“bluebird u11”
www.audio-teams.com ; e-mail ; p.bluebirdu11@gmail.com
“พละกำลังของวัตต์ไฮเอนด์”
เครื่องเสียงไฮเอนด์จากผู้ผลิตชื่อเสียงก้องโลกอย่าง Nelson Pass น้อยคนนักในแวดวงไฮเอนด์ที่จะไม่รู้จัก PASS Laboratories
PASS Labs สร้างชื่อเสียงมายาวนาน ยุคเริ่มแรกของแอมป์ตัวเก่งจาก Nelson Pass มีรูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์และให้คุณภาพดีเยี่ยมแตกต่างจากรูปร่างของตัวเครื่องไปไกลมาก เครื่องเสียงจากเมืองมะกันแบรนด์นี้เก่งกาจมากกับวงจรของเพาเวอร์แอมป์เอกลักษณ์เฉพาะ อีกทั้งยุครุ่งเรือง ยังมีเครื่องเสียงอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับเทคโนโลยีจาก Nelson Pass ไปผลิตออกจำหน่ายในตลาดที่ผู้ซื้อจ่ายเงินน้อยกว่า PASS Labs และในช่วงเวลานั้น ทั้ง PASS Labs และเครื่องเสียงจากผู้ออกแบบคนเดียวกันโด่งดังในรูปแบบคุณภาพเนื้อๆ เฉพาะตัว ซึ่งผมเองก็นิยมชมชอบไม่น้อย
แนวทางการออกแบบและพัฒนาวงจร มีความก้าวล้ำนำหน้าหลายแบรนด์อย่างเห็นได้ชัด และส่วนใหญ่ PASS Labs จะเน้นไปทางเพาเวอร์แอมป์ที่เป็นตัวเอกในการสร้างชื่อเสียง และสร้างปรีแอมป์ออกมาให้เข้าคู่ใช้งานร่วมกัน มิฉะนั้นการแมทช์ชิ่งระหว่างเครื่องอาจพบปัญหาเรื่องเกณฑ์ขยาย ทำให้ PASS Labs มุ่งเน้นปรีแอมป์และเพาเวอร์แอมป์ให้ใช้งานร่วมกัน ทำให้เครื่องหลายรุ่นออกวางจำหน่ายถูกใจนักเล่นฯ กระเป๋าหนักทั้งหลาย
หลังจากประสบผลเชิงบวกของชุดปรีแอมป์ + เพาเวอร์แอมป์ PASS Labs ได้นำ Know How ที่มีมาประกอบร่างระหว่างปรีแอมป์และเพาเวอร์แอมป์ให้อยู่ในตัวถังเครื่องเดียวกันในรูปแบบอินทีเกรทแอมป์ ทำให้ผู้เล่นฯ มีสิทธิ์เลือกซื้อหามาครอบครองให้เหมาะสมตามกำลังทรัพย์และตามขนาดของลำโพง ความหวังของนักเล่นฯ ทั่วไปจึงเป็นความจริง โดยเครื่องในรุ่นเริ่มต้นก็สามารถซื้อหากันได้ และสัมผัสเสียงจากเครื่องเสียงแบรนด์ไฮเอนด์กันเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ราวสองปีที่แล้ว PASS Labs ส่งอินทีเกรทแอมป์ออกสู่ตลาดมากมายหลายรุ่น ทั้งแบบวงจรคลาสเอดั้งดิมและแบบวงจรคลาสเอบี ซึ่งได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าอินทีเกรทแอมป์ต่างยี่ห้อ แต่ส่วนใหญ่ PASS Labs มักจะถูกพูดคุยกันในวงนักเล่นฯ ด้วยเพาเวอร์แอมป์เป็นตัวชูโรงเสมอมา อินทีเกรทแอมป์จึงไม่ถูกกล่าวขานให้หนาหูมากนัก ล่าสุดในเวอร์ชั่นใหม่ของอินทีเกรทแอมป์วงจรคลาสเอบีของ PASS Labs ส่งลงตลาดโลกสองรุ่นหลักๆ ดัวยกัน ตัวแรกใช้รหัส INT – 60 ตัวที่สองรุ่น INT – 250 ในครั้งนี้ ผมขอยืมอินทีเกรทแอมป์รุ่น INT – 60 มาร่วมใช้งาน
รูปลักษณ์และการใช้งาน
PASS Labs INT – 60 เป็นเจเนอเรชันใหม่ล่าสุดของอินทีเกรทแอมป์ PASS Labs ในรูปแบบหน้าปัดใหม่ มีพี่น้องในรูปแบบวงจรคลาสเอบีเหมือนกันอยู่อีกรุ่น ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่กว่า กำลังขับมากกว่า ในรหัสรุ่น INT – 250 ซึ่งเหมาะกับห้องขนาดใหญ่และมีลำโพงประเภทลำโพงตั้งพื้น ส่วนน้องเล็กในคลาสเดียวกันอย่าง INT – 60 นั้นก็มิได้ย่นย่อกำลังจนเสียงความเป็น PASS Labs เสียทีเดียว ในรุ่น 60 นี้ มีกำลังเหลือเฟือในการขับดันลำโพงวางขาตั้งทุกรุ่นให้หลุดลอยออกมาอย่างสบายๆ
PASS Labs INT – 60 นั้น ยังคงพื้นฐานความเป็นอะนาลอกแอมป์แบบบริสุทธิ์นิยม และมีรูปร่างใหญ่โตเช่นเดียวกับรุ่นใหญ่กว่า มีภาคจ่ายกระแสไฟในระดับกระแสเท่าเทียมกับรุ่นใหญ่ น้ำหนักตัวเครื่องใกล้เคียงกัน ที่สำคัญ ยังคงมนต์เสน่ห์ให้น่าเกรงขามอย่างไร้ที่ติเช่นเดิม อีกทั้งมีความเป็นไฮเอนด์ของแบรนด์ที่น่าเชื่อถือมายาวนาน เรียกว่าเอกลักษณ์และรูปร่างนั้นบ่งบอกว่าแอมป์นั้นเป็นแอมป์ยี่ห้ออะไรหลังจากมองเห็น นี่เป็นความคลาสิกของเครื่องเสียงไฮเอนด์ที่รักษาจุดยืนไว้คงที่
เริ่มจากด้านหน้าของเครื่อง แผงหน้าของเครื่องเรียบง่ายและดูเคร่งขรึม ตัววัสดุทำมาจากอะลูมิเนียมมีความหนามากพอควร ส่วนล่างของแผงกัดร่องลึกตลอดแนวระนาบของแผงหน้าปัด กึ่งกลางของแผงหน้าปัดนี้ ออกแบบติดตั้งจอแสดงผลทรงกลมแบบนาฬิกา ขอบของจอแสดงผลชุบสีดำสนิทและมองเห็นจุดหมุนของเข็มหน้าปัดขนาดใหญ่ในหน้าจอแสดงผล การแสดงผลของจอนี้ใช้เข็มแสดงผลสวิงไปตามการใช้งาน มีสเกลสีดำตามรูปโค้งของจอส่วนบนที่ส่วนกลางด้ายบนของจอติดตั้งไฟแสดงสถานะสีฟ้าไว้หนึ่งดวง พร้อมไฟส่องสว่างหน้าปัดวงกลมนี้ และสกรีนตัวอักษรยี่ห้อ PASS สีดำไว้บนพื้นจอ เมื่อเปิดเครื่อง เข็มแสดงผลจะเลื่อนมาตามการใช้กระแสไฟและไฟแสดงสถานะรวมถึงไฟส่องสว่างในจอสีน้ำเงินจะสว่างขึ้น
ด้านขวาของแผงหน้าปัด ติดตั้งจอแสดงผลสี่เหลี่ยมพร้อมตัวเลขแสดงกำลังขับสองตำแหน่งสีน้ำเงิน เมื่อเปิดเครื่องทุกครั้ง ระดับความดังจะเริ่มต้นจาก 00 เสมอ และเพิ่มระดับความดังทีละ 1 เดลซิเบล ถัดลงมาที่จอแสดงผลในตำแหน่งร่องหน้าปัดที่เซาะเอาไว้เป็นตำแหน่งติดตั้งปุ่มสั่งการไว้ทั้งหมดห้าปุ่ม โดยปุ่มแรกสุดจากทางด้านขวาเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดเครื่อง ถัดมาเป็นปุ่มอินพุท 1-4 ตามลำดับ ด้านบนของปุ่มอินพุทมีหลอดไฟแสดงสถานะสีน้ำเงินติดตั้งไว้ หลอดไฟนี้จะสว่างเมื่อใช้งานอินพุทนั้น ปุ่มกดแข็งแรงและใช้งานง่าย
ในซีกด้านซ้ายของแผงหน้าปัดติดตั้งปุ่มโวลลุ่มแบบหมุนขนาดใหญ่ไว้ ปุ่มหมุนนี้มีสเต็ปในการหมุนทีละล็อก ไม่มีไฟที่ตัวปุ่มเพราะออกแบบจอแสดงระดับความดังไว้ชัดเจนมองเห็นในระยะไกล ด้านล่างของปุ่มหมุนในร่องของแผงหน้าปัด เป็นตำแหน่งรับสัญญาณรีโมทคอนโทรลไร้สายและอีกฝั่งติดตั้งปุ่มกดตัดเสียงชั่วขณะไว้พร้อมสกรีนตัวอักษรไว้บนปุ่มและไฟแสดงสถานะชัดเจน มุมหน้าปัดด้านซ้ายสุดกัดร่องยี่ห้อ PASS ไว้ให้กลืนไปกับสีของอะลูมิเนียมหน้าปัดส่วนด้านขวาสุดของแผงหน้าปัด สกรีนตัวอักษรรุ่น INT – 60 สีดำไว้ชัดเจน แผงหน้าปัดอะลูมิเนียมชิ้นนี้ ทั้งขอบด้านบนและด้านข้างตกแต่งปาดมุมเฉียงให้รับกับรูปโฉม ดูแล้วสวยงามในรูปแบบเรียบง่ายและดุดัน
ด้านล่างของตัวเครื่อง ออกแบบให้รองรับน้ำหนักเครื่องไว้แน่นหนา โดยติดตั้งขารองรับเครื่องทั้งหมดสี่ตัวทำจากยางที่มีความหนาแน่นดี ไม่ยุบตัวง่าย ขายางรองรับเครื่องนี้ขันยึดไว้ด้วยโบลท์ขาละหนึ่งตัว แผงเครื่องด้านล่าง เจาะร่องระบายความร้อนในแนวลึกข้างซ้ายและข้างขวาอย่างละช่อง มองเห็นหัวโบลท์ยึดหม้อแปลงโผล่ออกมาหนึ่งตัว ด้านล่างของตัวเครื่องชุบสีดำสนิท ตัวแผงล่างของเครื่องชิ้นนี้ยึดเข้ากับตัวถังหลักอีกทีด้วยสกรูหัวหกเหลี่ยม
ด้านบนของตัวเครื่องชุบสีดำเช่นเดียวกับแผงระบายความร้อนของเครื่อง โดยติดตั้งเข้ากับแซสซีสเครื่องด้วยสกรูหัวหกเหลี่ยมฝังไว้เช่นกัน เจาะช่องระบายความร้อนซีกซ้ายและซีกขวาของเครื่องรวมถึงช่วงด้านท้ายของเครื่องเพื่อระบายความร้อน เมื่อมองจากด้านบนลงไป จะเห็นด้านข้างของตัวเครื่องทั้งซ้ายและขวาติดตั้งแผงระบายความร้อนหรือฮีทซิงค์ชุบสีดำไว้ตลอดแนว แบ่งเป็นฮีทซิงค์ข้างละ 3 ชุด มีขนาดใหญ่ ติดตั้งชุดระบายความร้อนไว้ด้วยสกรูชุดละ 2 ตัว ชุดฮีทซิงค์เหล่านี้ทำให้ส่งผลทางสายตาว่าเครื่องรุ่นนี้ใหญ่โตมากกว่าเครื่องในพิกัดเดียวกันทีเดียว
ด้านหลังเครื่องมีรายละเอียดในการเชื่อมต่อหลายจุด ทั้งระบบไฟฟ้ากระแสสลับเข้าเครื่องและชุดเชื่อมต่อสัญญาณอินพุทและเอาท์พุทสายลำโพง เนื่องจากตัวเครื่องมีน้ำหนักมากพอควร PASS Labs จึงติดตั้งหูสำหรับยกเครื่องมาข้างซ้ายและขวาอย่างละเครื่อง กึ่งกลางของแผงหลังเครื่องช่วงด้านล่าง ติดตั้ง IEC สามขาแท้ไว้เสียบสายไฟเอซีเข้าเครื่อง ใกล้กันด้านซ้ายติดตั้งสวิตช์ไฟเมนสำหรับเปิดไฟเข้าเครื่อง หากไม่เปิดสวิตช์ตัวนี้ จะไม่มีไฟฟ้าเข้าเครื่อง ในทางกลับกัน หากปิดเครื่องจากรีโมทคอนโทรลแล้วไม่ปิดสวิตช์เมนนี้ ยังคงมีไฟเข้าเครื่องในโหมดอุ่นเครื่องอยู่เช่นกัน หากใช้งานทุกวันต่อเนื่อง สามารถเปิดสวิตช์เมนนี้ทิ้งไว้ได้ ตัวสวิตช์เมนสีดำแข็งแรงและให้ความตึงมือขณะเปิด-ปิดได้ดี ข้างขวาของ IEC ติดตั้งขั้วกราวด์แบบขันเกลียวไว้หนึ่งขั้ว
ส่วนบนของแผงหลังในแนวระนาบเหนือแนวนอนออกแบบขั้วเชื่อมต่อทั้งแบบบาลานซ์และอันบาลานซ์ โดยเริ่มจากด้านขวาของตัวเครื่องติดตั้งขั้วอินพุทปรีแอมป์แบบบาลานซ์หนึ่งชุด ถัดมาเป็นขั้วอินพุทแบบอันบาลานซ์ชุดที่ 1 วางตามแนวดิ่ง ตัวขั้วชุบทองเงาแวววาวและแข็งแรง ถัดมาเป็นขั้วบาลานซ์อินพุทชุด 1 เช่นกัน ถ้าใช้ช่องนี้ต้องทำการดึงเอาจัมพ์เปอร์ที่ทางโรงงานเสียบมาให้ออกด้วย สามารถใช้เป็นโหมดเพาเวอร์ได้ แต่หากใช้งานแบบอันบาลานซ์ก็ไม่จำเป็นต้องดึงจัมพ์เปอร์ออก ถัดมาเป็นอินพุทอันบาลานซ์ 2-4 วางตามแนวดิ่งเช่นเดียวกับขั้วชุดที่ 1
ซีกซ้ายสุดของแผงหลังเป็นตำแหน่งติดตั้งขั้วอะนาลอกเอาท์ ทั้งแบบบาลานซ์และแบบอันบาลานซ์มาให้อย่างละชุด ใต้ขั้วเชื่อมต่อติดสติกเกอร์รุ่นเครื่องและบริษัทผู้นำเข้ารวมไปถึงสติกเกอร์ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมของไทย ใกล้ๆ กันติดตั้งขั้วเชื่อมต่อสายลำโพงไว้หนึ่งคู่ อีกหนึ่งคู่ติดตั้งไว้ฟากตรงข้างกัน ขั้วเชื่อมต่อสายลำโพงมีขนาดใหญ่ รองรับการใช้งานได้หลากหลายแบบ มีฉนวนภายนอกสีดำและแบ่งแยกขั้วบวกและขั้วลบด้วยสีแดงภายในรูของขั้วเสียบสาย มีระบบหมุนฟรีได้กรณีที่ขั้วแน่นมากและผู้ใช้ขันแน่นเกินไป ด้านใต้ขั้วลำโพงทั้งสองฟัง สกรีนตัวอักษรการใช้กระแสไฟฟ้าของเครื่องนี้รวมไปถึงระบุยี่ห้อเครื่อง ส่วนใต้ขั้วเชื่อมสายลำโพงซีกขวาของเครื่องติดตั้งเพลทกระดาษระบุเบอร์เครื่องไว้ชัดเจน
PASS Labs INT – 60 เป็นอินทีเกรทแอมป์อะนาลอกสเตอรีโอสองแชนแนล ทำงานด้วยวงจรคลาสเอบี โดยทำการไบอัสกระแสให้สูงกว่าแอมป์ประเภทเดียวกันทั่วไป ภาคจ่ายไฟขนาดใหญ่เฉกเช่นเครื่องรุ่นใหญ่กว่า ภาคปรีแอมป์ได้รับการถ่ายทอดมาจากเครื่องแยกชิ้นรุ่นใหญ่ เช่นเดียวกับภาคเพาเวอร์แอมป์อันทรงพลัง ตัวเครื่องออกแบบใหม่และยังคงสไตล์การระบายความร้อนด้วยครีบขนาดใหญ่ โวลลุ่มคุณภาพสูง การปรับระดับเสียงทุกๆ 1 เดลซิเบลและเร่งระดับความดังถึง 63 ขั้วเชื่อมต่อแข็งแรงแน่นหนา ให้รีโมทคอนโทรลอะลูมิเนียมอย่างดีมาด้วย ฯลฯ
PASS Labs INT – 60 คงบรรจุมาในกล่องอย่างดี เนื่องจากเครื่องนี้เป็นตัวทดสอบจึงไม่ได้ใส่กล่องมาและไม่มีคู่มือมาให้ มีเพียงตัวเครื่องกับรีโมทคอนโทรลไร้สายมาให้เท่านั้น มีขนาดและสัดส่วน กว้าง 19 สูง 7.5 ลึก 21.3 นิ้ว น้ำหนัก 55 กิโลกรัม รวมแพ็กเกจ
ข้อมูลจำเพาะอินทีเกรทแอมป์ PASS Labs INT-60
- ช่องสัญญาณขาเข้า 4 ชุด (RCA) 1 – 4
- ช่องสัญญาณขาเข้า 1 ชุด (XLR) 1 Pre amp Input
- ช่องสัญญาณขาออก 1 ชุด (RCA) Pre Out
- ช่องสัญญาณขาออก 1 ชุด (XLR) Pre Out
- เกณขยาย 29/35 เดลซิเบล
- ความต้านทานขาเข้า 45 กิโลโอห์ม
- กำลังขับต่อเนื่องที่ 8 โอห์ม power output into 8 ohms 60 วัตต์/ข้าง
- กำลังขับต่อเนื่องที่ 4 โอห์ม power output into 4 ohms 120 วัตต์/ข้าง
- การใช้พลังงาน 375 วัตต์
ชุดและอุปกรณ์อ้างอิง
PASS Labs INT – 60 เครื่องที่ขอยืมมานี้อยู่ในสภาพใหม่มากทีเดียว แม้จะไม่ได้บรรจุมาในกล่องเฉกเช่นเครื่องรุ่นอื่นก็ตาม ตัวเครื่องไม่น่าจะผ่านการใช้งานมามากนัก มีเฉพาะตัวเครื่องและรีโมทคอนโทรลไร้สายมาพร้อมกัน ชุดเครื่องเสียงที่ร่วมใช้งานพร้อมเบิร์นอินในครั้งนี้มีอยู่สองชุดหลักๆ ดังนี้
ชุดแรกประกอบด้วยเครื่องเล่นซีดี ARCAM : FMJ CD 23 dCS Ring DAC plus HDCD, อินทีเกรทแอมป์เป้าหมาย PASS Labs : INT-60, ลำโพง Totem Acoustic : Model One Signature ป้ายสีเงินโลโก้สีแดงรุ่นแรก, ลำโพงวางขาตั้ง Monitor Audio : Studio 2, ลำโพง Wharfedale : Denton 80th Anniversary Limited Edition, ลำโพง XAV : Pratiott Prototype (Tweeter TDL) จัดวางบนขาตั้ง Focus Audio สูงจากพื้นรวมเดือยแหลม 24 นิ้ว, ขาตั้ง Partington Super Dreadnought สูง 24 นิ้ว สีแกรไฟต์ ด้านบนตู้ลำโพงวางก้อนอิทธิเจทับไว้ตู้ละหนึ่งก้อน
สายสัญญาณอะนาลอกจาก CD ไปอินทีเกรทแอมป์ Cardas Cross (RCA) สีเขียวท่อหดเทายาว 1.5 เมตร, สายลำโพง Cardas Cross Bi-wire สีเขียวท่อหดเทายาว 3 เมตร ต่อด้วยขั้วบานานา Monster X-Terminator ด้านลำโพง, สายไฟเอซีเครื่องเล่นซีดี JPS Inwall Power Cord เข้าขั้วตัวผู้ Wattgate 330 Evo Au ขั้วท้าย Wattgate 350 Evo Au ยาว 2.0 เมตร, สายไฟเอซี Hovland Main Line Power Cord เข้าขั้วตัวผู้ Wattgate 330 ขั้วท้าย Wattgate 350 รุ่นเก่าเสียบเข้าที่อินทีเกรทแอมป์ โดยสายไฟของเครื่องเล่นซีดีและอินทีเกรทแอมป์ต่อเข้าปลั๊กลอยอมฤตรุ่นพิเศษ Wattgate แบบหกช่องเสียบ (ที่ระลึกครบรอบ ๙ ปี www.audio-teams.com เจ.เจ. ปลั๊ก) รองใต้ปลั๊กด้วย Acoustic Revive TB-38H จากปลั๊กลอยต่อด้วยสายไฟ Cardas Golden Reference Power Cord รุ่นดั้งเดิมท่อหดเทายาว 2 เมตร เข้าปลั๊กผนัง Acoustic Revive Plug (Special Plug) อีกช่องเสียบสายไฟใช้งานเครื่อง Acoustic Revive RD-3
ชุดที่สองประกอบด้วย เครื่องเล่นแผ่นเสียง Roksan : Radius 5 พร้อมหัวเข็มและอาร์มของ Roksan, โฟโน Project : THE Phono BOX, เครื่องเล่นซีดี Ayre Acoustic : CX 7 Evolution, อินทีเกรทแอมป์เป้าหมาย PASS Labs : INT-60, ลำโพงวางขาตั้ง Totem Acoustic : Model One Signature ป้ายสีเงินโลโก้สีแดงรุ่นแรก, ลำโพง Wharfedale : Denton 80th Anniversary Limited Edition, ลำโพง Monitor Audio : Studio 2, ลำโพงวางขาตั้ง XAV : Patiott Prototype (Tweeter TDL) วางบนขาตั้ง Totem Acoustic T4S ขนาด 24 นิ้ว ไม่ได้กรอกทรายทุกชนิด ด้านบนตู้ลำโพงวางก้อนอิทธิเจทับไว้ตู้ละหนึ่งก้อน
สายสัญญาณจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงไปโฟโน Monster : M1000i รุ่นเก่าดั้งเดิม จากโฟโนไปอินทีเกรทแอมป์ Ecoss ; Contour, สายสัญญาณอะนาลอกจาก CD ไปอินทีเกรทแอมป์ Cardas Golden Reference (XLR) ท่อหดเทาตัวหนังสือสีทองยาว 1 เมตร, สายลำโพง Cardas Cross รุ่นเก่าสีเขียว Bi-wire ขั้วต่อจากโรงงาน ยาว 3 เมตร, สายไฟเอซีเครื่องเล่นซีดี JPS Inwall Power Cord เข้าขั้ว Wattgate ทองรุ่นเก่าทั้งด้านขั้วตัวผู้และขั้วตัวเมียยาว 2.1 เมตร, สายไฟเอซี Hovland Main Line Power Cord เข้าขั้วตัวผู้ Wattgate 330 ขั้วท้าย Wattgate 350 รุ่นเก่าเสียบเข้าที่อินทีเกรทแอมป์ โดยสายไฟของเครื่องเล่นซีดีและอินทีเกรทแอมป์ต่อเข้าปลั๊กลอยหิมพานต์ แบบหกช่องเสียบ (ที่ระลึกครบรอบ ๙ ปี www.audio-teams.com เจ.เจ. ปลั๊ก) รองใต้ปลั๊กด้วย Acoustic Revive TB-38H จากปลั๊กลอยต่อด้วยสายไฟ Cardas Golden Reference Power Cord รุ่นดั้งเดิมท่อหดเทายาว 2 เมตร เข้าปลั๊กผนัง Wattgate Audio : 381 Classic รุ่นใหม่ อีกช่องเสียบสายไฟใช้งานเครื่อง Acoustic Revive RD-3 ด้านท้ายสายไฟเอซีทั้งหมดรองไว้ด้วยอุปกรณ์รองสาย Acoustic Revive PSA-100 ทุกจุดทุกเครื่อง พร้อมทั้งต่ออุปกรณ์จัดการระบบกราวด์ Acoustic Revive RGC-24 ไว้ที่อินทีเกรทแอมป์
เครื่องเล่นแผ่นเสียงจัดวางบนชั้นวาง Solid Tech : Rack of silence regular 1 + แผ่นไม้ TARGET AUDIO B1 เครื่องเล่นซีดี จัดวางบนชั้นวาง Target Audio : B1 + แผ่นไม้แท้, อินทีเกรทแอมป์วางไว้บนชั้นวาง Solid Tech : Rack of silence regular 1 + แผ่นไม้ Solid Tech แท้, ด้านบนของเครื่องบริเวณทรานสฟอร์เมอร์วางก้อนอิทธิเจทับไว้หนึ่งก้อน และบริเวณโวลลุ่มวางก้อนอิทธิเจรุ่นดั้งเดิมไว้หนึ่งก้อน พยายามแยกสายต่างๆ ให้ห่างออกจากกัน และยกสายสัญญาณด้วยก้อนอิทธิเจ (ที่ระลึกครบรอบ ๙ ปี www.audio-teams.com) สายลำโพงรองไว้ด้วยตัวรองสาย Cable Insulater Acoustic Revive RCI-3H ข้างละสองตัว ส่วนสายไฟเอซีทั้งหมดยกให้ลอยจากพื้นห้องด้วยบล็อกไม้ Cardas ในระบบไฟเอซีและขั้วต่อสายสัญญาณระหว่างเครื่องรวมถึงขั้วด้านท้ายของอินทีเกรทแอมป์ จูนไว้ด้วย Acoustic Revive : QR8 ทั้งหมดแปดจุดแปดตัว
ภายในห้องฟังใช้อุปกรณ์สะท้อนเสียง (แผงดิฟฟิวเซอร์) ของ Handcraft Acoustic 1 ชุด มีทั้งหมดสี่แผงและปรับแต่งอะคูสติกเบื้องต้นด้วยอุปกรณ์ปรับแต่ง ASC Sound Panel ทั้งหมดสี่คู่ โดยวางไว้ด้านหลังลำโพงสองคู่ ด้านข้างลำโพงสองคู่ ด้านหลังลำโพงปรับแต่งด้วยจิกซอว์ของ HIFI Club หนึ่งคู่ ใกล้กันจูนด้วยรูมจูนของ Michel Green 1 คู่ (สีเทา) รูมจูน Michel Green อีกหนึ่งคู่วางจูนไว้ด้านหลังห้อง (สีขาว) จูนเสียงโดยวาง Dyna Foot 3 ลูก ไว้ตรงกึ่งกลางของแผงดิฟฟิวเซอร์แผงกลางด้านหลังลำโพง 1 ลูก และวางไว้ข้างซ้ายและข้างขวาอย่างละ 1 ลูก แผงหลังจุดนั่งฟังวางทิปโท เจ.เจ. จูนเสียงด้านบนแผงดิฟฟิวเซอร์ทั้งสามตัว โดยวางไว้ข้างซ้าย,ขวาและกึ่งกลางอย่างละหนึ่งตัวเอาด้านปลายแหลมชี้ขึ้นฟ้า มีอุปกรณ์ปรับความถี่ ABC ของออดิโอคอนซัลแตนซ์วางไว้กึ่งกลางแผงหลังอีกที ส่วนแผงด้านข้างทั้งสองแผงจูนเสียงด้วย Dragon Foot (By เดอะหั่ง แห่ง HIFI HOUSE) ลูกใหญ่ตรงกึ่งกลางแผงละ 1 ลูก และวางเครื่องกำจัดคลื่นรบกวน Acoustic Revive RR-777 ไว้ด้านบนกึ่งกลางแผงดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังลำโพง เป็นตำแหน่งที่ดีสำหรับห้องฟังห้องนี้
ขนาดของห้องฟังโดยประมาณ กว้าง 3.8 ยาว 6.5 และสูง 2.4 เมตร ผนังด้านข้างเป็นอิฐมอญฉาบเรียบด้วยปูนฉาบทาปิดผิวหน้าด้วยสีน้ำ พื้นไม้เข้าลิ้นวางทับหน้าด้วยพรมบริเวณจากหน้าลำโพงถึงจุดนั่งฟัง นั่งฟังด้วยเก้าอี้ผ้าที่มีความสูงพอดีกับหัวไหล่ โครงเก้าอี้เป็นไม้และใช้วัสดุเป็นผ้ารองนั่งกับแผงพนักพิงหลัง นั่งฟังห่างจากลำโพง 2.4 เมตร โทอินลำโพงไม่เกิน 20 องศา โดยประมาณ (เกือบทุกคู่) พร้อมทั้งวางก้อนอิทธิเจรุ่นฉลองครบรอบ 9 ปี เว็บไซต์ออดิโอทีมดอทคอมทับด้านบนของตู้ลำโพงไว้ตู้ละ 1 ก้อน
ผลการลองฟัง
นับว่า PASS Labs INT-60 มีน้ำหนักตัวเครื่องแตกต่างจากแอมป์วงจรคลาสดีทั้งหลายที่ผู้ผลิตบางรายเปลี่ยนไปใช้ แต่ถ้าเทียบเคียงกับเครื่องในพิกัดเดียวกันทั้งวงจรคลาสเอและคลาสเอบีทั้งหลาย ทุกเครื่องล้วนมหึมาไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับอินทีเกรทรุ่นพี่ในรหัส INT-250 ที่มีพิกัดและน้ำหนักตัวพอฟัดพอเหวี่ยงกัน จากรายละเอียดที่มีในตัวเครื่องเมื่อผนวกกับวันเวลาที่เครื่องมาถึงห้องฟังผม ผมค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเครื่องระดับนี้ยังไม่น่าผ่านพ้นระยะเบิร์นอินไปสักเท่าไหร่
น้ำเสียงเริ่มแรกของการรับฟัง PASS Labs INT-60 ยังไม่มีน้ำหนักเสียงในการนำเสนอ มีความแข็งกร้าวเล็กน้อยและมวลเสียงโดยรวมของย่านเสียงแหลมฟุ้งพร้อมมีการดันเข้าหาจุดนั่งฟังพอสมควร เนื้อเสียงด้านทุ้มบอบบางและขาดน้ำหนัก นี่ขนาดประกบกับลำโพงวางขาตั้งเท่านั้น สิ่งที่ได้มาไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่พอใจ ยิ่งเมื่อเทียบกับขนาดของตัวเครื่องและน้ำหนักด้วยแล้ว มันช่างต่างกันมากมายเหลือเกินทีเดียวเชียว อย่าลืมหรือคล้อยตามผมในช่วงเวลานี้ เพราะนี่คือช่วงแรกที่ INT-60 เพิ่งดื่มด่ำกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่องหลังจากเมารถมาช่วงระยะเวลาขนส่ง
การใช้งานจึงดำเนินต่อไป ทั้งการใช้งานด้วยการฟังเพลงปกติ สลับช่องอินพุททั้งแบบบาลานซ์บ้าง อันบาลานซ์บ้าง และยังใช้งานร่วมกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงด้วย ส่วนขั้วเชื่อมต่อสายลำโพงสามารถใช้งานได้หลายทิศทาง ในครั้งนี้เลือกใช้งานแบบขันล็อกเข้าที่ด้านท้ายของตัวขั้วแบบหางปลาและสลับใช้งานแบบบานานาเสียบเข้าด้านท้ายของขั้ว ผมชื่นชมขั้วต่อใช้งานสายลำโพงที่ถึงแม้จะมีเพียงคู่เดียวเท่านั้น แต่การออกแบบวางให้ใช้งานและการป้องกันการเสียหายของขั้วในกรณีที่ใช้แรงขันมากกว่าปกติทำได้ดีมาก การใช้งานรวมถึงการเบิร์นอินด้วยแผ่นเบิร์นอินของ PURIST AUDIO REV-B ดำเนินไปต่อเนื่องจวบจนข้ามเส้นเพียงหนึ่งร้อยชั่วโมงเศษ ความเปลี่ยนแปลงจากการใช้งานในครั้งแรกเห็นได้ชัดเป็นอย่างยิ่ง
การใช้งานจริงประจำวันได้เสียบไฟฟ้าเข้าเครื่องและเปิดสวิตช์เมนหลังเครื่องทิ้งไว้ การเปิดและปิดเครื่องทุกครั้งจะเน้นที่รีโมทคอนโทรลเป็นหลัก ทำให้เครื่องมีการสแตนบายด์เติมกระแสไฟฟ้ากระตุ้นไว้เสมอ ยกเว้นช่วงที่เลิกใช้เป็นเวลาหลายวันติดต่อกันจึงทำการปิดสวิตช์เมนท้ายเครื่อง ประเด็นนี้ไม่ใช่เป็นการทรมานเครื่อง เพราะเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์หลายตัวรวมถึงเครื่องที่ผมใช้อ้างอิงเป็นประจำก็ใช้วิถีการใช้งานงานลักษณะเดียวกันนี้ เมื่อเครื่องพร้อมใช้งานถึงที่สุดแล้วเรามาเริ่มพิจารณาไปด้วยกันต่อจากนี้
พิจารณาเริ่มจากรูปวงเป็นลำดับแรก โดยรูปวงให้สัดส่วนความสูงต่ำได้อย่างดีเยี่ยม มีความโอ่โถง ทั้งความกว้างและความลึกสอดคล้องกับชิ้นสเกลที่ใหญ่โต ตรึงตำแหน่งชิ้นดนตรีทั้งหมดไว้แน่นสนิท ในช่วงที่ต้องการกระแสสูงเข็มมิเตอร์บนหน้าปัดสวิงไปเล็กน้อยเท่านั้น เรียกว่าไม่มีการเกรงกลัวกับการดึงกระแสหรือการสวิงของโหลดแม้แต่น้อย กำลังขับยังมีเหลือเฟือมากเพียงพอในการขับดันลำโพง ไม่ว่าลำโพงคู่นั้นจะมีค่าความต้านทานที่ 8 โอห์มหรือ 4 โอห์มก็ตาม ในช่วงที่ต้องการกระแสสูงรูปวงและชิ้นดนตรีภายในวงยังคงตรึงไว้แน่นสนิทแม่นยำเช่นเดิม ความสูงของเครื่องเป่าจำพวกแซกโซโฟนม้วนเสียงลงจนเกือบจรดพื้นแล้วล่องลอยขึ้นไปจรดเพดาน ให้เสียงเข้มข้นอิ่มแน่นและมีประกาย ในแบบฉบับดุดันเล้กน้อย พร้อมบรรยากาศรอบตัวเสียงเคล้าคลออยู่เสมอ [Arne Domnerus : Antiphone Blues / proprius PRCD 7744]
เจาะลงไปในรายละเอียดด้านกว้างของรูปวง นับว่าโดดเด่นไม่น้อย ด้านกว้างขยายตัวออกไปจนสุดผนังทั้งสองข้างเป็นสัดส่วนสมดุลกับด้านลึกอย่างสมบูรณ์แบบ โดยด้านลึกให้แถวแรกแปะติดกับหน้าลำโพงจากนั้นจัดระเบียบแถวที่สองและสามและแถวต่อๆ ไปด้วยระยะที่ลึกเข้าไปจนสุดโถงและสมดุลกับการบันทึกมา เมื่อเทียบเคียงกันระหว่างทั้งสองด้านของรูปวงถือว่าเสมอสมานกันมากกับด้านลึก อัลบั้ม [POSTCARDS : The Turtle Creek Chorale / RR-61CD] บอกกล่าวประเด็นนี้ได้ดี รูปวงที่ได้เป็นรูปวงครึ่งวงกลมสวยงาม เมื่อนำทั้งสามด้านของรูปวงมารวมเข้าด้วยกัน ฉายความเป็นสามมิติของเสียงได้เด่นชัดและโอ่อ่าในระดับหัวแถวของอินทีเกรทแอมป์ระดับเดียวกันทีเดียว
แนวเพลงขับร้องประสานเสียงประเภทเพลงสวด [Now the Green Blade Riseth / proprius PRCD 9093] มวลเสียงเข้มข้นอิ่มแน่น ความกระจ่างของตัวเสียงสัมผัสพอเหมาะและให้ความสนุกสนานมีจังหวะผสมกับความใหญ่โตของเนื้อเสียง น้ำหนักของจังหวะเริ่มแรกในการออกเสียง รุกเร้าดีไม่น้อยและยังสามารถแยกแยกคอนทราสต์ได้เหมาะสมพร้อมเติมเนื้อเสียงให้สอดคล้องกับบรรยากาศทุกช่วงของการนำเสนอ จำแนกแยกแยะรายละเอียดทั้งหมดออกจากกัน ได้ดี ทั้งเสียงขับร้องของนักร้องชายนักร้องหญิงและเด็ก ในความเข้มข้นนี้ให้สัดส่วนความสดใสอย่างสมดุล ไม่เน้นให้สุกสว่างอย่างแอมป์ของทางยุโรป เน้นน้ำหนักเสียงในการนำเสนอ อาจไม่หวานออดอ้อนเท่าใดนัก แต่ทั้งหมดที่กล่าวถือว่าน่าชื่นชมวิธีการนำเสนอให้ฟังได้ยาวนานพร้อมรับรู้ว่านี่คือเสียงจากดนตรีอะนาลอกมากกว่าเสียงดิจิตอลจ๋าที่คนรุ่นใหม่ชื่นชมว่าดีงาม
ความกังวานของเสียงเปียโนและเครื่องเคาะโลหะต่างๆ ให้ความกังวานและรายละเอียดในตัวเสียงเหมาะสม บรรยากาศรายรอบตัวเสียงสัมผัสได้เช่นกัน นำเสนอออกมาให้ฟังได้เพลิดเพลินออกแนวจริงจัง เสมือนเป็นเสียงการเคาะเปียโนจริงๆ ตรงเบื้องหน้า ตัวเสียงใหญ่โต [ART FOR THE EAR / Burmester CD III] เสริมเติมกับจังหวะแรกของเครื่องดนตรีที่ปะทะออกมาชัดเจนดุดันยิ่งขึ้นและปล่อยหางเสียงให้ทอดตัวไปอย่างมีลีลาไม่ห้วนสั้น ย้ำเน้นจังหวะแรกกระทบให้เด็ดขาดอย่างยอดเยี่ยม หลังจากจังหวะแรกกระทบแล้ว มวลเสียงทั้งหมดกลมกลึงควบแน่นต่อเนื่องและทอดหางเสียงไว้ตามท่วงทำนอง จึงค่อยๆ จางหายไปด้วยความราบรื่น
นับว่าเป็นอินทีเกรทแอมป์ที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ด้วยแนวทางอะนาลอกไฮเอนด์ มันทำให้ผมชื่นชอบและหลงใหลแอมป์เครื่องนี้อย่างแนบเนียล เมื่อนำเสนอได้ถูกใจ ผมมักจะให้รางวัลโดยการนำแผ่นซีดีแผ่นนี้มาทดลอง โดยเน้นเรื่องมิติและตำแหน่งของเหล่าบรรดาเครื่องเคาะโลหะทั้งหลายของอัลบั้มเก๋ามาสเตอร์เดิม [DAFOS / REFERENCE RECORDINGS RR-12CD USA] แทร็กเจ็ดตรึงตำแหน่ง มิติเครื่องเคาะทั้งหมดไว้แน่นสนิท จำแนกแต่ละชิ้นดนตรีออกมาเด็ดขาด ย้ำเน้นหัวโน้ตให้ฉับไวชัดคม นำเสนอทั้งมิติ ตำแหน่ง ช่องไฟ ความสงัด รวมไปถึงพละกำลังได้ครบครันดีเยี่ยม เมื่อนำแทร็กนี้ไปลองวัดผลเบื้องต้นของกำลังขับและมิติตำแหน่งในการเลือกใช้งานอินทีเกรทแอมป์ สามารถชี้ชัดลงไปถึงประสิทธิภาพในการขับดันและกำลังสำรองของเครื่องได้ง่ายดาย เสียงทั้งหมดถ่ายทอดออกมาต้องเรียกว่าฉีกแนวจากรุ่นเดิมไปอีกหลายช่วงตัว เป็นเสียงแท้ดั้งเดิมจากเครื่องฟากอเมริกาและเป็นเสียงจาก PASS Labs รุ่นยอดนิยมทั้งหลายโดยมีกลิ่นอายยุโรปแทรกเข้ามาบ้าง
กับเครื่องสายเครื่องสีต่างๆ ของ [ART FOR THE EAR / Burmester CD III] ถ่ายทอดออกมาด้วยความเด่นชัดกังวานเข้มข้น หางเสียงสดใสทอดตัวไปไกลและยาวนานตามจังหวะพร้อมเติมความฉ่ำและมีความเข้มข้นสมดุลเสมอสมานกัน ให้ความกังวานอีกทั้งยังกำหนดและควบคุมลีลาของการนำเสนออยู่ตลอดท่วงทำนอง การบดขยี้ไวโอลินดุดันและเข้มข้น หางเสียงเป็นอิสระต่อกันและมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แจกแจงออกมาตลอด รายละเอียดในตัวเสียงแต่ละเสียงเด่นชัด จำแนกแยกแยะออกมาได้ดี ให้จังหวะจะโคน เครื่องดนตรีประเภทไวโอลิน วิโอล่า และเครื่องสายอื่นๆ ถ่ายทอดออกมาด้วยความชัดเจน
เหล่าบรรดาเครื่องสีเครื่องสายในวงออร์เคสตรา ตัวเสียงมีความชัดเจนและอิ่มเอิบ หางเสียงทอดตัวไปไกลและทิ้งระยะไว้ตามจังหวะ จึงค่อยๆ จางหายไปอย่างราบรื่น ไม่มีอาการขึ้นขอบคมแข็งของหางเสียง ให้ความกังวานบนพื้นฐานความเข้มข้น [THE SYMPHONIC SOUND STAGE D/CD3502] รายละเอียดในตัวเสียงแต่ละเสียงเด่นชัด เสียงกีตาร์ในจังหวะที่ตวัดนิ้วลงไปสะท้อนกลับมารวดเร็วพร้อมให้น้ำหนักในการตวัดลงไปย้ำเน้นรุนแรง ในจังหวะช้าและเร็วสามารถแบ่งแยกออกจากกันได้ดี [Livinton Tyler : ink / Chesky Record JD162] นำเสนอเสียงที่แผ่วเบาไล่น้ำหนักเสียงต่อเนื่องขึ้นไป เด่นมากกับมวลเสียงที่ให้ขนาดใหญ่สมดุลพร้อมกับความชัดเจนของตัวเสียงโดยไม่มีอาการขึ้นขอบ อีกทั้งไต่เพดานเสียงไล่ระดับขึ้นไปจนสุดหางเสียงอย่างต่อเนื่อง
แนวเพลงขับร้องยอดนิยมจาก [CLAIR MARLO : LET IT GO Sheffield Lab CD29] เสียงขับร้องเข้มข้นและอิ่มเอิบ บรรยากาศรอบตัวเสียงขับร้องสัมผัสได้ต่อเนื่อง เสมือนใส่จิตวิญญาณในการขับร้องเข้าไป ตอบสนองจังหวะดนตรีที่ขับร้องออกมาอย่างมีลีลาและเน้นความชัดเจนในการขับร้อง ควบคุมและไล่เลียงน้ำหนักเสียงในแต่ละย่านได้ดี ตอบสนองสัญญาณฉับพลันด้วยความต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยยังตรึงตำแหน่งไว้แม่นยำ ไล่เรียงลำดับเสียงตั้งแต่หัวเสียง ตัวเสียงและหางเสียงตามท่วงทำนอง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ละแถวเด่นชัดให้รายละเอียดที่จับต้องได้ เสียงขับร้องและบรรยากาศรอบตัวเสียงสมดุลกลมกลืนกันดีเยี่ยม
กับเพลงขับร้องในแนวทางหวานใสอัลบั้ม [SNOW ROSE Ax-SN04.01] นักร้องขับร้องด้วยเสียงสดใส ชัดเจน ไม่แหบแห้ง พร้อมลีลาในการร้องเพลงเสมือนใส่อารมณ์และชีวิตจิตใจในการขับร้องเข้าไปด้วย ให้ความต่อเนื่องของเสียงขับร้อง หางเสียงจากการบันทึกไร้ความคมแข็ง จัดระเบียบของปลายเสียงซิบๆ ให้ราบรื่นฟังได้เพลิดเพลินตามแนวดนตรี ตัวเสียงชัดเจนสะอาดเกลี้ยงเกลาพร้อมอุดมไว้ด้วยความหวานอิ่มเอิบอยู่เสมอ เมื่อพิจารณาเรื่องการใช้งานได้หลากหลายแนวทาง ความใหญ่โตและเข้มข้นของเนื้อเสียงเพียงพอสำหรับการรับฟังเพลงที่ให้ความเป็นดนตรีสูง และเพลิดเพลินเสมือนผู้ฟังหลุดเข้าไปในห้วงของการนำเสนอทุกครั้งเสมอมา
อีกหนึ่งอัลบั้มขับร้อง [FAMOUS BLUE RAINCOAT / JENNIFER WARNES Private Music] เสียงขับร้องชัดเจนเข้มข้นอุดมไปด้วยความอิ่มเอิบอบอวลอยู่ตลอด ให้บรรยากาศเคล้าคลอเหมาะสม รายละเอียดชิ้นดนตรีเคล้าคลอกับเสียงขับร้องสัมผัสได้ง่ายดาย เสียงขับร้องให้ไดนามิกคอนทราสต์เด่นชัด การผ่อนหนักผ่อนเบาของเสียงขับร้องรวมไปถึงเสียงลมหายใจไล่ลำดับเสียงได้ต่อเนื่อง อีกหนึ่งอัลบั้มขับร้องของ [AMANDA McBROOM : DREMING/Gecko Record] นำเสนอบรรยากาศรอบๆ ตัวเสียงได้โดดเด่นพร้อมปล่อยให้หางเสียงจางหายไปด้วยความราบรื่นตามธรรมชาติ มวลเสียงมีขนาดพอเหมาะสมดุลกัน จังหวะแรกของเครื่องดนตรีประเภทนี้เปล่งเสียงออกมา ส่งถ่ายแรงปะทะแรกให้ย้ำเน้นเด็ดขาดกระชับฉับไว จากนั้นจึงทอดตัวเสียงและปล่อยหางเสียงให้หลุดลอยเป็นอิสระไปตามการกำหนดมาของแนวเพลง
ในด้านเสียงขับร้องของนักร้องชายแทร็กหกอัลบั้ม [ART FOR THE EAR / Burmester CD III] เสียงขับร้องให้มวลใหญ่โตเข้มข้น น้ำหนักเสียงหนักแน่นย้ำเน้นดีเยี่ยม การร้องประสานเสียงแยกแยะกันอิสระและไม่ล้ำหน้าเกินเสียงหลัก ระดับเสียงของนักร้องทั้งหมดตรึงไว้ในรูปเวทีสวยงาม หางเสียงขับร้องจางหายไปด้วยความราบรื่น การสไลด์สายกีตาร์และการรูดสายกีตาร์นำเสนอชัดเจน และเปิดเผยลีลาโดยย้ำเน้นความหนักเบา ความอ่อนแก่ของการเล่นกีตาร์ได้ดีเยี่ยม ให้ความเพลิดเพลินและไม่มีอาการเร่งสปีดใดๆ รายละเอียดของแต่ละเสียงในแถวถัดไปไล่ลำดับได้ต่อเนื่อง ส่วนที่ลึกเข้าไปจนสุดโถงพร้อมจำแนกรายละเอียดออกมาให้สัมผัสได้ดี
อีกหนึ่งอัลบั้มยอดนิยมของนักร้องชาย [Livinton Tyler : ink / Chesky Record JD162] ตัวเสียงขับร้องมีพลังและเข้มข้น สเกลเสียงเครื่องดนตรีสมดุลกลมกลืนกัน ตัวเสียงเด่นชัดและทอดหางเสียงไปด้วยความอิสระจึงเก็บตัวไว้ตามจังหวะเวลา ตัวเสียงขับร้องมีบรรยากาศห้อมล้อมอยู่สม่ำเสมอ การกำหนดลมหายใจเข้าออกชัดเจนพร้อมชีวิตชีวา เน้นจังหวะจะโคนให้คึกคักและต่อเนื่อง พร้อมทั้งปลดปล่อยรายละเอียดปลีกย่อยออกมาครบถ้วน เสียงแผ่วเบาและเสียงสวิงดังขึ้นทำได้รวดเร็วและกระชับ ในหลายแทร็กของอัลบั้มนี้บ่งบอกถึงพละกำลังในการขับร้องประเภทไดนามิกทรานเชียนต์ได้เด่นชัดและเด่นมากกับอินทีเกรทแอมป์ในระดับเดียวกัน
เสียงดับเบิลเบสของอัลบั้ม [THE RAVEN / Rebecca Pidgeon Chesky Records JD115] ดูจะสอดรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทีเดียวเชียว ให้มวลเสียงสมดุลกับย่านเสียงอื่น การเล่นดับเบิ้ลเบสสอดคล้องกับเสียงขับร้องกลมกลืนกันไร้รอยต่อย่านความถี่เสียงต่างๆ ขนาดทรวดทรงเสียงสวยงามยังคงความกลมกลึงและควบแน่นกระแทกกระทั้นดีเยี่ยมระหว่างตัวเสียงกับเสียงย่านอื่น เสียงเดินเบสในแต่ละเส้นนอกจากน้ำหนักที่ดีเยี่ยมแล้วยังให้จังหวะสอดคล้องกับเปียโนและเครื่องเคาะ หางเสียงแต่ละตัวเป็นอิสระต่อกัน ช่องว่างช่องไฟเด่นชัดไม่มีการซ้อนทับบดบังกัน ในจังหวะที่ตัวโน้ตเงียบก็เงียบสนิทพอควร พื้นเสียงทั้งหมดสะอาดในเกณฑ์เหมาะสม
อัลบั้มอ้างอิงระดับครู [Rain Forest Dream / SAYDISC CD-SDL384] เสียงแรกกระทบทุกจังหวะของการหวดไม้กลองลงไปกระชับกลมกลึงควบแน่นเป็นลูกๆ ควบคุมกรวยลำโพงไม่ให้สั่นค้างได้เด็ดขาดมาก ทุกครั้งของการหวดกลองลงไปเสียงอื่นไม่มีการลดสเกลลงหรือหดรูปวงลง ชี้ชัดลงไปว่าเป็นการสำรองกระแสเผื่อเรียกมาใช้ได้ดีมาก เสียงกลองมีขนาดสมดุลไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป การหวดไม้กลองในจังหวะแรกเฉียบขาดรุนแรงให้แรงปะทะแรกเด็ดขาด เสียงที่ได้จึงย้ำเน้นหัวโน้ตที่ดีมาก เมื่อสิ้นสุดการหวดไม้กลองลงไปตัวเสียงควบแน่นเป็นกลุ่มก้อน ในทุกจังหวะของการหวดไม้กลองลงไปแอมป์ยังอัดฉีดกระแสป้อนได้ดีต่อเนื่องเช่นเดิม เรียกว่าจ่ายกระแสกับลำโพงกินวัตต์ได้โดยไม่เกรงกลัว ไม่ว่าโหลดลำโพงจะลดลงไปอีกระดับก็ตาม การอัดฉีดกระแสสามารถป้อนไปอย่างต่อเนื่อง หน้าปัดแสดงผลเป็นตัวบ่งบอกประเด็นดังกล่าวได้ดี
เสียงกลองใบใหญ่จาก [Ultimate Reference CD/WILSON AUDIO WA8008] เสียงหนังกลองตึงเหมาะสมแต่ไม่ถึงขนาดกับตึงเปรี๊ยะเกินไป ให้เสียงสะท้อนจากเสียงแรกกระทบออกมาได้ยินชัดเจน เสียงทุ้มไม่โด่งล้ำหน้าย่านเสียงใด ยังคงให้ความสมดุลของย่านเสียงทุ้มนี้กับเสียงย่านอื่นๆ ได้ดี ขนาดของตัวเสียงทุ้มเน้นหัวโน้ตให้ฉับไว ให้ความเป็นดนตรีและฟังได้เพลิดเพลินมีจังหวะจะโคน ด้วยกำลังขับที่มีให้มา INT-60 สามารถขับดันลำโพงวางขาตั้งโหดๆ ได้อย่างไร้กังวล จึงไม่พบปัญหาในการใช้งาน การถ่ายทอดเสียงทุ้มจากเหล่าเครื่องดนตรีไม้มีทั้งเสียงแรกกระทบและเสียงสะท้อน ไม่ต้องเพ่งพินิจในการฟัง เพราะเสียงดังกล่าวถูกขับดันออกมาจนครบถ้วน ทั้งหัวโน้ต ตำแหน่ง น้ำหนัก อัลบั้ม [TakeDake With Neptune : ASIAN ROOTS/Denon LC8723] เป็นอัลบั้มที่ INT-60 แสดงผลงานเนื้อๆ ออกมาอีกครั้ง รับรองว่าคุณจะเข้าถึงจิตวิญญาณของดนตรีของศิลปินที่สร้างออกมา
นอกจากน้ำหนักเสียงอันโดดเด่น รูปวงโอ่อา ในด้านจังหวะเวลาของเครื่องดนตรีประเภทไม้อัลบั้ม [Take’Dake’ with Neptune / AISIAN ROOTS DENON USA] แจกแจงการเคาะระนาดไม้ผสมกับจังหวะกลองและเครื่องเป่าให้มีจังหวะรวดเร็วตอบสนองได้พอดิบพอดีและจำแนกแต่ละประเภทของเครื่องดนตรีออกมาด้วยความสวยงาม ให้เสียงสะท้อนจากการเคาะ การเป่า และเสียงหนังกลองมีน้ำหนักและให้ความชัดเจนมาก สปีดพอดิบพอดีเหมาะสมมาก กับแทร็กที่ 1, 11, 12, 13 และ 15 [Musik wie von einem anderen Stern/MANGER] ตัวเสียงและหางเสียงในแต่ละเสียงไม่ปะปนกัน แยกแยะมิติตำแหน่งของแต่ละเสียงให้เด่นชัดออกมาเป็นอิสระต่อกันและจางหายไปด้วยความราบรื่น ฟังได้ยาวนานด้วยความคึกคักสนุกสนานเพลิดเพลินและมีจังหวะจะโคนต่อเนื่อง ยิ่งฟังนานๆ ยิ่งเกิดความสนุกสนานไปกับจังหวะของการถ่ายทอด เป็น PASS Labs รุ่นใหม่ล่าสุดที่น่าชื่นชมมากทีเดียวเชียว
กับแนวเพลงคลาสสิกวงใหญ่หลายท่วงทำนอง นับว่าเป็นทางของ INT-60 แทร็กเจ็ดอัลบั้ม [ART FOR THE / EAR Burmester CD III] สามารถขับขานออกมาได้ตามจังหวะรวดเร็ว ตำแหน่งชัดเจน ขนาดของเสียงแต่ละตำแหน่งให้ความสมดุลเสมอสมานกัน ช่วงโหมโรงขึ้นไปควบคุมตำแหน่งให้แน่นสนิทไม่แกว่งไกว ทุกช่วงในการกำหนดลมหายใจนำเสนอออกมาให้ได้ยินด้วยความอิ่มแน่น แนวเพลงดนตรีมากชิ้นสลับซับซ้อนตอบสนองได้เด่นชัด ย่านเสียงแหลมทั้งหมดทำให้ฟังได้ยาวนานและสร้างความเป็นดนตรีได้ดี จำแนกแยกแยะแต่ละแถวได้เด็ดขาด วางชิ้นดนตรีนับร้อยให้มีตำแหน่งสอดคล้องกับความใหญ่โตของรูปวงในการนำเสนอ
INT-60 นิยมการนำเสนอให้กระแทกกระทั้นได้ต่อเนื่องและดุดัน มีความคึกคักอยู่ในตัว หากนำมาใช้งานกับลำโพงตั้งพื้นขนาดเริ่มต้นไปยันขนาดกลาง พร้อมกับห้องนั้นเหมาะสมโอ่โถงสมดุลกับขนาดของลำโพง ท่านจะได้รับฟังเวทีเสียงอันใหญ่โตและน้ำหนักเสียงทุ้มแสนจะประทับใจ เพราะ INT-60 เป็นแอมป์เน้นพละกำลังและเนื้อเสียงรวมไปถึงเสียงทุ้มทั้งหลายที่นำเสนอออกมาได้ดีเยี่ยม
แถมท้ายกับอีกหนึ่งบทเพลงไทยอัลบั้มพิเศษที่ชื่นชอบ คุณสุนารี ราชสีมา เป็นแผ่นเพลงไทยธรรมดาๆ ชุดที่สุดของหัวใจ ปกติอัลบั้มนี้จะใช้ฟังเพลงเพื่อผ่อนคลาย เนื้อเพลงเมื่อได้ฟังแล้วสามารถกำหนดความสุขุมและความนิ่งได้ดี เสียงคุณสุนารีอิ่มเอิบอมหวานประปราย เนื้อเสียงเข้มข้นมีมวลและต่อเนื่อง ทุกชิ้นดนตรีแยกแยะออกมาอิสระ เหล่าบรรดาเมาท์ออร์แกนบรรเลงด้วยความอิ่มเอิบหวานจับใจ เน้นเรื่องบรรยากาศและความต่อเนื่องของการถ่ายทอดทางด้านอารมณ์ของดนตรี เสียงที่ได้รับ สร้างความประทับใจไม่แพ้อินทีเกรทแอมป์เครื่องใดๆ ที่เคยสัมผัสมา
บทสรุป
PASS Labs INT-60 สร้างอินทีเกรทแอมป์ในยุคนี้ออกมาไม่แพ้ยุคดั้งเดิมและยังคงความโดดเด่นในยุคแรกเอาไว้ได้ครบเครื่อง Knowhow ที่ผ่านมาของ Nelson Pass ยังคงถูกสืบสานต่อยอดมามากมายหลายต่อหลายรุ่น บางรุ่นก็โด่งดังไปทั่วโลกแบบชนิดที่ว่าแย่งกันจอง บางรุ่นผลิตออกมาไม่มากแต่ได้รับความนิยมสูง ผู้ที่ครอบครองไว้ก็ไม่ขายออกมา เรียกว่าเป็นอมตะของความพอใจในทุกๆ ด้านที PASS Labs บรรจงสร้างให้เป็นผู้นำ
ด้วยความโด่งดังจากภาคขยายหรือเพาเวอร์แอมป์เป็นจุดตั้งต้น ภาคปรีแอมป์เป็นลำดับสองรองลงมา เมื่อถึงยุคอินทีเกรทแอมป์ไฮเอนด์ได้รับความนิยมสูงมากขึ้น ทั้งด้านความสะดวกของการใช้งานและลดต้นทุนในหลายด้านลง เช่น สายไฟเอซีและสายเชื่อมต่อสัญญาณ อีกทั้งไม่ต้องจับแพะชนแกะเพื่อแมทชิ่งปรีแอมป์กับเพาเวอร์แอมป์ อินทีเกรทแอมป์จึงเข้ามาแทนที่ปรีแอมป์ + เพาเวอร์แอมป์ ระดับกลางทั่วไป และอินทีเกรทแอมป์สมัยใหม่ก็ไม่ใช่แอมป์เล็กๆเหมือนแอมป์ดั้งเดิมจากเกาะอังกฤษอีกต่อไป หลายประเด็นเหล่านี้ ทำให้อินทีเกรทแอมป์ระดับไฮเอนด์ในยุคนี้ มีเครื่องใหญ่โตมาก โดยทั้งฟากยุโรปเองก็ผลิตออกจำหน่ายรวมถึงฟากอเมริกาที่เป็นผู้ผลิตเครื่องเสียงไฮเอนด์ตัวใหญ่ๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่จะได้พบเห็นอินทีเกรทแอมป์จากอเมริกาขนาดใหญ่ๆ มากยิ่งขึ้น PASS Labs เองก็อยู่ในแนวทางนี้เช่นกัน
PASS Labs INT-60 เป็นอินทีเกรทแอมป์ที่ต้องให้เวลาช่วงแรกในการใช้งานให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน หากนำไปออกงานแสดงด้วยเครื่องใหม่ๆ และยังไม่ผ่านพ้นระยะเบิร์นอิน นับว่าเป็นการฆ่าตัวตายอย่างหนีไม่พ้น และเมื่อระยะเวลาผ่านพ้นเบิร์นอินไปแล้ว คุณจะได้สัมผัสสิ่งที่นิยามความเป็นไฮเอนด์จากอเมริกาแท้ๆ อย่างน่าทึ่ง ทั้งความโอ่อ่าของรูปวง ให้ความกว้างและความลึกได้สมดุลกันรวมไปถึงด้านสูงที่ต้องการเพดานห้องฟังให้รองรับกันสักสองเมตรเศษขึ้นไป ด้วยวงที่โอ่อาใหญ่โต การเสนอเสกลของชิ้นดนตรีทั้งหลายมีขนาดใหญ่โตตามรูปวงไปด้วย อีกทั้งยังให้พละกำลังที่มากพอจนลืมไปว่านี่คืออินทีเกรทแอมป์ระดับ 60 วัตต์ต่อข้างเท่านั้นเหรอ ยิ่งเทียบเคียงกำลังขับกับเครื่องไฮเอนด์ในประเทศเดียวกันที่มีมากถึง 200-400 วัตต์ต่อข้าง ยิ่งน่าทึ่งกับการนำเสนอของ INT-60
สัมผัสที่โดดเด่นมากกับเนื้อเสียงและกำลังขับ ทั้งด้านเสียงทุ้มตั้งแต่หัวโน้ตที่ย้ำเน้น ให้สเกลและขนาดได้ดีเยี่ยม อีกทั้งทุ้มต้นๆ เป็นหัวหอกในการนำเสนอแล้วต่อเนื่องไปตลอดทุ้มลึกให้สัมผัสได้ดีเยี่ยมเช่นกัน อีกทั้งจัดแจงความเป็นระเบียบเรียบเรียงเสียงที่นำเสนออกมาให้มีทิศทางตามตำแหน่งแห่งหน อิมแพ็กต์แรกกระทบย่านกลางต่ำส่งถ่ายออกมาให้รับรู้และสนุกสนานรวมไปถึงความถี่ต่ำลึกมากๆ ที่ขับดันออกมาให้สัมผัสได้ดีเยี่ยมแบบไม่ต้องลุ้นว่าจะมีหรือไม่
ยิ่งใช้งานในแนวทางจังหวะจะโคนยิ่งตอบสนองได้รวดเร็วต่อเนื่อง ไม่เพียงแนวทางคึกคักเท่านั้น แนวเพลงขับร้องและแนวบรรเลงที่มีดนตรีคลอเคลียนั้น INT-60 ให้เนื้อเสียงขับร้องใหญ่โตอิ่มเอิบ มาพร้อมความเข้มข้นของเนื้อเสียง อารมณ์ในการถ่ายทอดและมีความอิ่มเอิบนำเสนอมาตลอด ยิ่งเป็นเสียงขับร้องของนักร้องชายเสียงอิ่มเอิบยิ่งโดดเด่นมาก ความสงัดของพื้นเสียงเด่นชัดเหมาะสม ช่องว่างช่องไฟสัมผัสได้พอควร ไม่เน้นให้ละเอียดยิบและเฉื่อยช้า เป็นการเน้นการส่งถ่ายความเป็นดนตรีในแนวทางใหญ่โตคึกคักสนุกสนาน
PASS Labs INT-60 ควรค่าแก่การใช้งานได้หลากหลายแนวทาง ไม่เน้นเพียงเสียงกลางขับร้องอย่างอินทีเกรทแอมป์หลายค่ายนำเสนอ เพราะ INT-60 ไม่เกินมาเพื่อการทำให้หลงเสียงนาง แต่เกิดมาเพื่อเล่นได้ทุกแนวและให้ความโอ่อ่า มีน้ำหนักเสียงกระแทกกระทั้นแบบสนุกสนาน ไม่ใช่ว่าเสียงขับร้องจะไม่ดีเอาเสียเลย หากเป็นเสียงขับร้องของนักร้องชาย การนำเสนอออกมาเรียกว่าหาตัวจับยากเช่นกัน ยิ่งท่านหลงใหลเสียงลักษณะเข้มข้นและเน้นกลางต่ำลงมาในแนวทางอะนาลอกนิยม INT-60 นี้ พาท่านไปถึงจุดนั้นอย่างง่ายดาย
มาถึงจุดนี้ คงไม่มีคำอธิบายอะไรมากไปกว่านี้ เนื้อหาทั้งหมดอยู่ในบทความเรื่องนี้แล้ว หากท่านมีทุนเดิมของการครอบครองเพาเวอร์แอมป์ PASS Labs และชื่นชอบมาโดยตลอด INT-60 สามารถตอบโจทย์สำหรับใช้งานในห้องที่ย่อมเยากว่าได้เป็นอย่างดี แต่หากท่านกำลังจะก้าวขึ้นสู่อินทีเกรทแอมป์ไฮเอนด์สักตัว โดยเรียกความครบเครื่องนั้นมาใช้งานและแมทชิ่งให้สมดุล PASS Labs INT-60 เป็นสิ่งที่ควรเปรียบเทียบเพื่อถวิลหาสิ่งที่ดีที่สุด ณ เวลานี้สำหรับท่านเอง !!
- รูปลักษณ์ 5 ดาว
- สมรรถนะ 5 ดาว
- คุณภาพเสียง 5 ดาว
- ความคุ้มค่า 4 ½ ดาว
- คะแนนโดยรวม 4 ¾ ดาว