AVALON TESSERACT : A four-dimensional hypercube !!

0

สำหรับ Avalon Acoustics Inc. หลายๆ คนคงทราบว่า ก่อตั้งโดย Charles Hansen ซึ่งต่อมาได้ก่อตั้ง Ayre Acoustics Co.,Ltd. แต่บางคนอาจไม่ทราบว่า Jeff Rowland ได้เข้าเป็นเจ้าของบริษัทนี้อยู่ช่วงหนึ่ง หลังจากที่ Charles ได้ขายบริษัทไป ในฐานะความเป็น A Sister Company Of Jeff Rowland Design Group เจ้าของปัจจุบันของ Avalon คือ Neil Patel ซึ่งซื้อบริษัทนี้ในปี ค.ศ.1989 และออกแบบลำโพงของ Avalon ทั้งหมดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ไม่ว่าใครที่ได้ฟังลำโพง Avalon มักจะโดนใจกันไปถ้วนหน้า เฉพาะอย่างยิ่งกับ Avalon Eclipse ซึ่งเป็นรุ่นกลางที่ดีที่สุดจากช่วงแรกของบริษัทกับรุ่น Ascent ที่ใหญ่ขึ้นมา ความเป็น Eclipse นั้น ทำให้ใครๆ ที่ได้ฟังก็ต้องยอมรับว่า เป็นลำโพงที่สมดุลและใช้งานได้ดีที่สุดสำหรับห้องทุกประเภท ส่งมอบเสียงที่เหลือเชื่อ ซึ่งทำให้ Avalon เป็นที่โด่งดัง

หลังจากเปิดตัว Ascent ไม่นาน Avalon ก็ปล่อยผลิตภัณฑ์อีกรุ่นหนึ่งออกสู่ตลาด นั่นคือ Radian และ Radian HC ซึ่งเป็นหนึ่งในลำโพงรุ่นแรกๆ ของ Avalon ที่มี “HC” ต่อท้าย ซึ่งย่อมาจาก High Current หรือ Large Current เพื่อบ่งบอกว่า นี่คือลำโพงที่ควรจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องขยายเสียงที่จ่ายกระแสได้สูง ซึ่ง Avalon ได้ทำการเปลี่ยนแปลงในส่วนของวงจรเนทเวอร์คที่ออกแบบใหม่ เพื่อรองรับกับเครื่องขยายเสียงจ่ายกระแสสูง

Avalon Radian

ลำโพง Avalon นั้นเป็นที่ยอมรับกันอย่างมากในด้านของการสร้างเวทีเสียงที่ยอดเยี่ยม และยังคงถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Avalon แตกต่างอย่างโดดเด่นในตลาด คุณสมบัติที่น่าสนใจที่ลำโพง Avalon มีอยู่อีกอย่างหนึ่งก็คือค่า Q ต่ำ-ซึ่งต่ำถึง 0.5 แทบจะทุกรุ่น ซึ่งสำหรับหูผู้ฟังแล้ว หมายถึง เสียงเบสที่แจ่มชัด และควบคุมได้รวดเร็วมาก ขณะเดียวกันก็ทำให้ลำโพงขึ้นอยู่กับสภาพห้องฟังมากขึ้นด้วย

ลำโพง Avalon Eidolon เป็นลำโพงรุ่นแรกที่สืบทอดความเป็น “Avalon Saga” จากการสำแดงฝีมือของ Neil Patel และถือว่าเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากผู้ผลิตลำโพงในเมือง Boulder, Colorado โดยรุ่น Eidolon เข้ามาแทนที่รุ่น Ascent ในฐานะรุ่นเรือธง (Flagship)โดยมีการตัดแต่งตู้ลำโพงรูปทรงเหลี่ยมเพชร (Diamond Cabinet) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Avalon เพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านจินตภาพเสียงที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น แล้วก็มี Eidolon อีกหลายเวอร์ชันตามออกมา

Avalon Eidolon

เมื่อเทียบเคียงกับรุ่น Ascent และ Eclipse แล้ว “Eidolon” ให้เสียงที่เปิดกว้างกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงเสียงเบส มีพลังมากกว่า และขับง่ายกว่าด้วย ตู้ลำโพงก็ดูสวยมากอีกต่างหาก การที่ Avalon เน้นการตัดแต่งตู้ลำโพงรูปทรงเหลี่ยมเพชรอันเป็นเอกลักษณ์ ก็เนื่องเพราะเหตุผลของการหลีกเลี่ยง Diffraction Effects เป็นหลัก และก็ต้องยอมรับว่า Avalon เป็นหนึ่งในผู้ผลิตลำโพงที่ใส่ใจเป็นพิเศษกับงานตัวตู้ลำโพง นอกเหนือจากวิศวกรรมเสียงอันยอดเยี่ยม

ในส่วนของตัวตู้ลำโพง Avalon ก็ประกาศว่า ได้พัฒนาวัสดุ Silent Inert Composite (SIC) Structural System ขึ้นมาใช้งานเป็นของตนเอง ซึ่งแข็งแรงยิ่งกว่าวัสดุที่ Avalon ใช้อยู่เดิมถึง 5 เท่า (เนื่องเพราะความแข็งแกร่งต่อมวลที่สูงมาก) ภายใต้แนวคิด Low-Mass/High-Stiffness  Concept เฉกเช่นเดียวกับวัสดุที่ใช้อยู่ในอากาศยาน และรถแข่ง โดยที่ SIC จักต้องคงตัวไม่แตกหัก เมื่อผจญกับความกดดัน-บีบอัดสูงมากๆ (Extreme Stress) ทั้งยังช่วยให้น้ำหนักตัวตู้ลำโพงลดลงไปได้โดยเฉลี่ย 20-30 % จากดั้งเดิม รวมถึงการเน้นตัดแต่งตัวตู้ลำโพงรูปทรงเจียระไนเพชรของลำโพง Avalon นั้น ส่งผลให้ลำโพงของ Avalon ต้องการอัตราส่วนโท-อินน้อยกว่าลำโพงแบบตัวตู้ทรงกล่องสี่เหลี่ยมอยู่มิใช่น้อย (อาจจะแค่ 2-3 องศา) อีกด้วย

“The Avalon Acoustics Reference”

ปัจจุบัน Avalon Acoustics จัดแบ่งออกเป็น 3 ซีรีส์หลัก ได้แก่ Legacy, Precision และ Signature โดยที่ในส่วนของ Signature อันนับเป็นซีรีส์สูงสุดนั้น ก็จะมีอยู่ 3 รุ่นด้วยกัน Isis Signature ; Saga Signature และ Tesseract Signature ซึ่งทาง Avalon ได้อัดแน่นเทคโนโลยีอันก้าวล้ำไว้อย่างเต็มที่ เฉพาะอย่างยิ่งกับ Tesseract Signature ที่โดดเด่นมากๆ ได้รับการส่งผ่านอะไรต่อมิอะไรมากมายเหนือกว่าการออกแบบลำโพงตัวอื่นๆ ของ Avalon นับตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกซึ่งแตกต่างจากแทบทุกลำโพงในท้องตลาด บ่งบอกความอลังการที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเป็น Avalon จากฝีมือการออกแบบของ Neil Patel

Neil Patel และ Avalon Tesseract Signature

ทั้งนี้ Neil Patel ได้กล่าวว่า Tesseract Signature เป็นตัวแทนแห่งความภาคภูมิใจที่สุดของ Avalon จากผลงานวิจัยกว่า 30 ปี เกี่ยวกับความละเอียดอ่อนของคลื่นเสียงดนตรี และการรับรู้ทางจิตวิเคราะห์ของเสียง (Psychoacoustic) ในพื้นที่ห้อง Avalon ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบทางกายภาพ (Physical Forms) และปฏิกิริยาของรูปแบบเหล่านี้กับข้อมูลเสียงดนตรีรายรอบ (Ambient Musical Information) ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สำคัญสองประการ ประการแรก-เป็นไปได้ที่จะทำให้ระบบลำโพงที่มีช่วงความถี่เต็มช่วงย่านขนาดใหญ่ ล่องหนหายไปอย่างสมบูรณ์ในเชิงเสียง ประการที่สอง-เป็นไปได้ที่จะสร้างภาพสามมิติภายในเวทีเสียง โดยใช้การบันทึกเสียงสเตริโอแบบธรรมดา

ซึ่งด้วยความก้าวล้ำใน Stealth Technology ของ Avalon ซึ่งเป็นการเปลี่ยนทิศทาง (Redirecting) และการแพร่กระจาย (Diffusion) ของพลังงานรายรอบในห้อง ทำให้การหายตัวไปของระบบลำโพงขนาดใหญ่เป็นไปได้ ด้วยการใช้ Tensor Field Mathematics ทำการกำหนดค่าและทิศทางให้กับคลื่นฮาร์โมนิกเสียงที่ขยายตัว ร่วมกับ “การคำนวณตัวเลข” (Number Crunching) อันยอดเยี่ยม ทำให้ Avalon สามารถทำนายได้อย่างน่าเชื่อถือว่า รูปแบบทางกายภาพใด ที่จะหายไปในพื้นที่ห้องได้ดีที่สุด

การสร้างอาร์เรย์ลำโพงที่สูงกว่า 7 ฟุต ให้ล่องหนหายไปนั้น ถือเป็นความสำเร็จของการทำนายทางคณิตศาสตร์ในทางปฏิบัติและการสร้างรูปแบบจริง การสร้างภาพโฮโลแกรมเสียง (Sonic Holography) ทำได้ด้วยความพิถีพิถันในการคืนสภาพ (Recovery) และรักษาข้อมูล (Preservation) สัญญาณระดับต่ำ (Low Level Signal) ที่ถูกซ่อนไว้ในสื่อบันทึกเสียงที่จัดทำมาอย่างดี เมื่อใดก็ตามที่ไมโครโฟนเปิดอยู่ ไมโครโฟนจะเก็บเกี่ยวข้อมูลเฟสและเชิงพื้นที่ (Phase and Spatial Information) ซึ่งจำเป็นต้องถอดรหัสข้อมูลเสียงนั้นให้ครบถ้วน โดยกระบวนการเล่นกลับ (Playback System)

ข้อมูลที่เปราะบางนี้อาจถูกทำลายได้ในหลายขั้นตอนของกระบวนการบันทึก/เล่นกลับ เป้าหมายของ Avalon คือ การดำรงรักษาความจริงที่มีอยู่ในสื่อบันทึกเสียงแต่ละอันนั้นไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ใส่รอยนิ้วมือของเราเองลงในงานที่นำเสนอในขั้นสุดท้าย ที่สำคัญที่สุดคือ Avalon ไม่เคยใช้เทคนิคอะไร โดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบที่เทคนิคนั้นจะมีผลกระทบต่อเนื้อหาทางอารมณ์ของงานที่นำเสนอ Avalon ให้ความสำคัญต่อเทคนิคสำหรับการนำเสนอดนตรีที่ดีอยู่เสมอมา

การเลือกทางภูมิปัญญา (Intellectual) หรือว่า ทางเทคนิค (Technical) แต่ละครั้งที่เราทำนั้น ต้องมีผลทางสุนทรียะ หรือ ทางห้วงอารมณ์ ซึ่งสื่อถึงจิตวิญญาณของความเป็น Avalon โดยที่ “Signature” ที่ต่อท้ายนั้น คือ เครื่องหมายที่ Avalon สร้างขึ้น เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ เราให้คำมั่นสัญญาว่า พันธะของ Avalon นั้นเป็นของแท้ จริงใจ และแสดงถึงเจตนารมย์ของเราอย่างซื่อสัตย์ สำหรับความเป็น “Signature” แต่ละชิ้นเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นส่วนตัวของ Avalon ที่มีต่อความเป็น Fidelity ไม่ใช่แนวคิดที่ดีเลย หากจะมองข้ามความเป็น Fidelity

ซึ่งสำหรับเรา “Fidelity” คือ คำปฏิญาณที่จะจงรักภักดีต่อการรักษาความจริงที่มีอยู่ไว้ โดยไม่ทิ้งรอยนิ้วมือใดๆ โครงสร้างดนตรีที่ละเอียดอ่อนและละเมียดละไมต้องการการแปลความที่ถ่องแท้ มิฉะนั้น เราจะสูญเสียเจตนารมณ์และความเป็นศักยภาพของศิลปินที่ต้องการนำเสนอผ่านผลงาน ความเป็น “Signature” ในแต่ละผลิตภัณฑ์ของ Avalon คือ ผลงานศิลปะที่ไม่ซ้ำใคร เป็นเสมือนประตูที่เปิดสู่การสำรวจประวัติศาสตร์ผลงานเพลงและดนตรีที่เคยฟัง แล้วบ่งบอกถึงตัวตนของศิลปิน ยิ่งกว่าที่คุ้นเคย

นอกจากนี้ Steve Huntley ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำอเมริกาเหนือ โดยหน้าที่รับผิดชอบด้านการขาย การสนับสนุน และการพัฒนาประจำอเมริกาเหนือของ Avalon (จากประสบการณ์ในอดีตในฐานะเจ้าของ/ผู้ดำเนินงานของ Great Northern Sound Company ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย Avalon เป็นเวลา 5 ปี จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับ Avalon แทบจะทุกรุ่นจากอดีตสู่ปัจจุบัน และยังได้เคยทำงานในบริษัทเครื่องเสียงอื่นๆ เช่น Audio Research, Wadia, California Audio Labs และ Resolution Audio)

Steve Huntley

Steve Huntley ระบุว่า ได้ใช้เวลาเรียนรู้หลายต่อหลายอย่างจาก Neil Patel และได้ฟังเสียงอันน่าทึ่งของ Tesseract ที่โรงงาน Avalon…Steve จึงพูดถึง Tesseract ได้อย่างเต็มปากว่า “Tesseract เป็นมากกว่าลำโพงเรือธงจาก Avalon ในความเห็นและประสบการณ์ของผม มันได้สร้างมาตรฐานใหม่ ไม่เพียงแค่การออกแบบตัวลำโพงที่ทำหน้าแค่การเปล่งเสียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งที่ส่วนประกอบเสียงใดๆ ในระบบเสียงให้สามารถนำมาสร้างเสียงที่เปี่ยมในความดนตรีได้อย่างถ่องแท้ และสมบูรณ์แบบ สำหรับผม Tesseract เหนือกว่าสิ่งที่เคยได้ยินจากส่วนประกอบอื่นๆ ในระบบเสียงสำหรับการยกระดับสิ่งต่างๆ ขึ้นไปอีกขั้นอย่างมาก จนแทบจะกลายเป็นว่า ต้องพัฒนาคำศัพท์ใหม่ๆ ขึ้นมา เนื่องจากคำศัพท์ที่มีอยู่… มันไม่น่าจะเพียงพอที่จะอธิบายลำโพงตัวนี้ได้อย่างสมบูรณ์

แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด โดยจะอธิบายรายละเอียดทางเทคนิคและเป้าหมายที่สำคัญบางส่วน รวมถึงความประทับใจ และการสังเกตเสียงของตัวผมเอง อย่างไรก็ตาม การอธิบาย Tesseract ให้ใครต่อใครได้รับรู้นั้น ไม่ง่ายไปกว่าการอธิบายแกรนด์ แคนยอนเลย…มันต้องการประสบการณ์ในการรับฟังเท่านั้น ภาพถ่ายไม่สามารถอธิบายมันได้อย่างครบถ้วน และคำพูดของผมก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน สิ่งที่ผมสามารถพูดได้อย่างมั่นใจที่สุดคือ ใครก็ตามที่ได้ฟังเสียงของ Tesseract ในห้องที่ได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม คุณคือ ผู้โชคดีที่ได้รับประสบการณ์เสียงที่จะติดอยู่ในความทรงจำไปตลอดชีวิต”

เป้าหมายการออกแบบทางเทคนิค :

Steve ได้พูดคุยกับ Neil อย่างละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบ Tesseract (อาจจะแค่ผิวเผินเท่านั้น) Neil มีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงมากมายเมื่อเริ่มต้นการเดินทางในการพัฒนา Tesseract ก่อนอื่นเลย การพัฒนาลำโพงขนาดใหญ่ที่สามารถเล่นเพลงระดับเต็มรูปแบบในระดับคอนเสิร์ตได้อย่างน่าเชื่อถือและทำให้มันล่องหนหายไปในห้องฟังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เป้าหมายนี้สำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน และในความคิดของ Steve นั่นถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญเลยทีเดียว นอกจากนี้ Neil ยังยืนกรานว่า การออกแบบจะต้องเคารพและรักษาความเป็นตัวตน และอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นดนตรีเอาไว้! ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญของแนวคิดในการออกแบบเสมอมา นอกเหนือจากความท้าทายอันหนักหน่วง และสูงส่งเหล่านี้แล้ว ยังมีเป้าหมายทางเทคนิคอีกมากมาย เช่น “ไม่มีข้อผิดพลาดของเฟส” – “ไม่มี Delay Group” – “การบิดเบือนอินเตอร์โมดูเลชั่นระดับต่ำ” – “การกำหนดจินตภาพที่ชัดเจน” – “การดึงข้อมูลบรรยากาศสูงสุด” – “พื้นเสียงรบกวนต่ำ” – “เฮดรูมไดนามิกสูงสุด” – “ความเร็วทรานเชี่ยนสูงสุด” – “ค่า Q คงที่” – “การตอบสนองของขั้วที่ราบรื่นและสม่ำเสมอ” – “การเคลื่อนที่แบบลูกสูบล้วนๆ ตลอดแบนด์พาส” – “เส้นโค้งอิมพีแดนซ์โดยรวมที่สมมาตร เพื่อความสะดวกในการขับขาน” และตอนนี้ถือเป็นความสำเร็จอันเหลือเชื่อของ Neil

ลักษณะทางกายภาพ :

Tesseract แยกได้เป็นตู้บนและตู้ล่าง/ตู้ลำโพงด้านล่าง ติดตั้งซับวูฟเฟอร์แบบ Q ต่ำ และ High Force Factor ขนาด15 นิ้ที่สั่งทำพิเศษ จำนวน 4 ตัว-2 ตัว ที่ด้านหน้าซึ่งยิงเสียงจากตู้ลำโพง และอีก 2 ตัว ที่ติดตั้งอยู่ภายใน (ทางด้านหลัง) ส่งกำลังแบบ Isobaric Transmission Line Array ตู้ลำโพงด้านล่างยังมีแอมป์ 3.2 Killowatt (สำหรับแต่ละช่องสัญญาณ) ซึ่งเป็นแอมป์แบบ Class-A/B Mosfet ที่เป็นแบบ Custom Designs พร้อมแหล่งจ่ายไฟแบบ Switch-Mode ตู้ลำโพงด้านล่างนี้ทำหน้าที่รองรับความถี่ 100 เฮิรตซ์ และต่ำกว่า และไม่ส่งผลต่อโหลดที่ส่งไปยังแอมป์ที่ใช้ขับขานตู้ลำโพงด้านบน ตั้งแต่ความถี่ 100 เฮิรตซ์ ขึ้นไป นอกจากนี้ตู้ลำโพงด้านล่างยังมีวงจรควบคุมบางส่วน เช่น การเปิด/ปิดไฟตรวจจับแสง (โดยโบกมือเหนือเซนเซอร์ที่ด้านหลัง) และการควบคุมความเร็วฉับพลันเฉพาะ (Unique Transient Speed Control) สำหรับความถี่ต่ำ

ตู้ลำโพงด้านบนประกอบด้วย ลำโพงขับเสียงกลาง-ต่ำแบบ Ceramic/Honeycomb ขนาด 11 นิ้ว; ลำโพงเสียงกลางแบบ Ceramic ขนาด 4.5 นิ้ว และทวีตเตอร์ Diamond ขนาด 0.78 นิ้ว ตู้ลำโพงด้านบนยังประกอบด้วยระบบครอสโอเวอร์อีกด้วย

การออกแบบตัวตู้บนและล่างเพียงอย่างเดียวก็ใช้ถึง 5 หน้าในการอธิบายอย่างเหมาะสม ดังนั้นจะพูดถึงสิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ 2-3 อย่าง ด้วยจำนวนเหลี่ยมมุมที่มากมายของ Tesseract จึงไม่สมเหตุสมผล หรือ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำการเคลือบผิวไม้บนผลิตภัณฑ์นี้ ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ตัวตู้เหล่านี้จะถูกทาสี (สีใดก็ได้) จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจ…ตัวตู้แต่ละตู้จะถูกพ่นด้วยส่วนผสมพิเศษของคาร์บอนไฟเบอร์และไฟเบอร์กลาสก่อนที่จะขัดและทำสี (ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน) เทคนิคนี้ให้ประโยชน์ที่น่าสนใจบางอย่าง เช่น การหน่วงหนืดการสั่น (Cabinet Damping) ของตัวตู้ได้อย่างเหลือเชื่อ และการให้ตัวตู้ทั้งหมดมีเกราะป้องกัน RF (RF Shield) เนื่องจากลักษณะการนำไฟฟ้า จึงเป็นโอกาสในการกราวด์ตัวตู้อย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกับตู้ Avalon อื่นๆ กระบวนการผลิตทั้งหมดเป็นแบบอะนาลอก ไม่มีเครื่องจักร CNC ทั้งหมดทำด้วยมือของช่างฝีมือ/ช่างไม้ที่มีความสามารถและทุ่มเทสุดๆ ไม่มีรายละเอียดใดที่เล็กเกินไป ไม่มีอะไรถูกต้องจนกว่าจะถูกต้องจริงๆ ไม่มีทางลัด

คำอธิบายลักษณะเสียง :

Tesseract ไม่เพียงแต่สามารถเล่นดนตรีขนาดใหญ่ได้ด้วยความสมจริงอย่างน่าประหลาดใจ และให้ไดนามิก คอนทราสต์ที่น่าทึ่ง (ได้อย่างที่คุณคาดไว้) เท่านั้น แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ดนตรีขนาดเล็กจะถูกเล่นกลับในขนาดที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ในอดีต มักจะรู้สึกว่าลำโพงขนาดใหญ่จริงๆ ไม่เพียงแต่จะไม่ล่องหนหายไปหมด (โดยปกติจะไม่หายไปเลยด้วยซ้ำ) แต่ขนาดของดนตรีมักจะถูกขยายออกไปอย่างเกินสัดส่วน แต่ Tesseract สามารถสร้างขนาดจินตภาพที่สมจริงได้ โดยไม่ต้องขยายความถี่เกินจริง สำหรับลำโพงขนาดใหญ่แบบนี้ที่จะหายไปหมดเหมือนกับที่ Tesseract ทำ ถือเป็นความสำเร็จทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่จากลำโพงขนาดใหญ่จริงๆ (ลำโพงขนาดใหญ่โดยทั่วไปให้เสียงเหมือนกับว่า มีตู้เย็นสองตู้ในห้องต่อหน้าคุณ)

Tesseract ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินได้ ในระดับที่สามารถสัมผัสและเข้าถึงเจตนา/การแสดงออกของศิลปินนั้นๆ อย่างเปิดเผยแท้จริง ผมคลุกคลีอยู่กับเครื่องเสียงไฮเอนด์มาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว…ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้งขนาดนี้มาก่อน ทั้งนี้การอธิบาย Tesseract ด้วยคำศัพท์ด้านเสียงทั่วไปนั้นไม่มีประโยชน์เลย ขอเพียงแค่ต้องได้ยินและสัมผัสการรับฟังด้วยตัวเอง เพื่อทำความเข้าใจว่า วิสัยทัศน์ ความทุ่มเท และการทำงานหนักของ Neil Patel และทีมช่างฝีมือตัวจริงที่ Avalon ได้บรรลุผลสำเร็จอะไรบ้าง…มันเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งมาก

บทสรุป :

Steve Huntley บอกว่า Tesseract เป็นระบบลำโพงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา และไม่คิดว่า จะมีการแซงหน้าในอนาคต แน่นอน Neil Patel เป็นหนึ่งในนักออกแบบลำโพงที่ดีที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย (โดยมีประสบการณ์การออกแบบที่ล้ำสมัยถึง 25 ปี) และได้อุทิศตนอย่างเต็มที่ในการออกแบบและปรับปรุง Tesseract เป็นระยะเวลา 4 ปี ไม่น่าเชื่อเลยว่า Neil เป็นผู้ออกแบบลำโพงที่มีความสามารถสูงและมุ่งมั่นอย่างมาก จะต้องผ่านกระบวนการที่ละเอียดถี่ถ้วน และพิถีพิถันยาวนานถึง 4 ปีในการออกแบบลำโพงเพียงตัวเดียว แน่นอนว่า มีผู้โชคดีเพียงไม่กี่คน ที่สามารถซื้อผลิตภัณฑ์นี้ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้รู้ว่า แนวคิดและนวัตกรรมทางเทคนิคมากมายจากการพัฒนาของ Tesseract จะถูกนำไปใช้ในลำโพงของ Avalon รุ่นอื่นๆ และผู้คนในวงกว้างมากขึ้นจะสามารถซื้อได้

Features :

Sonic Holography : Superlative 3-dimensional imaging capability with two-channel source material • Silent Inert Composite construction • Proprietary Quad driver internally powered Isobaric transmission line system • Symmetrical impedance characteristics • Constant driver to driver Q • Purely Pistonic driver behavior throughout the bandwidth • Point source focus • Phase linear filter topologies • Fully damped non-reactive amplifier load • Stealth Technology : Acoustic radiation control for launch surface and room ambience return energy • Linear octave to octave radiation balance

System Performance Specifications :

Response : 16 Hz to 100 kHz (+/-0.5 dB anechoic, +/-1 dB in room response typical) • In room low frequency response : (-1.5 dB @ 16Hz, -3 dB @ 13Hz typical, dependent upon room volume) • Efficiency : 93.5 dB (1 watt @ 1 meter) • Impedance : 6 ohms nominal, 4 ohms minimum (at 80 Hz) • Harmonic distortion : 0.30 % throughout the bandwidth at rated efficiency • Inter-driver phase deviation : 3 degrees within all cross bands • Noise floor : 68 dB from signal level (maximum noise level), 76dB Typical • Recommended power : 15-500 watts (you only drive from 100 Hz on up)

Physical Parameters :

Four independent cabinets, two per channel vertically integrated • Overall Height : 87″ (221 cm) • Width : 29″ (74 cm) • Depth : 32″ (82 cm) • Weight : 827 lbs. per channel (375 kilos), 1653 lbs. total (750 Kilos) • Shipping weight : 2002 lbs. (908 kilos)

________________