Test Report: Wharfedale DIAMOND 220

0

Test Report: Wharfedale DIAMOND 220

(ยิ่งดีขึ้นไปอีก แต่ราคาเท่าเดิม)

ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

 wharfedale-diamond-220-black

            DIAMOND 220 เป็นลำโพงวางหิ้ง 2 ทาง รุ่นใหญ่สุดในตระกูล DIAMOND ใหม่ล่าสุด ซึ่งมาแทนรุ่น 121 แต่รุ่นใหม่ทำมาประณีตกว่ารุ่นเก่า 121 เยอะ อย่างตัวตู้รุ่นเก่าจะใช้แผ่นไม้ 2 ผิวประกบกัน (ไม้อัด+MDF) โดยไม้อนัดจะอยู่ผิวนอกของตู้ (มีไวนีลลายไม้ปิดทับอีกที) แต่รุ่นใหม่ใช้ไม้ MDF บางๆ 2 แผ่นประกบไม้อัดตรงกลาง และเอาไวนีลลายไม้ปะที่ MDF ด้านนอกแทน ซึ่งดูราบเรียบสวยงามกว่าเดิม

ดอกกลางทุ้มกรวย Kevlar 13 ซม. นั้นก็ใช้แม่เหล็กมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ขับง่ายขึ้น เชื่องขึ้น (ถ่ายทอดได้ถึงแก่นขึ้น)

รูระบายอากาศก็ย้ายมาอยู่ด้านล่างใต้ตู้ ยิงอากาศลง แผงไม้ฐานให้กระจายไปตามช่องแคบๆ รอบตู้ วิธีนี้จะได้ประสิทธิภาพดีกว่า เจาะรูกลม รูเดียว แบบเก่า (รุ่นเก่า 121 ก็เหมือนกัน แต่ 220 ปรับปรุงยิ่งขึ้น)

ดอกแหลมเหมือนเดิม ยังใช้ระบบรอยนูนรอบกรวยเป็นปากฮอร์นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แม่เหล็กทั้งหมดจะใช้เฟอไรท์ แทนที่จะเป็นนีโอไดเมี่ยม ไม่ใช่เพราะเฟอร์ไรท์ถูกกว่า แต่เพราะวิศวกรชอบแวฟิเดล รู้สึกว่าเฟอไรท์ให้เสียงราบรื่นกว่า

วงจรแบ่งความถี่ก็มีการดัดแปลงให้เสียงที่สอดรับกันได้ดีข้น

ขั้วรับสายลำโพงแบบ Binding Post อย่างดี (ไบ-ไวร์)

wharfedale-diamond-220-chassis_535056

สเปคจากผู้ผลิต

ระบบลำโพง                                                    2 ทางตู้เปิด

ดอกลำโพง                                                      ดอกเสียงกลางทุ้ม กรวย เคฟร่าสาน 130 มม.

ดอกเสียงแหลม โดมนิ่ม 25 มม.

การปิดผนึกกันสนามแม่เหล็ก                         ไม่มี

ความไว                                                            86 dB/ 2.83 V./ 1m.

แนะนำใช้กับภาคขยาย                                   25~100 W.

ให้ความดังสูงสุด                                             95 dB

ความต้านทาน                                                 8 โอห์ม (ต่ำสุด 4.1 โอห์ม)

ความถี่ตอบสนอง                                            56 Hz~20 kHz (+/- 3 dB)

45 Hz (-6 dB)

ปริมาตรภายในตู้                                             7 ลิตร

ขนาดตู้ (กว้าง × สูง (รวมขา) × ลึก (ขั้วด้วย))  174 × 315 × (227 + 28) มม.

น้ำหนักสุทธิ                                                     5.3 กิโลกรัม/ ตู้

 w00076_20141015072144_829

ผลการทดสอบ

จากเครื่องเล่น OPPO BDP-105 (ปรับปรุงภาคจ่ายไฟ เปลี่ยนตัวเก็บประจุทั้งหมดโดย PERFECT POWER โทร. 08-1904-2213 งบ 2,500 บาท ได้ผลดีมากทั้งภาพและเสียง (เบิร์นอิน 30 ชั่วโมง) ต่อสายเสียง MADRIGAL CZ GEL 2 (รุ่นหัว RCA) เข้า INPUT CD ของอินทีเกรทแอมป์ MOON 250i (50 w.RMS/ CH ที่ 8 โอห์ม) ออกสายลำโพง FURUKAWA S2 (เดินตามทิศ) หัว WBT (บานาน่า ล็อคได้) แยก 2 ชุด อิสระไม่แตะกัน ทำเป็นไบไวร์เข้า DIAMOND 220 (เอาหน้ากากออก) ที่วางอยู่บนขาตั้งลำโพง TARGET 24 HJ (รุ่นอังกฤษแท้)

ที่ด้านหน้า MOON ผมเอาผ้าดำไปปิด LED สีแดงที่ CD IN และที่หมุนโวลลุ่ม กับดวงไฟ LED สีน้ำเงินตรงกลาง (มิติโฟกัส เป็นตัวตนขึ้น, เสียงหัวโน้ตมีรายละเอียดมากขึ้นชัดขึ้น) สายไฟของ MOON ใช้สายสีม่วงของ CHORD แล้วไปเข้าตัวกรองไฟ PHD POWER STATION (สายไฟเข้ากล่อง PHD เป็น FURUKAWA CB10 3 เส้น (ทิศทางถูกต้องหมด)) หัว WATTGATE ตัวผู้, เมีย เสียบที่เต้าเสียบผนังบ้าน (เป็นของ MONITOR ACOUTICS รุ่นสีเทาสูงสุด รวมฝาปิดของเขาด้วย…น่าใช้มาก เสียงทุกอย่างดีขึ้น 30% ขึ้นไป แต่ต้องเบิร์นอินสัก 50-60 ชั่วโมงขึ้นไป ติดต่อ 08-1659-6165, 08-5489-7606 แพงแต่คุ้มค่าจริงๆ ครับ)

ด้านบน OPPO BDP-105 ผมนำแผ่นผลึกอาเกตกลมแบนขนาดฝ่ามือครึ่งมาวางตรงกลาง และมีก้อนกลมออบซีเดียมขนาด 2 นิ้ว วางด้านบนอีกที (บนแท่นไม้กลม) กับแท่งออบซีเดียนสูงครึ่งคืบอีก 1 แท่ง รอบๆ แผ่นอาเกตมีแท่งควอตซ์สูงครึ่งคืบ รายล้อมอีก 3 แท่ง สุดท้าย (เพิ่งเร็วๆ นี้) มีโครงเส้นรูปร่างปิรามิดสูงคืบครึ่ง ทำจากควอตซ์หล่อใสชิ้นเดียว (มาจากเยอรมัน) มาวางคร่อมทั้งหมดอีกที (ทุกๆ ชิ้นต้องลองหาตำแหน่งวางและเอียง) ที่มุมขวาหลังด้านบนมีอะมิทิสอีกครึ่งฝ่ามือแนวยาว ทั้งหมดนี้ผมไล่วางไล่จูนทีละชิ้นๆ ซึ่งมีผลต่อสุ้มเสียงและมิติเสียง รวมทั้งภาพด้วย ค่อนข้างเอาเรื่องเลย คุณไม่เชื่อหูตัวเองก็แล้วกัน

สายไฟ AC ของ OPPO ใช้ของ อินทีเกรทแอมป์ Mark Levinson 383 ก็ต่อผ่านกล่องกรองไฟ PHD POWER STATION เช่นกัน (ผมชอบกล่องนี้ตรงที่ไม่อั้นกระแสแม้แต่น้อย (แทบจะ Unlimit) และไม่ป่วนบุคลิกเสียง มีแต่ดีขึ้นทุกกรณี ที่สำคัญรูไฟขาออกมีมา 2 ชุด (ชุดละ 2 รู) ให้เลือกเฟสไฟได้ ซึ่งจำเป็นและมีผลมากกว่าที่คุณจะคาดถึงทีเดียว!) อีกประการคือ ให้สายไฟขาเข้ากล่อง (สายเขียวหัว WATTGATE) มา 2 เส้น ให้เลือกเฟสไฟขาเข้ากล่องให้ถูกต้องได้ (ขึ้นอยู่กับเฟสไฟรูตัวเมียที่กำแพงบ้านคุณ) ยี่ห้อเดียว รุ่นเดียวในโลกที่ลึกซึ้งถึงขนาดนี้

ที่เต้าเสียบไฟ AC MONITOR ACOUSTICS ที่กำแพง จะมีก้อนผลึกทัวมารีนสูงครึ่งคืบ ขนาด 1 นิ้ว วางอยู่ 1 ก้อน ที่ขาออกจากกล่อง PHD อีก 1 ก้อน, ที่ขาเข้า MOON 1 ก้อน, ขาเข้า OPPO 1 ก้อน, อีก 2 ก้อนอยู่บนเต้าเสียบตัวเมียอีก 2 แผงรอบห้อง ด้านหน้าตรงพื้นที่ผมนั่งฟังอีก 1 ก้อน ทัวมารีน ช่วยเรื่อง DYNAMIC ของเสียง ให้ตื่นตัวกระชับกระเชงขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น

นอกจากนั้นยังงมีกล่องตัวอย่างผลึกก้อนเท่าปลายนิ้วก้อย 12 ก้อน 12 ชนิดต่อกล่อง พร้อมหนังสือเรื่องผลึกของ JUDY HALLS (กล่องละ 700 บาท) วางกลางห้อง 1, รอบๆ ด้านหลังที่ผมอีก 4 กล่อง แต่ละกล่องจะหมุนหาทิศด้วยการฟังทดสอบ

ยังมีตัวกรองไฟแบบปลั๊กตัวผู้เสียบ (เคียงคู่ ปลั๊กเสียบเครื่องเสียงตามปกติ) ของ PHD 2 (2900 บาท/ หัว) เสียบที่ขาออกกล่องกรองไฟ PHD 1 ตัว, แผงไฟนอกห้องอีก 4 ตัว เต้าสายเสียบอื่นๆ ในห้องเสียงอีก 2 ตัว (PHD สนใจติดต่อ ดร. อดิศักดิ์ โทร. 08-1347-0904 ไม่มีวางขาย)

มีผลึกอะมีทิสขนาด 4 ฝ่ามือวางห่างจาก OPPO ไปทางขวามือห่างเกือบ 2 ฟุต 1 ก้อน ที่พื้นขนาด 1 กำปั้น ด้านขวาที่นั่งฟังอีก 1 ก้อน

สายลำโพงผมยกลอยหนีพื้นห้อง (ปูน-พรม) ด้วยตั้งกระดาษพิมพ์ดีด (ใหม่) สูง 1 คืบ คั่นแยกสายแต่ละชุดอีก 1 รีม ทับบนสุดอีก 3 รีม ให้สายนิ่ง และทุ้ม/ กลางต่ำ จะอิ่มกว่า วางบนพื้น (ในปูนมีเหล็กเส้น เหนี่ยวนำ) ระวังสาย ทุกเส้น ไม่ให้แตะต้องกัน หรือพันรัดตัวเอง

ล่าสุด ผมนึกได้ว่า เคยนำกระบอกกรองน้ำที่ทำด้วยเซรามิก (กรองได้ระดับ 0.03 มม.) ของเบิกฟิลด์ (ร้าน TMD/ ปรานีภัณฑ์) รุ่นที่เจาะรูกลมทะลุยาวตลอดแท่ง (แท่งยาว 12 นิ้ว) (แท่งละ 1,300 บาท) (มีอยู่รุ่นเดียวที่ทะลุตลอด) จากนั้นเอาสายเสียงไม่ว่าสาย MADRIGAL CZ GEL 2 (ทั้งรุ่น RCA และรุ่นบาลานซ์) มาสอดผ่านกระบอกนี้ ปรากฏว่า มิติเสียงโฟกัสขึ้น (กระบอกซ้าย, ขวา อย่าแตะกัน) ต่อมาเบิ้ลข้างละ 2 กระบอก (แยกไม่แตะกัน) ก็ยิ่งดีขึ้นอีก ผมเลยย้ายกระบอกจากห้องนอนที่เคยใช้ดูหนัง มาที่ห้องเสียง ก็ดีขึ้นจริง แถมวิ่งไปซื้ออีก 2 กระบอก (ไม่แตะกัน) มาร้อยสายภาพ HDMI (MONSTER CABLE HD2000…ต้องย้อนทิศนะสายรุ่นนี้) ปรากฏว่าภาพดีขึ้นเช่นกัน (เสียงดีขึ้นด้วย!) โดยผมใช้จอ TOSHIBA FULL HD 23 นิ้ว สายไฟ AC ต่อพ่วงผ่านสายไฟ AC CHORD สีน้ำเงิน (ด้วยหัวเชื่อมพ่วง WONPRO) แล้วไปเข้ากล่องกรองไฟ PHD ที่ด้านหลังจอผมเอาแท่งควอตซ์มาปะ 3 แท่ง (แต่ละแท่งสูงครึ่งคืบ) (ปะแล้วเสียงจากจอดีขึ้นเยอะเลย) จอนี้ผมวางห่างออกไปประมาณ 2 เมตรจากที่นั่งฟัง (ดู) ไม่บังลำโพง (ด้านหลังจอเอาฟองน้ำเก็บเสียง SONEX รุ่นบาง 2 ซม. มาปะ บวกกับแฟนทำหมอนข้างจิ๋วมาให้ก็เอามาปะ ลดการสะท้อนเสียง เรียกว่า ผลการมีจอบังเหลือแค่ 5~8% ก็โอเคพอรับได้) เชื่อไหมว่า จากเดิมที่ผมไม่ได้ทำอะไรกับจอนี้เลย ผมผิดหวังกับภาพพอสมควร จนร่ำๆ จะซื้อจอระดับ MONITOR ในห้องตัดต่อภาพมาใช้ (2 หมื่นกว่าบาท, TOSHIBA นี้ 6 พันกว่าบาท) แต่พอผมทำโน่นนี่ ตอนนี้ ภาพหายห่วง จอ MONITOR 2 หมื่นกว่าบาท กระเด็นไปเลย อย่าลืมว่าผมป้อนจาก OPPO ด้วยภาพความละเอียดต่ำสุด ไม่ได้ป้อน 1080p หรือ Upscale ใดๆ (ภาพมีทรวดทรงแย่ลง เสียงแย่ลง ถ้าป้อนด้วย 4k, 1080p/i, 720p/i) แม้เมื่อเล่นกับแผ่น Blu-ray ก็ตาม (ผมยังนึกไม่ออกว่าต่อไปแผ่น Blu-ray 4k จะให้เสียงลงนรกแค่ไหน โอเคภาพอาจคมชัด แล้วทรวดทรงละ! เห็นว่าอีกไม่กี่เดือนแผ่น 4k เครื่อง 4k จะวางตลาดแล้ว) ผมทำระบบระบายกระแส EDDY ให้แก่กล่อง PHD ด้วย

ห้องฟังผม 3.85 × 9 × 2.5 เมตร กำแพงมีฟองน้ำเก็บเสียง SONEX (รุ่นสีขาว, ทำจากเมลานีน มาจากเยอรมัน อายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 20 ปีขึ้นไป) พื้นปูพรม มีของอื่นๆ เยอะ (พวกแผ่น, หนังสือ) ไม่ก้องแน่ ลำโพงซ้าย, ขวา วางห่างกันประมาณ 2 เมตร ห่างจากจุดนั่งฟัง 3.6 เมตร (เรียกว่าโหดเอามากๆ สำหรับการทดสอบลำโพง เพราะถ้าไม่แน่จริง อะไรๆ จะมาไม่ถึงหูแน่ ต่างจากนักวิจารณ์บางท่าน ห่างแค่เมตรกว่า -2 เมตร อะไรๆ มันก็ง่าย, เบา)

ภายในห้องไม่มีรีโมทไร้สาย (นอกจากของ OPPO 105) แม้แต่รีโมทแอร์ (ตัวแสบเลย) ปัดลมแอร์พ่นลงหลังลำโพง (มีผล) ตั้งความเย็นที่อุณหภูมิ 24-25 (แล้วแต่วันไหน) พัดลม LOW สุด

ไม่มีจอ LCD/ PLASMA (นอกจาก TOSHIBA ดังกล่าว) ไม่มีนาฬิกาไฟฟ้า, โน้ตบุ๊ค/ PC, โทรศัพท์มือถือ, นาฬิกาข้อมือ, iPad, WiFi/ LAN (นอกจากที่รั่วมาจากภายนอก 6-7 Sport ก็ช่วยไม่ได้) กระเป๋าเสื้อเอาการ์ดแม่เหล็กออกหมด

เวลาฟัง CD จะปิดระบบภาพของ OPPO ปิดจอ LCD TOSHIBA ขณะฟังเร่งโวลลุ่มที่ MOON แค่ 9-9.30 นาฬิกา ที่รีโมท OPPO ที่ 78-82 (CD) และ 92-99 (ดูหนัง)

จากประสบการณ์การทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องเสียง โดยเฉพาะลำโพง (เห็นชัด) ผมพบว่า ความพิถีพิถันสารพัดของผม การใช้ผลึก การใช้ตัวกรองไฟ การใช้แท่งกรองน้ำ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ มิได้ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ที่เลวอยู่แล้ว ดีหรือเลวมากขึ้นแต่อย่างไร เป็นแต่มันช่วย ฉายตัวตนที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ออกมาได้จะแจ้ง ชัดเจนขึ้นเท่านั้น ทำให้จับความแตกต่างของแต่ละผลิตภัณฑ์ได้อย่างง่ายดายขึ้น แจ่มชัดขึ้น

ต่างจากการใช้ตัวช่วยประเภท ตัวกรองไฟราคาแพงลิบ, สายไฟ, สายเสียง, สายลำโพง, ขาตั้งลำโพง ที่แพงลิบโลก จนกลายเป็นบุคลิกของตัวช่วยไปหมด ไปกลบบุคลิกของผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาทดสอบ

ประเด็น ตัวช่วยเว่อร์ นี้คุณจะพบเห็นเสมอและประจำตามโชว์รูม ห้องฟัง ตามร้านเครื่องเสียง อย่าลืมว่า ตัวช่วย ยิ่งแพงแค่ไหน มันยิ่งมีบุคลิกส่วนตัวของมันเอง แก่กล้าแค่นั้น จนบดบังรัศมีของเครื่องเสียงที่คุณไปขอฟังจนไม่เห็นตัวตนแท้จริงได้เลย

ตัวช่วยในห้องเสียงของผมแทบทุกชิ้น เป็นการ “ป้องกัน” มิใช่เป็นการต่อเติมเสริมแต่ง และไม่ต้องหาโชว์รูมไหนจะบ้าเลือด โคตรพิถีพิถัน ทุกกระเบียดนิ้วอย่างผมแล้ว การรายงานทดสอบของผมจึง “เข้าถึงตัวตน” แท้จริงของผลิตภัณฑ์ได้มากกว่าจะไปฟังผลิตภัณฑ์เดียวกันตามโชว์รูมมากมายนัก มาถึงตรงนี้แล้ว คุณจะยังมาถามผมอีกไหมว่า “อาจารย์ครับ ผมเชื่ออาจารย์ แต่ผมจะหาฟังที่ไหนครับ” คำตอบของผม (ไม่ใช่กวน) ถ้าเชื่อผมก็ซื้อ ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องซื้อ คุณจะซื้อหรือไม่ ผมก็ไม่ได้อะไรจากคุณ

ก่อนอื่น ขอเตือนนะครับ ต้องลองสลับขั้วสายลำโพงบวก, ลบ ให้เสียงหลุดกระเด็นออกมาหาเราก่อนฟัง (สลับที่สายลำโพงด้านแอมป์นะครับ) มิเช่นนั้น เสียงจะออกมาทะแม่งหู ไม่ดีเอาเลย (เพราะมันขี้ฟ้องในประเด็นนี้ค่อนข้างมาก) เรียกการสลับ Absolute Phase ให้ถูกต้อง

7561_Wharfedale-Diamond-220_263

ผลการทดสอบ เปิดเพลง+หนัง เบิร์นอินอยู่รวมๆ ประมาณ 39 ชั่วโมงก่อนเริ่มวิจารณ์

จากการดูหนัง เหตุผลที่พักหลังๆ ผมจะทดสอบลำโพง โดยการฟังเสียงหนังด้วย เพราะผมเชื่อว่า การดูหนังเป็นส่วนหนึ่งที่จะแสดงศักยภาพของลำโพงได้ดีที่สุดประการหนึ่ง เพราะภาพที่ปรากฏบนจอ จะฟ้องว่า วัตถุนั้น ภาพนั้นๆ เสียงควรจะออกมาอย่างไร ไม่ต้องอาศัยจินตนาการแบบฟังเพลงปกติ อีกทั้งยังฟ้องเรื่องมิติเสียง, เวทีเสียง ได้แบบครบเครื่องทุกรูปแบบของเสียง พูดให้ถูก คือ เป็นงานยากและโหดต่อลำโพงในการให้เสียงหนังมากกว่าให้แต่เสียงเพลงมากนัก ลำโพงหลายๆ คู่ ฟังเพลงก็โอเค นุ่มนวล หวาน ผ่อนคลาย แต่พอเอามาดูหนัง กลับเอื่อยเฉื่อย ช้า ไม่เด็ดขาด เสียงอั้นตื้อ อย่าลืมว่า ผมฟังเสียงหนังจากลำโพง 1 คู่เท่านั้น โดยเครื่องเล่น Blu-ray ต้องเลือกเสียง 2 CH ขาออกเป็น LT, RT เสมอ ซึ่งจะให้เสียงเซอราวด์ได้แม้กับลำโพงคู่เดียว

สำหรับ Wharfedale Diamond 220 ผมฟังเสียงหนังอยู่ 2-3 เรื่องก็จับประเด็นได้

  1. เสียงจะออกทาง FLAT ราบรื่นดีทีเดียว ไล่ตั้งแต่ทุ้ม, กลาง, แหลม ทุ้มน่าจะลงได้ถึง 50 Hz ได้สบายๆ แล้วตกลงอย่างรวดเร็วที่ 40 Hz ลงไป ปลายแหลมสุดน่าจะไปได้ถึง 22 kHz ก่อนจะตกลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
  2. การตอบสนองความฉับไว ค่อนข้างดี ไม่รู้สึกอืดอาด (ผมเทียบกับ KEF LS50 ที่ยกออกแล้วเอา DIAMOND มาวางแทน) LS50 ฉับไวกว่าน่าจะถึง 25-30% ทีเดียว อีกทั้งกระชับกว่า ทุ้มเป็นลูกกว่า ปลายแหลมสดกว่า ช่องไฟระหว่างตัวโน้ต สะอาดหมดจดกว่า ทำให้ได้ความกังวานของเวทีเสียงได้ดีกว่า มิติด้านลึกดีกว่า อย่างว่า KEF LS50 คู่ละ 50,000 บาท (ลดแล้ว) DIAMOND 220 ราคาแค่หมื่นต้นๆ ราคาต่างกันกว่า 4 เท่าตัว
  3. เสียงไม่ถึงกับสดฉ่ำ เปิดโปร่งสุดๆ แต่ก็ไม่ขุ่นทึบแน่ๆ ไม่กระแทกกระทั้นแบบไม่ยั้ง เอาว่า พอหอมปากหอมคอ ดูหนังได้สนุกเหลือเฟือก็แล้วกัน
  4. การสวิงเสียงค่อยสุดไปดังสุด ปานกลาง ไม่ขนาดอิสระเต็มที่ (บุคลิกของ Wharfedale เองก็ออกเรียบๆ ไม่หวือหวา สุภาพๆ ผู้ดีอยู่แล้ว) ความสงัดปานกลาง
  5. ให้ความเป็นดนตรีจีบปากจีบคออากัปกิริยาถือว่าดีทีเดียว (น่าจะดีกว่า DIAMOND 120 รุ่นเก่า) สู้กับคู่แข่งในสนนราคาใกล้เคียงกันได้ บ่งบอกคุณภาพของดอกลำโพงที่ดีมาก
  6. ความเป็นตัวตนของเสียงยังไม่ดีนัก ไม่ถึงกับเป็นเม็ดๆ แต่ละเสียงไม่ค่อยเป็น 3D มีทรวดทรง (อาจมาจากทิศทางสายและอุปกรณ์ภายใน ถ้าใครซื้อมาแล้วนั่งฟังทดสอบ ทิศทางขาของแต่ละอุปกรณ์บนแผงวงจรได้ละก็ แจ๋วแน่ๆ) แต่ทิศทางเสียงก็นิ่งไม่วอกแวก การแยกแยะยังโอเค
  7. ซ้าย, ขวา สมมาตรกันใช้ได้ เวทีเสียงกว้างใช้ได้ การโยนเสียงซ้าย, ขวา ดี หน้า-หลัง พอใช้ สูงต่ำดี ข้ามเพดานห้องได้

สรุป เอามาดูหนังถือว่าสอบผ่าน โดยเฉพาะกับการใช้แค่คู่เดียวไร้ซับใดๆ ถือว่าสมกับราคาเอามากๆ

ทดสอบฟังเพลง

ในการฟังเพลง DIAMOND 220 ก็ยังคงบุคลิกของ Wharfedale ครบถ้วน ทั้งในด้านเสียงที่สุภาพ ผ่อนคลาย แต่กลับแยกแยะได้ดีอย่างน่าแปลกใจว่า คุณสมบัติดังกล่าวมานี้มันมาอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ปกติถ้าเสียงสุภาพผ่อนคลาย ก็มักจะฟังกลืนๆ กัน มืดมัวและมั่วไปหมด อีกครั้งที่ยื่นยันได้ว่า ดอกลำโพง ที่ใช้นั้น ชั้นหนึ่งเลย เช่นเดียวกับตอนดูหนัง DIAMOND 220 ให้การแยกแยะคำพูดหรือโน้ตแต่ละตัวได้ดี แต่ยังไม่กระเด็นหลุดออกมาเป็น “เม็ดๆ” เท่าที่ควร แต่ถ้าไม่มานั่งเพ่งเล็งจับผิดกัน ถือว่าโอเคได้เลย (เป็นไปได้ว่า ความเป็น POINT SOURCE “ทุกเสียงมาจากจุดเดียวกัน” ของ KEFF LS50 ทำเอาผมหูเสีย ติดใจกับเสียงเป็นเม็ดๆ) ไม่แน่ ถ้าเบิร์นอินมากกว่านี้ ความเป็นเม็ดอาจดีขึ้นได้อีก ลำโพงควรเบิร์นอินกันไม่ต่ำกว่า 100 ชั่วโมงขึ้นไป แต่แค่ผมเบิร์นอิน DIAMOND 220 ถึง 40 ชั่วโมงก็หรูแล้ว (ค่าไฟออกเองครับ! ผมเปิดแอร์แช่ด้วย)

DIAMOND 220 ให้การสวิงเสียง (ฟังเพลง) ได้ค่อนข้างเหลือเฟือ แม้แต่เ สียงตีกลองใหญ่ (เพลง 2 อารีรัง จากอัลบั้ม THE GREATEST ALTO FEMALE VOL.1 TOP MUSIC) ก็ให้เสียงกลองที่ใหญ่ อาจไม่อวบกระแทกสุด แต่ก็ได้ภาพพจน์ที่ดี

น่าแปลกที่กับการฟังเพลง DIAMOND 220 จะให้ปลายแหลมที่ดีมากๆ สดใส (แต่ไม่ขนาดเป็นประกายระยิบระยับ) เต็มไปด้วยรายละเอียดทุกเม็ด ปราศจากความสาก, หยาบ หรือกร้าว, จัดโดยสิ้นเชิง และน่าจะขึ้นสูงได้ถึง 25 kHz ได้สบายๆ

เสียงกลางที่กลมกล่อม สุภาพ ผ่อนคลาย ผู้ดีแต่เต็มไปด้วยอัปกิริยา ลีลาที่ชวนติดตาม (ตรงนี้ผมว่าดีกว่า DIAMOND 120 เก่าที่ถูกแทนด้วย 220)

เสียงทุ้มที่ครบแต่ไม่เน้น ทุกอย่างพองาม ทั้งพลังอัด, การกระแทก, การลงลึก แกรนด์เปียโนฟังออกว่า “หลังใหญ่”

ด้านเวทีเสียง กว้างใช้ได้ แต่ไม่ขนาดแผ่โอบมาซ้าย, ขวาหลัง (เพลง 6 นาทีที่ 4 เป็นต้นไป ของอัลบั้ม RHYTHM BASKET, A TASKET, A TISKET, A CHILD’S ของ Brent Lewis)ในแผ่นเดียวกันนี้เพลง 7 ให้เสียงตีกลองท่อ หลุดลอย ออกมาห่างตู้ลำโพงซ้าย, ขวา ได้ดีทีเดียว แต่ยังไม่เก่งพอที่จะลอยสูงๆ ขึ้น จนถึงเพดานห้อง เพลง 10 ก็อาการเดียวกัน เกือบครึ่งเพลงหลัง เสียงส่วนใหญ่จะลอยละล่องวิ่งไปมาบนเพดานห้อง แต่ DIAMOND 220 ทำได้แค่อยู่เหนือตู้ลำโพงตามปกติ ก็ไม่ว่ากัน เพราะกว่าครึ่งของลำโพงราคาขนาดนี้ ในท้องตลาด ก็ทำได้แค่นี้เช่นกัน

ลำโพงที่เสียงสุภาพ ผ่อนคลาย มักคลุมเครือ แห้งทึบ แต่ DIAMOND 220 มิได้เป็นเช่นนั้น มันยังให้ความกังวานได้ไม่เลวเลย อีกทั้งชัดจะแจ้งพอ ในเรื่องสารพัดรายละเอียดหยุมหยิม เป็นแต่ว่าต้องตั้งใจฟังสักนิด

จากการที่ DIAMOND 220 มีบุคลิกกลางๆ จึงน่าจะฟังกับเพลงได้ แทบทุกสไตล์เลย (ได้คะแนน 80/100 พอๆ กันทุกสไตล์)

1428164861_e1

สรุป

ถ้าคุณกำลังมองหาลำโพงวางหิ้งที่ดูหนังก็สนุก ฟังเพลงก็ได้อารมณ์กับทุกสไตล์เพลง เสียงออกทางผู้ใหญ่ ไม่ใช่สไตล์ โฉ่งฉ่างวัยรุ่น อีกทั้งขับง่าย ราคาไม่แพงละก็ DIAMOND 220 ขึ้นแท่นอยู่อันดับต้นๆ ของตัวเลือกของคุณได้เลย

WHAT HIFI (อังกฤษ) ให้ 5 ดาวเต็ม ทั้งฝีมืองานและคุณภาพเสียง

ขอขอบคุณ บริษัท ไฮไฟ ทาวเวอร์ จำกัด โทร. 0-2881-7273-7 ที่เอื้อเฟื้อลำโพงมาให้ทดสอบในครั้งนี้