บริการ Music Streaming จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ที่มีชื่อว่า Amazon Music เตรียมปรับขึ้นค่าบริการอีกราว 1 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 1 ปอนด์ (ตามค่าเงินแต่ละประเทศ)
คิดเป็นราคาที่เทียบเท่ากับผู้ให้บริการเจ้าอื่นๆ อย่าง Apple Music ที่ราคา 10.99 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 10.99 ปอนด์ ต่อเดือน (แพ็คเกจของนักเรียน/นักศึกษา ปรับเป็น 5.99 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 5.99 ปอนด์ ต่อเดือน)ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป ด้วยการให้เหตุผลประกอบว่า
“การปรับราคาครั้งนี้จะช่วยให้ทางเรา สามารถเพิ่มฟีเจอร์การใช้งาน และ เพิ่มคอนเทนต์ต่างๆ มาเสิร์ฟให้กับผู้ใช้งานได้มากขึ้น”
จากการประกาศปรับราคาของทาง Amazon Music จะทำให้เหลือคู่แข่งในตลาดเดียวกันอีกเพียงสองเจ้า คือ Tidal และ Spotify ที่จะคิดค่าบริการต่ำกว่า 10 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 10 ปอนด์ ต่อเดือน
สำหรับการใช้งานพื้นฐานแบบไม่มีโฆษณาคั่นรบกวนใจ ส่วนทางค่ายอื่นๆ แบบ Deezer นั้นคิดค่าบริการอยู่ที่ 10.99 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 11.99 ปอนด์ ต่อเดือนเหมือนเดิม นับมาจนถึงสถานการณ์ปัจจุบันหลายฝ่ายเริ่มคาดการณ์ว่า
การปรับราคาครั้งนี้ อาจส่งผลให้ Spotify มีสิทธิ์จะขึ้นราคาตามมาในไม่ช้า เพราะได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานสูงเช่นกัน ขึ้นอยู่แค่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่เท่านั้น
สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ส่งผลกระทบด้านลบต่อทุกวงการแบบเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผู้ให้บริการความบันเทิงอย่าง Music Streaming ย่อมได้รับผลกระทบด้านต้นทุนที่สูงขึ้นเช่นกัน
แม้ว่าจะสามารถตรึงราคาค่าบริการมาได้ราว 2 ปี แต่ตอนนี้แต่ละบริษัทต่างหาทางระดมทุนให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปได้ สำหรับแพคเกจ Amazon Music Unlimited มีเพลงให้ฟังกว่า 100 ล้านแทร็ค
ในระบบเสียงคุณภาพเท่ากับ lossless CD บวกกับอีกหลายล้านแทร็คที่เป็นระบบ Hi-resolution
