What HI-FI? Thailand

Creed Taylor ผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงดนตรีแจ๊ส …ได้จากเราไปแล้ว

Mongkol Oumroengsri

Creed Taylor เขาคือใคร?

ตามประวัติที่ Wikipedia ระบุไว้:- Creed Taylor ชาตะ 13 พฤษภาคม 1929 (พ.ศ. 2472) – มรณะ 23 สิงหาคม 2022 (พ.ศ. 2565) เขาเกิดใน ลินช์เบิร์ก (Lynchburg) รัฐเวอร์จิเนีย และก้าวขึ้นเป็นโปรดิวเซอร์แนวเพลงแจ๊สชั้นนำของอเมริกัน อันเป็นที่รู้จักจากผลงานของเขากับสังกัด CTI Records ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1967 (พ.ศ. 2510) Creed Taylor นั้นอยู่ในวิชาชีพของเขา นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่อยู่กับ Bethlehem Records, ABC-Paramount Records (รวมถึง ค่ายเพลงแจ๊ส Impulse!), Verve และ A&M Records ซึ่งในปี 1960 เขาได้เซ็นสัญญากับศิลปินแนวดนตรี Bossa Nova จากบราซิล เพื่อบันทึกผลงานในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง Antonio Carlos Jobim, Eumir Deodato, João Gilberto, Astrud Gilberto และ Airto Moreira

ว่ากันตามจริงแล้ว แนวดนตรีแจ๊สได้รับความนิยมแพร่หลายในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 และจำนวนไม่น้อยที่ได้รับการออกแบบภายใต้การชี้นำ และการดูแลของ Creed Taylor เขาจึงมีอิทธิพลอย่างมากในด้านของแนวทางดนตรีแจ๊ส อีกทั้ง Creed Taylor ยังเป็นผู้ที่ละเอียดอ่อน และใส่ใจในการบันทึกเสียง ผลงานของเขาที่จัดทำจึงมีความเป็นศิลปะแทรกตัวอยู่เสมอ ผลงานการบันทึกเสียงของเขาจึงมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม และให้ความรู้สึกของบางสิ่งในระดับที่ไม่ธรรมดา นอกจากนี้ เขายังได้เคยบันทึกเสียงผลงานกับศิลปินแจ๊สมีระดับเก่งที่สุดในโลกหลายคนด้วยกัน  และหลายคนนั้นได้ชื่อยอมรับเป็นนักดนตรีระดับตำนาน

ผลงานทางดนตรีที่มากมายและหลากหลายของเขา พิสูจน์ให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า เขามีพรสวรรค์และไหวพริบดีในสิ่งที่เขาทำ Creed Taylor ได้ผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยม ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากและประสบความสำเร็จทางการเงินพอๆ กับความสำคัญทางประวัติศาสตร์และคุณค่าทางศิลปะฝากไว้กับแวดวงดนตรี … หลังจากได้รับปริญญาด้านจิตวิทยาในช่วงต้นทศวรรษ 1950 Creed Taylor ก็อาศัยทักษะในตัวเล่นทรัมเป็ตในคลับต่างๆ รอบๆ Virginia Beach ต่อมาเขาได้ย้ายไปนิวยอร์กและได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ จากการที่ Creed Taylor ได้โน้มน้าวให้ Bethlehem Records อนุญาตให้เขาทำการบันทึกเสียงนักร้อง Chris Connor แนวดนตรีทริโอ (trio) ร่วมกับนักเปียโน Ellis Larkins สืบเนื่องความสำเร็จส่วนหนึ่งของอัลบั้มนี้ Creed Taylor จึงกลายเป็นหัวหน้าศิลปินและการแสดงให้กับ Bethlehem Records ซึ่งเขายังคงอยู่ในช่วง 2 ปีที่โดดเด่นที่สุดของสังกัดนี้ โดยบันทึกเสียงของศิลปิน อย่างเช่น Oscar Pettiford, Ruby Braff, Carmen McRae, Charles Mingus, Herbie Mann, Charlie Shavers, และ J.J. Johnson-Kai Winding Quintet

เขาผลิตผลงานดนตรีแจ๊สที่หลากหลายให้กับต้นสังกัด Bethlehem Records ก่อนที่เขาจะก้าวสู่ตำแหน่งในระดับสูงขึ้นกับทาง ABC Paramount ในช่วงปลายทศวรรษ 50 ซึ่งที่สังกัด ABC Paramount เขาได้ผลิตดนตรีแจ๊สและบันทึกเสียงร้องมากมายที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ABC Paramount ยังได้ออกผลงานบันทึกเสียงหลายรายการภายใต้ชื่อ Creed Taylor ในช่วงเวลานั้น อย่างเช่น Know Your Jazz, Shock และ Lonelyville โดยมี Kenyon Hopkins เป็นหนึ่งในผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์และทีวีชั้นนำคนแรกๆ ของ Creed Taylor

เมื่อ ABC Records มีแนวคิดจัดตั้งบริษัทในเครือ เพื่อรองรับแนวดนตรีแจ๊สในปี 1960 Creed Taylor ก็ได้รับคัดเลือกให้ดูแลทุกอย่าง และตั้งชื่อบริษัทว่า “Impulse!” รวมถึงได้ออกแบบฉลากสีดำและสีส้มเพื่อความโดดเด่น แต่อย่างไรก็ตาม Creed Taylor ก็อยู่กับ “Impulse!” เพียงไม่กี่เดือน ทว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เขาได้บันทึกผลงานเพลงที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มอบไว้ในกับวงการ ทั้งจาก John Coltrane, Gil Evans, Cecil Taylor, Oliver Nelson รวมถึง Ray Charles (เฉพาะอย่างยิ่ง Creed Taylor เป็นผู้เซ็นสัญญากับ John Coltrane ให้กับ Impulse! แทนที่จะเป็นโปรดิวเซอร์ที่รู้จักกันดีของ Coltrane ที่ชื่อ Bob Thiele)

Creed Taylor ออกจาก ABC Records และ Impulse!” ที่เขาปลุกปั้น โดดขึ้นเรือลำใหม่ ที่มีข้อเสนอน่าสนใจในการเปิดสังกัด Verve Records ซึ่งเป็นค่ายแนวเพลงแจ๊สที่ Norman Granz ขายให้กับ MGM ในปี 1961 ซึ่ง “Verve Records” นี่แหละคือ บริษัทที่ได้รับการยอมรับในชื่ออย่างมั่นคงในแวดวงดนตรีแจ๊ส ทั้งยังมี “บริษัทแม่” ที่มั่งคั่งอยู่เบื้องหลังพร้อมระดมทุนให้กับความคิดอันยิ่งใหญ่ของ Creed Taylor ซึ่งเริ่มดึงดูดศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการแจ๊สมาสู่สังกัด Verve ไม่ว่าจะเป็น Bill Evans, Lee Konitz, Stan Getz และ Jimmy Smith ที่เซ็นสัญญาในทันที และไม่นานหลังจากนั้น Creed Taylor ก็ดึงดูดนักดนตรีแจ๊สผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ อย่าง Gil Evans, Wes Montgomery และ Antonio Carlos Jobim ให้เข้ามาสู่สังกัด Verve ซึ่งช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากๆ ในผลงานมืออาชีพของพวกเขา ด้วยงบประมาณมหาศาลของ Verve Records บวกกับความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์แล้วของ Creed Taylor ในการเปลี่ยนดนตรีแจ๊สให้กลายเป็นแนวเพลงยอดนิยมของชนชาวอเมริกัน

ที่ Verve Records นี่เองที่ Creed Taylor ได้แนะนำดนตรีบอสซาโนวา (bossa nova) อย่างเด่นชัดให้กับสหรัฐอเมริกาผ่านงานบันทึกเสียง อย่างเช่น “The Girl from Ipanema” กับ Antonio Carlos Jobim และ Stan Getz / Antonio Carlos Jobim ผู้เป็นทั้งนักเขียน นักเปียโน และนักกีตาร์ที่เก่งฉกาจ ได้คิดค้นท่วงทำนองมากมายตามจังหวะของบอสซา โนวา  ผลงานชิ้นหนึ่งชื่อ “Desafinado” ได้เข้าสู่บทเพลงของนักเป่าทรัมเปตแนว bebop ที่ชื่อว่า Dizzy Gillespie (ผู้ซึ่งเข้าใจโดยสัญชาตญาณถึงความเชื่อมโยงกับแนวเพลงของเขา) และได้โดนใจ Charlie Byrd มือกีตาร์แจ๊สในขณะที่เขากำลังออกทัวร์ในบราซิลเข้าอย่างจัง

Charlie Byrd กลับมายังสหรัฐอเมริกาในปี 1961 พร้อมด้วยความประทับใจในเพลง “Desafinado” เพลงใหม่ของบราซิล หลังจากนั้น ‘Desafinado’ ก็กลายเป็นเพลงฮิตของ Antonio Carlos Jobim ขณะที่อยู่กับสังกัด Verve Records นั้น Creed Taylor ยังได้ผลิตผลงานการบันทึกเสียงของ Wes Montgomery, Jimmy Smith, Bill Evans, Cal Tjader และศิลปินคนอื่นๆ นอกจากนี้ Creed Taylor ยังสามารถสร้างผลงานดาราแจ๊สของเขากับวงดนตรีออร์เคสตร้าที่เรียบเรียงมาอย่างสวยงามและหลากหลาย อย่างเช่น Oliver Nelson, Lalo Schifrin, Gary McFarland, Don Sebesky และ Claus Ogerman

Creed Taylor ลาออกจาก Verve Records ในปี 1967 เพื่อยอมรับข้อเสนอที่ทำกำไรได้มากขึ้น ในการสร้างผลงานสำหรับสาขาดนตรีแจ๊สใหม่ของค่ายเพลงป๊อปอิสระ “A&M Records” ของ Herb Alpert ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งตั้งชื่อว่า CTI Records …ที่นี่ Creed Taylor ได้รับการประกันรายได้ 1,000,000 ดอลล่าร์ตลอดระยะเวลา 5 ปีโดยข้อตกลงของ Herb Alpert ทั้งยังได้นำพาตัวเขาไปพบกับวิศวกรเสียงผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคนามว่า Rudy Van Gelder รวมถึง Sam Antupit ผู้เป็นดีไซเนอร์ และ Pete Turner – ช่างภาพ

นอกจากนี้ เขายังได้พัฒนาทีมงานนักดนตรีเล็กๆ ที่ประกอบด้วยนักดนตรีชื่อดังในแนวแจ๊ส ซึ่งรวมถึง Herbie Hancock Ron Carter, Wes Montgomery, George Benson และ Antonio Carlos Jobim เพื่อนำเสนอผลงานระดับสุดยอด (premium showcases) ของแต่ละคน

CTI ฉายแววความโดดเด่นมากๆ ตั้งแต่แรกเริ่ม การออกแบบหน้าปกอัลบั้มจากแนวคิดของ Sam Antupit ที่สะท้อนความเรียบง่ายแต่หรูหรา ดูสะอาดตา ควบคู่กับภาพถ่ายที่ชวนมองฝีมือของ Pete Turner ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยแนวสีขาว (สำหรับเพลงแนวแจ๊ส) และสีเทา (สำหรับเพลงแนวป๊อป) หรือบางทีก็รวมกันอย่างเช่นใน SP- 3017 และ SP-3018 ที่เป็นสีเงิน (silver) ทั้งนี้ ยังทำคะแนนยอดนิยมตั้งแต่เริ่มต้นด้วยเช่นกัน จากความสำเร็จในเชิงพาณิชย์และความเป็นศิลปะของผลงานเพลง เฉพาะอย่างยิ่ง A Day In The Life ของ Wes Montgomery และ Wave ของ Antonio Carlos Jobim

Creed Taylor สร้างผลงานให้กับ A&M (ภายใต้ชื่อ CTI Records) จนถึงปี 1970 และหลังจากนั้นค่ายเพลง A&M ยังคงจัดทำ 3000 series สำหรับเพลงแจ๊ส ต่อมาแบบประปรายของตัวเองตลอดช่วงที่เหลือของทศวรรษ แล้วหันมาเปิดตัว CTI ในฐานะหน่วยงานอิสระ ไม่ขึ้นกับสังกัด A&M ด้วยการส่งผ่านการเปลี่ยนแปลงจากการใช้พื้นหลังสีขาวของปกมาเป็นสีดำ เริ่มต้นจาก George Benson  ที่สร้างความยิ่งใหญ่ที่สุดในสังกัด CTI ในช่วงยุค 1970 รวมทั้ง Freddie Hubbard และ Stanley Turrentine ที่ได้รับการเลือกสรรให้เข้าร่วมในสังกัด CTI ซึ่งในที่สุด Freddie Hubbard และ Stanley Turrentine ก็ได้สร้างผลงานที่น่าทึ่งที่สุดของเขาทั้งสองในขณะที่อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของ Creed Taylor

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา CTI ได้ยืนหยัดในการพลิกผันต่างๆ มากมาย และผ่านพ้นช่วงขึ้นๆ ลงๆ หลายครั้งของสถานการณ์ ทั้งนี้ Creed Taylor ยังคงประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูค่ายเพลงในช่วงครึ่งแรกของยุค 1990 ด้วยผลงานการบันทึกเสียง Dizzy Gillespie, Larry Coryell, Jim Hall และที่น่าจะเป็นที่จดจำอย่างยิ่งก็คือ Charles Fambrough และ Ted Rosenthal แต่ด้วยปัญหาทางการเงินในขณะนั้น ทำให้ไม่สามารถเผยแพร่ผลงานใหม่ๆ ของ CTI ที่ผลิตขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 1990 จนจำต้องปิดตัวลง…

ยุคทอง-สู่ล่มสลายของ CTI

ศิลปินที่บันทึกเสียงกับสังกัด CTI ในช่วงทศวรรษ 1970 ได้แก่ Freddie Hubbard, Stanley Turrentine, George Benson, Bob James, Chet Baker, Gerry Mulligan, Milt Jackson, Nina Simone, Paul Desmond, Art Farmer, Eumir Deodato, Hubert Laws, Herbie Hancock, Joe Farrell, Airto Moreira, และ Ron Carter ทั้งนี้ Creed Taylor ยังได้ก่อตั้งค่ายเพลงอื่นๆ ภายใน CTI รวมทั้งค่ายเพลง Kudu ซึ่งเน้นไปที่การบันทึกเสียงดนตรีแนว soul-jazz โดย Hank Crawford, Grover Washington Jr., Johnny Hammond, Idris Muhammad, Esther Phillips, และอื่นๆ

ในปี 1974 Creed Taylor ประสบปัญหาทางการเงินจากการจัดตั้งเครือข่ายของตนเองสำหรับ CTI ของเขา จึงทำข้อตกลงการจัดจำหน่ายใหม่กับ Motown Records อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จบลงด้วยการดำเนินคดีในปี 1977 โดยที่ Creed Taylor ต้องสูญเสีย Grover Washington Jr., รวมถึงศิลปินในสังกัด Kudu ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่จะออกจาก Motown ทั้งนี้ในการดำเนินคดีแยกต่างหาก Creed Taylor ยังต้องเสียสิทธิ์ในการบันทึกผลงานเดี่ยวของ Bob James กับสังกัด CTI ส่งผลให้ล้มละลายในช่วงปลายปี 1978 ก่อนที่ Creed Taylor จะบรรลุข้อตกลงจัดจำหน่ายกับทาง Columbia Records ในปีถัดมา เพื่อแลกกับสิทธิ์ในการบันทึกเพลงต้นฉบับที่เหลืออยู่

Columbia Records ดูแลโปรแกรมการออกผลงานใหม่ต่างๆ ของลาเบล CTI รวมถึงการเปิดตัวซีดีเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ Creed Taylor ได้พยายามซื้อสิทธิ์ในมาสเตอร์เทปคืนในปี 1989 ทว่าการบันทึกเสียงยังคงอยู่กับ Columbia/Sony BMG โดยมีการจัดทำซ้ำเป็นระยะๆ ซึ่งประสานงานโดย Didier Deutsch และ Arnaldo DeSouteiro จากนั้น Creed Taylor ได้กลับมาผลิตแผ่นเสียงอีกครั้งในปี 1990 พร้อมออกอัลบั้มใหม่ให้กับทาง CTI โดยเริ่มเผยแพร่ผ่าน Polygram และต่อมาเป็น Mesa/Bluemoon ในบรรดาศิลปินที่เขาเซ็นสัญญากับ CTI ในช่วงทศวรรษ 90 ได้แก่ Larry Coryell, Jim Beard, Charles Fambrough, Ted Rosenthal, Jim Hall, Bill O’Connell และ Jurgen Friedrich

ในปี 2009 Creed Taylor ได้ออกทัวร์ยุโรปกับวง CTI All Stars เปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ Montreux Jazz Festival ได้รับการบันทึกเสียงและถ่ายทำในรูปแบบ CD/DVD/Blu-ray, CTI All Stars At Montreux 2009 โดยมี Hubert Laws, Airto Moreira, Flora Purim, Randy Brecker, John McLaughlin, George Duke, Mark Egan และแขกรับเชิญพิเศษ Jamie Cullum อัลบั้มนี้ Rudy Van Gelder ทำหน้าที่วิศวกรเสียง พร้อมภาพหน้าปกโดย Pete Turner ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเอง Creed Taylor ได้ทำการผลิต CTI reissue series ในรูปแบบ SHM-CD เป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ “The CTI + RVG” series โดยทำงานร่วมกับ Rudy Van Gelder เป็นครั้งสุดท้าย

ทั้งนี้ในปี 2010 Creed Taylor ได้รวบรวม CTI All Stars ใหม่อีกรอบเพื่อออกทัวร์อีกครั้ง คราวนี้ร่วมกับ Bryan Lynch แทนที่ Randy Brecker วิดีโอถูกถ่ายทำที่ Burghausen Festival และออกอากาศทางโทรทัศน์ของเยอรมัน

รางวัลที่ได้รับ

เทย์เลอร์ได้รับรางวัลแกรมมี่มากมายจากผลงานการผลิตหลายทศวรรษของเขา ซึ่งรวมถึงรางวัลโดยเฉพาะกับ: Focus (Stan Getz, 1961), “Desafinado” (Stan Getz/Charlie Byrd, 1962), Conversations with Myself (Bill Evans, 1963), “The Girl from Ipanema” (Stan Getz/Joao Gilberto, 1964) ), “Willow Weep for Me” (Wes Montgomery, 1969) และ “First Light” (Freddie Hubbard, 1972)

มรณกรรม

Creed Taylor ถึงแก่กรรมในวันที่ 23 สิงหาคม 2022 ขณะอายุ 93 ปี …ที่เราขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรำลึกถึง “เทพเจ้าแห่งแนวดนตรีแจ๊ส” ผู้นี้


Exit mobile version