มงคล อ่วมเรืองศรี
PrimaLuna เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2000 โดย Herman van den Dungen ชาวเนเธอร์แลนด์ (Netherlander) โดยได้ตั้งชื่อแบรนด์นี้เป็นภาษาอิตาลีเพื่อเป็นเกียรติแก่คุณปู่ของเขา โดยที่ความหมายของ ‘PrimaLuna’ ก็คือ “First Moon” ในภาษาอังกฤษ …นอกจากนี้ PrimaLuna ยังเป็นชื่อเมืองเล็กๆ ในอิตาลีที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ Milano ไปประมาณ 50 กม. ใกล้ทะเลสาบ Como อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ PrimaLuna ชิ้นแรกสุดนั้นได้แก่ ProLogue One และ Two ที่เป็น Integrated amplifier ทั้งสองรุ่นซึ่งได้รับการออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในยุโรปเมื่อปีค.ศ.2003 และได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีมากๆ ในยุโรป ต่อมาในปีค.ศ.2004 ‘PrimaLuna’ จึงได้การนำเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐฯ และได้รับการยอมรับว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ด้วยคุณสมบัติที่พบได้ในผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนสูงกว่าประมาณ 3-5 เท่า ทว่าภายใต้ระดับราคาจำหน่ายอันสมเหตุสมผล โดยมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่สำคัญก็คือ Adaptive AutoBias ซึ่งเป็นวงจรพิเศษที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง และทำการปรับตั้งค่าไบอัสของหลอดอย่างทันทีทันใด
นอกจากนี้ในทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของ PrimaLuna ยังมีความโดดเด่นในสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ อีกด้วย ;-
- SoftStart circuitry ที่ช่วยให้การทำงานของเครื่องแต่ละเครื่อง เริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่กระโชกโฮกฮาก อันเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดสุญญากาศไปด้วยในตัว
- Point-to-point wiring เป็นการเดินสายภายในระหว่างแต่ละอุปกรณ์โดยตรงด้วยมือล้วนๆ (ไม่มีแผงวงจร หรือ PCB) ทำให้ได้มาซึ่งระยะทางที่สั้นที่สุดในการเดินทางของสัญญาณ
- Ceramic tube sockets ใช้ขาเสียบหลอดสุญญากาศที่เป็นเซรามิก ซึ่งให้ความคงทนสูงในการใช้งาน (ทนทานต่อความร้อน)
- คัดสรรอุปกรณ์เกรดสูงมาใช้งาน อย่างเช่น Alps potentiometers, Nichicon และ Realcap capacitors รวมถึงขั้วเสียบสายลำโพงของ WBT และแจ็คเสียบต่างๆ ที่เป็นชนิดชุบเคลือบด้วยทองคำ
- Custom-designed output transformers …หัวใจสำคัญของแอมป์หลอดสุญญากาศ นอกเหนือจากการเลือกใช้หลอดฯคุณภาพสูงแล้ว “หม้อแปลงขาออก” นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ เพื่อการให้ได้มาซึ่งคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยม ซึ่งสำหรับ นั้นไซร้ ใช้หม้อแปลงขาออกที่มีความเป็นพิเศษ จนแม้แต่ John Atkinson ผู้เป็นบรรณาธิการของนิตยสาร Stereophile ยังให้การยอมรับ
- หม้อแปลงไฟสำหรับการจ่ายพลังงานที่เป็นแบบ Toroidal power transformers ซึ่่งเป็นที่ยอมรับกันว่า มีค่าน๊อยซ์ต่ำสุด และจ่ายพลังงานได้ดีมากภายใต้ขนาดที่ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตนัก
- ฐานแท่นเครื่องที่มีความแข็งแรงสูง และพ่นทำสีภายนอกด้วยสีรถยนตร์อย่างดี มีขั้นตอนถึง 5 ชั้น ให้ความสวยงาม พร้อมด้วยความทนทาน
ณ ปัจจุบัน PrimaLuna ได้ออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในชุด DiaLogue Series ออกมาแทนที่ ProLogue Series มาตั้งแต่ปีค.ศ.2006 โดยมี DiaLogue Premium Series และ DiaLogue Premium HP Series เป็นผลิตภัณฑ์ระดับสูง อันโดดเด่นด้วยหม้อแปลงเอาท์พุทที่พันด้วยมือในโรงงานของ PrimaLuna ทำให้ได้มาซึ่งคุณภาพอันยอดเยี่ยม ควบคู่กับการใช้ power transformer ขนาดใหญ่ที่ออกแบบขึ้นใหม่เช่นกัน นอกจากนี้ยังได้ทำการปรับเปลี่ยนไปใช้เกรดอุปกรณ์ที่สูงขึ้นไปอีกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สาย silver-plated OFC ในการเดินสายเชื่อมต่อจุดต่อจุด, ซอคเกตขั้วเสียบหลอดแบบเซรามิก, Takman resistors และ SCR Tinfoil capacitors
แต่ที่สำคัญ อันทำให้ DiaLogue Premium Series และ DiaLogue Premium HP Series มีความโดดเด่น-แตกต่างจากใครๆ ในระดับชื่อชั้นเดียวกัน นั่นก็คือ Adaptive AutoBias …ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรับตั้งค่าไบอัส (Bias) นับเป็นสิ่งอันจำเป็นยิ่งนักสำหรับเครื่องหลอดสุญญากาศ เพื่อให้หลอดสุญญากาศทำงานได้อย่างเต็มสรรถนะ ซึ่งหลอดสุญญากาศแต่ละเบอร์จะมีค่าการปรับตั้งค่าไบอัสที่ไม่เหมือนกัน ทว่าก็อาจจะอยู่บ้างที่หลอดสุญญากาศในตระกูลเดียวกัน สามารถใช้ทดแทนกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการปรับตั้งค่าไบอัส แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เมื่อถึงวาระการเปลี่ยนหลอดใหม่เข้าไปทดแทนหลอดเก่าที่เสื่อมสภาพลง ก็ยังคงต้องได้รับการปรับตั้งค่าไบอัสที่เหมาะสม
สำหรับ PrimaLuna ได้รับการออกแบบให้คุณไม่จำเป็นต้องมานั่งห่วงใยถึงเรื่องของการปรับไบอัสด้วยตัวเอง พร้อมให้คุณได้นั่งฟังเพลงอย่างสบายใจไร้กังวลใดๆ ด้วยการใช้วงจรปรับตั้งค่าไบอัสโดยอัตโนมัติ อย่างที่เรียกกันว่า Adaptive AutoBias (AAB) ที่วิศวกรของ PrimaLuna ได้พัฒนามาจนถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งด้วย “Adaptive AutoBias” นอกจากจะทำให้คุณไม่ต้องกังวลใจในการปรับตั้งค่าไบอัสไปจนตลอดอายุขัยของหลอดที่ใช้แล้วไซร้ วงจรนี้ยังช่วยให้ไม่จำเป็นต้องเลือกใช้หลอดแบบ matched-pair อันมีราคาสูงกว่าธรรมดาได้อีกด้วย …คุณจึงสามารถใช้หลอดธรรมดา ทว่าการันตีได้ว่า จะได้รับฟังเสียงที่ไม่ธรรมดาออกมาจาก PrimaLuna
ทั้งนี้ PrimaLuna ยังได้ระบุว่า “Adaptive AutoBias” จะช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดสุญญากาศให้ยืนยาวขึ้น เนื่องจากว่า “Adaptive AutoBias” จะปรับสภาวะการทำงานของหลอดให้ทำงานเพียงแค่ 40% เมื่อเทียบกับการทำงานในแบบปกติทั่วไป การใช้พลังงานที่ลดลงส่งผลต่อการทำงานของหลอดที่ไม่ต้องรับแรงดันในระดับใกล้ขีดเต็มพิกัด อายุการใช้านของหลอดจึงยืนยาวขึ้นโดยปริยาย อีกทั้งหลอดแต่ละหลอดก็จะไม่ถูกทำให้สูญเปล่าไปกับการใช้พลังงาน อุณหภูมิใช้งานของ PrimaLuna จึงนับว่าเย็นกว่าแอมป์หลอดโดยทั่วไป จนสามารถเอามือวางอยู่ด้านบนแอมป์หลอดของ PrimaLuna ได้ในขณะกำลังใช้งาน !!
ที่สำคัญ PrimaLuna ระบุว่า “Adaptive AutoBias is passive, so it’s NOT in the signal path. There is no downside. Tubes are constantly monitored and kept in their best operating range, reducing distortion by up to 50%! ” แปลความได้ว่า Adaptive AutoBias คือการทำงานในแบบ passive ดังนั้นจึงไม่อยู่ในเส้นทางเดินสัญญาณ จึงไร้ซึ่งข้อเสียใดๆ หลอดถูกตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง และดำรงรักษาไว้ในช่วงการทำงานที่ดีที่สุด ช่วยลดการบิดเบือนได้ถึง 50%!
มีความจริงอยู่ว่า จนถึงปัจจุบันนี้มีอยู่ 2 วิธีในการไบอัส (BIAS) หลอดสุญญากาศ – “Cathode Bias” เป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไป ราคาไม่แพงสำหรับค่าใช้จ่าย จึงมักพบได้ในแอมป์กีตาร์ แต่ทว่าก็ยังพบได้ในแอมป์ระดับไฮ-เอนด์ที่มีราคา 20,000 ดอลล่าร์ นี่คือสิ่งที่บริษัทไฮ-เอ็นด์ส่วนใหญ่เรียกว่า “Auto Bias” นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ได้รับรู้ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วไซร้ นั่นก็คือรูปแบบของ cathode bias นั่นแหละ ‘Cathode Bias’ นั่นใช้งานได้ดี – แต่ต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้นกว่าธรรมดา
กับอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือ – “Adjustable Fixed Bias” …แอมป์หลอดขนาดกำลังขับ 40 วัตต์ ที่ใช้แบบ cathode bias จะสามารถ “รีด” พลังงานออกมาได้มากถึง 70 วัตต์ หากใช้แบบ adjustable fixed bias ดังนั้นหลอดสุญญากาศจึงเรียกได้ว่า ตกอยู่ภายใต้สภาวการณ์เครียดเค้นอยู่ตลอดเวลา ส่งผลต่ออายุการใช้งานที่หดสั้นลงในทุกขณะของการใช้งาน ทั้งยังเป็นวิธีการปรับต้ังที่ยุ่งยาก และควรเป็นการกระทำของผู้มีประสพการณ์
เปรียบเทียบกับระบบเครื่องยนต์ สำหรับรอบเดินเบาของรถยนตร์โดยทั่วไปอาจจะอยู่ที่ประมาณ 900 รอบต่อนาที และมีรอบสูงสุดแตะขีดแดง หรือ redline อยู่ที่ 6500 รอบต่อนาที …ที่นี้ถ้าคุณปรับรอบเดินเบาของเครื่องยนต์เอาไว้ที่ 5500 รอบต่อนาที คุณก็จะยังสามารถกระทำได้ เพราะว่ายังอยู่ใต้ขีดแดง แต่ทว่านั่นคือสิ่งที่ควรกระทำไหมล่ะ ? เพราะเท่ากับคุณกำลังสูญเสียไปกับพลังงานจำนวนมากที่ต้องใช้ไปอย่างสูญเปล่า ทั้งยังเป็นการทำให้เครื่องยนต์มีอัตราความสึกหรอที่สูงขึ้นมาก โดยไม่จำเป็น
ดังนั้น ‘Cathode Bias’ จึงนับเป็นวิธีที่นิยมกัน เนื่องเพราะหลอดจะทำการไบอัสในลักษณะที่เรียกว่า “self-biasing” โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวใดๆ กับการปรับตั้งค่าไบอัส นี่จึงเป็นเรื่องสุดแสนง่ายดายสำหรับการใช้งาน ซึ่งโดยทั่วไปก็เพียงแค่ ‘plug and play’ แต่ทว่าก็มีข้อแม้ด้วยว่า ควรอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกใช้หลอดในแบบ matched-pair หรือว่า matched-set เพื่อให้เกิดผลลัพธ์การใช้งานที่เหมาะสม
Adaptive AutoBias system
สำหรับ “Adaptive AutoBias ของ PrimaLuna เป็นรูปแบบหนึ่งของ Cathode Bias ซึ่งถือเป็น ‘Real Auto Bias’ ที่มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นกว่าธรรมดาทั่วไป ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและสรรค์สร้างนั้นสูงมาก เท่าที่ทราบมีเพียง 3 บริษัทเท่านั้น ที่ใช้ ‘Real Auto Bias’ อยู่ในปัจจบัน ที่แรกคือ PrimaLuna ซึ่งนำมาใช้ในปี 2003 อีกที่หนึ่งก็คือ Mystere ซึ่งเป็น sister company ของ PrimaLuna ส่วนแห่งที่สามก็คือ VAC (Valve Amplification Company) ซึ่งใช้งานอยู่เฉพาะในรุ่น 450 IQ ซึ่งมีราคาสูงกว่า 112,000 ดอลล่าร์ต่อคู่
แต่สำหรับระบบ Adaptive AutoBias ใหม่ล่าสุด ที่ PrimaLuna ใช้อยู่ใน DiaLogue Premium และ DiaLogue Premium HP นั้นมีคุณลักษณ์ใหม่เพิ่มเติมขึ้นมา ด้วยการมีระบบตรวจสอบหลอดที่ใช้งานอยู่ แต่ละหลอด แล้วแจ้งให้คุณทราบเมื่อถึงเวลาที่จำเป็นต้องเปลี่ยนหลอดนั้นๆ ด้วยการติดตั้งดวงไฟ LED สีแดงไว้ที่ด้านหน้าของหลอดแต่ละหลอด นี่จึงเป็นการปกป้องอย่างเต็มที่ ในขณะที่ช่วยให้คุณยังคงปล่อยให้แอมป์หลอดพร้อมทำงานได้จนถึงช่วงวินาทีสุดท้าย จนกว่าคุณจะเปลี่ยนหลอดทดแทนหลอดเดิม
นอกจากนี้ Adaptive AutoBias ยังมีสภาพการใช้งานที่ “ยืดหยุ่น” ช่วยทำให้คุณสามารถเลือกใช้หลอดสุญญากาศได้อย่างหลากหลายเบอร์ จากทั้งในกลุ่มของ EL-34 และ KT88/KT120/KT150 …เรียกได้ว่า ครอบคลุมหลอดยอดนิยมแทบทุกเบอร์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น 6L6G, 6L6GC, 7581A, EL34, EL37, 6550, KT66, KT77, KT88, KT90, KT120 จนกระทั่ง KT150
BAD TUBE INDICATOR
“BTI-circuit” วงจรตรวจจับการทำงานของหลอดสุญญากาศ ที่จะทำการตรวจสอบหลอดแต่ละหลอดที่กำลังใช้งานอยู่ และหากพบว่า หลอดนั้นมีสภาพการใช้งานที่ต่ำกว่าปกติ ดวงไฟ LED สีแดงที่อยู่ด้านหน้าของหลอดนั้นๆ ก็จะติดสว่างขึ้น ให้คุณได้รู้ว่าหลอดนั้นใกล้หมดอายุขัย และถึงเวลาถอดเปลี่ยนได้แล้ว นอกจากนี้ถ้าหากตรวจพบหลอดที่เสื่อมสภาพ วงจรป้องกันจะทำงานในทันทีทันใด เพื่อมิให้ชิ้นส่วนใดๆ เกิดความเสียหาย
วงจรป้องกันของ PrimaLuna ประกอบด้วย “Power Transformer Protection” (PTP-circuit) และ “Output Transformer Protection” (OTP-circuit) โดยที่ PTP-circuit จะทำงานทันที หากหม้อแปลงไฟฟ้าร้อนเกินไป โดยจะตัดกระแสไฟหลักทำให้แอมป์เย็นลงและรีเซ็ตตัวเอง ในขณะที่ OTP-circuit จะช่วยปกป้องหม้อแปลงไฟฟ้าเอาต์พุตไว้ ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดกับการเสียบต่อสายลำโพง
REMOTE CONTROLLED TRIODE/ULTRA-LINEAR SWITCHING
PrimaLuna ให้รีโมท คอนโทรลเล็กๆ มาพร้อมกับ DiaLogue Premium Power Amplifier และ DiaLogue Premium HP Power Amplifier เพื่อให้ผู้ใช้เลือกโหมดการทำงานระหว่าง Triode และ Ultra-linear ได้อย่างสะดวก และในทันทีที่ต้องการ-หากจะทำการปรับเปลี่ยนโหมดดังกล่าว คุณสามารถทำการเปรียบเทียบในทันทีขณะที่คุณกำลังรับฟัง และเลือกสิ่งที่ชื่นชอบที่สุดสำหรับเพลงหรืออัลบั้มนั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นและหยุดเพลง-ไม่จำเป็นต้องปิดการทำงานแต่อย่างใด …ทั้งนี้บนแผงหน้าเครื่องจะมีตัวรับสัญญาณรีโมท (IR sensor) ติดตั้งอยู่ในแนวกึ่งกลาง และจะมีดวงไฟ LED แสดงการทำงานในโหมด Ultra-linear (ดวงไฟ LED สีแดง) ติดตั้งอยู่ทางด้านขวา ส่วนดวงไฟ LED แสดงการทำงานในโหมด Triode (ดวงไฟ LED สีเขียว) ติดตั้งอยู่ทางด้านซ้าย
เมื่อคุณเปิดการทำงานเครื่อง (power on) – DiaLogue Premium Power Amplifier และ DiaLogue Premium HP Power Amplifier จะเริ่มทำงานในโหมด Ultra-linear (ดวงไฟ LED บนแผงหน้าเครื่อง ติดสว่างเป็นสีแดง) จากนั้นหากต้องการปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานจาก Ultra-linear ไปเป็นในโหมด Triode (ดวงไฟ LED บนแผงหน้าเครื่อง ติดสว่างเป็นสีเขียว) ก็เพียงแค่กดปุ่มบนรีโมท คอนโทรลเท่านั้น
STEREO / MONOBLOCK OPERATION
DiaLogue Premium Power Amplifier และ DiaLogue Premium HP Power Amplifier แต่ละเครื่องจะมีสวิทช์เล็กๆ ติดตั้งอยู่ด้านหลังเครื่อง พร้อมให้คุณเลือกใช้งานได้ว่าจะให้ทำงานในแบบ stereo หรือว่า mono …วันนี้คุณอาจต้องการใช้งาน DiaLogue Premium HP Power Amplifier ให้ขับขานเสียงในระบบเสียงสเตอริโอ แต่วันข้างหน้า คุณสามารถขยับขยายการใช้งานให้ DiaLogue Premium HP Power Amplifier แต่ละตัว ขับขานเสียงในแบบฉบับของโมโน บล็อก ก็เพียงแค่เลื่อนสวิทช์เล็กๆ นี่เท่านั้น
ทั้งนี้ PrimaLuna ได้ระบุว่า แอมป์ทุกตัวทำขึ้นให้เหมาะสำหรับการขับขานลำโพงแบบแผ่นบาง อย่างเช่น Magnaplanars และ electrostatics (อาทิเช่น Martin-Logan) ด้วยการมีขั้วแท็บลำโพงที่ 2 โอห์มเอาไว้ให้คุณได้เลือกใช้งาน ซึ่งหากว่า คุณมี DiaLogue Premium HP Power Amplifier อยู่ 2 เครื่องที่เลือกใช้งานแบบโมโน บล็อก นั่นจะทำให้คุณได้ยินในสิ่งที่คุณไม่เคยได้ยินเสียงมาก่อน ด้วย Monoblock ของ PrimaLuna ของคุณ
POINT TO POINT WIRING W/ SWISS MADE WIRE
PrimaLuna ใช้สายไฟแบบจุดต่อจุดบัดกรีด้วยมืออย่างพิถีพิถันบนผลิตภัณฑ์ทั้งหมด โดยเดินสายเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ด้วยสายทองแดงคุณภาพสูงของสวิส (Swiss-made, silver-plated, oxygen-free continuous crystal (OCC) – “ไม่มีแผงวงจรใดๆ” เพื่อให้สัญญาณเสียงเดินทางได้อย่างเต็มที่ มั่นใจได้ในคุณภาพเสียงที่รับฟัง นอกจากนี้ทางเดินสายเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ทั้งหมด รวมถึงตัวต้านทานและตัวเก็บประจุก็จะมีการหุ้มฉนวนป้องกันด้วยวัสดุ Teflonไว้เป็นอย่างดี
คุณลักษณ์
พูดได้ว่า ผลิตภัณฑ์ของ PrimaLuna ล้วนประกอบขึ้นด้วยมือทั้งสิ้น แต่สำหรับ DiaLogue Premium Power Amplifier และ DiaLogue Premium HP Power Amplifier จะได้รับการคัดสรรเกรดอุปกรณ์ที่จะใช้อย่างเป็นพิเศษ เฉพาะอย่างยิ่งกับ “DiaLogue Premium HP Power Amplifier” ซึ่งคำว่า HP นั้นก็คือ ‘High Power’ เพื่อบ่งบอกถึงกำลังขับที่มากกว่าซีรี่ส์ DiaLogue Premium นั่นเอง
สำหรับ DiaLogue Premium HP Power Amplifier นั้นจะเป็นเพาเวอร์ แอมป์หลอดสุญญากาศที่มีสวิทช์กด – เปิด/ปิดการทำงานเครื่อง (Power ON/OFF) ติดตั้งอยู่บนแผงด้านข้างตัวเครื่อง (ด้านซ้าย) และยังจะมีสวิทช์กดเลือกเบอร์หลอดที่ใช้ว่า จะเป็นกลุ่มของ EL34 หรือว่า KT88 ติดตั้งอยู่บนแผงด้านข้างตัวเครื่อง (ด้านขวา) อีกด้วย (DiaLogue Premium HP Power Amplifier จะมาพร้อมกับหลอด EL34 เป็น standard version) ทำให้ DiaLogue Premium HP Power Amplifier มีกำลังขับ 70 วัตต์ต่อข้าง เมื่อใช้งานในโหมด Stereo / Ultra-linear (8 Ohms, 1% THD) สำหรับหลอด EL34 และจะเป็น 73 วัตต์ต่อข้าง สำหรับหลอด KT88 (85 วัตต์ต่อข้าง สำหรับหลอด KT120; 96 วัตต์ต่อข้าง สำหรับหลอด KT150) และเมื่อใช้งานในโหมด Stereo / Triode (8 Ohms, 1% THD) ก็จะได้กำลังขับ 40 วัตต์ต่อข้าง สำหรับหลอด EL34 และจะเป็น 43 วัตต์ต่อข้าง สำหรับหลอด KT88 (45 วัตต์ต่อข้าง สำหรับหลอด KT120; 48 วัตต์ต่อข้าง สำหรับหลอด KT150)
แต่หากว่าคุณปรับตั้งใช้งาน DiaLogue Premium HP Power Amplifier ในโหมด Mono / Ultra-linear (8 Ohms, 1% THD) สำหรับหลอด EL34 ก็จะได้กำลังขับ 148 วัตต์ต่อเครื่อง และจะเป็น 148 วัตต์ต่อเครื่อง สำหรับหลอด KT88 (175 วัตต์ต่อเครื่อง สำหรับหลอด KT120; 192 วัตต์ต่อเครื่องง สำหรับหลอด KT150) และเมื่อใช้งานในโหมด Mono / Triode (8 Ohms, 1% THD) ก็จะได้กำลังขับ 85 วัตต์ต่อเครื่อง สำหรับหลอด EL34 และจะเป็น 85 วัตต์ต่อเครื่อง สำหรับหลอด KT88 (94 วัตต์ต่อเครื่อง สำหรับหลอด KT120; 98 วัตต์ต่อเครื่อง สำหรับหลอด KT150)
โดยจะมีขั้วแท๊ปสายลำโพงให้เลือกใช้งานได้ทั้ง 4, 8 และ 16 โอห์ม สำหรับโหมดใช้งาน stereo และจะปรับเป็น 2, 4 และ 8 โอห์ม สำหรับโหมดใช้งาน mono ส่วนทางด้านของหลอดสุญญากาศที่ทำงานในภาคหน้าสุดก็จะเป็นหลอดเบอร์ 12AU7 จำนวน 6 หลอด พร้อมรองรับการเสียบต่อสัญญาณขาเข้าในแบบ RCA จำนวน 1 ชุด (ไม่มีขั้วเสียบต่อแบบ XLR)
ทั้งนี้ DiaLogue Premium HP Power Amplifier สามารถครอบคลุมช่วงความถี่ตอบสนองได้ตั้งแต่ 9Hz-59kHz (+/- 1dB) สำหรับโหมดใช้งาน stereo และ 8Hz-69kHz (+/- 1dB) เมื่ออยู่ในโหมดใช้งาน mono ด้วยค่าสัดส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวน (S/N Ratio) อยู่ที่ 99 dB (stereo) และ 105 dB (mono) โดยมีอัตราบริโภคพลังงานเท่ากับ 280 วัตต์ ภายใต้ขนาดมิติตัวเครื่อง (กว้างxสูงxลึก): 15.2 x 8 x 15.9 นิ้ว น้ำหนัก: 66.3 ปอนด์ หรือกว่า 30 กก.ต่อเครื่องเลยทีเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกใช้งานระหว่างโหมด Ultra-linear หรือ Triode นับเป็นเรื่องของรสนิยม-ความชื่นชอบของการรับฟังเฉพาะบุคคล รวมถึงคำนึงถึงอิทธิพลจากลำโพงที่คุณใช้งานอยู่เป็นหลัก แต่โดยทั่วไปเป็นที่ยอมรับกันว่า ลักษณะเสียงของ Ultra-linear Mode นั้นจะให้ไดนามิกที่ฉับพลันทันใด รวมถึงเสียงเบสที่กระชับฉับไว เปี่ยมในเรี่ยวแรงกระแทกกระทั้น พร้อมด้วยการนำเสนอในรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนทั้งย่านความถี่สูงลงมาถึงย่านความถี่ต่ำอย่างรุกเร้าใจ ในขณะที่โหมดใช้งาน Triode นั้น จะให้ลักษณะเสียงที่เอิบอิ่ม อวบหนา เปี่ยมในความมีชีวิตชีวา เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงย่านความถี่เสียงกลาง พร้อมด้วยความไหลลื่นให้ความรู้สึกผ่อนคลาย จึงอาจจะไม่ลงตัวนักกับการรับฟังเพลงแนวร็อกต่างๆ
ดังนั้นแล้วไซร้ “อะไรล่ะที่ดีที่สุด?” …ตัดสินใจด้วยหูของคุณ : บนพื้นฐานความคิดที่ว่า ถ้าคุณชื่นชอบฟังเพลงดังๆ ก็น่าจะเลือกใช้โหมด Ultra-linear ที่ให้กำลังขับได้สูงกว่า -ตรงกันข้าม- หากว่าคุณจะชื่นชอบการรับฟังแบบนุ่มนวล ให้ความผ่อนคลายสบายจิต หรือเร่งเสียงในขณะรับฟังไม่ดังมากนัก การเลือกใช้งานในโหมด Triode ก็น่าจะเหมาะสม …ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด มีแต่ว่า-อะไรที่เหมาะสำหรับคุณที่สุด ซึ่งคุณเท่านั้นที่จะเลือกได้อย่างถูกต้อง
ส่วนการเลือกสรรว่า จะใช้หลอดเบอร์อะไรได้บ้างนั้น สามารถสรุปไว้เป็นดังนี้ครับ :-
- สำหรับหลอดเบอร์ 12AU7 จะสามารถใช้เป็น ECC82, ECC802S, E82CC, 5814, 6189, CV4003
- สำหรับหลอดเบอร์ KT88 จะสามารถใช้เป็น 6550 รวมถึง KT90, KT120 และ KT150
- สำหรับหลอดเบอร์ EL34 จะสามารถใช้เป็น 6CA7, E34LS, E34L อีกทั้งยังอาจจะเลือกใช้ 6L6GC, 7581A และ KT66 ได้อีกด้วย
ผลการรับฟัง
ต้องขอบอกกล่าวว่า …นับเป็นเรื่องจำเป็นนะครับ สำหรับการรับฟังอย่างพินิจพิเคราะห์ หรือแม้จะเพื่อการรับฟังอย่างไม่จริงไม่จัง ฟังแบบเพลิดเพลิน-พักผ่อนหย่อนใจ แต่ทว่าต้องการคุณภาพเสียงในระดับเต็มที่ออกมาจาก DiaLogue Premium HP สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องให้ DiaLogue Premium HP ได้ทำงานผ่านพ้นช่วงวอร์ม-อัพไปอย่างน้อย 120 นาที – นี่มิใช่เรื่องล้อเล่น หรือพูดแบบเรื่อยเปื่อยนะครับ เพราะคุณภาพเสียงที่ออกมาจาก DiaLogue Premium HP จะ “แตกต่าง” ชนิดดีขึ้นอย่างมากจากช่วงแรกๆ ของการใช้งาน …ยิ่งใช้งานต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เสียงที่รับฟังก็จะยิ่งดีขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ยืนยันได้ว่า DiaLogue Premium HP ให้เสียง ‘จำเพาะ’ เฉพาะตัวไม่เหมือนกับแอมป์หลอดโดยทั่วไป ที่เคยฟังมาก่อนหน้า – ด้วยลักษณะน้ำเสียงที่ละเมียด ละมุนละไม ฉ่ำชุ่ม มีน้ำนวล ในขณะเดียวกันก็โปร่งใส ฉับไวมาก รายละเอียดต่างๆ เปล่งปลั่ง แจ่มชัด ให้น้ำหนักในเสียงทุกเสียง อีกทั้งการบ่งบอกสภาพบรรยากาศนั้น ยังทำได้เข้มข้น อบอวลมาก ช่วยให้รับรู้ได้ถึงความสมจริงในธรรมชาติ
DiaLogue Premium HP มีบุคลิกเสียงที่เนียนนุ่ม ฉ่ำชุ่ม ให้ความระรื่นชื่นใจเป็นอย่างมาก ด้วยความกลมกล่อมของเนื้อเสียงที่มีน้ำมีนวลชวนฟังยิ่งนัก เป็นเสียงที่น่าเคลิบเคลิ้ม ให้ความผ่อนคลาย ฟังได้ต่อเนื่องยาวนานไม่รู้สึกเครียดเคร่ง หรือล้าหู ทั้งยังช่วยให้คุณได้รับรู้อะไรต่อมิอะไรในสิ่งที่แตกต่างจากที่เคยได้ฟัง “มิใช่เกินจริง” แต่ดุจเดียวกับความเป็นจริงแห่งจินตนาการขณะรับฟังเพลงและและดนตรี DiaLogue Premium HP ให้เสียงที่ผุดโผล่อย่างฉับพลันทันใด รวมทั้งให้อาณาบริเวณเสียงที่มีตัวมีตน ระบุตำแหน่งได้ชัดเจน ไม่เบียดบังซ้อนทับกัน ทั้งยังมีความกังวานในปลายอณูเสียง ไม่หดห้วนอัดอั้น หรือว่าถูกจำกัดการนำเสนอ เสียงทุกเสียงตลอดทั้งช่วงย่านเสียงสูงล้วนทอดตัวยาวไกล ให้ความพละพลิ้วสมจริงเป็นธรรมชาติมากจริงๆ
DiaLogue Premium HP บ่งบอกได้ถึงทรานส์เซี้ยนและทิมเบอะ (timbre) ของเสียงดนตรีแต่ละชิ้นแต่ละประเภทออกมาให้ได้รับรู้อย่างแม่นยำ รวมทั้งสภาพบรรยากาศของโถงบันทึกเสียงก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาให้เราสัมผัสรับรู้ถึงมวลอากาศที่โอบล้อมตัวเราอย่างสมจริงด้วยเช่นกัน ยามที่ฟังเพลงคลาสสิกแผดสนั่น ประโคมคำรนอย่างเต็มที่ DiaLogue Premium HP ได้ทำให้การรับฟังเพลงที่บรรเลงโดยวงออร์เคสตร้ากว่าร้อยชิ้นนั้นได้รับความยิ่งใหญ่อย่างอลังการ สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่น พลังแรงกระแทกกระทั้นทั้งหนักทั้งแน่น ไม่ปรากฏอาการอัดอั้นบีบคั้น อันสืบเนื่องจากผลลัพธ์ของภาคจ่ายไฟที่ออกแบบบมาอย่างเผื่อเหลือขาดอย่างดีนั่นเองละครับ
นอกเหนือจากที่ DiaLogue Premium HP จะให้น้ำเสียงเนียนนุ่ม ฉ่ำชุ่ม มีน้ำนวล ละมุนละไม ยังให้สุ้มเสียงที่ทรงพลัง อิ่มแน่น กระแทกกระทั้น ฉับพลันทันใด ควบคู่กับน้ำหนักเสียงที่มีตัวมีตนอย่างสมจริง เพียบพร้อมด้วยความไหลลื่น พละพลิ้ว และเต็มเปี่ยมในรายละเอียดหยุมหยิม ถึงขนาดสามารถจำแนกแยกแยะรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่สอดแทรกเป็นอณูเสียงอันแผ่วเบาได้อย่างไม่ต้องเงี่ยหูฟัง ยิ่งเมื่อรับฟังจากเพลงร้อง (vocal) โอ้…ช่างเป็นเป็นเสียงร้องที่มีวิญญาณมีตัวมีตนของคนเราจริงๆ เสมือนเปล่งออกมาจากปากอย่างมีลมหายใจ (breathing) เข้าได้ถึงห้วงอารมณ์ของการขับร้อง พร้อมด้วยการออกเสียงอักขระชัดเจนมาก บ่งบอกรายละเอียดความแตกต่างกันของแต่ละบุคลิกเสียงนักร้องได้ดี มีการแยกแยะอาณาบริเวณเสียงของกลุ่มนักร้อง กระทั่งเสียงนักร้องล้วนมีมวลมีน้ำหนักมีตัวตนของแต่ละคนๆไป ปราศจากความคลุมเครือ
DiaLogue Premium HP ให้พลังไดนามิก สดสว่าง กระจ่างชัด รวมทั้งน้ำหนักเสียงทุกๆ ชิ้นของเครื่องเคาะจังหวะ (percussions) ยามที่ถูกเคาะ แม้จะเพียงแค่แผ่วเบา พร้อมด้วยความกังวานติดตามมาในช่วงปลายหางเสียงอย่างสมจริง สัญญาณเสียงฉับพลัน จะผุดโผล่อย่างฉับไว และให้อาณาบริเวณเสียงที่มีตัวตน ระบุตำแหน่งได้ชัดเจน ไม่เบียดบังซ้อนทับกัน ทั้งยังให้ความกังวานหวานพลิ้วในทุกอณูเสียง เสียงทุกเสียงที่รับฟัง สัมผัสได้ถึงความมีตัวตนของเสียง เป็นเสียงที่มีวิญญาณมีลมหายใจ …น่าทึ่งมาก
สรุปส่งท้าย
DiaLogue Premium HP ให้ความสมจริงอย่างเป็นธรรมชาติในสรรพเสียงที่รับฟัง ในขณะที่ไดนามิกนั้นก็ฉับพลันทันใด และยังให้รายละเอียดเสียงในระดับ ‘ระยิบระยับ’ ทั้งยังได้มาซึ่งพละกำลังอันหนักแน่น แผ่ใหญ่ ทั้งยังจะทำให้คุณตราตรึงใจในความแผ่กว้างของอาณาบริเวณเสียงโดยไม่ต้องเครียดเคร่งกับตำแหน่งนั่งฟังตรงกลางระหว่างลำโพงเป๊ะๆ ด้วย sweet spot ที่กว้างขวาง เข้าถึงประสพการณ์รับรู้ในตำแหน่งแห่งที่ของเสียงเพลงและดนตรีในสภาพเวทีเสียงอย่างสมจริงราวเป็น 3 มิติ ในขณะเดียวกันก็อิ่มเอมใจในรายละเอียดต่างๆ ราวกับกำลังรับฟังดนตรีแสดงสดอยู่ตรงหน้ากระนั้น
DiaLogue Premium HP นั้นมีลักษณะน้ำเสียงที่เนียน ฉ่ำ ให้ความฉับไว ไหลลื่น ได้ฟังแล้วชุมชื่นโสตประสาทเป็นอย่างมาก ทั้งยังอิ่มอุดม กลมกล่อม มีน้ำมีนวลชวนฟัง สรรพเสียงที่ถูกถ่ายทอดออกมาล้วนอยู่บนความเป็นแฟลท (flat) อย่างแท้จริง ไม่มีการเน้นช่วงย่านใดเป็นพิเศษจนรู้สึกเด่นล้ำ เบสไม่หนา เนิบนาบ จนเสียงกลางฟังอุ้ยอ้าย เสียงสูงก็มิได้ถูกเค้นให้โดดเด่นจนเกรี้ยวกราด-ชัดเจนจนกลายเป็นเกินจริง คุณจะฟัง DiaLogue Premium HP ได้ไม่รู้หน่าย นานเท่านาน อย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ ไป และนำไปสู่ความประทับใจยิ่งนักจนไม่อยากจะยุติการรับฟัง !!!
อุปกรณ์ร่วมใช้งาน :- เครื่องเล่นซีดี marantz CD/DA12; ปรีแอมป์ Accuphase C280L; ลำโพง Diatone DS-2000ZX; สายสัญญาณ Tchernov Classics MkII; สายลำโพง Tellurium Q Ultra Black; สายไฟเข้าเครื่องสำหรับ DiaLogue Premium HP : Lapp Kable ÖLFLEX® CLASSIC 110 CY Black