Pitt & Giblin ผู้เชี่ยวชาญด้านลำโพงจากออสเตรเลีย ได้ประกาศเปิดตัวลำโพงรุ่นใหม่ “Flare” ซึ่งเป็นลำโพงที่มีขนาดเล็กที่สุดของแบรนด์ โดยลำโพงรุ่นนี้ยังคงยึดหลักการของแบรนด์ด้วยการนำเทคโนโลยี waveguide และระบบ active/DSP มาใช้
‘Flare’ เป็นระบบลำโพงแอคทีฟแบบสองทาง (2-way) ที่มีความโดดเด่นด้วย waveguide ซึ่งช่วยให้การกระจายเสียงมีความเสถียร ตัวลำโพงประกอบด้วยจานทรงกลมที่ผลิตจากทองสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Pitt & Giblin เพื่อรองรับ compression driver ขนาด 25 มม. (1 นิ้ว) ที่ทำงานเป็น tweeter ซึ่งใช้วัสดุโพลิเมอร์ โดยทำงานร่วมกับดอกลำโพงกรวยกระดาษขนาด 200 มม. (8 นิ้ว) ที่มีระบบแม่เหล็กนีโอไดเมียมประสิทธิภาพสูง ดอกลำโพงขนาด 200 มม. นี้ติดตั้งพร้อมกับท่อระบายลมที่ออกแบบพิเศษ (radiused reflex port) บริเวณด้านหลังของตัวลำโพง เพื่อลดเสียงรบกวนจากแรงดันอากาศ
ตามที่ Pitt & Giblin ระบุว่า “การใช้ waveguide ขนาดใหญ่ทำให้สามารถควบคุมระดับเสียงในย่านความถี่ต่างๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เสียงมีความนุ่มนวลและฟังสบายในทุกห้อง พร้อมมอบประสบการณ์การฟังที่มีความถูกต้องและโอบล้อมผู้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวใดก็ตาม” ลำโพง Flare ทุกตัวมาพร้อมกับภาคขยายกำลังขับ 250 วัตต์ (Pascal-powered) และระบบ Digital Signal Processing (DSP) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานของ waveguide, ดอกลำโพง และโครงสร้างของตู้ลำโพง โดยไม่มีการใช้วงจร passive crossover ในลำโพงรุ่นนี้
สัญญาณเสียงจะถูกแยกและขยายแบบสองทาง (Bi-amplified) ผ่านการควบคุมในรูปแบบดิจิทัล ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อสัญญาณแบบอนาล็อก (XLR balanced และ RCA unbalanced) รวมถึงสัญญาณดิจิทัลผ่านช่อง S/PDIF ตัวลำโพงยังมีฟังก์ชันตรวจจับสัญญาณอัตโนมัติ และการเปิด-ปิดเครื่องโดยอัตโนมัติ
Pitt & Giblin ระบุว่า Flare มีช่วงตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 36 Hz ถึง 25 kHz โดยมีความแม่นยำภายในช่วง +/- 1.5 dB ขณะที่การตอบสนองย่านความถี่ต่ำสุดถูกระบุไว้ที่ 28 Hz ที่ -10 dB จุดตัดครอสโอเวอร์อยู่ที่ 900 Hz โครงสร้างตู้ลำโพงที่แข็งแรงและทนทาน ผลิตด้วยไม้เบิร์ชเกรด AA ที่ถูกตัดด้วยเครื่อง CNC แบบไร้รอยต่อ นอกจากนี้ Pitt & Giblin ยังมีตัวเลือกสำหรับการปรับแต่งผิวไม้และวัสดุภายนอกตามความต้องการของลูกค้า Pitt & Giblin ‘Flare’ Loudspeakers สนนราคา: 11,600 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ไม่รวมภาษี)
