกว่ามีความก้องอู้จากตัวตู้เข้ามาผสม เหมือนเราได้ยินเสียงจากไดร์เวอร์แบบเพียว ๆ เพราะลำโพงที่มีไซส์ตู้ขนาดใหญ่แบบนี้ หากไม่ใช่ลำโพงระดับซุปเปอร์ไฮเอนด์ มักจะมีคัลเลอร์หรือเสียงจากตู้ลำโพงเข้ามาผสมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่สำหรับ L800 นั้นกลับทำได้อย่างโดดเด่น และผลที่ตามมาของตู้ที่ปลอดเรโซแนนท์ส่วนเกิน ทำให้อิมเมจของเสียงมีความชัดเจนและนิ่งตามไปด้วย เหมือนกับตัวเสียงหลุดลอยออกมารอบ ๆ ลำโพงแบบไม่ต้องเพ่ง จนหากปิดไฟฟัง อารมณ์จะเหมือนเราฟังระบบลำโพงวางหิ้งมิติดี ๆ พร้อมซับวูฟเฟอร์ระบบสเตอริโอ แต่กลับทำงานสอดรับกลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว (แบบที่การเสริมซับวูฟเฟอร์ไม่มีวันทำได้) ยังไงยังงั้น
ขอยกเรื่องของมิติเวทีเสียงขึ้นมาพูดถึงก่อน เพราะระบบ SDA-PRO ทำให้การรับฟัง L800 นั้นมีมิติเวทีเสียงเป็นสามมิติชัดเจนกว่าลำโพงทั่วไป ชิ้นดนตรีจะวางตำแน่งออกห่างจากกันมากขึ้นทั้งด้านสูง-กว้าง-ลึก เฉลี่ยออกไปอย่างเท่าเทียมกันตลอดทั้งเวทีเสียง แถมด้วยความใสของช่องไฟและโฟกัสที่ยังชัดเจน รับรู้ขนาดรูปวงได้ชัดเจนมากขึ้นแบบไม่ต้องเพ่ง ไม่รู้สึกว่ากระจุกตัวเฉพาะตรงกลางระหว่างลำโพงอย่างเดียว ที่สำคัญผู้เขียนลองขยับศรีษะไปทางซ้ายขวาก็ยังได้ยินคุณภาพเสียงที่เหมือนนั่งตรงกลางปกติ ถ้าเปรียบกับทีวีก็เหมือนกับการเพิ่มองศาการรับชมของจอภาพให้มากขึ้น เวทีเสียงจะให้ความรู้สึกว่าโอบล้อมเข้ามาหาตำแหน่งนั่งฟังมากขึ้น โดยที่ยังคงแสดงมิติด้านลึกที่ดี
กับลำโพงอื่นนั้นการจะได้มาซึ่งความชัดเจนของมิติเวทีเสียงระดับที่ผู้เขียนได้ยินนั้น จำเป็นต้องอาศัยการเซ็ตอัพที่ละเอียดรวมถึงการปรับอคูสติกห้องที่เหมาะสมมากกว่า แต่กับ L800 นั้นได้ตำแหน่งความชัดเจนภายในเวทีเสียงมาประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นแล้ว แม้จะเซ็ตอัพไปเพียงคร่าว ๆ เหตุผลก็เพราะไม่มีผลกระทบจาก Interaural crosstalk ดังที่กล่าวมาข้างต้น มิตินั้นหลุดตู้ออกไปไกล แสดงเวทีเสียงที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่เกินระยะห่างลำโพงออกไปมากและมีตำแหน่งที่ชัดเจนไม่ฟุ้งหรือพร่าเบลอ มีขนาดชิ้นดนตรีเล็กใหญ่สมจริงแบบที่ลำโพงขนาดเล็กไม่สามารถให้ได้ นี่ถ้าหากนำไปใช้ชมภาพยนตร์คงจะได้ความน่าตื่นเต้นสมจริงของซาวด์แทร็คไม่น้อยทีเดียว
เป็นลำโพงที่รองรับการตอบสนองด้านไดนามิกเร้นจ์ได้กว้างมาก ตลอดการรับฟังกับดนตรีหลากหลายประเภท L800 ไม่ส่ออาการเครียดหรือส่ออาการสะบัดจัดจ้านออกมาให้สัมผัสเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่ความแผ่วเบาหรือโหมกระหน่ำมากแค่ไหน ดูเหมือนลำโพงคู่นี้จะไม่ยี่หระเอาเสียเลย เรียกว่าพร้อมรับทุกสถานการณ์ ยิ่งเปิดดังยิ่งสนุก มีรายละเอียดในรายละเอียด ทุกอย่างจะอยู่ในการควบคุมที่มั่นคงและจับวางในทุกย่านความถี่ แม้ในช่วงที่เสียงดนตรีมีความสลับซับซ้อนมากเพียงใด ไม่เกี่ยงประเภทแนวดนตรี เป็นลำโพงประเภท All-rounder อย่างแท้จริง
แน่นอนว่ามันยังมีบุคลิกเสียงของความเป็น Polk อยู่ ไม่ได้ขี้ฟ้องแบบลำโพงสไตล์มอนิเตอร์เสียทีเดียว แต่การตอบสนองเสียงดนตรีได้แบบฟูลเรนจ์ครบย่านความถี่แบบไม่ต้องง้อซับวูฟเฟอร์ จนถึงระดับของย่านดีฟเบส ก็ชวนให้อยากนั่งฟังเพลงแล้วเพลงเล่าอยู่ไม่น้อย เป็นลำโพงที่ถ่ายทอดเนื้อเสียงมีความอิ่มเอิบ ไม่ใช่เสียงที่มีเนื้อหนาเทอะทะแต่ถ่ายทอดบรรยากาศที่ห้อมล้อมตัวเสียงทุกย่านความถี่ออกมาได้สมบูรณ์โดยมีตัวเสียงที่มีความคมชัดเป็นแก่น ให้ความรู้สึกที่ฟังสบาย ผ่อนคลายแต่ไม่ขาดรายละเอียด
ย่านเสียงแหลมสะอาดและมีความกังวานราบรื่นน่าฟัง ให้รายละเอียดสูงแบบไม่ขึ้นขอบแข็ง มีความควบแน่นไม่ปลายเศษหางเสียงให้ฟุ้ง ให้สมดุลดีไม่สว่างจ้าหรือทึบเกินไป ย่านเสียงกลางสะอาดติดหวาน เนื้อเสียงอิ่มแน่นถ่ายทอดลีลาการร้องได้เข้าถึงอารมณ์ดีมาก ได้ยินรายละเอียดหยุมหยิมสอดแทรกอยู่ตลอดทำให้ฟังแล้วเพลิน ที่สำคัญคือวางตำแหน่งของเสียงร้องได้อย่างจับวางทั้งตื้นลึก สูงต่ำ ส่วนย่านทุ้มนั้นเป็นอะไรที่เกินความคาดหมาย เพราะจากที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นลำโพงตู้ใหญ่พร้อมวูฟเฟอร์ขนาด 10 นิ้วถึงข้างละสองตัวจะให้เสียงทุ้มที่อิ่มอวบหนานั้นผิดคาดไปไกล แต่กลับเป็นทุ้มที่เน้นความสะอาด ลงได้ลึกด้วยความราบรื่นอย่างยอดเยี่ยมมากทีเดียว กับแผ่นที่บันทึกความถี่ระดับดีฟเบสมาจะสัมผัสได้ชัดเจนเป็นพิเศษ ทำงานผสานกับมิดเรนจ์ขนาด 5.25 นิ้วได้อย่างแนบเนียนกลมกลืน แถมคุมจังหวะได้แม่นยำถูกที่ถูกเวลา คิดว่าหากได้ต่อใช้งานในระบบไบ-แอมป์ น่าจะคุมย่านทุ้มให้มีความกระชับแน่นดียิ่งขึ้นไปอีกระดับ
สรุป
Polk Legend L800 เป็นลำโพงไซส์ใหญ่ที่ต้องการพื้นที่จัดวางน้อยกว่าลำโพงทั่วไปในพิกัดใกล้เคียงกัน ตอบสนองความที่แบบฟูลเรนจ์เต็มสเกลอย่างแท้จริง แผ่นที่บันทึกย่านความถี่ต่ำระดับดีฟเบสมา หากได้แอมป์ที่เหมาะสมก็จะสัมผัสพลังเสียงได้อย่างชัดเจนจากลำโพงคู่นี้ ในขณะเดียวกันก็ให้ความสะอาดของน้ำเสียงตลอดย่านความถี่ ย่านกลางแหลมมีทั้งรายละเอียด ความใส และเนื้อเสียงที่เต็มอิ่มไปพร้อมกัน สุดท้ายคือมิติเวทีเสียงที่กว้างขวางโอ่อ่า อิมเมจคมชัดเหมือนจำลองมาจากการฟังหูฟังชั้นดี
สเปค Polk Legend L800
- Total Pieces1
- Height48.6″ (123.44 cm)
- Width17.94″ (45.57 cm)
- Depth17.38″ (44.15 cm)
- Weight118 lbs (53.52 kg)
- Driver Enclosure TypePower Port Bass Vented with Sealed Midrange
- Driver Complement• (2) 1″ (2.54 cm) d (Round) Pinnacle Ring Radiator – Tweeter
• (2) 5.25″ (13.34 cm) d (Round) Turbine Cone – Mid/Woofer
• (2) 10″ (25.4 cm) d (Round) Woofer – Mid/Woofer - Recommended Amplifier Power Setting100W
AUDIO QUALITY
- Total Frequency Response25 Hz → 50,000 Hz
- Nominal Impedance Range2.8 ohms → 4 ohms
- Sensitivity (1 watt @ 1 meter)87 dB
- Lower and Upper -3dB Limits32 Hz → 38,000 Hz
CROSSOVER
- Type3-way Orth Crossover (x2)
- Midrange Woofer Crossover Frequency370 Hz
- Tweeter Midrange Crossover Frequency2800 Hz
- Power Handling per channel25 watts → 300 watts
- A/V Receiver Crossover SettingsLarge (0 Hz)
EXTERNAL AMPLIFIER
- Peak Power Handling300 watts
- Recommended Amplifier Power Per Channel25 watts → 300 watts
ขอขอบคุณบริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด โทร. 02-904-2000 ที่เอื้อเฟื้อสินค้าสำหรับการทดสอบในครั้งนี้