What HI-FI? Thailand

DALI Opticon 1 ลำโพงวาขาตั้ง

พิพัฒน์ คคะนาท

pipat.cacanaat@gmail.com

จากศิลปแห่งเสียงถึงความปรีติในดนตรี

เป็นอีกครั้ง, ที่ได้มีโอกาสนำลำโพงระดับแถวหน้าของวงการจากค่ายนี้มาพูดถึง จำได้ว่าครั้งหลังสุดเมื่อสักกว่าครึ่งปีมาแล้ว ที่นำมาให้รู้จักกันก็มีขนาด รูปร่างหน้าตา มิได้แตกต่างกับรุ่นที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังเที่ยวนี้สักกี่มากน้อย คือเป็นลำโพงแบบวางหิ้งรุ่นเล็กสุดของอนุกรมเหมือนๆ กัน ต่างก็ตรงรุ่นก่อนหน้านี้ที่นำมาพูดถึงไปแล้วนั้น มาจากอนุกรม หรือซีรีส์ ที่เป็นกลุ่มลำโพงระดับเริ่มต้น

                แต่รุ่นนี้มาจากซีรีส์กลางๆ จากที่มีทั้งหมดกว่า 10 อนุกรม เพราะฉะนั้นทั้งสองรุ่นจึงมีราคาแตกต่างกันพอประมาณ

                เพราะขณะที่ Oberon 1 มีราคาอยู่ที่ประมาณหมื่นนิดหน่อย Opticon 1 ที่กำลังจะลงไปในรายละเอียดให้รู้จักกันนี้ มีราคาค่าตัวแพงกว่าประมาณเท่าตัวเห็นจะได้

                อย่างไรก็ตาม, ด้วยชื่อ ชั้น ของ Danish Audiophile Loudspeaker Industries หรือ DALI จากแถบสแกนดิเนเวีย ที่กำเนิดขึ้นมากว่าสามทศวรรษครึ่งแล้ว ย่อมเป็นชื่อที่บ่งบอกหรือเป็นหลักประกันความคุ้มค่า สมราคา ได้เป็นอย่างดี ดังที่เคยบอกว่าลำโพงทุกรุ่น ทุกซีรีส์ ของค่ายนี้ ผู้ผลิตเขายืนยันว่าล้วนแล้วแต่เป็น Best in Class ทั้งสิ้น

            เป็น Best in Class ในความหมายที่ว่าหากเปรียบกับลำโพงใดที่อยู่ในกลุ่มราคาเดียวกันแล้ว ลำโพงของเขานั้นมันถือได้ว่าเป็นเต้ยแบบ ‘ดีที่สุด’ กว่าใครอื่นอย่างแน่นอน เป็นดีกว่าแบบผู้ผลิตเขามั่นใจยิ่ง ว่าเมื่อนำไปเปรียบกับลำโพงอื่นในราคาระดับเดียวกันแล้ว มันสามารถให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นกว่า อันนำมาซึ่งคุณภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในทุกกรณี

            แบบว่าผู้ผลิตรายนี้เขา ‘มั่น’ มากครับ

DALI Opticon The Art of Sound

            ลำโพงในตระกูล The Opticon Series นี้ DALI บอกว่าสามารถรังสรรค์น้ำเสียงออกมาได้อย่างโดดเด่น เข้าถึงความเป็นดนตรีได้อย่างน่าทึ่ง มีประสิทธิภาพการทำงานอันเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ ที่พร้อมนำเสนอทุกรายละเอียดของเสียงดนตรีออกมาให้สัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง

                สัมผัสได้ถึงความโดดเด่นทางด้านเวทีเสียง ที่ให้ออกมาได้อย่างสมจริงทั้งด้านกว้าง และด้านลึก ขณะที่ภาพรวมของเสียงนั้นพุ่ง และเปิดกว้าง พร้อมนำเสนอบรรยากาศเสียงออกมาได้อย่างสมจริง และมีความเป็นธรรมชาติสูงยิ่ง

                ทั้งนี้ทั้งนั้น, นั่นก็มาจากพื้นฐานสำคัญที่กอปรไปด้วยการออกแบบโครงสร้าง ผสานเข้ากับการออกแบบและผลิตชิ้นส่วนสำคัญซึ่งเป็นแบบ In-House ภายในโรงงานของตนเองที่เดนมาร์กทั้งหมด ตั้งแต่โครงสร้างตู้ไปจนถึงชุดตัวขับเสียงที่ทำงานในย่านความถี่ต่างๆ ทั้งทวีทเตอร์ มิดเรนจ์ และวูฟเฟอร์ โดยเฉพาะกับการออกแบบและผลิตชิ้นส่วนการทำงานของระบบแม่เหล็ก ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะที่เรียกว่าแบบ SMC: Soft Magnetic Compound รวมทั้งการคัดสรรชิ้นส่วนอุปกรณ์ประกอบอื่นที่นำมาใช้ร่วมกันด้วยความประณีต พิถีพิถัน และเลือกใช้เฉพาะเกรดหรือระดับคุณภาพขั้นสูงสุดเท่านั้น

                ที่สำคัญคือการประกอบทั้งหมดยังคงเป็นแบบ Hand-Assembled ที่มีความละเอียดอ่อนสูง รวมไปถึงเมื่อแล้วเสร็จ ลำโพงทุกคู่จะถูกนำมาจับคู่ทดสอบการทำงานในแง่ของความเข้ากันได้แบบ Match-Pair ซึ่งต้องสอดประสานกันอย่างลงตัวด้วยประสิทธิภาพสูงสุด อันจะนำมาซึ่งคุณภาพที่ไร้ขีดจำกัดนั่นเอง

            DALI Opticon Series มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 รุ่น เป็นแบบวางพื้น หรือ Floor-Standing Speaker สามรุ่น, แบบวางหิ้ง หรือ Bookshelf Speaker สองรุ่น และลำโพงสำหรับเซ็นเตอร์ แชนเนล หรือ Centre Speaker กับลำโพงให้บรรยากาศเสียงรายรอบ หรือ Surround-Sound Speaker อีกอย่างละรุ่น

                โดยรุ่นเล็กสุดของแบบวางหิ้ง หรือประกอบเข้าขาตั้งแบบ Stand-Mount Speaker คือ DALI Opticon 1 ที่นำมาให้รู้จักกันเที่ยวนี้

The Opticon 1 กับภาพลักษณ์และคุณสมบัติทั่วไป

                เป็นลำโพงเล็กที่ได้ชื่อว่าทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ระดับที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘จิ๋วจอมพลัง’ นั่นเทียว

                ทั้งนี้ก็เนื่องเพราะดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น คือทุกอย่างที่กอปรกันขึ้นมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์ระดับ Audiophile-Grade ทั้งสิ้น จึงพอจะคาดการณ์ถึงคุณภาพเสียงของมันได้ไม่ยาก

                โดดเด่นด้วยชุดตัวขับเสียงที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน อาทิ กรวยวูฟเฟอร์ที่ขึ้นรูปด้วยเยื่อไม้ แบบ Wood-Fibre ที่ใช้ในลำโพงอนุกรมสูงสุดของค่าย หรือ Reference Series อย่าง Epicon Series รวมทั้งใช้ทวีทเตอร์แบบ Soft-Dome ที่พัฒนาขึ้นมาล่าสุด The Opticon 1 จึงสามารถรังสรรค์คุณภาพเสียงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ที่สนองตอบต่อทุกความค้องการของผู้ฟังได้อย่างเกินพอ รวมทั้งยังถูกออกแบบมาเพื่อให้การถ่ายทอดเสียงออกมาได้อย่างถูกต้อง เที่ยงตรง เพื่อการนำเสนอเสียงดนตรีออกมาได้ดังที่ศิลปินตั้งใจรังสรรค์ออกมา

            ทางด้านโครงสร้างตู้ที่ขึ้นรูปด้วย MDF: Medium Density Fibre Board คุณภาพสูงด้วยคุณสมบัติที่มีมวลต่ำ แต่มีความแกร่งสูงนั้น ได้ถูกออกแบบ และประกอบขึ้นโดยผ่านการคิดคำนวณอย่างละเอียด ประณีต และกอปรกันขึ้นมาภายในโรงงานของตนเอง แบบ In-House เพื่อให้ได้มาตรฐสูงสุด ซึ่งออกจะแตกต่างกับผู้ผลิตลำโพงส่วนใหญ่ ที่มักจะใช้การสั่งซื้อตู้จากผู้ผลิตภายนอก แม้จะกำหนดผลิตเป็นการเฉพาะ แบบ Made-to-Order ก็ยากที่จะได้คุณภาพอันสมานเสมอตลอดเนื้องานการผลิต และแล้วเสร็จเป็นโครงสร้างตู้อันสมบูรณ์ตามที่ได้ออกแบบเอาไว้ได้

                โดยเฉพาะในแง่ของความมั่นคงนั้นสำคัญมาก เพราะตู้ลำโพงที่มีความเสถียรสูง จะช่วยให้ชุดตัวขับเสียงสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ไปจนถึงระดับสูงสุดของการทำงาน นอกจากความเสถียรและความมั่นคงแล้ว โครงสร้างตู้ที่ดีจะต้องปลอดอาการก้องสะท้อนในตัวเองอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะที่ย่านความถี่ต่ำๆ ซึ่งเป็นจุดอ่อนด้อยของตู้ลำโพงส่วนใหญ่ รวมทั้งยังต้องไม่มีส่วนในการไปเพิ่มหรือลดทอนที่ย่านความถี่ใดๆ อีกด้วย คลื่นเสียงที่ออกมาจึงมีความเที่ยงตรง และมีความเป็นธรรมชาติอย่างสมจริง ซึ่งตู้สั่งทำหรือสั่งผลิตจากโรงงานทำตู้ลำโพงส่วนใหญ่มักจะขาดความใส่ใจ หรือไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เท่าที่ควร

                นอกจากนั้นแล้ว, กับตู้ลำโพงที่ออกแบบมารองรับการทำงานในระบบ Bass Reflex จะต้องมีความประณีต พิถีพิถัน เพิ่มมากขึ้นในการออกแบบท่ออากาศ หรือ Port ที่ต้องทำงานร่วมกับชุดตัวขับเสียงในย่านความถี่ต่ำ หรือ Woofer เพราะต้องมีรูปทรง และขนาด ที่นอกจากจะต้องสัมพันธ์กับปริมาตรภายในแล้ว ยังต้องลงตัวกับการทำงานของขนาดวูฟเฟอร์อย่างเป็นสำคัญอีกด้วย เพื่อให้คลื่นเสียงในย่านความถี่ต่ำออกมาด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในแง่ของพลัง ความหนักแน่น ความกระชับ และที่สำคัญคือเป็นคลื่นเสียงที่มีความสะอาด ปลอดความพร่าเพี้ยน หรือปราศจากสีสันในน้ำเสียงอย่งสิ้นเชิงนั่นเอง

                และแม้จะเป็นลำโพงรุ่นเล็กสุดในอนุกรม แต่ DALI Opticon 1 ก็ถูกออกแบบและผลิตขึ้นมาด้วยความเอาใจใส่ รวมทั้งตระหนักในความสำคัญ ของทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นอย่างครบถ้วน

                DALI Opticon 1 จึงเป็นลำโพงที่สามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย ในความหมายที่ว่าสามารถรองรับการทำงานร่วมกับดนตรีทุกรูปแบบได้อย่างถึงพร้อม โดยมิได้มีอาการเกี่ยงงอนให้รู้สึกสัมผัสหรือรับรู้ได้แต่อย่างใด โดยเฉพาะกับการทำงานภายในห้องที่มีขนาดพื้นที่ หรือปริมาตร ไม่มากนัก ทั้งสามารถนำไปตั้งวางใช้งานได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการประกอบเข้าขาตั้ง การตั้งวางบนหิ้งหรือชั้นวาง หรือจะวางตั้งบนโต๊ะแบบ Desktop Speaker โดยทำงานร่วมกับชุดคอมพิวเตอร์ รวมทั้งยังสามารถใข้เป็น Desktop Monitor สำหรับโพรดิวเซอร์ในการทำงานตัดต่อเสียงได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่จะนำไปใช้งานเป็นลำโพง Satellite ในระบบเสียงแบบ Sat/Sub System ที่ทำงานร่วมกับ Sub-Woofer ในห้องที่มีพื้นที่มากขึ้น เพื่อให้ได้พลังเสียงในย่านความถี่ต่ำๆ เพิ่มมากขึ้น ก็สามารถนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม

            และสำหรับด้วยตัวมันเองแล้ว, ผู้ผลิตได้กล่าวย้ำว่า DALI Opticon 1 คือลำโพงเล็กที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ในการให้เสียงที่ยิ่งใหญ่ออกมาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย

                ขณะเดียวกันก็มีสื่อมากกว่ามากที่ให้ความชื่นชม และชื่นชอบ ในน้ำเสียงของลำโพงคู่นี้ ผ่านถ้อยคำต่างๆ นานา อาทิ Area DVD ของเดนมาร์กบอกว่า – เป็นลำโพงที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงสำหรับคนรักเสียงเพลง ที่มีความหลงใหลในดนตรีอย่างลึกซึ้ง, ในขณะที่ Home Theater Review ของสหรัฐอเมริกา ให้ความเห็นว่า – เป็นลำโพงที่มิควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด หากคุณกำลังมองหาลำโพงสักคู่ในกลุ่ม (ราคา) นี้อยู่, ทางด้าน TONE Audio ของอเมริกันชนเช่นกัน ให้ความเห็นว่า – เมื่อตั้งวางได้อย่างเหมาะสมภายในห้องแล้ว ขณะที่มันรังสรรค์เสียงออกมาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมให้เวทีเสียงที่เป็นสามมิติอย่างสมบูรณ์นั้น ตัวตนของมันก็เสมือนได้หายวับไปจากห้องพร้อมๆ กับที่เสียงดนตรีดังขึ้นนั้นเลย, หรืออย่าง The Ear ของเนเธอร์แลนด์ ได้บอกว่า – กับลำโพงคู่นี้คุณจะได้ความพึงพอใจในสองกรณีอย่างแท้จริง คือทั้งในแง่งานฝีมือ และทางด้านคุณภาพเสียง และแม้จะดูว่าในกลุ่มลำโพงระดับราคานี้จะมีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก มันก็ยังคงเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ ของทุกคนอย่างแน่นอน

                ครับ, ก็ว่ากันไป ส่วนเราฟังแล้วให้รู้สึกอย่างไร – เดี๋ยวว่ากันต่อครับ,

                ตอนนี้พาไปดูคุณสมบัติเฉพาะตัว รวมทั้งทางด้านเทคนิคของ DALI Opticon 1 คู่นี้กันก่อน ซึ่งผู้ผลิตระบุว่า เป็นลำโพงขนาดกะทัดรัด ออกแบบมาให้ทำงานบนขาตั้ง ซึ่งสามารถวางเข้าใกล้หรือชิดผนังหลังได้ โดยสามารถยืดหยุ่นการตั้งวางให้ห่างผนังได้ในช่วงระหว่าง 2 – 80 เซนติเมตร ตามความเหมาะสมกับห้องที่นำไปใช้งาน มีปริมาตรพร้อมมวลอากาศภายใน 5 ลิตร ซึ่งมวลอากาศนั้นจะถูกผลักออกมาเป็นคลื่นเสียงผ่านท่อ หรือ Bass-Port ที่อยู่ด้านหลังตู้

            โดยท่ออากาศนี้ได้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้ติดตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับชุดขั้วต่อสายลำโพง โดยวางอยู่เหนือขั้วต่อ และออกแบบให้ผลักมวลอากศแบบยิงลงมาด้านล่างเล็กน้อย ไม่ได้ผลักอากาศออกมาเป็นแนวเส้นตรงที่ขนานกับพื้นห้องเหมือนท่ออากาศของลำโพง Bass Reflex ส่วนใหญ่ ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้จะช่วยเพิ่มปริมาตรของมวลอากาศออกมาได้มากยิ่งขึ้น

                ท่ออากาศ หรือ Bass-Port นี้ จะทำงานร่วมกับวูฟเฟอร์ขนาด 4-3/4 นิ้ว ที่มีแผ่น Diaphragm หรือขึ้นรูปกรวยด้วยเยื่อไม้แบบ Wood Fibre Woofer โดยวูฟเฟอร์นี้นอกจากจะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการทำงานของระบบแม่เหล็กที่เป็นแบบ SMC แล้ว ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งหมดที่กอปรกันขึ้นมาต่างถูกคัดสรรมาเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นแบบมีการการสูญเสียขณะทำงานต่ำสุดเท่าที่จะเป็นได้ วูฟเฟอร์นี้ใช้ขอบยาง (Rubber Surround) ในการทำงานขณะขยับตัวและยึดติดกับแผงหน้าตู้

                ส่วนทวีทเตอร์ที่มีความเบามากๆ ระดับ Ultra-Light Weight แบบ Soft Dome นั้น มีขนาด 26 มิลลิเมตร ใช้แม่เหล็ก Ferrite ขนาดใหญ่ ใช้ Voice Coil คุณภาพสูง ห่อหุ้มเพื่อการระบายความร้อนอย่างมีประพสิทธิภาพด้วยแม่เหล็กเหลว (Magnetic Fluid) ที่มีความบางมาก เป็นทวีทเตอร์ให้การทำงานสูงกว่าย่านความถี่ 20kHz

            สำหรับชุดขั้วต่อสายลำโพงที่แผงหลังนั้น เป็นแบบ Gold-Plated

            กล่าวโดยรวมแล้ว, มันเป็นลำโพงที่สามารถส่งมอบความสมดุลเสียงออกมาได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมให้น้ำเสียงที่กระจ่าง ใส อุดมไปด้วยรายละเอียดของเสียงกลาง ขณะที่สามารถให้เสียงเบสส์ออกมาได้ประทับใจอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงขนาดอันเล็กกระจ้อยร่อยของมัน

            สำหรับคุณสมบัติทางด้านเทคนิคนั้น มันให้การทำงานตอบสนองความถี่ในช่วง 62Hz – 26,500Hz (+/-3dB) วัดค่าความไวได้ 86.0dB (2.83V@1m) อิมพีแดนซ์ปกติ 4 โอห์ม ให้ระดับความดังเสียงสูงสุดที่ 105dB/SPL กำหนดให้ใช้กับแอมปลิไฟเออร์กำลังขับ 25W – 100W หลักการทำงานของครอสส์โอเวอร์เป็นแบบ 2-Way โดยถูกออกแบบให้มีจุดตัดความถี่ที่ 2,000Hz ขณะที่ระบบ Bass Reflex Tuning ปรับแต่งเอาไว้ที่ย่านความถี่ 61.5Hz ขั้วต่อสายลำโพงเป็นแบบ Single Wired เป็นลำโพงที่ไม่ได้มีการชีลด์ป้องกันการแผ่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือไม่ได้เป็นลำโพงแบบ Magnetic Shielding แต่อย่างใด

                มิติโครงสร้างตู้ (กว้าง x สูง x ลึก) 152 x 261 x 231 มิลลิเมตร (วัดความสูงรวมแผ่นยางแป้นกลม ขนาดประมาณเหรียญสองสลึง หนาราวๆ ครึ่งเซนติเมตร สำหรับใช้เป็นแผ่นหรือขารองกันสะเทือนที่มุมทั้งสี่ใต้ตู้ด้วย) น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม/ตู้

            โดยภายในกล่องนอกจากมีชุดแป้นขารองที่ว่าจำนวน 8 ชิ้นแล้ว ยังมีแท่งขารองและแผ่นโลหะชุดเกี่ยวติดผนังให้มาด้วย (ในกรณีใช้ติดตั้งแขวนเข้าผนังแบบ Wall-Mount) รวมทั้งมีคู่มือหรือคำแนะนำการใช้งานของลำโพงอนุกรมทุกรุ่นนี้ หรือ DALI Opticon Manual ให้มาด้วยอีกหนึ่งเล่ม

                ครับ, ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นข้อมูลที่ผู้ผลิตได้ระบุเอาไว้ ซึ่งนำมาเรียบเรียงให้ทราบกันพอเป็นสังเขป

The Opticon 1 กับการลองเล่นและคุณภาพเสียง

                จากเอกสารกำกับของผู้ผลิตนั้น บอกว่าลำโพงรุ่นนี้มีผิวโครงสร้างตู้ให้เลือก 3 แบบ 3 สี ด้วยกัน คือ สีดำแบบ Black Ash สีน้ำตาลลายไม้แบบ Light Walnut และสีขาวแบบ White Satin

            สำหรับ DALI Opticon 1 ที่ได้นำมาลองเล่นเที่ยวนี้ เป็นคู่สีขาวครับ แต่ภาพประกอบที่นำมาให้ชมกันเป็นตู้สีดำนะครับ เพื่อว่าเวลานำรูปมาตีพิมพ์แล้วจะเห็นหน้าตากันได้ชัดเจนกว่า

                ลำโพงทั้งสองตู้บรรจุมาในกล่องเดียวกันอย่างแน่นหนา แลดูมั่นคงดี กันการกระแทกกระทั้น กระทบกระเทือน อันเนื่องจากการขนส่งด้วยแผ่นโฟมหนาแบบชิ้นเดียว แยกครอบบน/ล่าง โดยลำโพงแต่ละตัวถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยถุงผ้าสำลีค่อนข้างหนาอีกชั้น แผงหน้ากากผนึกตรึงเข้าแผงหน้าตู้ แต่มีแผ่นกระดาษหนาคั่นในลักษณะกันกระทบกันระหว่างแผงหน้ากากกับชุดตัวขับเสียง โดยรวมแล้วแลดูเป็นการเอาใจใส่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพที่น่าชื่นชมมาก

                โครงสร้างตู้แลดูมั่นคง และแสดงให้เห็นถึงความประณีต พิถีพิถัน ของงานฝีมือได้เป็นอย่างดี เมื่อดึงแผงหน้ากาออกเห็นชุดตัวขับเสียงทั้งสองติดตั้งเอาไว้อย่างแน่นหนา ทวีทเตอร์อยู่ในโครงสร้างโลหะที่ฝังเข้าแผงหน้าตู้อย่างแข็งแรง ขณะที่วูฟเฟอร์ติดตั้งอยู่ในโครงสร้างของเบ้ารับที่มีขนาดเท่าความกว้างของแผงหน้าตู้พอดี ผนังตู้ลึกไปทางด้านหลังมีขนาดเกือบเท่าความสูงของตู้ จึงทำให้ลำโพงนี้มีลักษณะแลดูเพรียวผอมพอประมาณ

                ชุดขั้วต่อที่แผงหลังซึ่งเป็นแบบ Binding-Post ขนาดใหญ่ และมี Bass-Port ติดตั้งเอาไว้ในชุดโครงสร้างเดียวกันด้วยนั้น จึงทำให้แลดูมีขนาดใหญ่กว่าลำโพงที่มีมิติโครงสร้างตู้เท่าๆ กัน อยู่พอประมาณ ภาพรวมจึงเป็นชุดโครงสร้างที่ดูมีความมั่นคงแข็งแรงสูงมาก

                แผงหน้ากากเป็นแบบตรึงเข้ากับแผงหน้าตู้ด้วยเดือยกดเข้าช่องรับที่แผงหน้าตู้แบบ 3 จุด แต่ที่มุมทั้งสี่ของแผงหน้ากากด้านในมีแป้นพลาสติดทรงกลมยึดเอาไว้ เพื่อทำหน้าที่มิให้แผงหน้ากากกระทบแผงผนังหน้าตู้โดยตรง

                ภาพรวมโครงสร้างและงานฝีมือของลำโพงคู่นี้ เปรียบได้กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหรูอันเลอค่าจากแถบสแกนดิเนเวียที่เราท่านต่างมักคุ้นและรับรู้ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

                DALI Opticon 1 คู่นี้มาถึงมือผมในลักษณะพร้อมใช้งานได้ทันที ทำให้มิพักต้องเสียเวลาถึง 100 ชั่วโมง สำหรับการ Running-In ตามที่ได้ระบุเอาไว้ในคู่มือ

            หรือไม่ต้อง ‘อุ่นเครื่อง’ กันก่อนในความหมายของ Burn-In หรือ Warm-Up อย่างที่เรามักคุ้นกันนั่นเอง

                ผมเริ่มต้นฟังลำโพงคู่นี้ด้วยความเคยชินเป็นส่วนตัวกับแผ่นสามัญประจำห้องแผ่นแรก ด้วยเจตนาจะฟังเสียงร้องที่เป็นการทำงานร่วมกับเสียงดนตรีไม่มากชิ้นนักเป็นเบื้องต้น ด้วยอยากจะเริ่มต้นกับอะไรที่น้อยๆ นิ่งๆ และชัดๆ กันดูก่อนตามวัตรปฏิบัติอันเป็นปกติของการฟังในลักษณะนี้ คือเป็นการฟังในความหมายของการทำงานเป็นหลัก จึงแผ่นแรกที่นำมาฟังที่ว่าก็คือแผ่นจากเสียงร้องของ Umi Ushida ในอัลบัมชุด The Way We Were ที่มีเครื่องดนตรีเข้ามาร่วมด้วยอีกเพียงสองประเภท, สามชิ้น คือ Upright Bass หนึ่ง กับ Acoustic Guitar อีกสอง ซึ่งเป็นแผ่นบันทึกสดแบบ Live Recording ในสติวดิโอ ที่ภาพรวมของเสียงนั้นให้ออกมามีความเป็นธรรมชาติมาก เพราะในขั้นตอนการบันทึกนั้นไม่มีการบีบอัดสัญญาณแต่อย่างใด ใช้ไมค์เพียงสองตัวเท่านั้น คือ หนึ่งสำหรับกลุ่มเครื่องดนตรี และอีกหนึ่งกับเสียงร้อง

            จากนั้นเพียงไม่กี่ตัวโน้ตที่โลดแล่นออกมาอย่างพรูพร่าง ทั้งจากเสียงร้อง และจากชิ้นเครื่องดนตรี ทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าผมประเมินลำโพงคู่นี้ต่ำไปนิด เนื่องเพราะภาพรวมเของสียงที่สัมผัสได้นั้น มันช่างยิ่งใหญ่ โอ่อ่า อย่างชนิดที่เหลือเชื่อว่าจะออกมาจากลำโพงขนาดกะทัดรัด กระจ้อยร่อย ที่สูงกว่าคืบนิดหน่อย กับกว้างใหญ่กว่าฝ่ามือชนิดที่แทบบังกันมิด จึงจากที่กะจะลองสักสองสามแทร็คกับแผ่นนี้ กลายเป็นว่าอยู่กันยาวแบบชนิดจบแผ่นไม่รู้ตัว ทั้งนี้นอกจาก Opticon 1 จะให้น้ำเสียงออกมาอย่างน่าทึ่งแล้ว แต่ละแทร็คในแผ่นนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงที่ฟังได้ไม่รู้หน่ายแต่อย่างใด เพราะทั้งหมดคือความคุ้นชินที่ชื่นชอบทั้งเนื้อหา และท่วงทำนองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น My Funny Valentine หรือ Stardust หรือ Misty โดยเฉพาะกับ Send in the Clowns (ที่ไม่ว่าจะฟังเวอร์ชันไหน เสียงใครร้อง และวงใดบรรเลง) นั้น ยิ่งฟังก็ยิ่งชอบ ชอบไปหมดทั้งเนื้อหา ชอบทั้งน้ำเสียง  ชอบทั้งท่วงทำนองของลีลาดนตรี ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงที่มาของความชอบในการฟังหนนี้แล้ว ต้องยกประโยชน์ให้กับลำโพงคู่นี้เพียงถ่ายเดียว เพราะสามารถถ่ายทอดน้ำเสียงออกมาให้ ‘ชอบ’ ได้อย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง

            เมื่อรู้ว่าให้เสียงออกมาได้โอ่อ่าอย่างนี้ ยิ่งใหญ่เกินตัวอย่างนี้ รับมือกับเบสส์เน้นๆ ลึกๆ แน่นๆ แม้จะไม่มีพลังกระแทกกระทั้นสักกี่มากน้อยจากแผ่นที่ว่านี้แบบเอาตัวรอดได้สบายๆ ถัดจากนี้ไปก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องเกรงอกเกรงใจกันแล้วล่ะครับ

                พ้นจากแผ่นบันทึกสดในสติวดิโอแบบครบแทร็คแล้ว ผมจึงลองให้ Opticon 1 คู่นี้ได้ทำงานกับแผ่นที่ต่างกับแผ่นก่อนแบบสวนทาง กลับทิศ กันดูบ้าง เพราะแผ่นถัดมาที่หยิบมาลองแม้จะเป็น Live Recording เช่นเดียวกัน แต่เป็นบันทึกการแสดงสดในฮอลล์ขนาดใหญ่ ไม่ได้มีบรรยากาศรายรอบที่เงียบๆ เหงาๆ เช่นกับแผ่นที่ผ่านมา นั่นคือ อัลบัมชุด Bob James Around the Town ครับ

                และเพียงแค่เริ่มแทร็คแรกด้วย Touchdown ผมก็รู้แล้วว่าลำโพงที่เห็นแบบเพรียวบาง วางขาตั้งคู่นี้ มันช่างไม่ธรรมดาเอาเลยจริงๆ เพราะมันสามารถนำผมเข้าไปมีส่วนร่วมกับการปรบมือ เป่าปาก กระทืบเท้า พร้อมส่งเสียงร้องด้วยความมันส์ในอารมณ์ร่วมไปกับทุกๆ คน ที่อยู่ในฮอลล์คืนนั้นได้อย่างกลมกลืนนั่นเอง

            นั้น, จึงเป็นการบอกให้รู้ได้อีกประการ ว่ามันเป็นลำโพงที่ให้บรรยากาศเสียงออกมาได้อย่างน่าฟังมาก มิเพียงเท่านั้น กับแทบทุกแทร็คในแผ่นนี้ มันยังบอกให้รู้ได้อีกว่าความสามารถในการแยกแยะรายละเอียดจากน้ำเสียงโดยรวมนั้น มันทำได้ดีทีเดียว เพราะสังเกตได้จากแต่ละชิ้นเครื่องดนตรีที่ได้ยิน ได้ฟังนั้น ต่างมีที่ทางที่แน่นอน ชัดเจน ระยะห่างระหว่างเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นที่มีพื้นที่ให้รับรู้ได้อยู่ในที บ่งบอกภาพลักษณ์บนเวทีเสียงให้สัมผัสได้ถึงความเป็นสาม-มิติ ที่แม้จะไม่ใช่ระดับสุดยอดอย่างที่เคยได้จาก ‘ยอดลำโพง’ หลายๆ คู่ แต่กับลำโพงขนาดนี้ ราคาแค่นี้ ให้ออกมาได้อย่างนี้ มันจะมีสักกี่มากน้อยคู่กันเล่า ที่ให้ออกมาได้อย่างที่กำลังฟังอยู่

จากนั้นอีกหนึ่ง ‘แผ่นเก่ง’ ที่เป็นสามัญประจำห้องของผมก็ถูกหยิบมาให้ทำหน้าที่อีกครั้ง นั่นคือ HCSF: The Hot Club of San Francisco แผ่นนี้นับเป็นอีกอัลบัมหนึ่งที่ผมมักใช้ลองเครื่อง ลองลำโพง อยู่เนืองๆ เนื่องเพราะนอกจากจะมีแนวดนตรีที่หลากหลายผสมผสานกันอย่างคละเคล้า ภายใต้พื้นฐานของแจสส์เป็นที่ตั้ง อาทิ มีทั้งสวิง ทั้งโฟล์ค ทั้งบลูส์แล้ว เครื่องดนตรีทั้งหมดที่ใช้บรรเลงยังเป็นเครื่องอะคูสติคทั้งสิ้น ซึ่งบ่งบอกและถ่ายทอดความเป็นธรรมชาติในน้ำเสียงออกมาได้ดีมากๆ เครื่องดนตรีหลักที่ใช้ในการบรรเลงของแผ่นนี้คือ Acoustic Guitar สามตัว กับ String Bass หนึ่งตัว โดยที่แต่ละแทร็คนั้นจะมีเครื่องดนตรีอื่นเข้ามาร่วมแจมด้วยแบบสลับสับเปลี่ยนกันไปๆ มาๆ เป็นต้นว่าเครื่องเป่าอย่าง Clarinet ในกลุ่มของ Saxophone ก็มีทั้ง Soprano Sax มีทั้ง Tenor Sax บางแทร็คก็มี Cornet โผล่เข้ามา มี Fiddle บ้าง ซึ่งพบได้ว่าดนตรีในแต่ละแทร็คนั้นให้ความสมจริงของเสียงออกมาได้สูงมาก มีความเป็นธรรมชาติมาก อีกทั้งยังให้บรรยากาศเสียงออกมาอย่างน่าฟัง และชวนให้น่าติดตามอย่างไม่รู้เบื่อ

                และเมื่อได้ฟังแล้วก็ต้องบอกว่าน่าทึ่งมากครับ เพราะกับลำโพงคู่นี้ยิ่งฟัง ก็ยิ่งชอบ ชอบแล้วก็เพลิน ชนิดที่ว่าเผลอแผล็บเดียวจบแผ่นแบบไม่รู้ตัวเอาเลยอีกครั้งนั่นเทียว

                พ้นจาก HCFS แล้ว, อีกหลากหลายอัลบัมก็ผ่านทางเข้ามาให้ Opticon 1 ได้สำแดงประสิทธิภาพออกมาให้ผมรับรู้ด้วยความชื่นชมอยู่แทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นงานชิ้นใหญ่ๆ อย่าง Symphony Orchestra หรือ Chamber Music กับเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้น หรือแม้แต่กับงาน Folk และ Country ที่มีกลิ่นอายชายขอบ ชายทุ่ง ของชนบทคลุกเคล้า มันก็สื่อออกมาให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเสียงอันแตกต่างที่หลากหลายนั้นได้อย่างน่าฟังทีเดียว

                เป็นความน่าฟังที่มาพร้อมๆ กับความรู้สึกทึ่งในประสิทธิภาพของลำโพงคู่นี้ ที่ให้สุ้มเสียโดยรวมออกมาได้อย่างเกินตัวยิ่งนัก

สรุป

                กับที่ได้กล่าวข่างต้นจากการฟังเสียงผ่านแผ่นอันหลากหลายนั้น ใช่ว่า DALI Opticon 1 จะให้สุ้มเสียงแบบเลอเลิศประเสริฐศรีแบบหาที่ติมิได้แต่อย่างใด

                หากทั้งที่ได้กล่าวไปนั้น เป็นการให้ความเห็นบนพื้นฐานของเงื่อนไขสำคัญสองประการ คือหนึ่ง, ด้วยขนาดที่เป็นมิติของโครงสร้างตู้ กับสอง, ด้วยราคาประมาณสองหมื่นกลางๆ ไม่ถึงสามหมื่น ซึ่งเมื่อนำเหตุสองประการอันเป็นพื้นฐานที่ว่า มาขึ้นตาชั่งเทียบเปรียบกับสุ้มเสียงในความหมายของคุณภาพที่มันให้ออกมาแล้ว มันคือความยอดเยี่ยมแบบที่ผู้ผลิตได้บอกเอาไว้ข้างต้น คือ เป็น Best in Class นั่นแหละครับ

                และหากให้พูดถึงในลักษณะภาพเสียงโดยรวม กล่าวได้ว่ามันเป็นลำโพงที่ให้เสียงในย่านความถี่สูงออกมาได้น่าตื่นเต้น มีเสียงกลางที่น่าสนใจจนอาจกล่าวได้ว่าเป็นอีกความน่าประทับใจที่ได้ฟัง ขณะเสียงเสียงเบสส์นั้นออกจะขาดน้ำหนักและรายละเอียดอยู่พอประมาณ แต่ก็เป็นเบสส์ที่สะอาดอ้าน และมิอาจนำมากล่าวอ้างว่าเป็นจุดอ่อนด้อยของมันได้แต่อย่างใด เพราะกับเบสส์ที่ขาดน้ำหนักและรายละเอียดไปบ้าง เรายังสามารถเติมเต็มได้ในจินตนาการขณะที่กำลังฟังอยู่ แต่หากเสียงที่กำลังได้ยินเป็นเบสส์ที่อวบใหญ่แบบอุ้ยอ้าย ขุ่นมัว ขาดความกระชับ นี้, ต่างหากเล่าที่จะทำให้เกิดความอึดอัดและยากที่จะทนฟังเสียงแบบนั้นอีกต่อไปได้

                และอีกประการที่ควรเอ่ยถึงด้วยความชื่นชม นั้นคือมันเป็นลำโพงที่ให้รายละเอียดเสียงโดยรวมออกมาได้ดี กับมีช่วงไดนามิคที่น่าทึ่งมาก

                และอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ การหาแอมปลิไฟเออร์มาจับคู่ทำงานด้วยนั้น มันออกจะต้องการความพิถีพิถันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในแง่ของกำลังขับ พูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นลำโพงที่ต้องการกำลังวัตต์สำหรับขับการทำงานของมันมากอยู่สักหน่อย เอาเป็นว่าระดับ 50Wrms ขึ้น และเป็นแอมป์มีกำลังสำรองสูง จะทำงานกับลำโพงคู่นี้แบบที่พอจะวางใจได้

                อย่างไรก็ตาม, ควรได้ลองฟังร่วมกับแอมป์ที่มี หรือแอมป์ที่หมายตาเอาไว้ ก่อนตัดสินใจอะไรลงไปเป็นดีที่สุด

                แต่หากตัดสินใจกับลำโพงคู่นี้ไปแล้ว ก็วางใจได้ว่ามีอยู่สองอย่างที่คุณจะได้จากมันอย่างแน่ๆ นั่นก็คืองานฝีมือที่ยอดเยี่ยม กับประสิทธิภาพการทำงานที่มีเกินตัวของมันครับ

ขอขอบคุณ บริษัท เอลป้า ชอว์ จำกัด โทร. 02 256 9683 ที่เอื้อเฟื้อสินค้าสำหรับทำการทดสอบในครั้งนี้


           

Exit mobile version