รีวิว JBL L100 CLASSIC

0

ยุคใหม่ของตำนานจากเจบีแอล

DAWN NATHONG

ย้อนกลับไปกว่าครึ่งศตวรรษ ช่วงปลายยุค 60s บริษัท JBL ได้ผลิตลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์รุ่น 4310 ขึ้นเพื่อใช้ในห้องบันทึกเสียง แนวคิดของการออกแบบคือสร้างลำโพงแบบสามทาง ที่ให้น้ำเสียงเหมือนกับลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์รุ่นดังอย่าง JBL 4320 มีขนาดตู้เล็กลง ตอบสนองเสียงเบสไม่ลึกเท่า แต่ให้ความยืดหยุ่นต่อการจัดวางบริเวณมิกซ์เซอร์คอนโซลได้มากกว่า จนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย กระทั่งกลายเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานของสตูดิโอขนาดเล็กและขนาดกลางทั่วไปในยุคนั้น

ต่อมาในปี 1971 หลังการเทคโอเวอร์ของบริษัท Harman International นำโดยผู้ก่อตั้ง ดร. ซิดนีย์ ฮาร์แมน ลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์ 4310 ก็ถูกนำไปใช้เป็นต้นแบบเพื่อต่อยอด และกลายเป็นต้นกำเนิดของลำโพงรุ่น L100 เวอร์ชั่นแรก ที่เน้นเจาะตลาดกลุ่มลำโพงบ้านโดยเฉพาะ

ซึ่งจากแผนการตลาดชั้นยอดที่เข้าถึงผู้คนในวงกว้างของ ดร. ฮาร์แมน ด้วยคอนเซ็ปต์การนำคุณภาพระดับสตูดิโอมาสู่บ้าน บวกกับรูปลักษณ์ของลำโพงที่เหมือนดั่งเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านชั้นดี ทำให้ JBL L100 สร้างปรากฎการณ์ยอดขายถล่มทลาย กลายเป็นลำโพงบ้านที่มียอดจำหน่ายสูงสุดตลอดกาลถึง 125,000 คู่ในช่วงยุค 70s

        หลังจากนั้นเป็นต้นมา ชื่อของ JBL L100 ก็กลายเป็นชื่อที่จดจำของนักเล่นไปทั่วโลก และได้ทำการผลิตออกมาจำหน่ายอีกหลายเวอร์ชั่น ด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบ “West Coast Sound” หรือสไตล์เสียงแบบระบบลำโพงตู้เปิดที่เล่นได้ดัง ให้ย่านกลางแหลมชัดเจน เปิดโปร่ง ไม่อับทึบ เสียงทุ้มหนักแน่นฟังสนุก จนมีอีกฉายาในยุคนั้นว่า “ลำโพงร็อคแอนด์โรล” กระทั่งมาถึงเวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง L100 Classic ที่เรียกเสียงฮือฮาจากงาน CES และเพิ่งเปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อช่วงต้นปีนี้

รายละเอียดที่น่าสนใจ

Tim Gladwin หัวหน้าวิศวกรทีมออกแบบ ให้นิยามของ JBL L100 Classic ว่าเป็นลำโพงยุคใหม่ในคราบลำโพงวินเทจ ที่ยังคงความเป็นลำโพงแบบสามทางขนาดกลาง ๆ ระบบตู้เปิด ที่มีสัดส่วนมิติตัวตู้ใกล้เคียงกับ L100 รุ่นแรก ภายนอกให้อารมณ์แบบลำโพงย้อนยุค ด้วยหน้ากากโฟม Quadrex ที่เซาะร่องเป็นลิ่มคล้ายตารางหมากรุก มีสีสันให้เลือกสามสีคือ สีดำ, สีส้มอิฐ และสีกรมท่า ตัวโฟมมีความหนาพอสมควร และมีการออกแบบมาเพื่อหวังผลด้านอคูสติกส์โดยตรงนอกเหนือจากความสวยงาม

ผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะจูนเสียงได้จากการใช้หน้ากากตัวนี้ ในกรณีที่ใส่หน้ากากปลายเสียงแหลมจะโรลออฟลงเล็กน้อย ช่วยให้เสียงมีความนุ่มนวลขึ้น เสียงกลางคล้ายจะถอยหลังไปอยู่ระนาบลำโพงมากขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่กระทบกับบุคลิกเสียงโดยรวม ฟังแล้วได้กลิ่นอายบรรยากาศของลำโพงวินเทจขึ้นมาอีกนิด ส่วนการถอดหน้ากาก ก็จะได้บุคลิคเสียงที่สด เปิดเผยขึ้น เสียงร้องขยับมาข้างหน้ามากขึ้น มีรายละเอียดหยุมหยิมชัดขึ้นเล็กน้อย

กรณีที่ท่านอยากได้เสียงกลางที่พุ่งเปิดขณะใส่หน้ากากก็อาจชดเชยด้วยปุ่มโทนคอนโทรล “MF LEVEL” ด้านหน้าได้ (น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่มีเวลาลองเล่นในส่วนนี้ น่าจะมีอะไรให้เล่าอีกเยอะ)  นอกจากนี้วัสดุที่ใช้ผลิต Quadrex โฟมจะมีคุณสมบัติทนทานต่อสภาพอากาศได้ดียิ่งกว่าเดิม ทำให้หมดห่วงเรื่องอายุการใช้งาน เมื่อต้องมาเจอกับสภาพอากาศแบบบ้านเรา

        สมาชิกในทีมอีกคนที่มีส่วนสำคัญในการออกแบบ คือ Chris Hagen อดีตวิศวกรผู้เคยออกแบบลำโพง JBL L100T3 ในปี 1988 ทำให้ L100 Classic เสมือนเป็นการนำองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ ผสานเข้ากับเทคโนโลยีและทรัพยากรการผลิตที่ทันสมัยของ Harman ได้อย่างลงตัว โครงสร้างตู้ของ L100 Classic เป็น MDF หนาประมาณ 15 มม. ปิดผิวด้วยวิเนียร์ลายไม้วอลนัต ภายในมีการคาดโครงคร่าวแบบ “V-Brace” เสริมความแกร่ง ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้เฉพาะในลำโพงรุ่นสูงของ JBL

ติดตั้งไดร์เวอร์ใหม่ยกชุด เริ่มตั้งแต่ทวีตเตอร์โดมไทเทเนียมขนาดหนึ่งนิ้วรุ่น JT025Ti1 ที่ทาง JBL ออกแบบเวฟไกด์มาเป็นพิเศษ เน้นมุมกระจายเสียงที่กว้างและแม่นยำ, มิดเรนจ์กรวยกระดาษเคลือบโพลิเมอร์ (Polymer-coated Pure Pulp Cone) ขนาด 5 ¼ นิ้วรุ่น 105H-1 ใช้แม่เหล็กขนาดใหญ่เกินตัวรวมถึงชุดตัวขับที่ทนกำลังขับได้สูง และวูฟเฟอร์กรวยกระดาษ (Pure Pulp Cone) ขนาด 12 นิ้วรุ่น JW300PW-8 ซึ่งใช้เทคโนโลยีเดียวกับไดร์เวอร์ของลำโพง JBL รุ่น K2 S5800 ราคาล้านกว่าบาท โครงสร้างแม่เหล็กขนาดยักษ์ ให้การทำงานที่เป็นลิเนียร์สูงและมีความเพี้ยนต่ำ

แผงหน้าบริเวณส่วนบนของลำโพงจะมีชุดโทนคอนโทรลปรับชดเชยเสียงย่านกลาง “MF LEVEL” และแหลม “HF LEVEL” (สำหรับในการทดสอบจะตั้งไว้ที่ตำแหน่ง 0dB ทั้งคู่) ถัดลงมาเป็นท่อพอร์ทขนาดใหญ่ ด้านหลังลำโพงติดตั้งขั้วต่อสายลำโพงไบดิ้งโพสแบบซิงเกิ้ลไวร์

        ขอพูดถึงขาตั้งลำโพง JBL JS120 ที่ออกแบบมาคู่กันสักหน่อย ได้ยินนักเล่นบางท่านสงสัยเรื่องความสูงของขาตั้งที่ค่อนข้างเตี้ยพอสมควร เกรงว่าเวทีเสียงจะเตี้ยลงกว่าปกติไปด้วยหรือไม่ จากการที่ได้ทดสอบแล้วต้องบอกว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นแม้แต่น้อย เวทีเสียงยังคงอยุ่ในระดับปกติแบบเดียวกับที่เคยฟังมาตลอด แถมให้มิติด้านสูงที่แผ่กว้าง มีขอบเขตที่ชัดเจนเอาเสียด้วย

เหตุผลคือวิศกรผู้ออกแบบได้คำนวณมาเรียบร้อยแล้ว ด้วยองศาของขาตั้งที่ทำให้ลำโพงเชิดหน้าขึ้น ผสานกับมุมกระจายเสียงของตัวทวีตเตอร์ ทำให้ได้ความถูกต้องของเวทีเสียงเหมือนการลำโพงบนขาตั้งปกติทั่วไป แถมยังเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการให้ความสูงลำโพงของลำโพงไปบดบังทัศนียภาพของห้องอีกต่างหาก

แต่เหนืออื่นใดคือ เรื่องของคุณภาพเสียง ด้วยความที่ขาตั้งมีลักษณะโปร่ง ไม่สะสมพลังงาน มีการบุวัสดุคล้ายฟองน้ำตรงช่วงที่ฐานลำโพงสัมผัสขาตั้ง เสริมความนิ่งและรับน้ำหนักลำโพงได้อย่างมั่นคง ช่วยให้อิมเมจตัวเสียงมีความนิ่งและชัดเจน จึงอยากแนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของลำโพง ควรใช้งานร่วมกันกับขาตั้งรุ่นนี้

ผลการลองฟัง

ในการทดสอบครั้งนี้ เป็นการทดสอบแบบสัญจรนอกสถานที่ ณ โชว์รูม DREAM THEATER ของบริษัทมหาจักรที่สยามพารากอน รายละเอียดของการทดสอบจะเป็นไปตามเงื่อนไขของซิสเต็มรวมทั้งสภาพอคูสติกส์ในห้องทดสอบของโชว์รูมเป็นสำคัญ ผู้เขียนจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามหรือปรับแต่งใด ๆ เพิ่มเติมอีก เนื่องด้วยระยะเวลาการฟังทดสอบที่จำกัดราวชั่วโมงครึ่ง จึงขอบรรยายไปตามความรู้สึกที่ได้ฟัง ณ ช่วงเวลานั้น รายละเอียดเบื้องลึกอาจไม่ครบถ้วนทุกแง่มุมเหมือนการได้ฟังทดสอบที่ห้องของผู้เขียนเอง

        ห้องฟังของโชว์รูม DREAM THEATER มีขนาดใหญ่พอสมควร เป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าจัดวางชุดเครื่องเสียงตามแนวยาวของห้อง สภาพอคูสติกส์มีความเงียบสงัดดีใช้ได้ แม้จะไม่ใช่ห้องปิดตายเสียทีเดียว ซิสเต็มที่ทางโชว์รูมเซ็ตอัพไว้คร่าว ๆ ประกอบด้วยเครื่องเล่น SA-CD ของ Denon รุ่นใหญ่, ชุดปรี-เพาเวอร์โมโนบล็อกจาก Chord Electronics ส่วนสายเชื่อมต่อเป็นรุ่นสูงของ Chord ลำโพงจัดวางไว้ห่างกันราวสองเมตรและห่างจากพนังด้านหลังเมตรกว่า ๆ โทอินเข้าหากันเล็กน้อย ทดสอบด้วยแผ่นซีดีหลายอัลบั้มที่ทางโชว์รูมเตรียมเอาไว้

        JBL L100 Classic ยังคงให้น้ำเสียงที่มีความสด เปิดเผย อิมเมจของเสียงขึ้นรูปกระชับแน่นเป็นตัวชัดเจน ตามสไตล์ของเจบีแอลแต่เพิ่มดีกรีความน่าฟังด้วยเนื้อเสียงที่มีความเนียนละเมียด อิ่มแน่น กลมกลึง มากกว่าลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์ทุกรุ่นของเจบีแอลที่ผู้เขียนเคยสัมผัสมา ฟังแล้วมีความกลมกล่อมดูเป็นลำโพงแบบมิวสิคเลิฟเวอร์มากขึ้นกว่าเดิม เป็นการเจือสีสันความน่าฟังในเนื้อเสียงเข้ามาเล็กน้อยไม่ถึงกับเป็นโทนเสียงอุ่น ยังคงตั้งอยู่บนบุคลิกพื้นฐานของลำโพงมอนิเตอร์ ทำให้เกิดส่วนผสมที่น่าสนใจของความชัดเจนในรายละเอียดแต่ให้น้ำเสียงที่ผ่อนคลาย ไม่เกี่ยงคุณภาพของการบันทึกเสียงหรือคุณภาพแหล่งโปรแกรมมากจนเกินไป

ยิ่งฟังยิ่งเพลิดเพลินชวนให้อย่างนั่งฟังนาน ๆ สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจบีแอลรับรองว่าถ้าได้ฟัง L100 Classic น่าจะตกหลุมรักได้ไม่ยาก เพราะยังคงคอนเซปต์ “Loud & Clear” เอาไว้อย่างเหนียวแน่น เสียงทุกย่านมีรายละเอียดทีครบถ้วน ชัดเจน ไม่มีการสับสนตีรวน ไม่ว่าจะเล่นในระดับความดังสูงแค่ไหนก็ยังคงคุณสมบัติดังกล่าวได้อย่างยอดเยี่ยม อานิสงค์จากการออกแบบชุดตัวขับเสียงที่มีความเป็นลิเนียร์และทนกำลังขับได้สูง จึงรองรับกับไดนามิกเรนจ์ได้กว้างไม่อั้นตื้อ ยิ่งเปิดดังยิ่งฟังสนุก และไม่ส่ออาการสากหยาบกร้านในเนื้อเสียงให้ได้ยินแม้แต่น้อย

        ผู้เขียนชอบโทนเสียงแหลมที่ได้จากทวีตเตอร์โดมไทเทเนียมรุ่นนี้ของเจบีแอล เพราะให้เสียงแหลมที่ควบแน่นเป็นเม็ด ๆ สะอาดเกลี้ยงเกลา ขึ้นรูปเป็นตัวตนชัดเจนตั้งแต่หัวจรดหางเสียงแต่ปราศจากอาการขึ้นขอบแข็ง อีกทั้งยังให้น้ำหนักแรงปะทะหัวเสียงที่มีความสดสมจริงไปได้พร้อม ๆ กัน มีความกังวานแบบธรรมชาติไม่แข็งกระด้าง สามารถแสดงความแตกต่างของเครื่องเคาะโลหะประเภทต่าง ๆ ออกมาได้สดใสน่าฟัง ไม่เจิดจ้าจนเกินงามเหมือนผ่านการชั่งตวงวัดมาอย่างพอดิบพอดี เรียกว่าดีขึ้นผิดหูผิดตา ตอบสนองความถี่ย่านแหลมได้ราบรื่นกว่าทวีตเตอร์โดมไทเทเนียมในลำโพงโมเดลเก่า ๆ ของเจบีแอลที่ผู้เขียนเคยฟังในอดีต นอกจากนี้เวฟไกด์ที่ออกแบบมาอย่างดีก็ทำให้เสียงจากทวีตเตอร์หลุดกระจายตัวออกไปรอบทิศทางได้ดีเป็นพิเศษจนลืมขนาดของตัวตู้ลำโพงที่ตั้งอยู่ข้างหน้าเลยทีเดียว

        เสียงกลางจากมิดเรนจ์กรวยกระดาษเคลือบขนาด 5.25 นิ้วทำงานครอบคลุมย่านความถี่ประมาณ 450 เฮิร์ทซ์ขึ้นไปถึงราว 2.5 กิโลเฮิร์ทซ์ ซึ่งเป็นช่วงของความถี่กลางต่ำขึ้นไปถึงกลางสูงเกือบทั้งหมด มีความราบรื่นดีทีเดียว ให้ความต่อเนื่องกับทวีตเตอร์และวูฟเฟอร์ได้อย่างกลมกลืน เนื้อเสียงสะอาด ควบแน่นมีทรวดทรงเป็นสามมิติ เสียงร้องชัดเจนและเปิดพุ่งออกมาด้านหน้าเล็กน้อยตามสไตล์เจบีแอล ถ่ายทอดรายละเอียดหยุมหยิมออกมาได้อย่างละเอียดหมดจดน่าติดตาม เวลาฟังเพลงร้องที่เน้นการถ่ายทอดอารมณ์ ก็สามารถแสดงลีลาและความฉอเลาะของนักร้องออกมาได้อย่างเข้าถึง แต่ไม่ได้แสดงออกมาในลักษณะของความอิ่มหวานจนน่าเบื่อ ประเภทร้อยเนื้อหนึ่งทำนอง แต่เป็นความหวานจากเนื้อเสียงจริง ๆ ตามลักษณะของเสียงร้องหรือเครื่องดนตรีนั้น ๆ ที่ควรจะเป็น

ช่วงหนึ่งของการทดสอบลองฟังอัลบั้มที่ใช้เครื่องเป่าทองเหลืองอย่างแซ็กโซโฟนเป็นพระเอก เสียงแซ็กมีไดนามิกเปิดโล่งเป็นอิสระ มีความสดสมจริงและให้ขนาดของอิมเมจตัวเสียงที่สมส่วน ถ่ายทอดทั้งมวลเสียง น้ำหนัก และรายละเอียดเสียงลมม้วนผ่านท่อทองเหลืองออกมาได้ใกล้เคียงกับการฟังเสียงแซ็กเป่าสด ๆ ให้ฟังต่อหน้าเลยทีเดียว

        เสียงทุ้มจากวูฟเฟอร์กรวยกระดาษขนาด 12 นิ้วนั้นมีทั้งความหนัก ความแน่น และกระชับเก็บตัวได้ดี ไม่มีเสียงทุ้มยานครางออกมาให้ได้ยิน มีแรงปะทะต้นโน้ตที่ชัดเจนและทิ้งตัวลงพื้นได้น่าประทับใจ เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ไม่ไปรบกวนย่านเสียงกลางเลย แม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของมิดเรนจ์และวูฟเฟอร์จะแตกต่างกันมาก แต่กลับสอดประสานการทำงานระหว่างกันและกัน ที่ช่วงรอยต่อจุดตัดความถี่ได้อย่างกลมกลืน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการออกแบบครอสโอเวอร์เน็ตเวิร์คที่ยอดเยี่ยม รวมถึงชุดตัวขับที่ทรงพลัง สามารถพลักดันกรวยลำโพงได้อย่างฉับไว ไม่อั้นตื้อ และควบคุมการสั่นค้างของกรวยลำโพงได้อยู่หมัด ทุ้มแบบนี้จะตอบโจทย์ของการฟังเพลงได้หลากหลายแนว เพราะให้ความกระชับแน่น สะอาด มีน้ำหนักและลงได้ลึก ส่งผลให้น้ำเสียงทุกย่านมีความโปร่งใส มีรายละเอียด และเสริมมวลบรรยากาศโดยรวมของเสียงได้ไม่ต่างกับการใช้ซับวูฟเฟอร์ชั้นดี

         มิติเวทีเสียงของ L100 Classic มีความโอ่อ่าอลังการมาก ให้อิมเมจชิ้นดนตรีที่มีขนาดสมจริง เวทีเสียงแผ่ขยายออกไปรอบตัวทั้งด้านกว้างและด้านลึก โดยเฉพาะด้านสูงนั้นทำได้ดีมาก สามารถแสดงความสูงของนักร้องลอยขึ้นมาเหนือลำโพงได้อย่างชัดเจน และอยู่ในระดับความสูงที่ควรจะเป็น ท่านไม่ต้องกังวลกับเรื่องความสูงของขาตั้งลำโพงที่ออกแบบมาคู่กันแต่อย่างใด ช่วงหนึ่งของการทดสอบฟังเพลงบรรเลงที่เป็นการบันทึกสดในโบสถ์ JBL L100 Classic ก็ถ่ายทอดมิติด้านสูงที่มีบรรยากาศก้องสะท้อนของเพดานโบสถ์ออกมาอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ยังให้โฟกัสของชิ้นดนตรีที่มีความคมชัดอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถแยกแยะเครื่องดนตรีที่สลับซับซ้อนอยู่ออกมาได้ดี รับรู้เลเยอร์ของเสียงที่ถูกมิกซ์มาได้ ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกแบบมัลติแทร็คหรือการบันทึกแบบการแสดงสด รวมถึงสามารถเก็บบรรยากาศรายล้อมรอบตัวเสียง หรือบรรยากาศของการบันทึกเสียงมาได้อย่างหมดจด ทำให้การฟังแต่ละอัลบั้มได้ความรู้สึกที่สดใหม่ ได้บรรยากาศที่มีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ

สรุป

แม้จะเป็นการทดสอบช่วงสั้น ๆ แต่ JBL L100 Classic ก็สร้างความประทับใจให้กับผู้เขียนได้มากทีเดียว ด้วยน้ำเสียงที่ผสานความเป็นมอนิเตอร์กับมิวสิคเลิฟเวอร์ได้อย่างลงตัว ฟังเพลงได้หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องฟังแค่ป็อบ ร็อค แจ็ส หรือเพลงจังหวะคึกคักสนุกสนานอย่างเดียว กับเพลงที่เน้นอารมณ์ความต่อเนื่องลื่นไหลก็ทำได้น่าประทับใจไม่แพ้กัน

เป็นลำโพง L100 เวอร์ชั่นที่ครบเครื่องมากที่สุดรุ่นหนึ่งที่ผู้เขียนเคยสัมผัสมา ไม่เสียชื่อทีมออกแบบจริง ๆ แถมด้วยรูปลักษณ์ที่ดูคลาสสิคสวยงาม เป็นเฟอร์นิเจอร์แต่งห้องได้อย่างน่าสนใจ แถมจัดวางง่ายไม่เกี่ยงสภาพห้องมากนัก ได้ข่าวว่าช่วงนี้มีโปรโมชั่นราคาพิเศษพร้อมขาตั้งอีกด้วย ก็คงต้องบอกว่าสำหรับท่านที่สนใจ ต้องลองหาโอกาสมาลองฟังให้ได้สักครั้ง

รายละเอียดด้านเทคนิค

JBL L100 Classic

DESCRIPTION 3-way Bookshelf Loudspeaker
LOW-FREQUENCY TRANSDUCER 12-inch (300mm) pure pulp cone woofer (JW300PW-8)
MID-FREQUENCY TRANSDUCER 5.25-inch (125mm) polymer-coated pure pulp cone (105H-1)
HIGH-FREQUENCY TRANSDUCER 1-inch (25mm) titanium dome with soft surround (JT025TI1-4)
FREQUENCY RESPONSE 40Hz – 40kHz (-6dB)
SENSITIVITY 90dB (2.83V/1m)
POWER HANDLING 25 – 200 Watts RMS
CROSSOVER FREQUENCIES 450Hz, 3.5kHz
IMPEDANCE 4 Ohms
CONTROLS Attenuators for MF and HF drivers
CONNECTORS Five-way gold-plated binding posts
DIMENSIONS (H X W X D) 25.06 x 15.34 x 14.625 inches (636.52 x 389.64 x 371.48mm)
WEIGHT 58.5 lbs (26.7 kg)
FINISH Genuine walnut veneer enclosure with Quadrex foam grille in a choice of black, burnt orange or dark blue

ขอขอบคุณ บริษัท มหาจักรดีเวลอปเม้นท์ จำกัด และโชว์รูม DREAM THEATER (Siam paragon) โทร. 0-2610-9671-2 ที่เอื้อเฟื้อสถานที่สำหรับการทดสอบ