Albert Charles Paul Marie Roussel (1869 – 1937) Symphony No. 3 in G minor, Op. 42

0
Classical Music Community ตอนที่ 48 โดย ดร. สมนึก จันทรประทิน

ในตอนที่ 48 ได้นำเสนอต่อจากตอนที่ 47 ด้วยการย้ายแพลตฟอร์มการนำเสนอจากในรูปแบบนิตยสาร มานำเสนอบนเว็บเพจของ whatgroupmag.com/category/music/ แทน เพื่อความเพลิดเพลินในอรรถรสการอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่มีขีดจำกัดใด ๆ ให้กั้นขวาง เรียนเชิญแฟนานุแฟนได้สัมผัส-เสพย์-สาระความบันเทิงจาก Classical Music Community ตอนใหม่ ได้ ณ บัดนี้…

Albert Roussel เป็นคีตกวีชาวฝรั่งเศส ความสนใจแรกสุดของ Roussel ไม่ใช่ดนตรี แต่คือ คณิตศาสตร์ Roussel ได้ใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพเรือฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1889 และ 1990 รวมทั้งได้ใช้ชีวิตหลายปีในเวียดนามตอนใต้ ซึ่งการเดินทางและการใช้ชีวิตดังกล่าว มีผลกระทบและมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์และการประพันธ์คีตนิพนธ์ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจของ Roussel ต่อสถานที่ในต่างประเทศซึ่งอยู่ไกล ๆ      

The Schola Cantorum de Paris

หลังจากลาออกจากกองทัพเรือในในปี ค.ศ. 1894 Roussel ได้เริ่มศึกษาการประสานเสียงเป็นครั้งแรกกับ Julien Koszul (1844 – 1927) (ซึ่งเป็นคุณตาของ Henri Dutilleux) ที่ Roubaix ซึ่ง Koszul เป็นผู้ที่สนับสนุน ผลักดัน และให้กำลังใจ Roussel ไปศึกษากับ Eugene Gigout (1844 – 1925) ที่ Paris ดังนั้น Roussel จึงได้ศึกษาต่อไปที่ The Schola Cantorum de Paris จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1908 ซึ่งหนึ่งในบรรดาครูของ Roussel คือ Vincent d’Indy (1851 – 1931) และในขณะที่ Roussel กำลังศึกษา Roussel ก็สอนไปด้วย

ศิษย์ของ Roussel อาทิ Erik Satie (1866 – 1925) และ Edgard Varese (1883 – 1965)

Erik Satie

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 Roussel ปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานขับรถพยาบาลที่แนวรบตะวันตก หลังจากสงครามสิ้นสุด Roussel ซื้อบ้านฤดูร้อนใน Normandy และอุทิศทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ที่บ้านฤดูร้อนให้กับการประพันธ์ 

ในปี ค.ศ. 1923 Bohuslav Martinu ซึ่งเป็นศิษย์อีกท่านหนึ่งของ Roussel ได้อุทิศ Serenade for Chamber Orchestra แด่ Roussel

Bohuslav Martinu

วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 60 ปีของ Roussel ได้มีการเฉลิมฉลองโดยการจัด Series ของสามคอนเสิร์ตแห่งคีตนิพนธ์ของ Roussel ที่ Paris

Roussel ถึงแก่มรณกรรมที่ Royan ในปี ค.ศ. 1937 และได้รับการฝังไว้ที่สุสานแห่ง Saint Valery ใน Varengeville-sur-Mer

Albert Rousselประพันธ์คีตนิพนธ์ไว้มากมาย ซึ่งคีตนิพนธ์ในช่วงแรกได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก Impressionism ของ Debussy และ Ravel แต่ต่อมา Roussel ได้มุ่งสู่ Neoclassicism

คีตนิพนธ์ที่สำคัญของ Albert Roussel อาทิ: Le festin de l’araignee (The Spider’s Feast), Ballet in One Act; Bacchus and Ariadne, Ballet in Two Acts; Resurrection, Prelude for Orchestra, Op. 4 (1903); Symphony No. 1 in D minor, The Poem of the Forest, Op. 7 (1904 – 1906); Padmavati Suites (Nos. 1 & 2), Op. 18 (1918); Pour une fete de printemps, Op. 22, Symphonic Poem (1920); Symphony No. 2 in B-flat major, Op. 23 (1919 – 1921); Suite for Orchestra in F major, Op. 33 (1926); Petite Suite, Op. 39 (1929); Symphony No. 3 in G minor, Op. 42 (1929 – 1930); Sinfonietta for String Orchestra, Op. 52 (1934); Symphony No. 4 in A major, Op. 53; Rapsodie flamande, Op. 57 (1936); Piano Concerto in G major, Op. 36 (1927); Cello Concertino, Op. 57 (1936); Psalm 80 for Tenor, Choir, and Orchestra, Op. 37 (1928); Piano Trio in E-flat major, Op. 2 (1902, rev. 1927); Violin Sonata No. 1 in D minor, Op. 11 (1907 – 1908); Violin Sonata No. 2 in A major, Op. 28 (1924); String Quartet, Op. 45 (1931 – 1932); String Trio, Op. 58 (1937); รวมทั้ง Solo Vocal Works และ Piano Solo อีกมากมาย

Roussel บรรลุถึงวุฒิภาวะทางด้านการประพันธ์ดนตรีด้วยคีตนิพนธ์ Le festin de L’araignee (The Spider’s Feast) (ซึ่ง Roussel ประพันธ์ในปี ค.ศ. 1913) ซึ่งเป็นคีตนิพนธ์ Ballet Pantomine รวมทั้งคีตนิพนธ์ Padmavati ซึ่งเป็นคีตนิพนธ์ Opera-Ballet (ซึ่ง Roussel ประพันธ์ในระหว่างปี ค.ศ. 1914 – 1918) รวมทั้งซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Roussel ซึ่งเป็นคีตนิพนธ์ที่สำคัญแห่งการบรรลุถึงวุฒิภาวะทางด้านการประพันธ์ดนตรี

Albert Roussel ประพันธ์ ซิมโฟนี หมายเลข 3 ในระหว่างปี ค.ศ. 1929 – 1930 โดย Serge Koussevitzky ได้ว่าจ้าง Roussel เพื่อประพันธ์ ซิมโฟนี หมายเลข 3 ให้กับ Boston Symphony Orchestra

Albert Roussel อุทิศซิมโฟนี หมายเลข 3 แด่ Boston Symphony Orchestra และ Serge Koussevitzky (1874 – 1951) ซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Roussel ได้รับการนำออกบรรเลงเป็นครั้งแรกที่ Boston เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1930 โดย Boston Symphony Orchestra ภายใต้การอำนวยคีตนิพนธ์ของ Serge Koussevitzky

Serge Koussevitzky

ซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Albert Roussel ได้รับการตีพิมพ์เผยแผ่เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1931 โดย Durand & Cie ที่ Paris

ซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Albert Roussel เป็นซิมโฟนีที่มีความสดใหม่ทางด้านความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ รวมทั้งเป็นคีตนิพนธ์ที่บริบูรณ์ด้วยสีสันและมีเอกลักษณ์

สกอร์ (Score) ของซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Albert Roussel กำหนดให้บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีดังต่อไปนี้: 3 ฟลูต (3rd also piccolo), 2 โอโบ, 1 อิงลิชฮอร์น, 2 แคลริเน็ต (Bb/A), 1 เบสแคลริเน็ต (Bb), 2 บาสซูน, 1 คอนทราบาสซูน, 4 เฟรนช์ฮอร์น (F), 4 ทรัมเป็ต (C), 3 ทรอมโบน, 1 ทูบา, กลองทิมปานี, สามเหลี่ยม, Tambourine, กลองสแนร์, ฉาบ, กลองเบส, Tam Tam, Celesta, 2 ฮาร์ป, และวงเครื่องสาย   

ซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Albert Roussel ประกอบด้วย 4 ลีลา ดังต่อไปนี้       

ลีลาที่ 1: Allegro vivo (เร็วอย่างมีชีวิตชีวา)

            ลีลาที่ 1 มีลักษณะที่สำคัญแห่งการต่อสู้ ความแข็งแกร่ง การเต็มเปี่ยมด้วยพลังผลักดัน ความเข้มข้น และความมีชีวิตชีวา โดยเริ่มต้นการบรรเลงลีลานี้ในกุญแจเสียง G minor ด้วยการบรรเลงสองทำนองหลักรองที่ขัดแย้งกัน – Two Contrasting Subordinate Themes) ที่มีลักษณะเฉพาะ  ทำนองหลักรองแรกได้รับการบรรเลงอยู่ในจังหวะที่แกว่งกลับไปกลับมา ดุดัน บริบูรณ์ด้วยพลัง และการกระตุ้นที่ปลุกเร้าใจ ระเบิดออกแห่งพลังและความตื่นเต้น ซึ่งในที่สุดได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นการบรรเลงในลักษณะแห่งการคลอ (Accompaniment)

            ในขณะเดียวกัน ก็มีการบรรเลงของกลุ่มไวโอลินและกลุ่มเครื่องเป่าลมไม้ซึ่งมีพลังผลักดันเท่ากับการบรรเลงคลอนั้น เป็นการทำให้เส้นสายทำนองที่ขยายออกไปและที่ให้อารมณ์ความรู้สึกแห่งชัยชนะและความสุขนั้น หายไปหรือหมดไปในทันทีทันใด แล้วตามด้วยการบรรเลงซึ่งให้ความรู้สึกแห่งความอบอุ่นและความมีสีสัน ซึ่งเป็นการผ่อนคลายเล็กน้อยจากการบรรเลงความเร็วจังหวะแห่งพลังผลักดัน

            ต่อมามีการบรรเลงทำนองที่ไพเราะและสงบแห่งความสง่างามที่ไหลลื่น ต่อเนื่อง นุ่มนวล และปีติอภิรมย์ด้วยการเดี่ยวฟลูต หลังจากนั้นมีการบรรเลงจุดสุดยอดที่สดใสบรรเจิด (ซึ่งเป็นจุดสุดยอดแห่งการพัฒนาของสองทำนองหลักรองที่ขัดแย้งกัน – Two Contrasting Subordinate Themes) และที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในทันที และในที่สุด ลีลาที่ 1 ได้สิ้นสุดด้วยการย้อนกลับมาบรรเลงทำนองหลักแห่งการเปิดฉากการบรรเลงลีลานี้

ลีลาที่ 2: Adagio (ช้าพอประมาณ)   

            เริ่มต้นการบรรเลงลีลาที่ 2 ด้วยการบรรเลงของกลุ่มเครื่องเป่าลมไม้แต่เพียงกลุ่มเดียวโดยบรรเลงทำนองที่สง่างาม ไหลลื่นต่อเนื่องอย่างราบรื่น และยาวนาน ตามด้วยการบรรเลงของวงเครื่องสาย ความอบอุ่นของทำนองดังกล่าวได้รับการบรรเลงเพิ่มมากขึ้นไปสู่สองจุดสุดยอดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งแต่ละจุดสุดยอดนั้น ได้สิ้นสุดอย่างรวดเร็ว

            สำหรับท่อนสรุปของลีลานี้ มีการบรรเลงไวโอลินเดี่ยว ซึ่งเริ่มต้นบรรเลงอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน พร้อมด้วยการบรรเลงทำนองหลัก และบรรเลงเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ไปสู่การบรรลุที่สูงสุดและยิ่งใหญ่ของวงดุริยางค์ ซึ่งค่อย ๆ เบาลง ๆ และในที่สุด ลีลาที่ 2 ก็ได้สิ้นสุดด้วยการบรรเลงเดี่ยวไวโอลิน ไปสู่ความเงียบสงบ

            ลีลาที่ 2 เป็นลีลาที่มีความยาวนานในการบรรเลงมากที่สุดในซิมโฟนีบทนี้

ลีลาที่ 3: Scherzo: Vivace (Scherzo: มีชีวิตชีวา)

            ทำนองหลักที่มีลักษณะแห่งการเต้นรำของลีลาเป็นการใกล้ชิดกับความปั่นป่วนโกลาหล ความแข็งแกร่ง และความเต็มเปี่ยมด้วยพลัง โดยเริ่มการบรรเลงในลักษณะแห่งการปราศจากความกังวลใจ ความพึงพอใจ ปีติ และการเฉลิมฉลอง ตามด้วยการบรรเลงท่อนการพัฒนาทำนองหลัก ซึ่งมีลักษณะแห่งความลึกล้ำและความซับซ้อนอย่างยิ่ง

ลีลาที่ 4: Allegro con spiritoso (เร็วด้วยความมีชีวิตชีวา)

            เริ่มต้นการบรรเลงลีลานี้ด้วยการบรรเลงหลายทำนองที่มีลักษณะแห่งพลังซี่งไม่มีที่สิ้นสุดและความส่องสว่างที่สดใสบรรเจิด รวมทั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันโดยกลุ่มเครื่องเป่าลมไม้ที่บรรเลงในลักษณะแห่งการไล่กันตลอดท่อนของการเปิดการบรรเลงลีลาที่ 4 และตามด้วยการบรรเลงวงเครื่องสาย หลังจากนั้น มีการบรรเลงเดี่ยวไวโอลินและตามด้วยการบรรเลงท่อนการย้อนกลับต้น (Recapitulation Section) ที่มีขีวิตชีวา ต่อมา จังหวะของการบรรเลงหลายทำนองดังกล่าวนั้น ได้รับการเน้นโดยการบรรเลงของสามเหลี่ยม (Triangles) ทรัมเป็ต และเฟรนช์ฮอร์น

            หลังจากนั้น มีการบรรเลงในลักษณะแห่งการส่องสว่างที่สดใส แต่สั้นและในทันทีทันใดแห่งความสว่างที่เข้มข้น จากการบรรเลงในลักษณะของการรูดเสียง (Glissando หมายถึง การเคลื่อนจากเสียงหนึ่ง ไปสู่อีกเสียงหนึ่งอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว) ของฮาร์ป ต่อมา วงเครื่องสายทั้งหมดก็ได้เข้าร่วมการบรรเลง และในที่สุด ลีลานี้ก็ได้ปิดฉากลงด้วยการบรรเลงโน้ต 5 ตัวโดยพร้อมเพรียงกันของวงดุริยางค์ทั้งวง (Orchestral Tutti) ด้วยลักษณะแห่งความโปร่งใส ซึ่งคือ แสง และความส่องสว่างสุกสกาว ความผ่องอำไพทั้งหมด ซึ่งดำเนินอย่างรวดเร็วไปสู่การสิ้นสุดของลีลาที่ 4 และคีตนิพนธ์บทนี้

            ลีลาที่ 4 เป็นลีลาที่บริบูรณ์ด้วยสีสันแห่งเสียงในระดับที่สูงสุด ซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Roussel เป็นซิมโฟนีแห่งพลังผลักดันของความจริงต่อเจตจำนงแห่งรูปแบบ แห่งความสมดุลระหว่างธรรมเนียมปฏิบัติและนวัตกรรมทางดนตรี และเป็นซิมโฟนีที่พรั่งพร้อมด้วยจิตวิญญาณ

Discography

1.วงดุริยางค์: Orchestre National de France

วาทยกร: Charles Dutoit

บันทึก: Studio 104, Radio France, มิถุนายน ค.ศ. 1985

สังกัด: Apex – Erato/Warner Records

หมายเลขแผ่น: 2564 64349-2 (DDD)

Charles Dutoit

การอำนวยคีตนิพนธ์ การบรรเลง ความสมดุล และการไหลของโครงสร้างของซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Albert Roussel โดย Charles Dutoit และ Orchestre National de France นั้น เป็นเลิศแห่งอภิรมย์และประทับจิตยิ่ง ให้ความสุดยอดในหลากหลายอารมณ์ความรู้สึก อาทิ การต่อสู้ ความแข็งแกร่ง การเต็มเปี่ยมด้วยพลังผลักดัน ความเข้มข้น และความมีชีวิตชีวา ความสง่างาม ความไหลลื่นต่อเนื่องที่ราบรื่น ความนุ่มนวลอ่อนโยน การปราศจากความกังวลใจ ความพึงพอใจ ปีติ การเฉลิมฉลอง ความลึกล้ำ ความซับซ้อน ความส่องสว่างสุกสกาว ความผ่องอำไพ พลังที่ไม่หยุดหย่อนและที่ไม่สิ้นสุด ความส่องสว่างที่สดใสบรรเจิด การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลัน รวมทั้งความบริบูรณ์ด้วยสีสันแห่งเสียงในระดับที่สูงสุด แห่งซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Roussel  ซึ่งได้รับการบรรจุอยู่ในบันทึกที่สุดล้ำค่านี้ 

ความสมดุลในทุกองค์ประกอบแห่งคีตดุริยางคศิลป์ที่แท้จริง และการบรรลุถึงแก่นแท้แห่งคีตนิพนธ์บทนี้ เป็นผลจากการตีความและการบรรเลงที่เป็นเลิศและสุดยอดเยี่ยมของ Orchestre National de France และ Charles Dutoit ซึ่งได้ร่วมกันสร้างบันทึกซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่บรรจุอยู่ใน CD นี้ที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณค่า ควรคู่สำหรับการสดับยิ่ง

สรุปการประเมินคุณภาพ

การบรรเลงของ Orchestre National de France               ★★★★★

การอำนวยคีตนิพนธ์ของ Charles Dutoit                          ★★★★★

การไหลของโครงสร้าง                                                   ★★★★★

การบันทึก                                                                 ★★★★

ละเลียดและดูดดื่มด่ำหนึ่งในบรรดาสุดยอดแห่งการตีความและการบรรเลงซิมโฟนี หมายเลข 3 ของ Roussel ให้ประทับในความทรงจำตลอดไป…

2.วงดุริยางค์: Orchestre de la Societe des Concerts du Conservatoire

วาทยกร: Andre Cluytens

บันทึก: 15, 17, และ 19 มิถุนายน ค.ศ. 1965, Salle Wagram, Paris

สังกัด: EMI Classics

หมายเลขแผ่น: 6 87644 2 (ADD)

หนึ่งในบรรดาบันทึกซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ (Historic Recording) ที่ยิ่งใหญ่ โดยฝีมือการอำนวยคีตนิพนธ์ชั้นเลิศของ Andre Cluytens

_________________

3.วงดุริยางค์: Lamoureux Orchestra 

วาทยกร: Charles Munch

บันทึก: –

สังกัด: The Musical Heritage Society Record

หมายเลขแผ่น: –

_______________

4.วงดุริยางค์: New York Philharmonic Orchestra 

วาทยกร: Pierre Boulez

บันทึก: ค.ศ. 1975

สังกัด: Dutton Epoch

หมายเลขแผ่น: –  

_________________

5.วงดุริยางค์: Orchestre National de France

วาทยกร: Leonard Bernstein

บันทึก: –

สังกัด: Deutsche Grammophon

หมายเลขแผ่น: –

_________________

6.วงดุริยางค์: New York Philharmonic Orchestra 

วาทยกร: Leonard Bernstein

บันทึก: –

สังกัด: Sony Classical

หมายเลขแผ่น: MIIK 62352 (ADD)

_________________

7.วงดุริยางค์: Brno State Philharmonic Orchestra 

วาทยกร: Vaclav Neumann

บันทึก: ค.ศ. 1964

สังกัด: Supraphon

หมายเลขแผ่น: –

_________________

8.วงดุริยางค์: Orchestre Philharmonique de Radio France  

วาทยกร: Marek Janowski

บันทึก: –

สังกัด: RCA Victor Red Seal

หมายเลขแผ่น: –

_________________

9.วงดุริยางค์: Orchestre de Paris 

วาทยกร: Christoph Eschenbach

บันทึก: ค.ศ. 2007

สังกัด: Ondine

หมายเลขแผ่น: 1107-2 (DDD)

_________________

10.วงดุริยางค์: Detroit Symphony Orchestra 

วาทยกร: Neeme Jarvi

บันทึก: ค.ศ. 1991/1992

สังกัด: Chandos

หมายเลขแผ่น: –

_________________

11.วงดุริยางค์: Royal Scottish National Orchestra 

วาทยกร: Stephane Deneve

บันทึก: –

สังกัด: Naxos

หมายเลขแผ่น: –

_________________

Vinyl (LP)

1.วงดุริยางค์: Paris Conservatoire Orchestra

วาทยกร: Andre Cluytens

บันทึก: ค.ศ. 1966

สังกัด: Angel Records

หมายเลขแผ่น: 36327

_________________

2.วงดุริยางค์: New York Philharmonic Orchestra 

วาทยกร: Pierre Boulez

บันทึก: ค.ศ. 1975

สังกัด: CBS – Columbia Masterworks

หมายเลขแผ่น: 34201

_________________

3.วงดุริยางค์: L’Orchestre de la Suisse Romande

วาทยกร: Ernest Ansermet

บันทึก: –

สังกัด: London ffrr/Decca

หมายเลขแผ่น: STS 15025/LXT 5234

_________________

4.วงดุริยางค์: Lamoureux Orchestra 

วาทยกร: Charles Munch

บันทึก: –

สังกัด: The Musical Heritage Society Record

หมายเลขแผ่น: –

_________________

5.วงดุริยางค์: Brno State Philharmonic Orchestra 

วาทยกร: Vaclav Neumann

บันทึก: ค.ศ. 1964

สังกัด: Supraphon

หมายเลขแผ่น: SUA 10482

บรรณานุกรม

1. https://en.m.wikipedia.org >

2. https://imslp.org >wiki >

3. https://www.bachcantatas.com (Albert Roussel)

4. https://www.wikipedia.com (Julien Koszul)

5. https://www.wikimediacommons.com (Eugene Gigout)

6. https://www.wikipedia.com (Vincent d’Indy)

7. https://www.wikipedia.com (Erik Satie)

8. https://www.theclevelandorchestra.com (Bohuslav Martinu)

9. https://www.americanmemory.loc.gov.com (Serge Koussevitzky)

10. https://www.bruceduffie.com (Charles Dutoit)