Test Report: ACROLINK 8N-A2080 III EVO

0
ACROLINK 8N-A2080 III EVO

Test Report

ACROLINK 8N-A2080 III EVO

หัสคุณ

 

ACROLINK 8N-A2080 III EVO
ACROLINK 8N-A2080 III EVO

 

ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีได้มีการปรับปรุงและพัฒนาให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นต้องถือว่ามีพัฒนาการที่รวดเร็วมาก ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องธุรกิจรวมทั้งแผนการตลาดเข้ามามีส่วนเป็นตัวกำหนดทิศทางอยู่ไม่น้อยก็ตาม สำหรับในวงการเครื่องเสียงเองก็ได้รับอนิสงส์ดังกล่าวไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่รวดเร็วในแบบก้าวกระโดด แต่ก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ

แต่กับสายนำสัญญาณ หรือสายลำโพงแล้ว ถึงแม้ในอดีตจะถือว่าเป็นหนึ่งในแอคเซสเซอรี่ก็ตาม แต่ในปัจจุบัน ต้องถือว่าไม่ใช่อุปกรณ์แอคเซสเซอรี่แต่ประการใด เพราะว่าแอคเซสเซอรี่ถือว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่คุณจะจัดหาเพื่อนำมาใช้ร่วมในชุดเครื่องเสียงชุดโปรดของคุณ จะเลือกที่จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ สุดแท้แต่ความพอใจเป็นหลัก แต่สำหรับสายนำสัญญาณและสายลำโพงนั้นต้องถือว่าเป็นหนึ่งในชุดเครื่องเสียงที่มีความสำคัญไม่แพ้เครื่องเคราหลักๆ ในชุดเครื่องเสียงเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าขาดสายนำสัญญาณหรือสายลำโพงในซิสเต็มแล้วไซร้ ต่อให้ชุดเครื่องเสียงนั้นจะมีราคาแสนแพง หรือมีคุณภาพดีแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถจะทำงานได้ “ครบ” เต็มระบบจนส่งเสียงที่แสนไพเราะออกมาให้ได้ยิน หรือสัมผัสฟังกันเป็นแน่

ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่า ทั้งสายนำสัญญาณ และสายลำโพงนั้นมีผลต่อคุณภาพเสียงที่ได้ยิน จึงมีการนำเสนอสายสัญญาณและสายลำโพงออกมากันอย่างมากมายจนนับไม่ถ้วนอยู่ในขณะนี้ และที่สำคัญเทคโนโลยีก็ถือว่าเป็นประเด็นที่สำคัญในการพัฒนาสายคุณภาพสูงเพื่อแสดงออกถึง “ความแตกต่าง” ไปจากผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งทั้งหลาย เมื่อพูดถึงพัฒนาการทางเทคโนโลยีแล้วประเทศญี่ปุ่นก็นับเป็น “หนึ่ง” ในหัวหอกสำคัญ และเป็นผู้นำแห่งวงการในระดับโลก ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศทางตะวันตกแต่อย่างใด

ACROLINK ถือว่าเป็นสายนำสัญญาณในระดับไฮเอนด์น้องใหม่ล่าสุดในวงการเครื่องเสียงบ้านเราที่มาจากประเทศญี่ปุ่น สำหรับบริษัทผู้เป็นเจ้าของ ACROLINK ก็คือ ACRO JAPAN CORPORATION ที่เพิ่งจะเข้าสู่วงการเครื่องเสียงเมื่อเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะบอกว่า ACROLINK คือแบรนด์น้องใหม่แบบถอดด้ามก็คงจะไม่ผิดนัก แต่ถ้าเจาะลึกเข้าไปถึงที่มาที่ไปของ ACROLINK แล้วก็จะทราบว่าหาใช่แบรนด์น้องใหม่ในวงการอย่างที่เข้าใจไม่ แต่เป็นบริษัทที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานในวงการเครื่องเสียงเลยก็ว่าได้

ลองย้อนหลังกลับไปเมื่อเกือบ 30 ปี ที่แล้วในขณะนั้น ทองแดงที่มีความบริสุทธิ์สูง (PURE COPPER) เริ่มจะเป็นที่กล่าวถึง ตอนนั้นทองแดงระดับ 4N-PURITY OFC (OXEGEN-FREE COPPER ซึ่งทองแดงระดับ 4N จะเทียบเท่ากับทองแดงบริสุทธิ์ 99.99% PURITY) ก็ถือว่าเป็นทองแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงมากแล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีในระดับชั้นแนวหน้าก็ได้มีการนำเสนอทองแดงบริสุทธิ์ระดับ 6N COPPER (99.9999% PURITY) เพื่อใช้ทำสายนำสัญญาณแบบ AUDIO CABLE ซึ่งบริษัทที่ได้ริเริ่มและนำเสนอออกสู่ตลาดเป็นเจ้าแรกเลยก็คือ NIPPON MINING CO., LTD. ในช่วงปีค.ศ.1985 ต่อมาก็สามารถผลักดันจนเป็นผลสำเร็จในตลาดระดับใหญ่ (MASS MARKET) ได้ใน ค.ศ. 1987 ต่อมา บริษัท NIPPON MINING ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น NIKKO MATERIALS CO.,LTD หรือเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศญี่ปุ่นในอีกชื่อหนึ่งคือ JAPAN ENERGY CORPORATION

ต่อมาความนิยมในทองแดงบริสุทธิ์ระดับ 6N ก็ยิ่งเป็นที่ต้องการเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งในวงการผลิตสายเคเบิ้ล รวมทั้งอุปกรณ์ประเภท INTEGRATED SEMICONDUCTORS คุณภาพสูง แต่มีเพียงแค่ 2 บริษัทใหญ่เท่านั้นที่มีความสามารถในการที่จะผลิตทองแดงความบริสุทธิ์สูงในจำนวนที่มากพอต่อความต้องการได้ ซึ่งบริษัททั้ง 2 ก็ได้แก่ NIKKO MATERIALS CO.,LTD. และ MITSUBISHI MATERIALS CO.,LTD ไม่มีใครอื่นอีก แน่นอนว่าเมื่อมีความนิยมก็ย่อมต้องมีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เมื่อทองแดงบริสุทธิ์ระดับ 6N เริ่มกลายเป็นสินค้าในระดับทั่วไป จึงมีความต้องการทองแดงที่มีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทาง NIKKO MATERIALS CO.,LTD. ได้ทราบถึงความต้องการดังกล่าวจึงได้เร่งพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตให้สูงขึ้น ขบวนการดังกล่าวเริ่มขึ้นประมาณช่วงปี ค.ศ. 1997 ต่อมาทางบริษัท NIKKO จึงได้ตั้งบริษัท ACRO JAPAN CORPORATION ขึ้น เพื่อรับช่วงต่อในการพัฒนาสายทองแดงคุณภาพสูงภายใต้ชื่อ ACROLINK

 

 

P1070936

 

 

 

ACROLINK

ACRO JAPAN มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสายนำสัญญาณและสายลำโพงของ ACROLINK เพื่อให้เป็นสายที่จะเชื่อมต่อระหว่างผู้ฟังกับดนตรีอย่าง ”ไร้รอยต่อ” (SEAMLESS) และเพื่อให้บรรลุความมุ่งหมายดังกล่าว ทาง ACRO JAPAN เชื่อมั่นว่าจะต้องใช้วัสดุมีคุณภาพสูง (QUALITY OF MATERIAL), โครงสร้าง (STRUCTURE) รวมทั้งการออกแบบ (DESIGN) ในระดับที่สูงสุด (HIGHEST STANDARD) พอจะพูดได้ว่า ACROLINK เป็นสายเคเบิ้ลยี่ห้อเดียวในโลกที่สามารถจะพัฒนาและผลิตตัวนำที่เป็นทองแดง (COPPER CONDUCTOR) ในระดับที่มีความบริสุทธิ์สูงที่สุดแบบ TRUE HIGH PURITY ซึ่งทาง ACRO JAPAN ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 คือ บริษัท NIKKO MATERIALS (ซึ่งก็คือบริษัท NIPPON MINING & MATERIALS) และ MITSUBISHI MATERIALS CORPORATION ในการนำส่งสายทองแดงคุณภาพสูงที่ผ่านการตรวจสอบและรับรอง (ANALYSIS VALUE GUARANTEED) ในระดับ 6N8 (99.99998%) โดยในเนื้อทองแดงระดับ 6N8 จะมีโลหะเจือปนหลงเหลืออยู่น้อยกว่า 1 PPM (PRT-PER-MILLION หรือ 1 ส่วนล้าน) อย่างแท้จริง

นอกจาตัวนำชั้นเยี่ยมแล้ว ทาง ACROLINK ยังได้พัฒนาเครื่องมือพิเศษขึ้นมาเพื่อใช้ในการวัดผลหรือตรวจสอบที่มีชื่อเรียกว่า GD-MS (GD-MASS) ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเท่านั้น ด้วยเครื่องมือดังกล่าวทาง ACROLINK สามารถที่จะวิเคราะห์รายละเอียดที่เจาะลึกลงไปถึงอุปกรณ์ หรือวัสดุที่นำมาใช้ร่วมในการผลิตสายว่า วัสดุแต่ละชนิดจะมีผลต่อคุณภาพเสียงอย่างไรและจะมีผลกระทบได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งทาง ACROLINK ได้ทำการศึกษา และพัฒนาจากวัสดุที่มีความแตกต่างถึง 50 – 60 ชนิด นับว่าเป็นกระบวนการที่ยากและสิ้นเปลืองเวลาในการทดลองเป็นอย่างมาก อีกทั้ง ACROLINK ยังถือได้ว่าเป็นเพียงบริษัทเดียวในโลกที่สามารถพัฒนาตัวนำทองแดงความบริสุทธิ์สูงแบบ “STREESS-FREE” PROCESSING ซึ่งใช้กรรมวิธีแบบ UNIQUE ANNEALING PROCESS ที่ช่วยทำให้ผลึกของทองแดงสามารถที่จะรักษา หรือคืนรูปให้อยู่ในโครงสร้างที่สมบูรณ์ (STABLE CRYSTALLINE STRUCTURE) ได้ด้วยตัวของมันเอง หลังจากที่สายถูกนำไปใช้งานจริง ซึ่งอาจจะมีการโค้ง หรือบิดงอตามการใช้งานโดยปกติ ทาง ACROLINK ยืนยันว่าด้วยสายแบบ “STRESS-FREE” ที่สามารถคืนรูป (SELF-ANNEALING) ได้เองนี้ จะมีส่วนช่วยให้การตอบสนองความถี่ของสายนำสัญญาณที่ดีขึ้น และกว้างขึ้นในระดับ ULTRA-HIGH FIDELITY นั้นเชียว

สายทองแดงบริสุทธิ์สูงแบบ “STRESS FREE” ของ ACROLINK เองถูกเลือกสรรและนำไปใช้ในภายในเครื่องเล่นระดับท๊อปอย่าง SACD/CD TRANSPORT รุ่น P-01 และ SACD/CD MONURAL D/A CONVERTER รุ่น D-01 ของ ESOTERIC ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่สายนำสัญญาณของ ESOTERIC เองนั้น ก็ถูกสั่งและผลิตขึ้นโดย ACROLINK เองเช่นกัน

 

ACROLINK 8N-A2080 III EVOLUTION

ดังคำกล่าวที่ว่า “เทคโนโลยีชั้นแนวหน้าในวันนี้ คือการก้าวย่างไปสู่พัฒนาการของเทคโนโลยีที่สูงยิ่งขึ้นในอนาคต” หลังจากที่ ACROLINK ได้นำเสนอสายนำสัญญาณในระดับ 6N อย่าง 6N-A2050 II ซึ่งเป็นสายนำสัญญาณในระดับเริ่มต้นไปจนถึงสายรุ่น 6N-A2400 II ในระดับไฮเอนด์ ทาง ACROLINK ก็ได้พัฒนาต่อยอดมาจนถึงการผลิตทองแดงบริสุทธิ์ในระดับ 7N อย่างสายนำสัญญาณรุ่น 7N-A2070 และรุ่น 7N-DA6300 MEXCEL ซึ่งถือว่าเป็นสายนำสัญญาณในระดับ “เรือธง” หรือ TOP-OF-THE-LINE ของ ACROLINK ที่มีราคาแพงที่สุดซึ่งมีนักเล่นและนักวิจารณ์หลายท่านที่เมื่อได้ลองสัมผัสแล้วต่างก็ชื่นชม ทาง ACROLINK ยังคงมุ่งมั่น และก้าวเดินไปข้างหน้า และสามารถพัฒนาทองแดงที่มีความบริสุทธิ์ในระดับ 8N (99.999999%) คือสายนำสัญญาณรุ่น 8N-A2080 ซึ่งก็ได้รับการตอบรับและความนิยมที่ดี เข้าใจว่าทาง ACROLINK จะผลิตสายรุ่นนี้ออกมาอย่างจำกัดจำนวนแบบ ABSOLUTELY LIMITED เท่านั้น ดังนั้นเมื่อนำออกวางจำหน่ายแล้วก็หมดในเวลาอันรวดเร็ว และเมื่อเร็วๆ นี้เอง ทาง ACROLINK ก็ส่ง 8N-A2080 III EVOLUTION พร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุดในการออกแบบสายในระดับ HIGH-TECHNOLOGY ชั้นเยี่ยมออกสู่ตลาดอีกครั้ง

สายนำสัญญาณรุ่น 8N-A2080 III EVO มีโครงสร้างที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสลับซับซ้อนแตกต่างไปจากสายนำสัญญาณระดับไฮเอนด์ทั่วไปอยู่ไม่น้อยเลย เริ่มจากตัวนำที่เป็นทองแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงแบบ 8N “STRESS FREE” ที่มีหน้าตัดขนาด 0.18 มม. จำนวน 7 เส้น แบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม เมื่อรวมแล้วจะได้ตัวนำ 49 เส้น ตีเกลียวโดยมีวัสดุที่ทาง ACROLINK เรียกว่า SILK THREAD NATURAL MATERIAL วิ่งขนานไปด้วยกันในแต่ละชุด เพื่อค่า SIGNAL TO NOISE RATIO ที่ดีขึ้น จากนั้นจึงถูกหุ้มด้วย INSULATOR ที่ผลิตจาก LARGE MOLECULE POLYOLEFIN สายทั้ง 2 ชุดคือทั้ง HOT และ COLD จะถูกตีเกลียวแบบ TWISTED ROPE ด้วยกฎของมือซ้ายและมือขวา ( LEFT-HANDED/RIGHT-HANDED BOOK )เพื่อลดสัญญาณรบกวน (NOISE) และค่า LINE-TO-LINE AC RESISTANCE ของสายตัวนำ จากนั้นมีการใช้ EMI ABSORBING NON MAGNETIC THREAD เดินคู่ขนานกัน 2 เส้น เพื่อทำหน้าที่ในการดูดซับคลื่นรบกวน (WAVE ABSORPTION) จากนั้นจึงห่อหุ้มด้วย FILLER แบบ HYBRID POLYOLEFIN ที่มีส่วนผสมของ POLYOLEFIN, TUNGSTEN และ AMPRPHOUS

เหตุผลที่ทาง ACROLINK เลือกใช้วัสดุทั้ง 3 ชนิด ก็คือ ตัว POLYOLEFIN นั้นมีค่าความเป็นฉนวน (DIELECTRIC) ที่ต่ำมาก (EXTREMELY LOW) และเพื่อกำจัดความถี่เรโซแนนซ์อันไม่พึงประสงค์ (UNWANTED RESONANCE) ทาง ACROLINK ได้พัฒนาเปลือกหุ้มแบบใหม่โดยใช้ POLYOLEFIN เป็นตัวยืนพื้น ผสมด้วย ULTRA HIGH DENSITY TUNGSTEN GRANULES และ AMORPHOUS METAL ในอัตราส่วนที่ผ่านการคำนวณมาอย่างเหมาะสม ส่งผลให้เปลือกหุ้มแบบใหม่นี้ สามารถจะกำจัดเรโซแนนซ์แบบ SPURIOUS RESONANCE ที่เกิดขึ้นภายในสายเคเบิ้ลอย่างได้ผล

ไม่เพียงเท่านั้นทาง ACROLINK ยังได้ออกแบบการชีลสายถึง 4 ชั้น (QUADRUPLE SHIELDING) ด้วยกัน เพื่อป้องกันคลื่นรบกวนแม่เหล็กแบบ EMI (ELECTRO-MAGNETIC INTERFERENCE) อันประกอบด้วยแผ่นเทปแบบ ULTIMATE NOISE BEAT TAPE ตามมาด้วยตาข่ายทองแดงแบบ HIGH DESITY BRAID ที่เป็นทองแดงที่มีความบริสุทธิ์ระดับ 7N CU ขนาด 0.12 มม. สำหรับชั้นที่ 3 และ 4 จะเป็นแผ่นฟอยล์ทองแดง (COPPER FOIL) ที่ถูกเคลือบทับด้วย UEW ( POLYURETHANE ENAMEL TYPE ) จากนั้นจึงห่อหุ้มเปลือกนอกชั้นสุดท้ายด้วย UV-RESISTANCE HIGH-QUALITY POLYURETHANE

นอกจากตัวสายที่ได้รับการออกแบบและคัดสรรวัสดุมาอย่างพิถีพิถันแล้วสำหรับตัวหัวปลั๊ก RCA เอง ทาง ACROLINK ก็ได้ออกแบบและเลือกสรรวัสดุมาอย่างไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ACROLINK เรียกหัวปลั๊ก RCA นี้ว่า “SMART” CONNECTOR ตัวหัวปลั๊กนั้นทำมาทองแดงแบบ BERYLLIUM COPPER ที่มีค่าการเหนี่ยวนำหรือค่าความเป็นสื่อของกระแสไฟฟ้า (CONDUCTIVITY) สูงถึง 50

ตัวแกนกลาง หรือ PIN PLUG นั้น ทำขึ้นจาก HIGH QUALITY DEOXIDIZED PHOSPHOR BRONCE คุณภาพสูง ที่ปราศจากโลหะผสม (IRON-FREE) ใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งตัว PIN PLUG นี้ ยังได้รับการออกแบบมาให้เป็นแกนกลวง (HOLLOW SHAPE STRUCTURE) สังเกตได้จากที่ปลายหัว PIN PLUG จะมีรูให้เห็นอย่างเด่นชัดเพื่อหน้าสัมผัสที่ดีเยี่ยม (MAXIMUM CONTACT SURFACE) ตัว PIN PLUG ยังได้ผ่านการปั่นเงาแบบ MIRROR FINISH ถึง 2 ครั้ง จากนั้นจึงเคลือบทับด้วย PLATINUM PLATING ที่มีความหนา 0.3 ไมครอน และตามมาด้วยการเคลือบเงิน (THICK SILVER PLATING) ที่มีความหนาแน่นถึง 1.5 ไมครอน ตัวปลอกยังห่อหุ้มไว้ด้วยแผ่นคาร์บอน (CARBON FABRIC SLEEVE) เพื่อกำจัด “แรงสั่นสะเทือน” (VIBRATION SUPPRESSION) ที่อาจเกิดขึ้นบริเวณหัวปลั๊ก ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการลดทอนคุณภาพเสียงลงได้

ตัวปลั๊กนั้นจะมีขนาดใหญ่ หนาและหนักกว่าหัวปลั๊ก RCA โดยทั่วไปจึงมีความแข็งแรงเป็นพิเศษและยึดจับได้อย่างแน่นหนามาก นับว่าทาง ACROLINK ได้ใส่ใจในทุกรายละเอียด มาอย่างดียิ่งจริงๆ สเปคคร่าวๆ ของสายนำสัญญาณ ACROLINK รุ่น 8N-A2080III EVOLUTION มีดังนี้

CABLE DIAMETER : 11 mm.

RESISTANCE : 19 MW/M

CAPACITANCE : 59 PF/M

IMPEDANCE : 75 โอห์ม/ RCA ; 110 โอห์ม/XLR

 

2b8b5f06436b0a19ca4386de8845428e

 

ผลการทดลองฟัง

ACROLINK 8N-A2080 III EVO มีเวลามาอยู่กับพวกเรานานสักหน่อย จึงมีโอกาสได้ทดลองฟังกับซิสเต็มหลายๆ เครื่อง หลังจากที่เบิร์นอินจนเข้าที่แล้ว จึงนำเข้าห้องฟังเพื่อสรุปผลกัน อุปกรณ์ที่ใช้ในการฟังประกอบด้วย

เครื่องเล่นซีดี               : MARANTIZ CD 17 (CLOCK II)

AUDIA FLIGHT CD ONE M

: SONY SCD-777 (CD/SACD)

ปรีแอมป์                      : KRELL KSL

: XAV X-02SE

เพาเวอร์แอมป์             : FORTE’ F-5

XAV X-120 A

ADCOM GFA-565SE

KRELL KSA 50s

ลำโพง                         : XAV SMALL ONE CLASSIC

B&W 805S

สายนำสัญญาณ         : VAMPIRE AI-II

VAN DENHUL “THE FIRST ULTIMATE”

สายลำโพง                  : VAMPIRE ST II

สายไฟ AC                  : XAV XAC#5, MUSIC MUSE “THE

PROTOTYPE” AC CABLE

ฟิวส์                             : MUSIC MUSE V2

ห้องฟังขนาด 4 x 8 เมตร ได้รับการปรับแต่งอะคูสติกมาอย่างดี

อันดับแรกที่ต้องบอกกล่าวกันก่อนเลย ก็คือ หัวปลั๊ก RCA ของ ACROLINK 8N-A2080 III EVO นั้นมีขนาดที่หนาและใหญ่กว่าหัว RCA โดยทั่วไป ถ้าเครื่องเล่นที่จัดวางขั้ว RCA ในแบบมาตรฐานโดยทั่วไป ซึ่งขั้ว RCA ทั้งซ้ายและขวาจะวางระยะห่างไว้ใกล้กันจะไม่สามารถต่อสายหรือใช้งานสาย 8N-A2080 III EVO ได้เลย ดังนั้น สำหรับนักเล่นท่านใดที่สนใจพึงตรวจเช็คซิสเต็มของตนเองให้ดี มิฉะนั้นสาย ACROLINK อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณต้องถึงกับตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องที่ใช้อยู่เดิมเลยก็เป็นได้

สำหรับหัวปลั๊ก RCA ของ ACROLINK นั้นมีความกระชับและรัดตัวได้แน่นมาก (มากที่สุดเท่าที่เคยพบมา) การจะต่อเข้า หรือดึงออก ต้องใช้แรงมากเป็นพิเศษ จึงควรระมัดระวังไว้สักนิด อันดับที่สอง ตัวสาย ACROLINK 8N-A2080 III EVO นั้น ใช้เวลาการเบิร์นอินที่ยาวนานกว่า 100 ชั่วโมงขึ้นไป ตัวสายจึงจะอยู่ในสถานะที่พร้อมสำหรับการใช้งาน และสามารถจะแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งในการใช้งานแต่ละครั้งถ้าต้องการให้ ACROLINK 8N-A2080 III EVO เปล่งประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ก็ควรจะเปิดเพลงอุ่นสายให้มีความพร้อมทุกครั้ง ด้วยระยะเวลาเกิน 15 นาที ทุกครั้งไป ถึงแม้ว่าสายจะพ้นระยะเวลาในการเบิร์นอินแล้วก็ตาม ดังนั้นถ้ามีโอกาสได้ทดลองฟัง ACROLINK 8N-A2080 III EVO ก็ไม่ควรรีบร้อน และด่วนตัดสินใจในคุณภาพเสียงโดยทันทีที่ฟัง ควรจะให้เวลาสายได้มีความพร้อมเต็มที่

เมื่อทำได้ตามองค์ประกอบดังกล่าวแล้ว เราก็มาว่ากันถึง ACROLINK 8N-A2080 III EVO กันเลยครับ

ต้องเรียนว่า ACROLINK 8N-A2080 III EVO ถือเป็นสายนำสัญญาณในระดับที่ “ไม่ธรรมดา” เลยจริงๆ เพียงเริ่มต้นของการฟังได้ไม่นาน ACROLINK 8N-A2080 III EVO ก็สร้างความประทับใจให้กับลูกขุนบางท่านที่มาร่วมด้วยช่วยกันฟัง “รายละเอียดครับ รายละเอียด” ลูกขุนท่านหนึ่งปรารภขึ้นเป็นคนแรก อีกท่านพยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับเอื้อนเอ่ยว่า “ สายทองแดงแบบ 8N ทำได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ“ สีหน้าและแววตาแสดงออกถึงความประทับใจที่มาพร้อมกับความตื่นตาตื่นใจ (CLAIR MARLO-LET IT GO) ลูกขุนอีกท่านมองว่า ACROLINK ให้เสียงกลางที่ชัดเจนดีเป็นพิเศษ สะอาด มีความกลมกลืน แจ่มชัด จนรู้สึกได้ตั้งแต่แรกโดยไม่ต้องตั้งใจฟัง (AMANDA MCBROOM-SHEFFIELD LAB-13) ในขณะที่ลูกขุนคอเบส ประทับใจกับความรวดเร็ว และการย้ำเน้นที่จะแจ้ง แต่ยังต้องการพลังของเบสต่ำๆ ที่มากกว่านี้อีกสักหน่อย (BARB JUNGR : WALKING IN THE SUN) สำหรับเสียงแหลมนั้น ลูกขุนทุกท่านจะมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ACROLINK นั้นถ่ายทอดเสียงแหลมได้ดี มีความราบเรียบและเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าฟัง (OPUS 3 : LARS ERSTRAND AND FOUR BROTHERS)

ในรอบเก็บตกนั้น ACROLINK 8N-A2080 III EVO ได้แสดงน้ำเสียงที่มีความสดใส เปิดโปร่งอย่างกระจ่างชัด ในระดับที่น่าตื่นตะลึง! นับว่าเป็นความกระจ่างในระดับที่ก้าวไปไกลเกินกว่าสายนำสัญญาณคู่ไหนๆ เท่าที่เคยได้สัมผัสฟังมาจะสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นสายที่ใช้ตัวนำชนิดไหน จะมีระดับราคาสูง หรือแพงมากแค่ไหนก็ตาม

เป็นความกระจ่าง เจิดจรัสที่มีความชัดเจนเปรียบได้กับพุลที่ถูกจุดให้ส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด ถึงแม้จะเจิดจ้า สว่างไสวเพียงไร แต่ก็ไม่มีอาการหยาบกร้าวหรือกระด้างแข็งแต่ประการใด น้ำเสียงมีความสะอาดตั้งแต่วินาทีแรก มีความชัดเจนที่ สัมผัสฟังได้ในทันที เป็นความชัดเจนในขณะที่เนื้อเสียงเองนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความกลมกลืน ที่ไม่มีการเน้นจนขึ้นขอบหรือคมชัดจนเกินงาม คงจะไม่เกินเลยถ้าจะบอกว่า ACROLINK 8N-A2080 III EVO ได้วางมาตรฐานใหม่ ของความกระจ่างและสดใส ในน้ำเสียงได้อย่างโดดเด่น และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง (CLAIR MARLO-LET IT GO) หรือนี่จะเป็นคุณลักษณะของสายทองแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงในระดับ 8N ซึ่งแน่นอนว่าต่อไปคงจะกลายเป็นที่กล่าวขวัญถึง และรอการพิสูจน์ในอนาคตเมื่อสายในระดับ 8Nเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นครับ

เสียงกลางของ ACROLINK 8N-A2080 III EVO แม้จะมีมวลเสียงที่ค่อนมาทางบางย่อหย่อนในเรื่องของมวล หรือเนื้อเสียงไปบ้าง แต่ก็มีตัวตน และมีความชัดเจนที่โดดเด่น และดีเป็นพิเศษ เนื้อเสียงมีความสะอาด เนียนละมัย แจกแจงรายละเอียดได้ดี (ELLA FITZGERALD : FOREVER ELLA) คุณลักษณะดังกล่าวจะครอบคลุมลงมาถึงเสียงร้องของนักร้องชายอย่าง JOHN MICHAEL MONTGOMERY และ COLLIN RAYE ด้วยเช่นกัน

ความกระจ่างและความสดใสในน้ำเสียงนั้นจะครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง โดยเริ่มจากในย่านเสียงกลางขยายตัวออกไปทั้งในย่านกลางสูงและกลางต่ำในอัตราส่วนที่เท่าๆกัน เสียงแหลมมีการย้ำเน้นที่โดดเด่น ทั้งในเรื่องความสดใส และน้ำหนักในการย้ำเน้น หัวโน้ตของเครื่องสายจะมีแรงปะทะที่จะแจ้ง เรียกร้องความสนใจได้ดีเป็นพิเศษ เสียงแหลมถ่ายทอดรายละเอียดได้ดี แม้เนื้อเสียงจะบางเพื่อสอดรับกับย่านเสียงกลาง แต่ก็มีความกลมกลืน ฟังระรื่นหูและมีความผ่อนคลายที่ดีเป็นพิเศษ ได้มีโอกาสเปรียบเทียบกับสายนำสัญญาณคุณภาพระดับ “ไฮเอนด์” อีกเส้นหนึ่ง ปรากฏว่า สายนำสัญญาณเส้นดังกล่าวนำเสนอเสียงแหลมที่ทอดตัวออกไปได้ไกลกว่า ACROLINK 8N-A2080 III EVO แต่ก็ยังมีความหยาบ แห้ง และฟังกระด้างกว่า ในขณะที่ปลายเสียงแหลมของ ACROLINK 8N-A2080 III EVO ถึงแม้จะเก็บตัวเร็วกว่า ไม่ทอดตัวออกไปไกลเท่า แต่ก็มีความนุ่มนวล อ่อนช้อย มีเสน่ห์ที่แฝงไว้ด้วยความเยือกเย็นที่น่าฟัง ชักนำให้คุณเพลิดเพลินไปกับอรรถรสของดนตรีได้อย่างเพลิดเพลิน ( OPUS 3:LARS ERSTRAND AND FOUR BROTHERS )

ในย่านอัพเปอร์เบสนั้น ACROLINK 8N-A2080 III EVO ก็ไม่สร้างความผิดหวังแต่อย่างใด ถ่ายทอดแรงปะทะ และการย้ำเน้นออกมาได้อย่างโดดเด่น และจะแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นงานเพลง IMPROVISED FUSION JAZZฝีมือของ PATRICK COIL (STEPS : PATCOIL-SHEFFIELD LAB CD-31) การถ่ายทอดของหัวโน้ตที่ไม้กลองถูกหวดกระทบเข้ากับหนังกลองนั้น รวดเร็ว หนักหน่วง และชัดเจนมาก เรียกร้องความสนใจ และสร้างความประทับใจได้ในทันทีที่ฟัง หรือจะเป็นการเล่นตะโพนไทย ตะโพนมอญ จากฝีมือคุณประเสริฐ กอบแก้ว และเปิงมางคอกโดยคุณสิทธิพงษ์ ตั้งสุวรรณ ในอัลบั้ม THE MERRY ANGEL OPUS 5 “พญาลำพอง” ที่มีทั้งน้ำหนัก และแรงปะทะที่รวดเร็ว ชักนำให้คุณขยับเท้าไปกับจังหวะของเพลงที่บรรเลงได้อย่างเพลิดเพลิน แบบลืมตัว สำหรับเบสต่ำนั้น จะถูกผ่อนทั้งแรง และน้ำหนักลงเป็นลำดับ เป็นเบสที่นุ่มลึกและมีความกลมกลืนเป็นสำคัญ (R & R : EXOTIC DANCES FROM THE OPERA)

ACROLINK 8N-A2080 III EVO สามารถถ่ายทอดซาวด์สเตจทางด้านกว้างเลยลำโพงทั้งซ้าย และขวา ออกไปได้อย่างโดดเด่น ทำให้ได้ซาวด์สเตจที่กว้างขวางและใหญ่ การตรึงตำแหน่งทำได้นิ่งสนิทแบบจับวาง ตัวตนของอิมเมจจะมีขนาดที่ใหญ่ และสูงกว่าปกติ การขึ้นรูปของอิมเมจมีให้สัมผัส ถึงแม้จะมีสัดส่วนที่ค่อนข้างบาง ซาวด์สเตจจะถูกวางถอยหลัง (LAID BACK) ลึกลงไปกว่าแนวระนาบของลำโพง สัดส่วนความกว้างทำได้โดดเด่นกว่าทางด้านลึก การจัดวางรูปวงจะออกไปในรูปวงรี ช่องว่างระหว่างดนตรีทำได้ดี มีความสงัดเงียบที่มืดเข้ม ถ้าจะวิเคราะห์กันแบบจับผิดอย่างจริงจังกันแล้ว จะรู้สึกว่าความสงัดเงียบดังกล่าวจะมีความทึบเข้มในอัตราส่วนที่มาก   ทำให้ขาดบรรยากาศลึกๆ ของความเป็นอะคูสติกไปบ้างเล็กน้อยเท่านั้น

ในช่วงสุดท้ายได้รองใช้ ACROLINK 8N-A2080 III EVO กับเครื่องเล่น SACD SONY SCD-777 ด้วยแผ่นเพลง SACD ปรากฏว่า ACROLINK 8N-A2080 III EVO สามารถถ่ายทอดน้ำเสียงที่มีความสะอาด เสียงร้องของ CHIE AYADO มีความโดดเด่น และทรงพลัง มีความแจ่มชัดแทบจะสกัดขัดเกลาออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดเป็นรูปธรรม (CHIE AYADO-LIFE ) การแยกแยะชิ้นดนตรีรวมทั้งช่องว่างและระยะห่างของชิ้นดนตรีทำได้อย่างเด่นชัด ( LINN RECORDS SACD VOL.2 )อาการเน้นๆของเสียงแหลมต้น ที่ปรากฏพบเจอเมื่อฟังกับแผ่น CD มาคราวนี้กลับกลายเป็นความราบเรียบกลมกลืนและน่าฟังเป็นพิเศษ ( HILARY HAHN/BACH-CONCERTOS SACD-DEUTSCHE GRAMMOPHON ) ดู ACROLINK 8N-A2080 III EVO จะไปได้ดีเป็นพิเศษกับระบบเสียงแบบSACD และ “HI-RESOLUTION” ระดับไฮเอนด์ในปัจจุบัน

 

สรุป

ถึงแม้ในตลาดจะมีสายนำสัญญาณในระดับ “ไฮเอนด์” ถูกนำเสนอออกมาเป็นตัวเลือกอย่างมากมายจากบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักสำหรับนักเล่นเป็นอย่างดีก็ตาม แต่ก็ใช่ว่า “โอกาส” ในการที่จะมีเจ้าใหม่ๆ ขอเข้ามาร่วมวงด้วยนั้น จะไม่มีเลยเสียทีเดียว “ACROLINK” สายนำสัญญาณน้องใหม่จากญี่ปุ่นได้นำเสนอสายนำสัญญาณรุ่น 8N-A2080 III EVO ที่ใช้จะมีเพียงเฉพาะราคาที่อยู่ในระดับ “ไฮเอนด์” เท่านั้น (ความยาว 1.5 M. จะมีราคาอยู่ที่ 208,950 เยน หรือถ้าคิดเป็นเงินไทยก็คงประมาณราวๆ 70,000 บาท/คู่) แต่ยังนำเสนอคุณภาพเสียงที่วางตัวอยู่ในระดับ “ไฮเอนด์” ได้อย่างโดดเด่นอีกด้วย แน่นอนว่า ACROLINK 8N-A2080 III EVO คงจะไม่ใช่สายสัญญาณที่นักเล่นทุกคนจะสามารถเป็นเจ้าของได้ เพราะทาง ACROLINK ผลิตออกมาจำนวนจำกัดเพียง 500 ชุดเท่านั้น! (250 ชุดจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น และอีก 250 ชุดทั่วโลก) หมดแล้ว หมดเลย ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าสายที่สามารถรวบรวมเอาเทคโนโลยีในระดับชั้นแนวหน้าล่าสุดนั้นจะมีคุณภาพเสียงเป็นอย่างไร คำตอบในขณะนี้ คงจะหนีไม่พ้น ACROLINK 8N-A2080 III EVOLUTION นี่คือสายนำสัญญาณที่แนะนำให้หาโอกาสไปสัมผัสฟังกันให้ได้ในขณะนี้ครับ

 

          ขอขอบคุณ บริษัท อินเวนทีฟ เอวี จำกัด โทร. 0-2238-4078-9 ที่เอื้อเฟื้อสายมาให้ทดสอบในครั้งนี้