ในช่วงกลางทศวรรษ 1960, John Michell ได้ก่อตั้งบริษัท Michell Engineering ขึ้นมาในปี ค.ศ.1966 โดยมุ่งเน้นในงานกลึงโลหะอันพิถีพิถัน-ความแม่นยำสูง ประกอบกับการผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัทผลิตแผ่นเสียงอื่นๆ เป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถจดจำได้จากป้ายชื่อ ‘By J.A. Michell Eng. Ltd’ Michell Engineering จึงได้ชื่อเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงมาเป็นเวลานานกว่า 40 ปีแล้ว ทำให้ Michell Engineering เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องเสียง Hi-Fi ที่เก่าแก่ที่สุด ที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ในสหราชอาณาจักรและทั่วโลก
Michell Engineering เป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่ดำเนินกิจการโดยครอบครัวซึ่งตั้งอยู่ใน Borehamwood ที่ก้าวขึ้นสู่ระดับโลกในด้านการออกแบบเครื่องเล่นแผ่นเสียง แน่นอนว่า ณ เวลานี้ Michell Orbe และ GyroDec ยังคงเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีความโดดเด่นอย่างมาก ซึ่งในทุกวันนี้ ‘GyroDec’ ยังคงเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ขายดีที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดของ Michell Engineering
เครื่องเล่นแผ่นเสียงเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังให้เสียงที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน มีโครงสร้างที่แข็งแรงและได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ทนทานนานหลายปี โดยไม่มีปัญหาและสามารถเล่นเพลงได้ใกล้เคียงกับเสียงบันทึกมากที่สุด รวมถึงการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม และเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก
John Michell ได้ออกแบบเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบ ลูกตุ้มแขวนลอย (Floating Pendulum) ที่มีแชสซีย่อย (Sub-chassis) และตลับลูกปืนหลักแบบคว่ำ ที่ปั๊มน้ำมันอันชาญฉลาด (Ingenious Oil-pumping Inverted Main Bearing) ซึ่งทำให้การเล่นแผ่นเสียงไวนิลก้าวล้ำเหนือคู่แข่งมาก ในช่วงทศวรรษ 1980 ด้วยเป้าหมายที่จะแยกชิ้นส่วนที่อ่อนไหวของเครื่องเล่นแผ่นเสียงจากแหล่งกำเนิดแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนทางกล (Mechanical Noise) นั่นคือ Michell GyroDec
ซึ่งมุ่งเน้นการออกแบบที่ลดจุดสัมผัสบริเวณขาให้น้อยที่สุด โดยใช้ขาอะลูมิเนียมลดแรงสั่นสะเทือน ตัวฐานเป็นอะคริลิกปลอดเรโซแนนท์ ใช้ระบบ Suspension แบบเสาสปริง 3 จุดรับน้ำหนักแชสซีย่อยที่ยึดติดกับตลับลูกปืนหลัก แพลตเตอร์ และชุดโทนอาร์ม ส่วนมอเตอร์ขับเคลื่อนถูกแยกอิสระออกจากตัวเครื่องเล่นเพื่อตัดนอยส์และแรงสั่นสะเทือนทั้งหมด “Michell GyroDec” นับเป็นพัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเครื่องเล่นแผ่นเสียง ทั้งนี้ John Michell ได้ออกแบบ “Michell GyroDec” จากแรงบันดาลใจที่ตัวเขาได้มาจากการออกแบบโมเดลยานอวกาศ “Discovery” และสถานีอวกาศ “Space Station V” ให้ภาพยนตร์เรื่อง 2001 – Space Odyssey ของผู้กำกับ สแตนลีย์ คูบริก ในช่วงยุค 60s
ต่อมา John Michell ได้ประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยเขาได้ประดิษฐ์ Record Clamp ด้วยแนวทางของตัวเองในปี ค.ศ. 1977 แม้ว่า ในช่วงเวลานั้นจะมีผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงรายอื่นๆ ได้นำมาออกตลาดแล้ว แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ John Michell ได้เสียชีวิตลงในช่วงปลายปี ค.ศ. 2003 แต่กระนั้นตัวเขาได้วางอนาคตไว้ภายใต้การบริหารจัดการที่มั่นคงของครอบครัวเขาไว้แล้วก่อนหน้านั้น ปัจจุบัน Michell Engineering ออกแบบและผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียง, โทนอาร์ม รวมทั้งหัวเข็มเล่นแผ่นเสียงให้ผู้รักเสียงเพลงได้สัมผัสประสบการณ์เสียงอะนาลอกระดับไฮเอนด์ในราคาที่เอื้อมถึง ไลน์อัพสินค้ากลุ่มเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Michell Engineering มีทั้งหมด 5 รุ่นได้แก่ TecnoDec, Gyro SE, GyroDec, Orbe SE และ Orbe ซึ่งเป็นรุ่นระดับเรือธง
Space station “V” 
Space ship “Discovery”
John Michell ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ตลอด ในปี ค.ศ. 1989 เขาเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับแหล่งจ่ายไฟที่เงียบกว่าสำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Michell Engineering ซึ่งต่อมา Gyropower ดั้งเดิมก็ถูกแทนที่ด้วย ‘Gyropower QC’ ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงกว่ามาก ซึ่งเป็นแหล่งจ่ายไฟที่ทำงานเต็มรูปแบบโดยใช้การควบคุมด้วยผลึกควอตซ์ เพื่อล็อคความถี่เอาต์พุต สังเคราะห์คลื่นไซน์สองคลื่นที่มีความสัมพันธ์กันด้วยค่าเฟสที่แม่นยำ ซึ่งถูกบัฟเฟอร์โดยเครื่องขยายกำลังสองเครื่อง ก่อนจะขับเคลื่อนคอยล์มอเตอร์ ‘Gyropower QC’ เป็นตัวเลือกสำหรับ GyroDec และ Gyro SE และได้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับ Orbe เมื่อมีการเปิดตัวในปี ค.ศ. 1995
‘Orbe’ เป็นรุ่นเรือธงของ Michell Engineering ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงประสิทธิภาพสูงอย่างแท้จริง โดยมีการปรับปรุงทางวิศวกรรมที่สำคัญเมื่อเทียบกับ GyroDec และยังคงเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงระดับเรือธงที่ผ่านการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าระดับราคามากทีเดียว ต่อมาในปี ค.ศ. 1999, Michell Engineering ได้เปิดตัว GyroDec เวอร์ชันขนาดเล็กกว่า ด้วยการกำจัดฐานอะคริลิกราคาแพง และฝาปิดแบบบานพับออกไป ทำให้ “Gyro SE” มีขนาดเล็กลงและราคาถูกกว่า แต่ยังคงคุณภาพเสียงเหมือนกับ GyroDec ที่เป็นเวอร์ชันใหญ่กว่า
ในปี ค.ศ. 2002, John Michell ได้ล้มป่วยกะทันหัน แต่ยังคงรับหน้าที่บริหารบริษัทต่อไป แม้ว่าในช่วงปลายปีนั้นจะหายดีแล้ว แต่ความเจ็บป่วยก็กลับมาอีกครั้งอย่างรุนแรง และเขาไม่สามารถดำเนินกิจการ Michell Engineering ที่เขาก่อตั้งขึ้นได้อีกต่อไป เขาจึงมอบหน้าที่บริหารธุรกิจให้กับ Julie และ Beverley ลูกสาวทั้งสอง รวมถึง Stephen ลูกเขยของเขา ซึ่งด้วยการสนับสนุนจากพนักงานที่ทำงานมายาวนาน Michell Engineering จึงยังคงเติบโตต่อไปได้ และทำให้ John Michell ยังคงทำงานที่บ้านได้ด้วยความหลงใหลในงานหลักของเขา นั่นคือ การออกแบบ และส่งผลให้ Michell Engineering ได้เปิดตัวเครื่องเล่นแผ่นเสียง รุ่น TecnoDec ซึ่งเป็นระดับเริ่มต้นในเวลาต่อมา
John Michell ได้เสียชีวิตอย่างน่าเศร้า เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2003 หลังจากต่อสู้กับโรคร้ายมาอย่างยาวนาน แต่ Michell Engineering ยังคงอยู่อย่างมืออาชีพเป็นมรดกสืบทอดของเขา ภายใต้การบริหารของครอบครัวที่มีความสามารถสืบสานและต่อยอดกิจการของ John Michell ได้อย่างดี ในปี ค.ศ. 2006, Michell Engineering จึงได้เปิดตัวรุ่น Orbe ที่มีขนาดเล็กลง โดยการกำจัดฐานอะคริลิกราคาแพงและฝาเปิดแบบบานพับ ทำให้ได้ ‘Orbe SE’ ที่มีขนาดเล็กลงและราคาถูกกว่า แต่ยังคงคุณภาพเสียงเหมือนกับ Orbe รุ่นที่ใหญ่กว่า
ในปี ค.ศ. 2016, Stephen ได้เริ่มทำการวิจัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผลิตหัวเข็มเล่นแผ่นเสียงแบบ คอยล์เคลื่อนที่ (Moving Coil Cartridge) โดยในช่วงแรกเขาเลือกที่จะร่วมมือกับบริษัทหัวเข็มเล่นแผ่นเสียงที่มีชื่อเสียง เพื่อใช้การออกแบบที่มีอยู่แล้ว แต่เมื่อตระหนักว่าการทำเช่นนี้จะไม่ส่งผลให้ได้ผลิตภัณฑ์ของ Michell Engineering ที่น่าพอใจอย่างแท้จริง Stephen จึงขอความช่วยเหลือจาก Jonathan ลูกเขยของเขา ซึ่งได้เข้าร่วมบริษัทเมื่อปีก่อน และแล้วพวกเขาก็ตัดสินใจพัฒนา Moving Coil Cartridge ขึ้นมา 3 หัวด้วยกัน ซึ่งได้รับการออกแบบตามข้อกำหนดที่เข้มงวดของพวกเขา
Cusis E 
Cusis S 
Cusis M
ซึ่งจะดึงดูดนักเล่นเครื่องเสียงระดับเริ่มต้นและผู้ฟังที่มีประสบการณ์ โดยยังคงมุ่งมั่นที่จะออกแบบและส่งมอบประสบการณ์ระดับไฮเอนด์ในราคาที่ไม่ไกลเกินเอื้อม หลังจากการวิจัยและทำงานหนักเป็นเวลา 5 ปี Stephen และ Jonathan ก็ได้ผลิต Moving Coil Cartridge รุ่นแรกของ Michell Engineering ออกมาเป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ. 2019 ตั้งชื่อรุ่นว่า Cusis E, Cusis S และ Cusis M นำเสนอข้อมูลอ้างอิงที่แท้จริงสู่ตลาด ซึ่งด้วยบทวิจารณ์ที่เป็นบวก หัวเข็มเหล่านี้จึงประสบความสำเร็จในทันที ต่อมาในปี ค.ศ. 2021, Michell Engineering เริ่มพัฒนาโทนอาร์มแบบใหม่หมดในแนวทางของตัวเอง และได้วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2023
_________________
