Kanta No.3 คือ ผลงานอะคูสติกที่อ้างอิงถึงความเที่ยงตรงสูงสุดของไลน์ผลิตภัณฑ์ โดยมีการออกแบบที่ทันสมัยอย่างมุ่งมั่น โดยผสมผสานเทคโนโลยีโฟกัสเฉพาะจำนวนหนึ่งเข้าด้วยกัน เพื่อคุณภาพเสียงไฮไฟที่ไร้ที่ติ ทั้งในรูปแบบการใช้งานดูหนังและฟังเพลงอย่างมีสไตล์เฉพาะตัว ซึ่งจริงๆ แล้ว Kanta No.3 ใหม่นี้ ได้รับการใส่ใจในรายละเอียด ไม่ต่างจากระดับเดียวกับ Grande Utopia EM นับตั้งแต่การประกอบเชิงกล การตกแต่งตู้ลำโพง และกระจกด้านบนอันเป็นเอกลักษณ์นั้นไร้ที่ติ เพื่อให้ลำโพงนี้เป็นที่ภาคภูมิใจของคุณ
Kanta No.3 นี้เป็นรุ่นท็อปของไลน์ผลิตภัณฑ์ Kanta ของ Focal ซึ่งด้วยระดับราคา Kanta Series อาจมีความคล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลอย่าง Sopra อยู่บ้าง แต่ Kanta Series นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ในฐานะลำโพง Focal รุ่นล่าสุด ด้วยเทคโนโลยีจาก Grande Utopia EM ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงได้ถูกนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ทุกรุ่น ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ Kanta นั้นมีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายที่ถือเป็นนวัตกรรมสดใหม่สำหรับ Focal
โดยหลักแล้ว ทวีตเตอร์ Beryllium รุ่นใหม่ล่าสุด “IAL3” และมิดเรนจ์รุ่นปัจจุบันใช้วัสดุกรวยแฟลกซ์ (Flax Cone) รุ่นล่าสุด ซึ่งเบากว่า แข็งกว่า และให้เสียงที่เป็นธรรมชาติมากกว่าวัสดุกรวย W รุ่นก่อนหน้า เมื่อรวมวัสดุรุ่นใหม่เหล่านี้เข้ากับการอัปเดตครอสโอเวอร์ล่าสุดของ Focal จึงทำให้ Kanta Series ให้ความรู้สึกอุ่นกว่ารุ่น Sopra เล็กน้อย ทั้งนี้ Kanta รุ่นใหม่ไม่ได้มีไว้เพื่อทดแทนรุ่น Sopra แต่เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ถ้าจะว่าไป Kanta No.3 สร้างขึ้นจากความสำเร็จของ Kanta No.2 รุ่นน้องรองที่เล็กกว่า ซึ่งทุกสิ่งที่เกี่ยวกับ Kanta No.2 นั้นมีผลเต็มที่กับรุ่น No.3 ด้วยวูฟเฟอร์ขนาดใหญ่ 8 นิ้ว (ในขณะที่รุ่น No.2 มียูนิตขนาด 6.5 นิ้วอยู่ 2 ตัว) และตู้ลำโพงที่มีปริมาตรมากขึ้น ทำให้รุ่น No.3 มีเสียงเบสที่ต่ำลงได้ลึกขึ้น และเล่นได้ดังขึ้นอีก
ทั้งนี้จุดเด่นของลำโพง Kanta No.2 อยู่ที่ความสามารถในการส่งมอบประสิทธิภาพสูงสุดในห้องขนาดไม่ใหญ่นัก ซึ่งแน่นอนว่า ลำโพง Sopra No.3 เหมาะที่จะรองรับกับห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของช่องเปิดพอร์ต (Port) ยิงเสียงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ลำโพง Kanta No.3 มีพัฒนาการจากจุดแข็งนี้ รวมไปถึงความสามารถในการถ่ายทอดไดนามิกเป็นพิเศษของลำโพง Kanta No.3 ที่พร้อมส่งมอบผลลัพธ์อันน่าทึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ปรับแต่งให้เหมาะสมที่สุด แต่ก็ให้เสียงที่ยอดเยี่ยมเมื่อเพียงแค่ตั้งวางไว้ในห้อง แต่ Kanta No.3 ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม จะกลายเป็นลำโพงมหัศจรรย์ไปในทันที เมื่อได้รับการปรับตั้งอย่างพิถีพิถัน
ลำโพง Focal : Kanta No.3 เป็นลำโพงตั้งวางพื้น ขนาดใหญ่ ความสูง 1.28 เมตร วางบนฐาน Zamac ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งประกอบขึ้นจากสารประกอบระหว่าง Zinc, Aluminium, Magnesium และ Copper (ทั้งนี้ Focal ยังใช้ Zamac นี้เป็นโครงยึดตัวลำโพงแบบ Diecast Baskets อีกด้วย) แผงด้านหน้าตัวตู้ที่มีลักษณะโค้งมน ซึ่งมีให้เลือกในสี Gauloises Blue, Carrara White, Black Lacquer หรือ Solar Yellow ซึ่งตัดกับสีตู้หลักที่เป็นสีดำเงาได้อย่างสวยงาม หรือ ถ้าหากคุณต้องการตัวตู้ที่เป็นลายไม้วีเนียร์ คุณก็สามารถเลือกแผงด้านหน้าตัวตู้ที่เป็นสี Warm Taupe, Dark Grey, Ivory และ Gauloises Blue ได้
นอกจากส่วนโค้งที่เซ็กซีของแผงหน้าตัวตู้แล้ว ยังมีส่วนเอียงเล็กน้อยที่ช่วยดันทุกอย่างให้เอียงออกจากแนวดิ่งเล็กน้อย ทำให้เส้นสายดูนุ่มนวลขึ้น แต่องค์ประกอบที่น่าดึงดูดใจที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ แผงกั้น (Baffle) ซึ่งขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวจากวัสดุโพลีเมอร์ความหนาแน่นสูง (High Density Polymer-HDP) ที่มีความหนาแน่นมากกว่า MDF ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ แข็งกว่า MDF ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ และให้การหน่วงมากกว่า MDF ราวๆ 25 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ยังมีวูฟเฟอร์ 2 ตัว ที่ไม่ธรรมดา และไดรเวอร์เสียงกลาง ซึ่งวัสดุกรวยทำจากพืชธรรมชาติ ที่มีชื่อเรียกว่า แฟลกซ์ (Flax-Linum Usitatissimum)
‘แฟลกซ์’ เป็นพืชที่มีดอกสีฟ้าสวยงาม โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ก้านเพื่อผลิตผ้าลินิน เช่น ผ้าปูที่นอนคุณภาพดี แฟลกซ์เป็นพืชที่มีประโยชน์มาก เพราะแม้ว่าก้านจะใช้ผลิตสิ่งทอได้ แต่เมล็ดของแฟลกซ์สามารถนำมารับประทาน หรือแปรรูปเป็นน้ำมัน (เมล็ดลินิน) ได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Focal จะใช้แฟลกซ์ เนื่องจากแฟลกซ์ฝรั่งเศสถือเป็นพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะพันธุ์ที่ปลูกในภูมิภาค Picardy, Normandy และ Pas-de-Calais ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกแฟลกซ์โดยเฉพาะถึง 1 เฮกตาร์
ทำไมต้องเป็นแฟลกซ์ (Flax)? ตามประวัติศาสตร์ของ Focal ระบุไว้ว่า บริษัทกำลังมองหาทางเลือกอื่นแทนกระดาษสำหรับกรวยไดรเวอร์ราคาไม่แพงนัก โดยยังคงมีประสิทธิภาพสูง แล้วก็ได้พบกับวัสดุธรรมชาติชนิดนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในการใช้ทำผ้าลินิน (Linen Fabric) ลักษณะกลวงของแฟลกซ์ทำให้มีน้ำหนักเพียงครึ่งหนึ่งของไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) ในขณะที่ความยืดหยุ่นต่ำ (Low Elasticity) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ทำกรวยที่ต้องแข็งและเบา อีกทั้งยังมีคุณสมบัติหน่วงหนึดในการดูดซับแรงกระแทกที่ดี (Good Damping Properties) อีกด้วย
แน่นอนว่า คุณไม่สามารถใช้แฟลกซ์เพียงอย่างเดียว เพื่อทำเป็นวัสดุกรวยได้ เพราะมันนิ่มเกินไป ดังนั้น Focal จึงได้นำเทคนิคแซนวิชแบบ “W” และ “K2” มาใช้ เพื่อสร้างไดรเวอร์ที่ใช้ในรุ่นท็อปไลน์จนถึงรุ่น Kanta No.3 โดยแกนแฟลกซ์จะมีชั้นของไฟเบอร์กลาสอยู่ทั้งสองด้าน จึงทำให้ Focal เรียกไดรเวอร์นี้ว่า ‘F’ Driver
Focal กล่าวว่า ลักษณะโครงสร้างของ ‘F’ Driver ร่วมกับวัสดุที่ใช้เฉพาะ ส่งผลให้กรวยลำโพงมีการหน่วงภายในสูง (High Internal Damping) อัตราเร่งความเร็วของเสียงสูง (High Velocity of Sound) และความแข็งแกร่งสูง (High Rigidity) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักออกแบบลำโพงทุกคนต้องการในกรวยลำโพง โครงสร้างของกรวยลำโพงจะแตกต่างกันไปตามการใช้งาน ไดรเวอร์ขับเสียงเบสส่วนใหญ่มีแกนแฟลกซ์ (Flax Core) 250 กรัม/ตร.ม. และชั้นใยแก้ว (Glass Layers) 100 กรัม/ตร.ม. ในขณะที่ไดรเวอร์เสียงกลางมีแกนแฟลกซ์ (Flax Core) 150 กรัม/ตร.ม. และชั้นใยแก้ว (Glass Layers) 50 กรัม/ตร.ม.
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากรวยจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้องปล่อยให้มันเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และนี่คือ จุดที่ Focal ได้พัฒนาขอบยางที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับไดรเวอร์เสียงกลางขนาด 165 มม. ซึ่งบริษัทได้จดสิทธิบัตรไว้ หากคุณมองที่ขอบรอบกรวยเสียงกลาง ซึ่งเป็นยาง (ไม่ใช่โฟม) จึงไม่เสื่อมสภาพในสภาพแวดล้อมที่มีรังสี UV สูง คุณจะเห็นว่ามี “ปุ่มนูน” (Bumps) แปลกๆ ขึ้นรูปอยู่
‘ส่วนปุ่มนูน’ เหล่านี้ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘Tuned Mass Damper’ (TMD) เพื่อจัดการคลื่นสั่นสะท้อนย้อนกลับของขอบลำโพง (Surround) ซึ่งทาง Focal กล่าวว่า จะป้องกันไม่ให้เสียงกำทอน (Resonances) ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมลูกสูบ (Pistonic Behaviour) ของตัวกรวย (พบเห็นใช้งานครั้งแรกใน Sopra No.2) ทั้งนี้ Focal กล่าวว่า เป็นโซลูชั่นทางวิศวกรรมแบบเดียวกับที่ใช้สร้างตึกระฟ้า ซึ่งต้านทานแผ่นดินไหว
Neutral Inductance Circuit
แม่เหล็กของไดรเวอร์ทั้ง 3 ตัวใน Focal : Kanta No.3 ล้วนเป็นแบบ Neutral Inductance Circuit (NIC) ของ Focal ซึ่งไม่ใช่วงจรทางไฟฟ้า แต่เป็นวงจรแม่เหล็กที่มีวงจรเหนี่ยวนำเป็นกลาง หรือ อาจเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของวงจรแม่เหล็กขนาดใหญ่
ปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่เกิดขึ้นกับไดรเวอร์แบบ ขดลวดเคลื่อนที่ (Moving-Coil) หรือเรียกอีกอย่างว่าไดรเวอร์แบบ ไดนามิก (Dynamic Drivers) ก็เพราะว่า การทำงานของไดรเวอร์จะขึ้นอยู่กับปฏิสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็ก 2 สนาม สนามแม่เหล็กหนึ่งอยู่รอบแม่เหล็กของไดรเวอร์ และอีกสนามแม่เหล็กหนึ่งอยู่รอบวอยซ์คอยล์ หากไม่มีสัญญาณเสียงผ่านวอยซ์คอยล์ ก็จะไม่มีสภาพสนามแม่เหล็ก และสนามแม่เหล็กของแม่เหล็กไดรเวอร์ก็จะมีสภาพเสถียร (Stable)
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อคุณส่งกระแสไฟฟ้า (เช่น สัญญาณเสียง) ผ่านวอยซ์คอยล์ มันจะสร้างสนามแม่เหล็กรอบๆ คอยล์ ซึ่งจะไปโต้ตอบกับสนามแม่เหล็กรอบๆ แม่เหล็ก และทำให้วอยซ์คอยล์เคลื่อนที่ไปทางใดทางหนึ่ง แต่เมื่อวอยซ์คอยล์เคลื่อนที่ผ่านสนามแม่เหล็ก วอยซ์คอยล์เสียงจะบิดเบือน (Distort) ซึ่งหมายความว่า การเคลื่อนที่ของคอยล์จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของคอยล์ เมื่อเทียบกับสนามแม่เหล็กนั้น รวมถึงแรงดันไฟฟ้าผ่านคอยล์ด้วย
เนื่องจากการเคลื่อนไหวของวอยซ์คอยล์เป็นสิ่งที่ทำให้กรวยลำโพงสร้างคลื่นเสียงจากการเคลื่อนที่ของวอยซ์คอยล์ และ ตัวกรวย ดังนั้น ความจริงที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ยากที่จะสร้างไดรเวอร์ที่มีการตอบสนองความถี่แบบแฟลต (Flat Frequency Response) และการบิดเบือนต่ำ (Low Distortion)
ผู้ผลิตไดรเวอร์ใช้หลากหลายวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว (โดยมักจะใช้หลายวิธีพร้อมกัน) และวิธีหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปคือ การเพิ่มวงแหวนฟาราเดย์ (Faraday Ring) ที่บางครั้งเรียกกันว่า วงแหวน ปรับฟลักซ์ (Flux) หรือ “วงแหวนลัดวงจร” (Shorting Ring) ลงในวงจรแม่เหล็กที่ด้านบน หรือ ด้านล่างของขั้วแม่เหล็ก (Pole Piece) วิธีนี้ช่วยลดความเหนี่ยวนำของวอยซ์คอยล์ และทำให้มีความเป็นเชิงเส้น (Linearity) มากขึ้น ส่งผลให้การบิดเบือนลดลงและตอบสนองความถี่ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
วงแหวนฟาราเดย์ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้ผลิตไดรเวอร์ใช้วงแหวนฟาราเดย์มานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว แต่ Focal ได้ใช้เครื่องวิเคราะห์ Klippel ซึ่งมีราคาแพงมาก เพื่อปรับขนาดวงแหวนฟาราเดย์ที่ใช้ และวางตำแหน่งในสนามแม่เหล็กให้เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าวงแหวนฟาราเดย์แบบ “สำเร็จรูป” ทั่วไป ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพของลำโพงแล้ว ลำโพงที่มีค่าเหนี่ยวนำคงที่ ยังช่วยให้เครื่องขยายเสียงขับเคลื่อนค่าโหลดได้ง่ายกว่า (Easier Load) ดังนั้นจึงเท่ากับว่า ได้รับประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจากเครื่องขยายเสียงที่ใช้งานร่วมด้วยเช่นกัน
Three-way Design Attributes
Focal : Kanta No.3 เป็นลำโพง 3 ทาง แต่เป็นการออกแบบที่แตกต่าง เนื่องจาก Kanta No.3 มีวูฟเฟอร์ 2 ตัวที่แบ่งหน้าที่กันทำหน้าที่ขับขานเบส และไดรเวอร์เสียงกลาง 1 ตัว ทำหน้าที่ส่งมอบเฉพาะความถี่ย่านเสียงกลางโดยเฉพาะ ซึ่งนั่นหมายความว่า โน้ตเบสไม่สามารถทำให้โน้ตในช่วงเสียงกลาง “ขุ่นมัว” ได้
การมีวูฟเฟอร์ขับขานเสียงเบส 2 ตัว ที่แต่ละตัวมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 210 มม. (แต่เส้นผ่านศูนย์กลางเคลื่อนที่รวม-กรวยบวกโรลเซอร์ราวด์ คือ 180 มม.) ของ Kanta No.3 เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายมวลอากาศได้เทียบเท่ากับวูฟเฟอร์เบสขนาดใหญ่มากเพียง 1 ตัว (อาจจะต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 290 มม.) แต่การใช้วูฟเฟอร์ 2 ตัวทำงานผสานร่วมกัน จะทำให้ได้ประโยชน์มากกว่าในแง่ของความฉับไวในการตอบสนองต่อสัญญาณฉับพลัน รวมถึงการส่งมอบไดนามิกที่ดียิ่งกว่า การใช้วูฟเฟอร์เบสขนาดใหญ่มากหนึ่งตัว
อีกทั้งในการออกแบบเป็นลำโพง 3 ทาง อย่างเช่น Kanta N0.3 นี้ วูฟเฟอร์ 2 ตัว จะสร้างเสียงความถี่ต่ำ 20Hz เคลื่อนที่ไปมาได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องส่งเสียงความถี่ย่านเสียงกลาง 1,000Hz ในขณะที่ไดรเวอร์เสียงกลางก็จะสร้างเสียงความถี่ย่านเสียงกลางที่ความถี่ 1,000Hz อย่างเป็นอิสระ ไม่ต้องรับภาระช่วงย่านความถี่เสียงต่ำ เท่ากับว่า การทำงานของไดรเวอร์แต่ละตัวจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางความถี่ที่รับหน้าที่ขับขานเลย ข้อดีของการออกแบบลำโพง 3 ทาง พร้อมไดรเวอร์เสียงกลางแยกกันนั้นชัดเจน!
พลังงานคลื่นเสียงจากด้านหลังของไดรเวอร์เหล่านี้ ถูกควบคุมโดยการจัดวางท่อเปิด แบบคู่ (Dual Bass Reflex Port) ที่ไม่ธรรมดา…โดยพอร์ตหนึ่ง (ยาว 190 มม. และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 มม.) จะออกทางแผงหน้าตัวตู้ ในขณะที่อีกพอร์ตหนึ่ง (ยาว 90 มม. และลึก 65 มม.) จะออกทางแผงด้านหลัง ทั้งนี้ Nicolas Debard จาก Focal กล่าวว่า “ประโยชน์ของการมีพอร์ตสองพอร์ตนั้นส่วนใหญ่แล้วคือ การวางตำแหน่งที่ง่ายกว่าในห้อง เพื่อให้ลำโพงไวต่อการวางตำแหน่งใกล้ผนังด้านหน้าน้อยลง” (The benefit of having two ports mainly consists in an easier positioning in the room to make the speakers less sensitive to a positioning near a front wall.)
เบริลเลียม (Beryllium) เป็นวัสดุโดมที่ Focal Co.,Ltd. เลือกใช้มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว เช่นเดียวกับการใช้รูปทรงโดมแบบ “กลับด้าน” (‘Inverted’ Dome) สำหรับทวีตเตอร์ โดยแทนที่จะโป่งออกมาด้านนอกเช่นเดียวกับทวีตเตอร์โดมส่วนใหญ่ โดมทวีตเตอร์ของ Focal จะเว้าเข้าในลักษณะของ Concave แทน
ทั้งนี้ทวีตเตอร์เบริลเลียมโดมกลับด้านที่เรียกว่า IAL3 ขนาด 27 มม. ใน Kanta No.3 นั้นได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากการติดตั้งเทคโนโลยี ‘IHL’ (Infinite Horn Loading) ที่เป็นสิทธิบัตรของ Focal ซึ่งหมายความว่า ด้านหลังของตัวโดมจะถูกโหลดผ่านห้องกักเล็กๆ (Small Cavity) ซึ่งเชื่อมต่อกับภายนอกของตู้ โดยฮอร์นที่มีปริมาตรที่เต็มไปด้วยวัสดุลดแรงสั่นสะเทือน ดังนั้นพลังงานทั้งหมดจากด้านหลังของโดมจะถูกดูดซับ (Absorbed) แทนที่จะสะท้อนกลับ (Reflected)
แนวทางนี้คล้ายคลึงกับระบบที่พัฒนาโดย Laurence Dickie เมื่อเขาออกแบบลำโพงขาวดำ แต่เห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างมากพอที่ Focal จะได้รับสิทธิบัตรสำหรับระบบนี้ สำหรับ IAL (Infinite Acoustic Loading) ที่อ้างอิงในชื่อรุ่นของทวีตเตอร์ IAL3 (โดยที่ ‘3’ หมายถึงรุ่นที่สาม) ตัวอักษรเหล่านี้หมายถึงวิธีการเปลี่ยนทิศทางของแรงกดจากด้านข้างของโดม
ผลการรับฟัง
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Kanta Series มีอยู่ 3 รุ่นด้วยกัน : Kanta No.1; Kanta No.2 และ Kanta No.3 โดยทาง Focal ระบุว่า No.1 เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 25 ตร.ม. ส่วน No.2 เหมาะสำหรับห้องขนาด 25-40 ตร.ม. และ No.3 เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 80 ตร.ม. ซึ่งนี่ทำให้ผู้ใช้สามารถทำการเลือกดูว่า ลำโพงไหนจะเหมาะกับห้องไหนมากที่สุด
ในเรื่องของเสียงนั้น Kanta No.3 มิใช่ลำโพง 3 ทาง ที่ให้เสียงแยกกันมา คุณไม่ได้ยินเสียงเบส เสียงกลาง และเสียงแหลม เดินทางต่างคนต่ามาถึงหูของตัวคุณ แต่คุณกำลังได้ยินทั้งสามเสียงที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ต่อเนื่อง/ไหลลื่นกลมกลืนกันอย่างแนบแน่น อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่กำแพงเสียงที่ไม่บ่งบอกรูปร่าง แต่สามารถให้จินตภาพเสียงที่ปรากฏให้เห็นได้แจ่มชัด มีพื้นผิว มีความลึก ความสูง และความกว้างที่รับรู้ได้
ทว่าดาวเด่นของความเป็น Kanta No.3 นั่นคือ ลำโพงขับเสียงกลาง (Midrange) โดย J. Gordon Holt นักวิจารณ์และผู้ก่อตั้งนิตยสาร Stereophile เคยกล่าวไว้อย่างถูกต้อง (และเป็นที่ยอมรับกัน) ว่า “หากลำโพงเสียงกลางไม่ดี สิ่งอื่นก็ไม่สำคัญอีกต่อไป” (If the midrange isn’t right, nothing else matters.)…ลำโพง Kanta No.3 ถ่ายทอดช่วงย่านเสียงกลางได้ยอดเยี่ยมมาก
ขอชี้แจงสักนิดนะครับว่า นี่เป็นการเดินทางมาฟังเทสต์นอกสถานที่ โดยได้ใช้โชว์รูมของ CH Home Media Co.,Ltd. ที่สยามพารากอนในการรับฟังของผมครั้งนี้…นับเป็นความประทับใจครับ สำหรับการรับฟัง “Kanta No.3” ที่นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของความเป็นพี่ใหญ่ใน Kanta Series โดยได้ตอกย้ำถึงข้อดีสำคัญของการใช้มิดเรนจ์และวูฟเฟอร์ที่มีลักษณะโครงสร้างเป็น ‘F’ Driver
ส่งผลให้ Kanta No.3 มีความโดดเด่นในด้าน “ความกลมกลืนกัน” ของช่วงย่านเสียงกลาง/ต่ำที่เป็นเนื้อเสียงเดียวกันอย่างนวลเนียนไร้ตะเข็บช่วงรอยต่อ (Seamless) ทำให้รับฟังรายละเอียดต่างๆ ในช่วงย่านเสียงกลางที่ให้ความมีมิติ มีตัวตน กลมมน มีเนื้อมีหนัง ฟังเพลงร้องได้สบายใจให้ความเพลิดเพลิน และยังสอดประสานเข้ากับช่วงภาระขับขานของทวีตเตอร์ได้อย่างเหมาะเจาะ เสียงกีตาร์-เสียงเปียโน-เสียงไวโอลิน-เสียงเครื่องสายทั้งหลายเรียกได้ว่าแทบจะมองเห็นเป็นเส้นสายที่กำลังสั่นไหวเลยเชียวละ
ในขณะที่ทวีตเตอร์แบบ Beryllium รุ่นใหม่ “IAL3” ขนาด 27 มม.ของ “Kanta No.3” สามารถส่งมอบบุคลิกเสียงที่สดใส ฉับไว เปล่งประกาย ให้ความกังวานของปลายหางเสียงสูงที่แจ่มชัด ทอดตัวยาวไกล ให้ความมีตัวตน มีชีวิตชีวา มีวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นเสียงนักร้องหรือเครื่องดนตรีชิ้นใดก็ตามจะถูกถ่ายทอดออกมาด้วยองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
จากการรับฟัง “Kanta No.3” นั้นมีความฉับไว ให้ความกระจ่างสดใสในช่วงย่านเสียงสูง พร้อมด้วยหางเสียงที่มีประกายทอดตัวยาวไกล ช่วงย่านเสียงกลางนั้นเล่าก็ให้แยกแยะรายละเอียดได้ดี ช่วงย่านเสียงต่ำเก็บตัวได้ไวไม่รุ่มร่าม ยืดขยายลงไปได้ลึกล้ำ ปริมาณเสียงเบสหนักแน่น และเปี่ยมในพลังกระแทกกระทั้น ให้การรับฟังเสียงเบสได้กระชับในจังหวะจะโคน และยังสามารถติดตามท่วงทีลีลาของการไล่คอร์ดเบสได้อย่างมันในอารมณ์ แยกแยะเสียงเบสกับกลองกระเดื่องได้ด้วยน้ำหนักเสียงที่ต่างกันชัดเจน ทั้งยังสามารถทำให้สัมผัสได้ถึงสภาพบรรยากาศ (Atmosphere) ในสถานที่ที่บันทึกเสียงนั้นๆ แสดงถึงประสิทธิภาพโดยรวมของทั้งไดรเวอร์ที่ใช้ และวงจรตัด/กรองความถี่ที่อยู่ในตัว รวมไปถึงเรื่องของตัวตู้ที่ Focal ออกแบบ/สร้างอย่างเป็นพิเศษ
“Kanta No.3” ให้ความตราตรึงใจในเสียงเบสอันดื่มด่ำ เป็นช่วงย่านความถี่เสียงต่ำที่รับรู้ได้ว่า สามารถตอบสนองลงไปได้ล้ำลึกอย่างแท้จริง มิใช่เป็นเพียงแค่ฮาร์โมนิกเสียง วูฟเฟอร์แบบ ‘F’ ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 2 ตัว ของ Kanta No.3 ให้การเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำในช่วงจังหวะเวลา สามารถผลักดันมวลอากาศให้เคลื่อนที่ได้เป็นปริมาณมาก เสริมเข้ากับระบบทำงานแบบ Dual Port (ท่องด้านหน้า+ท่อด้านหลัง) ทำให้ช่วงความถี่ต่ำที่ออกมาจาก Kanta No.3 นั้น รับฟังอย่างอิ่มเอมใจ
นอกเหนือจากเสียงเบสที่เปี่ยมในพละกำลัง ควบคุมตัวได้ดี และยังทิ้งทอดตัวลงไปได้ลึกล้ำเต็มที่อย่างแท้จริงดังที่บอกไว้ตอนต้นแล้วนั้น “Kanta No.3” ยังให้ไดนามิกเสียงอันฉับไว เปี่ยมในเรี่ยวแรงกระแทกกระทั้น ทั้งในแง่ของความกระชับ กระฉับกระเฉงในท่วงท่า-จังหวะจะโคนของดนตรี ที่สำคัญเสียงต่างๆ ที่รับฟังล้วนมีความอบอุ่น อิ่มฉ่ำ ให้ความมีตัวมีตนของเสียง สมจริงสมจังอย่างเสียงที่ได้ยินได้ฟังในธรรมชาติ ดังนั้นเสียงที่รับฟังจาก Kanta No.3 จึงมีท่วงทำนองดนตรีที่หนักแน่น แม่นยำ เข้มข้น รุกเร้า ไม่แช่มช้าฟังได้มันส์ซะใจ
“Kanta No.3” ให้ช่วงย่านเสียงสูงที่เด่นชัดเป็นประกายแวววาว โปร่งใส ละเอียด สดชัด มีชีวิตชีวา ทั้งอาจจับสังเกตได้ว่า เสียงแหลมนั้นออกทางสว่าง สดใส พุ่งสูงล้ำอยู่บ้างนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ Kanta No.3 พูดได้ว่า มีลักษณะที่เสียงคมกริบ จัดจ้า แต่ทว่ายังให้สีสันของเสียงที่เข้มข้นไม่ได้สว่างเกินไป และยังคงอ่อนละมุน นวลนุ่มกว่าลำโพงโดมโลหะบางรุ่นที่เคยรับฟังในระดับราคาใกล้ๆ กัน
ต้องขอบอกว่า “Kanta No.3” นำเสนอรสชาติของเสียงที่รุกเร้า เย้ายวน ชวนให้ตื่นเต้นในห้วงอารมณ์ จนอาจทำให้เผลอใจหลงใหลในทันที ไม่ว่าคุณจะรับฟังในแนวทางดนตรีแบบใด…มันก็ใช่ละครับที่ “Kanta No.3” จะให้เฉดสีของเสียงดนตรีบางประเภทได้น่าฟังมากๆ จนอาจทำให้หลงรักหัวปักหัวปำ ทว่าโดยรวม “Kanta No.3” ก็ไปกันได้ดีโดยรวมกับดนตรีแทบจะทุกแนวที่ลองฟัง
กระนั้นยืนยันได้ว่า “Kanta No.3” ให้ความอิ่มเอิบ สดใส และฉับไวมากจริงๆ ครับ พร้อมกับสำแดงให้รับรู้ถึงสมรรถนะในการส่งมอบไดนามิกอันน่าประทับใจจริงๆ ให้ความละเมียดละไมของเสียงที่ดีมาก อ่อนหวาน กังวาน นวลนุ่ม และให้ความมีตัวตน เป็นลักษณะน้ำเสียงที่เปี่ยมในความมีชีวิตชีวา ควบคู่ความฉับพลันทันใดกันเลยทีเดียว รับฟังรายละเอียดของเสียงเครื่องเคาะจังหวะแปลกๆ ได้ทุกเม็ดไม่มีพลาด ทั้งยังแยกแยะระยะความลึก-ใกล้-ไกลของแต่ละชิ้นดนตรีได้ดีมาก เหลื่อมไปทางซ้ายนิด เยื้องไปทางขวาหน่อย ไม่มีอาการซ้อนทับกัน
“Kanta No.3” ส่งมอบเสียงเพลงและดนตรีได้อย่างอลังการสมความเป็นลำโพงระดับเรือธงใน Kanta Series ของ Focal รับฟังแล้วช่างน่าชื่นใจยิ่งนัก โดยเฉพาะรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่อุบัติขึ้นอย่างปุ๊บปั๊บ ฉับพลัน ไม่เพียงแค่ประกายเปล่งปลั่งของเสียงนะครับ การจางหายไปของเสียงต่างๆ ก็ถูกจาระไนออกมาได้ดีมาก ฟังสมจริงอย่างเป็นธรรมชาติ การแยกแยะระยะห่าง-ช่องว่างระหว่างชิ้นดนตรีก็มีความจะแจ้งมาก ให้ระดับความลึกที่เพิ่มขึ้นกว่าธรรมดาจากที่เคยรับฟัง รวมถึงความอวบอิ่มมีน้ำมีนวล และความมีตัวตนของทุกสรรพเสียง สามารถจำแนกรายละเอียดเสียงต่ำๆ อย่างลีลาการโซโลกลองได้ชัดเจนมาก ทั้งยังให้ความกลมกล่อม ละมุนละไม มีสภาพมวลบรรยากาศ (Airy) การบ่งบอกความลึกในเวทีเสียงก็ทำได้ดีมาก
“Kanta No.3” จะทำให้คุณรับรู้ได้ถึงสเกลเสียงอันสมจริง ไม่ใหญ่-ไม่เล็กผิดไปจากสภาพอันเป็นจริงอย่างที่เราเคยได้ฟังเสียงนั้นๆ ในธรรมชาติ ด้วยขนาดเวทีเสียงที่แผ่กว้างเลยตำแหน่งตั้งวางลำโพงซ้าย-ขวาออกมาข้างละร่วมเมตร ซึ่งถ้าลองฟังกับแนวดนตรีแสดงสด คุณจะรู้สึกราวกับเข้าไปอยู่ท่ามกลางสภาพเสียงในเหตุการณ์จริง ณ ขณะนั้นเลยทีเดียวเชียวละ ยิ่งกว่านั้นทางด้านของเสียงร้อง (Vocal) ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ฟังดูอิ่มเอิบ มีชีวิตชีวา ราวกับว่านักร้องนั้นกำลังปรากฏกายอยู่ท่ามกลางเสียงเพลงและดนตรีที่กำลังรับฟัง อีกทั้งต้องยอมรับครับว่า “Kanta No.3” ให้ความแม่นยำในท่วงท่า-จังหวะจะโคนของดนตรีได้ดีมากๆ รวมทั้งความสดสะอาด ความโปร่งกระจ่างก็ทำได้ดีเยี่ยมเช่นกัน…นี่คือ ลำโพงยุคใหม่ สมรรถนะสูงที่ให้คุณภาพเสียงได้ในระดับที่เยี่ยมยอด พร้อมด้วยศักดิ์ศรีความภาคภูมิใจที่ได้ครอบครองมัน และรู้สึกปลื้มปิติใจในทุกครั้งที่รับฟังมัน ด้วยความเพลิดเพลินใจอย่างตราตรึงใจไปนานเท่านาน…
สรุปส่งท้าย
“Kanta No.3” ทำให้เรารับรู้ถึงสารพัดเสียงสอดแทรกต่างๆ ที่ถูกบ่งบอกออกมาราวกับรายรอบตัวเรา มันจะแจ้งมากๆ สดสะอาดและแจ่มชัดให้ทิศทางที่มาของเสียงนั้นๆ ช่วงย่านเสียงกลาง/ต่ำให้ทั้งความสดใสและฉับไว รายละเอียดต่างๆมีความครบชัด ในขณะที่ช่วงย่านความถี่สูงก็ให้รายละเอียดได้ยิบยับ ฟังแล้วรู้สึกประทับใจจริงๆ ครับ
“Kanta No.3” ให้เสียงเบสที่แผ่ใหญ่ และหนักแน่น ทรงพลัง พร้อมด้วยเสียงกลางที่อบอุ่นและนุ่มนวล จนให้เสียงของเปียโนที่มีเนื้อหนังออกมามากพอที่จะฟังสมจริงเป็นธรรมชาติมาก และมีช่วงกลางตอนล่างที่น่าพึงพอใจ ช่วงบนของความถี่เสียงสูงมอบความชัดเจนของรายละเอียดระดับพื้นผิว (Textural Detail) ที่มีความไหลลื่นต่อเนื่อง สามารถส่งมอบเฉดเสียงที่แตกต่างกัน และผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้ได้รสชาติของเสียงครบรสครบเครื่อง ชวนให้หลงใหลในทันที นับเป็นเสียงคุณภาพระดับออดิโอไฟล์ที่เต็มเปี่ยมในรายละเอียดอันเปิดเผย เป็นประสบการณ์ทางดนตรีที่น่าดึงดูดใจ
Specifications | |
Type | 3-Way Bass-Reflex Floorstanding Speaker Drivers 2×8″ (21cm) Flax Driver with NIC Motor 6½” (16.5cm) Flax Midrange with TMD Suspension and NIC Motor 11/16″ (27mm) ‘IAL3’ Pure Beryllium Inverted Dome Tweeter |
Sensitivity | (2,83V/1m) 91dB |
Frequency Response | (+/-3dB) 33Hz-40kHz |
Low Frequency Point | (-6dB) 26Hz |
Nominal Impedance | 8 Ohms |
Minimum Impedance | 3 Ohms |
Recommended Amplifier Power | 40-400W |
Crossover Frequency | 250 Hz-2,500Hz |
Dimensions (H×W×D) | 5025/64×1513/64×2015/32″ (1,280×386×520mm) |
Net Weight | (With Front Grille) 101.6lbs (46kg) |
Packaging Dimensions (H×W×D) | 5817/64×193/32×2921/64″ (1,480×485×745mm) |
Total Weight (Including Packaging) | 116.1lbs (53kg) |
ขอขอบคุณ : บริษัท ซี เอช โฮม มีเดีย จำกัด | โทร.085-559-9225, 02-610-9564, 02-121-4106
ที่ได้อนุเคราะห์ในการทดสอบครั้งนี้