![MADE HERE janszen KWR 05.JPG](https://www.whatgroupmag.com/wp-content/uploads/2019/10/a5c7a8_2549c673e616420e90b0c671bdf34107-1.jpg)
![](http://whathifi.whatgroupmag.com/wp-content/uploads/2019/10/klh-history-1024x512.jpg)
KLH แบรนด์ผู้ผลิตลำโพงสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งขึ้นในปี 1957 มีผู้ร่วมก่อตั้งคือ Henry Kloss หนึ่งในตำนานของวงการเครื่องเสียง ถูกนำกลับมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งและเปิดตัวในปี 2018 คราวนี้ได้ David P. Kelley อดีตประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Klipsh และฝ่ายบริหารของ VOXX ซื้อกิจการไปและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น KLH Audio มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ โนเบิลสวิลล์ รัฐอินเดียนา
![](http://whathifi.whatgroupmag.com/wp-content/uploads/2019/10/38820852_310436746187169_7113146697571631104_n.png)
ลำโพง KLH Nine เวอร์ชั่นดั้งเดิมผลิตขึ้นในช่วงปี 1966 ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $1,140 / คู่ เป็นผลงานออกแบบของ Arthur A. Janszen ผู้คิดค้น Transducer Technology ถือได้ว่าเป็นลำโพงอิเล็กโตรสแตติก (ESL) แบบฟูลเรนจ์ตัวแรกของโลก ตอบสนองความถี่ 40 Hz – 20 kHz และถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในลำโพงที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล มียอดจำหน่ายที่สูงมากในช่วงเวลาหนึ่ง
![](http://whathifi.whatgroupmag.com/wp-content/uploads/2019/10/38878114_310436696187174_8269321635610230784_o-1024x689.jpg)
![](http://whathifi.whatgroupmag.com/wp-content/uploads/2019/10/38811548_310436686187175_312447583609946112_n.jpg)
![](http://whathifi.whatgroupmag.com/wp-content/uploads/2019/10/38820860_310436672853843_3682643390681317376_n.jpg)
ลำโพง KLH Nine เวอร์ชั่นใหม่ผลิตขึ้นที่โรงงานในโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ภายใต้การดูแลของ David Janszen ผู้เป็นทายาท ยังคงถ่ายทอดความมหัศจรรย์ของน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงรูปลักษณ์และแนวทางการออกแบบเดิมเอาไว้ แต่มีการปรับเปลี่ยนวัสดุและเทคโนโลยีการผลิตให้มีความทันสมัย ช่วยส่งเสริมคุณภาพเสียงให้ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น
![](http://whathifi.whatgroupmag.com/wp-content/uploads/2019/10/a5c7a8_2549c673e616420e90b0c671bdf34107-1.jpg)
นอกจากนี้ส่วนตัวของ David Janszen ก็ยังมีแบรนด์ลำโพงเป็นของตัวเองในนาม JansZen Electrostatic Speakers และเปิดบริการในส่วนซ่อมบำรุงและอัพเกรดให้กับผู้ใช้งานลำโพง KLH Nine รุ่นดั้งเดิมอีกด้วย โดยมีค่าซ่อมบำรุงอยู่ที่ราว $2,500 / คู่ ส่วนการอัพเกรดมีสองขั้น อยู่ที่ $6,250 และ $9,900 ตามลำดับ