Mongkol Oumroengsri
1 – Leben: CS-600
การออกแบบวงจรที่เป็นแบบ push-pull circuit อันเรียบง่าย โดยยึดพื้นฐานในการคัดสรรหลอดฯที่จะใช้เป็นอย่างดี ควบคู่กับชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณภาพสูง โดดเด่นด้วย OUT PUT TRANSFOMER ที่สืบสานระดับตำนาน รวมถึงหลอด NOS แบบคัดเกรดของ Sovtek
CS-600 สามารถเลือกใช้ตระกูลหลอด 6L6GC หรือว่าตระกูล EL34 ก็ได้ โดยที่จะได้กำลังขับ 32 วัตต์ สำหรับหลอดตระกูล 6L6GC และ 28 วัตต์ สำหรับหลอดตระกูล EL34 ดังนั้น CS600 จึงสามารถให้คุณได้เลือกใช้เบอร์หลอดสุญญากาศได้มากมาย (เพียงแค่ทำการปรับตั้งค่า cathode-resistor และ plate-voltage ให้สัมพันธ์กับเบอร์หลอดฯที่กำลังใช้งานอยู่) ไม่ว่าจะเป็น 5881, 6L6GC, 6L6WGB, 6L6GB, KT66 และ 350B ซึ่งอยู่ในตระกูล 6L6 และ EL34, 6CA7 กับ KT77 สำหรับตระกูล EL34
2 – Line Magnetic: LM-845 Premium
Line Magnetic LM-845 Premium เป็นอินติเกรตแอมป์หลอด แยกสองตัวถัง ที่วงจรขยายเป็นแบบ single-ended triode Pure Class-A โดยใช้หลอด triode เบอร์ 845 เป็นหลอดขยายกำลัง (power output) ข้างละ 1 หลอด ให้กำลังขับข้างละ 30 วัตต์ ตัวเครื่องทั้ง 2 ตัวถังทำด้วยอะลูมิเนียม ชุบด้วยสีดำเปียโนเคลือบเงา โดยตัวถังหนึ่งจะบรรจุวงจรการทำงานภาคขยายสัญญาณเสียงไว้ทั้งหมด ส่วนอีกตัวถังหนึ่งจะบรรจุไว้ด้วยหม้อแปลงสัญญาณขาออก หรือ output transformers ที่มีคุณภาพสูง น้ำหนักรวมของทั้งสองตัวถังนั้นกว่า 60 กก.เลยทีเดียว
LM-845 Premium สามารถทำการเลือกค่า NFB (Negative FeedBack) ได้ตามที่ต้องการ 2 ค่าด้วยกัน:- Min กับ Max เอื้อประโยชน์ให้แก่นักฟัง ในการ “เลือก” ลักษณะเสียงอย่างที่ถูกใจ เมื่อรับฟังกับแนวเพลงอะไรได้อย่างเหมาะเจาะ-น่าฟัง เสมือนมีแอมป์หลอดใหญ่ 2 ตัวซ่อนอยู่ในร่างเดียว แนวเสียงไดนามิกฉับไวอย่างแอมป์ยุคใหม่ กับแนวเสียงอิ่มใหญ่ เข้มข้นให้ความเป็นตัวเป็นตนอย่างแอมป์ยุคเก่า
3 – Rega: Aethos
Aethos เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการประนีประนอม โดยมีเป้าหมายเดียวในการนำเสนอเสียงเพลงอย่างเที่ยงตรงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้สู่ผู้ฟัง ภายในเป็นการออกแบบ dual mono design โดยใช้หม้อแปลงแบบทรงกลม (Toroidal) ที่สั่งทำตามสเปคฯกำหนด ร่วมกับการใช้ regulated supplies อันพิถีพิถัน การออกแบบเป็นโมโนคู่ที่วงจรขยายสัญญาณเป็นแบบ fully discrete FET เสริมด้วยการเลือกใช้ polypropylene capacitors โดยตลอดในทุกเส้นทางเดินสัญญาณ, คาปาซิเตอร์เก็บสำรองพลังงาน K-Power และ, regulated supply สำหรับ power amplifier โดยเฉพาะ
ทั้งนี้ภาคปรีแอมป์ของ Aethosนั้นเป็นแบบ class-A discrete circuitry และภาค power amplifier นั้นเป็นแบบ low source impedance Class-A driver stage ซึ่งในส่วนของ output stage นั้นเป็นแบบ จ่ายกระแสสูง (high current) ด้วยการใช้ 160w Sanken output transistors ถึง 4 ตัวต่อแชนแนลทำงานร่วมกันแบบ Darlington ก่อให้เกิดเป็นลักษณะของ complementary emitter follower emulating Class-A conditionsที่สามารถให้กำลังขับได้ 125 วัตต์ต่อแชนแนลที่ 8 โอห์ม(156 วัตต์ต่อแชนแนลที่ 6 โอห์ม)
4 – Jeff Rowland: Continuum Series 2
Continuum S2 เป็นการรวมเอาวงจรปรีแอมป์ ‘Capri S2’ ผนวกเข้ากับวงจรภาคขยายแบบ Class D ที่Jeff Rowland พัฒนามายาวนาน สามารถให้กำลังขับสูงถึง 400 วัตต์ต่อข้างที่ 8 โอห์ม (800 วัตต์ต่อข้างที่ 4 โอห์ม) ภายใต้รูปลักษณ์งามสง่าตามแบบฉบับของ Jeff Rowland Design Group ภายในโดดเด่นด้วย Twin ultra- high efficiency power conversion modules ที่นอกจากจะให้กำลังขับได้สูงมากแล้ว ยังสามารถจ่ายกระแสได้สูงถึง 40 แอมแปร์ (peak current) เลยทีเดียว โดยทำงานควบคู่กับภาคจ่ายไฟแบบ switch mode power supplies (SMPS) อันทรงประสิทธิภาพ ควบคุมการทำงานด้วยความเร็วสูงและเงียบสนิท ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอภายใต้ทุกสภาวะการทำงาน พร้อมด้วย Balanced input and output topology จรดออกสู่ขั้วลำโพงของ Cardas เพื่อการควบคุมลำโพงได้อย่างเหมาะสม
5 – ToneWinner: AD-2PRO
AD-2PRO สามารถจ่ายกำลังขับได้สูงถึง 200 วัตต์ต่อข้างที่ 8 โอห์ม ด้วยการใช้ high power transistor ของ TOSHIBA 2SA1943 / 2SC5200 จำนวนถึง 24 ตัว พร้อม OP AMP IC “OPA1656” – fully balanced & buffer amplification ของ Burr-Brown™ และ Volume Control chip “NJW1195A” ซึ่งเป็น Electronic Volume ที่เป็นแบบ Bi-CMOS Technology ของบริษัท New Japan Radio ซึ่งให้ความแม่นยำในการควบคุมระดับความดังเสียงได้ในทุกระดับการรับฟัง
ที่สำคัญได้บรรจุไว้ซึ่งภาคจ่ายไฟมหึมาอันทรงพลัง ด้วยการใช้ hi-end custom filter capacitor มากถึง 128,800 ไมโครฟารัด พร้อมกับหม้อแปลงแบบ toroidal 860VA ในภาคจ่ายไฟทรงพลัง ทำให้ “AD-2PRO” มีตัวเครื่องขนาดใหญ่ที่ทั้งหนาทั้งหนัก ยกคนเดียวไม่ไหว !
6 – Karan Acoustic: KA I 180 mkII
KA I 180 mkII นับเป็น integrated amplifier ในระดับ “ultimate” ที่มีกำลังขับ 180 วัตต์ต่อข้างที่ 8 โอห์ม / 300 วัตต์ต่อข้างที่ 4 โอห์ม ที่ยังคงไว้ซึ่ง DNA ของความเป็น Karan Acoustics ไว้อย่างเต็มเปี่ยมไม่ต่างจากระดับเครื่องแยกชิ้น โดยยังคงเลือกใช้ ultra-fast transistors ของ Sanken ที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน รวมทั้งภาคจ่ายไฟสุดพิเศษที่ใช้ torodial transformers ระดับ 680 VA แบบ low noise ซึ่งหุ้มเกราะป้องกันอย่างดี ร่วมกับคาปาซิเตอร์กรองไฟ (filter capacitors) ที่เป็นของ ROE (Roederstein) แห่งเยอรมนี ที่แต่ละตัวมีค่าความเก็บประจุ 20,000uF รวม 4 ตัวจึงเท่ากับทั้งหมดเป็น 80,000uF ให้การกักเก็บพลังงานได้ถึง 72 Joules ต่อแชนแนล …เกินพอที่จะใช้ขับดันลำโพงใดๆ ในโลกนี้