ONKYO Scepter 500

0

บริษัท Onkyo เริ่มผลิตเครื่องเสียงหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงได้ไม่นาน ซึ่งอย่างที่ทราบกันในช่วงเวลานั้นมีคู่แข่งค่อนข้างมากทั้งในและต่างประเทศ สำหรับแบรนด์ญี่ปุ่นก็จะเป็น Pioneer/TAD, Sony, Victor/JVC, Technics และ Yamaha ในขณะที่บริษัทอเมริกัน ก็อย่างเช่น Altec Lansing, JBL, Electro Voice, Bozak, Klipsch และอื่นๆ อีกมากมาย

ในช่วงเวลานั้น แวดวงเครื่องเสียงของญี่ปุ่นดูจะใหญ่โตที่สุดในโลก โดยเฉพาะพวกคลั่งไคล้เสียงตัวยง (serious audio freaks) ที่ไม่ยอมทำอะไรนอกจากมุ่งไปที่ลำโพงฮอร์นและแอมปลิฟายเออร์หลอด DHT ซึ่งเป็นสิ่งที่คลั่งไคล้กันสุดๆ นักฟังเพลงชาวญี่ปุ่นค้นพบคุณภาพที่โดดเด่นของแบรนด์วินเทจจากสหรัฐฯ เช่น Western Electric หรือ Altec มานานก่อนที่เราชาวยุโรปจะฝันถึงด้วยซ้ำ

ลำโพงโรงหนังขนาดใหญ่อย่าง Altec Lansing Voice Of The Theatre เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด แอมปลิฟายเออร์ไตรโอดกำลังขับต่ำที่ให้กำลังขับไม่เกิน 8 วัตต์ต่อแชนเนลนั้น มากเกินพอสำหรับลำโพงฮอร์นขนาดใหญ่ที่มีค่าความไว 102db/1w ซึ่งถูกผลิตขึ้นสำหรับโรงภาพยนตร์ของชาวตะวันตก นักฟังเพลงชาวญี่ปุ่นน่าจะเป็นกลุ่มแรกที่ใช้ลำโพงเหล่านี้ในห้องเล็กๆ ของพวกเขา หลังจากนั้นไม่นาน ชาวอเมริกัน ฝรั่งเศส และเยอรมันก็ตามมา และแวดวงลำโพงฮอร์นสำหรับเสียงไฮ-ไฟก็ถือกำเนิดขึ้นเช่นกัน

สำหรับ Onkyo ที่แม้จะมีคู่แข่งในตลาดค่อนข้างมาก แต่ทว่า Onkyo ก็ถือได้ว่า มีความทะเยอทะยานจากวิทยาการความรู้ และศักยภาพทางปัญญาของพวกเขา ในปี 1946 Takeshi Godai ก่อตั้ง Onkyo ขึ้น ภายใต้ชื่อ Osaka Denki Onkyo K.K. ด้วยความตั้งใจที่จะจัดการกับสิ่งที่เขารู้สึกว่า ลำโพงไดนามิกที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นนั้นยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้คำว่า “onkyo” หมายถึง “เสียงอะคูสติก” ในภาษาญี่ปุ่น และเป็นที่มาของภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่โดดเด่น เรียบง่าย และรัดกุมของเรา

Onkyo เปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกในเดือน มีนาคม ปี 1946 ทว่าผลิตภัณฑ์ตัวแรกภายใต้แบรนด์ Onkyo นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่ลำโพง แต่เป็นหัวเข็มปิ๊กอัพ (cartridge pickup) สำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียง ทำให้บริษัทได้กำไรจากยอดขายหัวเข็มปิ๊กอัพคริสตัล แล้วนำไปลงทุนในการวิจัยและพัฒนาลำโพง ทั้งยังได้วางแผนที่จะสร้างโรงงานขึ้นใหม่ด้วย

ในเดือน มกราคม ปี 1948 Onkyo ก็ได้เริ่มการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ซี่งในเวลานั้น ลำโพงส่วนใหญ่ผลิตโดยใช้กรวยกระดาษสำเร็จรูปนำเข้า ทว่า Onkyo กลับทำการพัฒนาวิธีการผลิตภายในบริษัทสำหรับกรวยกระดาษของตนเอง ซึ่งการทำเช่นนั้นได้ก่อให้เกิดต้นกำเนิดของเรื่องราวเกี่ยวกับเสียงของ Onkyo ขึ้นมา

ต่อมาในเดือน เมษายน ปี 1948 Onkyo ก็ได้เปิดตัวลำโพง ED-100 ที่หลายคนรอคอยลำโพง “ED-100. ตัวแรกซึ่งมีไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 25 ซม. ได้รับเสียงชื่นชม แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าคู่แข่งที่ใกล้ที่สุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ ED-100 ก็ได้รับความนิยม ผู้วิจารณ์เรียกมันว่า “ไว ทนทาน และเสียงดี” กระทั่งกลายเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยม

และแล้วในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 1950 Onkyo ได้พัฒนากรวยลำโพงแบบไร้แรงอัด (non-pressed speaker cone) ตัวแรกได้สำเร็จ จนได้รับสิทธิบัตรสำหรับกรวยแบบไร้แรงอัดนี้ ที่ซึ่ง Onkyo ยังคงผลิตอยู่จนถึงปัจจุบัน – เกือบ 70 ปีต่อมา ความหลงใหลในเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Onkyo สามารถย้อนไปถึงแนวคิดที่ปฏิวัติวงการนี้ได้กันเลยทีเดียว

ในเดือน มิถุนายน ปี 1952 Onkyo ได้ทำการย้ายโรงงาน และสำนักงานใหญ่เพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้น Onkyo ได้ขยายพื้นที่สำนักงาน และโรงงานใน Asahi-ku, Osaka และมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลานี้เป็นการวางรากฐานของ Onkyo ในฐานะผู้ผลิตลำโพงชั้นนำของญี่ปุ่น

ต่อมาในเดือน มกราคม ปี 1953 “ED-100” ดั้งเดิมของ Onkyo ก็ได้รับการเปิดตัวใหม่อีกครั้ง พร้อมกับกรวยวูฟเฟอร์แบบใหม่ที่ไร้แรงกดอัด (non-pressed cone woofer) ซึ่งให้คุณภาพเสียงดีขึ้นตามลำดับ และด้วยคำวิจารณ์ในเชิงบวกติดตามมา ทำให้ “ED-100” กลายเป็นที่ชื่นชอบในฐานะลำโพงที่ให้เสียงละเอียดอ่อนแต่ทว่าน่าตื่นเต้น

ในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 1956 Onkyo ก็ได้เปิดตัวซีรีส์ลำโพงแบบCoaxial จำนวน 3รุ่น: CX-12, CX-10 และ CX-8 ที่มีทวีตเตอร์ติดตั้งรวมอยู่ในตรงกลางกรวยวูฟเฟอร์ Onkyo ยังเป็นบริษัทญี่ปุ่นแห่งแรกที่เปิดตัวลำโพงกรวยพลาสติก ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “Pop Cone” โดยใช้เทคนิคการผลิตดั้งเดิมที่ได้รับการจดสิทธิบัตรในเดือน เมษายน ปี 1956

ในปี 1963 Onkyo ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ชิ้นแรก และเข้าสู่ตลาดเครื่องมือทางการแพทย์ด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงหัวใจที่ใช้เทคโนโลยีการสร้างเสียงที่มีความชัดเจนสูง(high-fidelity audio reproduction technology).แบบล่าสุดของบริษัท

ในเดือน กันยายน ปี 1965 Onkyo ก็ได้เปิดตัวลำโพงประเภท “วางขาตั้ง” (Bookshelf Speaker) ที่มีขนาดเล็กอย่าง HS-201, HS-202 และ HS-301 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างแพร่หลาย และได้รับความนิยมอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการ

ในเดือน ธันวาคม ปี 1967 Onkyo ก็ได้เปิดตัวลำโพงรุ่น E-83A ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาลำโพง Scepter Series ทั้งนี้นิตยสาร Stereo Sound ของญี่ปุ่นได้ประเมินลำโพง E-83A แบบ 3-ทาง ตัวแรกของ Onkyo ที่มีวูฟเฟอร์ขนาดใหญ่ 30 ซม. เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดจาก 33 รายการที่คัดสรรในฉบับเดือนมีนาคม ปี 1968 “E-83A” เป็นลำโพงซึ่งทำให้ผู้วิจารณ์รู้สึกตื่นตาตื่นใจ กระทั่งกลายเป็น “ผู้บุกเบิก” Scepter Series อันโด่งดังของ Onkyo

ในเดือน มีนาคม ปี 1968 Onkyo ก็ได้เปิดตัวลำโพงเปิดตัว Scepter Driver Series ด้วยแนวคิดหลักสำหรับการถ่ายทอดเสียงของแหล่งเสียงใดๆ ได้อย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้ Onkyo จึงได้รวมทวีตเตอร์แบบฮอร์นที่มีความผิดเพี้ยนต่ำ ซึ่งช่วยสร้างเสียงที่บริสุทธิ์ และให้ความเพลิดเพลินได้ง่าย 

Osaka Onkyo K.K. ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น Onkyo Corporation ในเดือน กันยายน ปี 1971 และในอีก 3 ปีต่อมา Onkyo ก็ได้เปิดตัวแคตตาล็อกลำโพงที่มี Scepter Series รวมอยู่ด้วย “Scepter Series” เข้ามามีบทบาทในช่วงปลายทศวรรษที่ 60 โดยมีส่วนประกอบหลายอย่าง เช่น ลำโพงเสียงทุ้ม ตัวขับเสียงแบบบีบอัด (compression drivers), ตัวฮอร์น (horns), เลนส์เสียง (acoustic lenses) และครอสโอเวอร์ (ตัวตัดกรอง/แบ่งช่วงความถี่) ซึ่งให้คุณภาพทั้งด้านเทคนิคและเสียงดนตรีที่ยอดเยี่ยมมาก อย่างเช่นไดรเวอร์ฮอร์นรุ่น HM300a (ปี 1972) ซึ่งเป็นการแข่งขันโดยตรงกับไดรเวอร์ขนาด 1 นิ้วของ Altec และฮอร์น 511B


ทั้งนี้ทั้งนั้นได้เคยมีการเปรียบเทียบ HM300a กับคอมโบ Altec808A/511b โดยตรง ปรากฏว่า HM300a ของ Onkyo ดีกว่ามากในทุกด้าน โครงสร้างหล่อตัน (solid cast) ทำให้ Altec ดูและรู้สึกเหมือนของเล่นราคาถูกที่เสียงดังเหมือนกระดิ่ง ในขณะที่ด้านเสียงของ Onkyoนั้นมีความซับซ้อน และให้ความเป็นดนตรีที่มากกว่า ลำโพง Onkyo Scepter 500 เป็นรุ่นเรือธงจากปี 1978 ที่ได้รับการออกแบบโดย Hiroyuki Yoshii ที่มุ่งมั่นจะต้องเป็นลำโพงแบบ Horn ที่ให้ความเป็นเชิงเส้นที่ดีเยี่ยม และต่อเนื่องกันมากที่สุดเท่าที่เคยสร้างมาด้วยราคาจำหน่ายในยุคสมัยนั้น ¥ 580,000 ต่อข้าง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นส่วนประกอบตัวลำโพงระดับบนสุดที่ Onkyo ได้นำเสนอไว้ ผสมผสานเข้าด้วยกันผ่านครอสโอเวอร์ขั้นสูง ให้เป็นระบบลำโพงแบบ 4-ทางตั้งวางพื้นขนาดใหญ่ (4-way large-floor speaker system) ที่มีซุปเปอร์ทวีตเตอร์ร่วมอยู่ด้วย โดยมีน้ำหนักตัวแต่ละข้าง 98 กก. ที่มีความสูง 130 ซม. และไร้ซึ่งการประนีประนอมใดๆ โดยให้ช่วงความถี่ตอบสนองครอบคลุมตั้งแต่ 25 – 35,000 Hz ด้วยค่าความไวเสียง (SPL) 96db/1w.

ยูนิตที่ใช้สำหรับช่วงความถี่เสียงต่ำของ Onkyo Scepter 500 มีขนาดตัวกรวย 38 ซม. ขับเคลื่อนด้วยระบบแม่เหล็กที่มีความหนาแน่นฟลักซ์แม่เหล็กสูงถึง 11000 เกาส์ (gauss) ในขณะที่ยูนิตซึ่งใช้สำหรับช่วงย่านความถี่เสียงกลางนั้นเป็นแบบ Ultra-hard duralumin diaphragm และใช้ไดอะแฟรมไทเทเนียมสำหรับทวีตเตอร์ที่มีส่วนขอบแบบ ไร้ขอบ (free edges) พร้อมด้วย multiple equalizers และอื่นๆ อีกเพื่อปรับปรุงการส่งมอบความโปร่งใสของช่วงความถี่สูง

ในส่วนของปากฮอร์นนั้นใช้ secaural horn (มุมกระจายแนวนอน 90°) สำหรับตัวขับช่วงย่านความถี่เสียงกลาง และ catenoidal horn พร้อมเลนส์อะคูสติก (มุมกระจายแนวนอน 120°) สำหรับทวีตเตอร์ นอกจากนี้ก็ยังมี super tweeter ที่เป็นแบบฮอร์นด้วยเช่นกัน สำหรับตอบสนองช่วงความถี่เสียงสูงมากๆ 

หมายเหตุ: Onkyo ได้ฉลองวาระครบรอบ 70 ปี (1946-2016)

Method4-Way, 4-Speaker, Bass Reflex System, Floor Type
Units UsedFor Low Band : 38 cm Cone Type (W3801)
For Middle Range : Sectoral Horn Method (D6540A + H4003S)
For High Range : Catenoidal Horn Type with Acoustic Lens
(D3520A+H2014P+AL80)
For Super High Range : Horn Type (TW3001)
Playback frequency band25 Hz to 35000 Hz
Max Input120W
Impedance8 Ω
Output sound pressure level96dB/W/m
Maximum output sound pressure level117dB/m
Crossover frequency800 Hz, 5000 Hz
Cabinet internal volume200L
Level controlIndependent level control for TW and STW
External dimensionsWidth 650x Height 1296x Depth 624 mm
Weight97kg