What HI-FI? Thailand

Nakamichi TX-1000 เทิร์นเทเบิ้ลมหัศจรรย์ที่ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครเทียบได้ !!

Mongkol Oumroengsri

ในช่วงยุค’80 นั้น ยังถือได้ว่า เป็นยุคทองของแผ่นเสียง การเล่นแผ่นเสียงยังถือเป็นจุดสูงสุดที่นักเล่นเครื่องเสียงในยุคนั้นใฝ่ฝันถึง พัฒนาการหลายอย่างของเทิร์นเทเบิ้ลเพื่อการเล่นแผ่นเสียงอย่างมีคุณภาพสูงสุดก็มีปรากฏอยู่เรื่อยมา แต่ทว่าอาจกล่าวได้ว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นมีเทิร์นเทเบิ้ล หรือ เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นหนึ่งซึ่งมีเทคโนโลยีอันล้ำหน้าบรรจุอยู่ จนทำให้เครื่องเล่นแผ่นเสียงดังกล่าวนั้น “แตกต่าง” อย่างเหนือชั้น กระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงใดที่มีเทคโนโลยีดังกล่าวใช้งานอยู่

เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น TX-1000 ของ Nakamichi คือ เทิร์นเทเบิ้ลสุดมหัศจรรย์ในสายตาของผมตราบจนทุกวันนี้ ด้วยความโดดเด่นในเทคโนโลยี ‘Absolute Centre Search System’ หรือ’ระบบค้นหาศูนย์สัมบูรณ์’ ที่นับว่า ปฏิวัติวงการกันเลยทีเดียว ด้วยการใช้ไมโครโปรเซสเซอร์ทำการตรวจวิเคราะห์ข้อผิดพลาดของศูนย์กลางบนตัวแผ่นเสียงในขณะหมุนบนจานวางแผ่นเสียง (platter) และทำการแก้ไขในทันทีโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้การหมุนนอกศูนย์กลาง (off-centre rotation) ใดๆ ก็ตาม ซึ่งอาจเกิดจากความเยื้องศูนย์ (eccentricity) และความคลาดเคลื่อนของรูสอดแกนหมุน (spindle hole) บนตัวแผ่นเสียงก็จะถูกกำจัดทิ้งโดยสิ้นเชิง

TX-1000 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียง 2-Speed แบบ Quartz Controlled Direct-Drive Turntable ซึ่งได้รับการผนวกระบบการทำงานที่ไม่เหมือนใครดังกล่าวข้างต้นนั้นเอาไว้ โดยใช้การกำหนดค่าแบบแพลตเตอร์คู่ (double platter configuration): ซึ่งจะมีแพลตเตอร์ 2 ชั้นวางซ้อนกัน แพลตเตอร์ตัวรอง (secondary platter) ที่เคลื่อนย้ายตำแหน่งด้านข้างด้านข้างได้นั้น (laterally moveable) จะวางซ้อนอยู่ด้านบนของแพลตเตอร์ตัวหลัก (main platter) ทำหน้าที่ค้นหาตำแหน่งศูนย์กลางของรูสอดแกนหมุน จากนั้นทำการปรับตั้งโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้จุดศูนย์กลางการหมุนที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเมื่อตั้งศูนย์กลางที่แท้จริงได้แล้ว ค่า wow and flutter จะลดลงเหลือน้อยที่สุด ส่งผลให้ได้มาซึ่งจินตภาพเสียง (imaging) และการบ่งบอกตำแหน่งในเวทีเสียงจะปรากฏแจ่มชัดอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ รวมทั้งข้อมูลที่มีอยู่ในร่องแผ่นเสียง (grooves) ก็จะถูกดึงออกมาเต็มที่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

Specifications

เป็นที่เชื่อกันว่า Micro Seiki* ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่โด่งดังมากๆ ในเวลานั้นของญี่ปุ่น คือ ผู้อยู่เบื้องหลังการให้คำปรึกษา หรือ แม้กระทั่งการสรรค์สร้าง TX-1000 ขึ้นมา แต่ในความเป็นจริงนั้น “TX-1000” ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นตามข้อกำหนดของ Etsuro Nakamichi ทั้งนี้ Nakamichi ทำการผลิต TX-1000 ออกจำหน่ายในช่วงปี 1982-1985 โดยมีราคาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ประมาณ 8,000 ดอลลาร์ ซึ่งนับว่า สูงมากสำหรับค่าเงินในช่วงเวลานั้น ทำให้ยอดขายของ TX-1000 ทั่วโลกทำได้ไม่ดีนัก (คาดว่า น่าจะไม่เกิน 200 – 500 เครื่องเท่านั้น) 

Nakamichi จึงทำการผลิตรุ่นน้องรองของ TX-1000 ออกมาจำหน่ายในช่วงปี 1983-1987  ภายใต้ปัจจัยราคาประมาณ 2,000 ดอลลาร์ (พร้อมโทนอาร์มอย่างดี) ชื่อรุ่นว่า Dragon CT (Computing Turntable) ซึ่งคาดว่า น่าจะมียอดขายอยู่ที่ 2,000 – 5,000 เครื่องทั่วโลก “TX-1000. ได้รับการออกแบบโดย Etsuro Nakamichi และสร้างโดย Micro Seiki ในขณะที่ “Dragon CT” ได้รับการออกแบบโดย Junichi Okumura และสร้างโดย Fujiya Audio Ltd. (ซึ่งก็มีการคาดการณ์กันด้วยว่า Mr. Teragaki ก็น่าจะมีส่วนอยู่บ้าง)

ถึงแม้ว่าจะแตกต่างกันมาก ทว่า TX-1000 และ Dragon CT ก็มีคุณสมบัติที่น่าทึ่งเหมือนกันอย่างหนึ่ง ก็คือ การมีกลไกตั้งศูนย์ในตัวเอง (self-centering mechanism) อย่างที่กล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งช่วยขจัดค่า wow ที่เกิดจากรูแกนหมุนที่ถูกเจาะออกนอกแนวศูนย์กลางของตัวแผ่นเสียง (off-centered) ซึ่งผลที่ได้จากการปรับปรุงของเสียงนั้นสังเกตได้ชัดเจนมาก – เสียงมีรายละเอียดมากขึ้น ให้ความเป็นธรรมชาติ และผ่อนคลายมากขึ้น

ทั้งนี้ Nakamichi ได้ยุติการผลิต TX-1000 และ Dragon CT ลงในช่วงที่การเล่นแผ่นซีดีได้รับความนิยมจนครองตำแหน่งแทนที่แผ่นเสียง …ทว่า จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีบริษัทผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียง ทั้งในญี่ปุ่น หรือในที่ใดๆ ทำการผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงในลักษณะนี้ออกมาจำหน่าย ซึ่งก็นับเป็นเรื่องน่าแปลก เพราะเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ยุค 80 และให้ผลลัพธ์ที่ดีงาม

อนึ่ง Dr. Robert Greene ได้เขียนบทวิจารณ์ Nakamichi: TX-1000 ลงตีพิมพ์ใน The Absolute Sound ฉบับที่ 54 (July/August 1988)


*Micro Seiki Co. Ltd.

ผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงของญี่ปุ่น ซึ่งเคยผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงระดับกลางและระดับสูง รวมถึงหูฟังแบบ electrostatic ที่มีคุณภาพเกือบเป็นตำนานในยุค 70 และ 80 แต่หันมาผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงระดับไฮ-เอ็นด์ และระดับอ้างอิงในยุค 90 บริษัทประสบปัญหาในช่วงปลายยุค 90 และหยุดผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงและจัดหาอะไหล่สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นเก่าในปี 1999 ยกเว้นรุ่นไฮ-เอ็นด์ของเครื่องเล่นแผ่นเสียงจำนวน 8,000 ตัวที่ผลิตขึ้นตามสั่งในปี 2001 บริษัทยังคงมีสถานะเป็นวิศวกรรมที่มีความแม่นยำ การประชุมเชิงปฏิบัติการ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์แผ่นเสียงได้อีกต่อไป (ในญี่ปุ่น บริษัทมีการซื้อขายภายใต้ชื่อ Micro ในขณะที่ในฝั่งตะวันตกมีการซื้อขายภายใต้แบรนด์ Micro Seiki)

Exit mobile version