Luxman C-08 ออกจำหน่ายช่วงปี ค.ศ. 1 9 9 4 (ตุลาคม) ถึง 1 9 9 6

0

ส่วนหนึ่งของการเปิดตัว Luxman อีกครั้ง : หลังการเข้าถือครองโดย Alpine และสร้างขึ้นโดย AZDEN ท่ามกลางช่วงสุดท้ายของการมองเห็นจากทั่วโลกอันแท้จริง และด้วยยอดขายที่เหมาะสม (ไม่มากนัก) แม้ว่าจะมีไลน์สินค้าที่เล็กลงมาก และการจำหน่ายที่ลดลง …เรา-ท่านจึงไม่ค่อยจะคุ้นเคยนักกับโซลิด-สเตทปรีแอมป์รุ่นนี้ ที่ราคาแรกจำหน่ายสูงถึงเกือบหกแสนเยน

C-08 คือ ตัวอย่างของ C-7, C-9 และ C-10 ในอนาคต

หากพิจารณาจากวงจร จะเหมือนกัน คือ วงจรขยายแบบ DC บริสุทธิ์ทุกขั้นตอน พร้อมแอมป์แรงดันไฟขั้นตอนเดียวพร้อม OD ßeta, STAR และ CSSC (Complementary Single Stagger Circuit) ซึ่งปรับปรุงคุณลักษณะพื้นฐานของวงจรในขณะที่ลดการควบคุมที่มากเกินไป วงจร CSSC เป็นวงจรขยายเสียงแบบขั้นตอนเดียวที่มีการเชื่อมต่อแบบ Pure Complementary Direct Connection อย่างแท้จริงในทุกขั้นตอน และไม่ใช้การขยายแรงดันไฟฟ้าแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Voltage Amplification) เพื่อขจัดเอฟเฟกต์ของ Filter Effect ต่อคุณภาพเสียงของขั้นตอนการขยายแรงดันไฟฟ้า นอกจากนี้ คุณลักษณะแบบ Naked Characteristics ยังได้รับการปรับปรุงเพื่อปรับปรุงความโปร่งใสของตัวกรอง ส่งผลให้เสียงที่เล่นออกมาเป็นธรรมชาติ

ภาคแรกเป็นวงจร Complementary Circuit of FET Differential and Cascode-Connected Transistors ที่เชื่อมต่อกันโดยมีจุดอ้างอิงการทำงานที่ชัดเจน พร้อมค่าอิมพีแดนซ์สูง และความอสมมาตร (Asymmetry) ระหว่างด้านบนและด้านล่าง ซึ่งเป็นปัญหาในการกำหนดค่านี้ จะได้รับการแก้ไขโดยใช้ Dual-Chip Fets & Transistors ร่วมถึง Thermal Coupling

ในภาคไดรเวอร์เป็นวงจร Darlington-Connected Complementary Emitter-Follower Circuit ใช้เพื่อรับอัตราการขยายกระแส และลดค่าอิมพีแดนซ์การส่ง ทำให้มีบทบาทมากขึ้นในฐานะไดรเวอร์เครื่องขยายเสียง โดดเด่นด้วยวงจร ODβ (Optimized Dual NFB) ใช้เทคโนโลยี NF เฉพาะ

ลักษณะเฉพาะของวงจรได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียด ทำให้สามารถป้อนกลับ DC ได้ 100% และการกำหนดค่าวงจรจะกำจัดเครื่องขยายเสียงเซอร์โว DC ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับคุณภาพเสียง ส่วนแหล่งจ่ายไฟใช้หม้อแปลงไฟฟ้าที่มีฉนวนป้องกันสองชั้นโดยมีฉนวนป้องกันทองแดงที่แกนและตัวเรือนภายนอก ขดลวดทุติยภูมิเป็นขดลวดแยกสองขดลวดสำหรับเครื่องขยายเสียงแบบ Flat Amplifier พร้อมวงจรเสริม และสำหรับตัวควบคุมแยกซ้าย/ขวาจะถูกวางไว้ หลังจาก Rectification เพื่อกำจัดการรบกวนซึ่งกันและกันผ่านแหล่งจ่ายไฟ นอกจากนี้ วงจรและตัวควบคุมเฉพาะจะถูกวางไว้บนบอร์ดเดียว เพื่อลดสายไฟของแหล่งจ่ายไฟ และเพื่อปรับปรุงเสียงดนตรีให้ดียิ่งขึ้น จึงใช้แหล่งจ่ายไฟแบบ High Inertia Power Supply แต่ไม่มีภาคขยายสัญญาณหัวเข็ม (Phono Stage) – ถ้าจะเล่นแผ่นเสียงจำเป็นต้องมี E-03 เป็นอุปกรณ์ภายนอก – แต่ว่าใช้ตัวปรับเร่ง/ลดระดับความดังเสียงแบบ Ultimate Attenuator อยู่ภายใน เช่นเดียวกับที่ใช้ใน L-500 หรือ L-580

Luxman ได้นำตัวลดทอนสัญญาณแบบ สวิตช์หมุน ที่มีตัวต้านทานคงที่ 32 จุดเฉพาะ (Unique 32-Point Fixed Resistor Switching Rotary Switch Type) มาใช้ ตัวต้านทานที่ไม่มีสภาพแม่เหล็ก ตามปริมาณการลดทอนของแต่ละจุด จะติดตั้งทีละตัวบนแผ่น Gold-Plated Glass Epoxy Board และนำโครงสร้างป้องกันมาใช้เพิ่มเติม โดยใช้การอัดรีดอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป เป็นต้น เพื่อให้แน่ใจว่า ได้คุณภาพเสียงที่สูงมาก ติดตั้งขั้วอินพุตจำนวน 8 ชุด และนำการสลับรีเลย์มาใช้ โดยหน้าสัมผัสที่ปิดผนึกด้วยก๊าซไนโตรเจน (Nitrogen Gas Sealed Contacts) เพื่อให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง นอกจากนี้ การแยกไม่เพียงแต่ด้านสัญญาณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านกราวด์ด้วย ทำให้คำนึงถึงเสียงรบกวนที่ห่อหุ้มผ่านกราวด์ลูป

โครงสร้างแชสซีแยกแต่ละขั้นตอนด้วยแผ่นป้องกันและใช้โครงสร้าง 9 กล่อง (9-Box Structure) ที่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเรือน ปิดกั้นฟลักซ์รั่วไหลและเสียงรบกวนความถี่สูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เสียงรบกวนภายในและภายนอกแชสซียังลดลงและถูกกำจัดได้อย่างมาก ด้วยการใช้การติดตั้งแบบ Mechanical Floating Mount Method ที่ทำให้หม้อแปลงลอยตัวจากแชสซีหลัก นำสายไฟที่มีฉนวนป้องกันเข้ามาอย่างเต็มที่ และนำชิ้นส่วนควบคุมเสียงรบกวนเข้ามาอย่างเต็มที่ แต่ละส่วนได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน และมีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตตามสั่ง (Custom Parts) เช่น ตัวต้านทานที่ไร้สภาพแม่เหล็ก, Electrolytic Capacitors, Copper Styrene Capacitors, บัสบาร์ร่วม (Bus Bars) และสายทองแดง 6N ที่มีความบริสุทธิ์สูง

นอกจากนี้ หม้อแปลงเอาต์พุตที่ออกแบบใหม่พร้อมแกน เพอร์มัลลอยและการป้องกันไฟฟ้าสถิต รวมถึงแม่เหล็กไฟฟ้าที่เข้มงวดก็ถูกนำมาใช้เช่นกัน ทั้งยังใช้การควบคุมโทนเสียงแบบ Unique Seesaw-Type Tone Control อันไม่ธรรมดา นี่คือ วิธีการให้ความลาดเอียงเชิงเส้น (Linear Slope) กับลักษณะความถี่ในลักษณะของ seesaw-like manner โดยการเปลี่ยนแปลงความต้านทานป้อนกลับในลูป NF แทนที่จะเพิ่มและลดทอนความถี่ต่ำและสูงทีละความถี่ วิธีนี้ช่วยให้แก้ไขคุณภาพเสียงในทางปฏิบัติได้ด้วยลักษณะเฟสที่ยอดเยี่ยมโดยค่อยๆ แก้ไขสมดุลพลังงานโดยรวม ซึ่งอยู่ตรงกลางประมาณ 1kHz และติดตั้งตัวลดทอนสมดุลซ้ายและขวาอิสระ

การใช้ตัวต้านทานแบบ Non-Magnetic Resistors, Fixed Resistor Switching System ถูกนำมาใช้แทนตัวต้านทานแบบปรับเลื่อนได้ (Sliding Variable Resistor) ใช้รีเลย์ (Relay) สำหรับเปิด/ปิด และสามารถปรับค่าได้ 3 ระดับ คือ L/R, +1dB, +2dB และ +3dB ในขั้นตอนละ 1dB รวมไปถึงการมี Line Phase Sensor เฉพาะตัว ซึ่งงสามารถจัดการขั้วของวงจรแหล่งจ่ายไฟไม่ถูกเฟสได้

ส่วนที่เหลือก็เหมือนกับส่วนประกอบ Lux รุ่นปี ค.ศ. 1987-1994 ทั่วไป ได้แก่ ฐานคอมโพสิต FRP (Fiber Reinforced Plastics) ห้าตำแหน่ง; แหล่งจ่ายไฟแบบแยกส่วนทางกลและอิมพีแดนซ์ต่ำ; โครงหุ้มย่อยเพื่อการปกป้อง (Shielded Sub-Enclosures); ภายในอัดแน่นด้วยชิ้นส่วนที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ และโลโก้ด้านหน้าพร้อมไฟแบล็คไลท์ซึ่ง “เพิ่มความสวยงาม”

ส่วนประกอบทั้งหมดโดดเด่นเช่นเดียวกับที่ Luxman มุ่งเน้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 ส่วนแผงหน้าที่เป็น Aluminum Gold พร้อมตัวเครื่อง Wood Piano Lacquer อันสวยงาม ซึ่งล้วนผลิตขึ้นที่ Luxman โดยใช้เครื่อง CNC ที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งผลิตตามสั่งเฉพาะ…ประเพณีดั้งเดิมของ Luxman

Technical Data

Frequency response: 8Hz – 100,000 Hz (± 0.5 dB)

Distortion factor: <0.005%

Signal-to-noise ratio: 110 dB

Power consumption: 23 W

Dimensions: 465 x 186 x 467 mm

Weight: 25 kg

______________________________