DAWN NATHONG
อินทิเกรตแอมป์อังกฤษร่วมสมัย
Arcam เป็นแบรนด์เครื่องเสียงฝั่งอังกฤษที่เข้ามาสร้างชื่อในบ้านเรานานหลายสิบปีแล้ว แม้ช่วงหลังจะดูแผ่วไปบ้าง เมื่อเทียบกับแบรนด์ดังจากอังกฤษเจ้าอื่น ที่ดูจะขยันออกรุ่นใหม่มาคอยทำตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เป็นจุดแข็งของ Arcam นั่นคือสไตล์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ยังคงฝังอยู่ในเครื่องเสียงแต่ละรุ่นอย่างเหนียวแน่น น้ำเสียงที่แฝงความอบอุ่นและลื่นไหล โดยเฉพาะย่านเสียงกลาง ต้องยกให้แบรนด์นี้โดดเด่นไม่แพ้ใคร เรียกว่าสำหรับแฟนของ Arcam ไม่ว่าออกเครื่องเสียงมากี่รุ่น ฟังปุ๊บก็ต้องบอกได้ทันทีว่านี้คือ Arcam แน่นอน แม้กระทั่งซีรียส์ที่อยู่ในกลุ่มโฮมเธียเตอร์ ก็ยังแฝงบุคลิกเสียงที่อบอุ่น นุ่มนวล ให้สัมผัสได้
สินค้ากลุ่มเครื่องเสียงไฮไฟในปัจจุบันของ Arcam แบ่งออกเป็นสามซีรียส์ ได้แก่ rSeries ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มระดับเริ่มต้น เน้นไปทาง DAC, Streamer และเฮดโฟนแอมป์ ส่วน FMJ จะเป็นซีรียส์ในกลุ่มสินค้าระดับไฮเอ็นด์ มีทั้งสองแชนแนลและโฮมเธียเตอร์ (ปัจจุบันจะเน้นโฮมเธียเตอร์เป็นหลัก) และท้ายสุดคือซีรียส์ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน นั่นคือ HDA ซีรียส์ อันประกอบไปด้วย CDS50 เครื่องเล่น CD/SACD เพลเยอร์ และอินทิเกรตแอมป์อีกสองรุ่น คือ SA20 และ SA10 อันที่จริง มีข่าวการเปิดตัวอินทิเกรตแอมป์รุ่น SA30 ออกมาอีกหนึ่งโมเดลช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ขณะที่เขียนบทความนี้ ยังไม่มีข้อมูลลงในเว็บไซต์ของ Arcam อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
HDA ซีรีส์นั้น ถือว่าเข้ามาเป็นตัวแทนของกลุ่มเครื่องเสียงระดับกลางของ Arcam แทน A ซีรียส์เดิมได้อย่างเหมาะเจาะ กับราคาเปิดตัวในระดับช่วงราคาราวสี่หมื่นของรุ่น SA10 นั้น เรียกว่าน่าสนใจทีเดียว เมื่อเทียบกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่อัดแน่นรวมถึงน้ำเสียงที่ได้ฟัง
รายละเอียดที่น่าสนใจ
ARCAM SA10 คืออินทิเกรตแอมป์รุ่นเล็กของ HDA ซีรียส์ ส่วนรุ่นพี่คือ SA20 ทั้งสองรุ่นนี้นอกจากเรื่องของกำลังขับแล้ว ยังแตกต่างกันในเรื่องของวงจรภาคขยายด้วย สำหรับ SA10 เป็นอินทิเกรตแอมป์รุ่นเดียวของ Arcam ในขณะนี้ ที่ยังคงใช้วงจรภาคขยายแบบคลาส AB อยู่ ส่วนในรุ่นใหญ่ SA20 จะเปลี่ยนไปใช้วงจรขยายแบบคลาส G ซึ่งเป็นวงจรภาคขยายแบบไฮบริด ที่วิศวกรของ Arcam พัฒนาเพื่อใช้ในผลิตภัณท์ระดับบนของตนมากว่า 10 ปี หลักการคือแบ่งรางจ่ายไฟเป็นสองส่วน ส่วนแรกจ่ายไฟสำหรับการทำงานแบบเพียวคลาส A ในเวลาปกติ เมื่อต้องการกำลังมากขึ้น ค่อยสวิตช์การทำงานไปยังรางจ่ายไฟอีกชุด ที่พร้อมอัดฉีดกระแสได้อย่างฉับไวดุจระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ เป็นการแก้ปัญหาด้านประสิทธิภาพของวงจรแอมป์คลาส A ได้อย่างฉลาด
แม้ว่า SA10 จะไม่ได้ใช้วงจรคลาส G แบบรุ่นพี่ก็ตาม แต่ขอบอกว่าวงจรคลาส AB ของ Arcam นั้นอยู่ในระดับ Extremely Efficient ที่มีค่า THD ต่ำแค่ 0.003 เปอร์เซ็นต์ และเรื่องของความเพี้ยน ณ จุดตัด (Crossover Distortion) ที่เป็นจุดอ่อนของแอมป์คลาส AB ทั่วไปนั้น ก็ไม่ปรากฏอาการให้สะดุดหูแม้แต่น้อยตลอดการรับฟัง สิ่งที่เป็นข้อพิสูนจ์ได้ชัดเจน คือความต่อเนื่องลื่นไหลของน้ำเสียงแบบไร้รอยขยักตลอดย่านทุ้มจรดย่านแหลม น้อง ๆ แอมป์เพียวคลาส A แท้ ๆ กันเลย และยังคงข้อดีอีกอย่างของแอมป์คลาส AB ชั้นดีเอาไว้คือ น้ำหนักเสียงที่มีการย้ำเน้นที่ดี จากภาคจ่ายไฟที่ใช้หม้อแปลงเทอรอยด์ขนาดเขื่อง ทำให้อินทิเกรตแอมป์ตัวนี้มีน้ำหนักกว่า 9 กก.
นอกจากนี้ SA10 ยังติดตั้งภาคดีทูเอคอนเวอร์เตอร์มาให้ในตัว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทาง Arcam มีฟังก์ชั่นนี้ใส่ลงมาในอินทิเกรตแอมป์อีกด้วย ซึ่งภาค DAC ที่ให้มาก็ถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเลือกใช้ชิปแด็คแบบ 32 บิต Sabre ESS9016K2M รองรับความละเอียดสูงสุด 24bit / 192kHz (ทางช่อง Coaxial) สามารถปรับเลือกดิจิทัลฟิลเตอร์ได้ถึง 3 รูปแบบ คือ Minimum Phase Fast Roll Off (MinP Fast), Linear Phase Slow Roll Off (LinP Slow) และค่าที่ตั้งมาจากโรงงานคือ Linear Phase Fast Roll Off (LinP Fast) ซึ่งเป็นค่าที่ผู้เขียนฟังแล้วคิดว่าลงตัวที่สุดเช่นเดียวกัน
คุณสมบัติเด่น
- ภาคขยายคลาส AB ประสิทธิภาพสูง
- กำลังขับ 50 วัตต์ที่ 8 โอห์ม, 85 วัตต์ที่ 4 โอห์ม
- มีช่องอนาล็อคอินพุต 5 ชุด พร้อมภาคโฟโน
- มีช่องดิจิทัลอินพุต 3 ชุด
- ภาคแด็ค 32 บิต Sabre ESS9016K2M
- ระบบควบคุม IP คอนโทรล
- ค่าความเพี้ยน THD + สัญญาณรบกวน = 0.003%
ฟังก์ชั่นการใช้งาน
ARCAM SA10 เป็นอินทิเกรตแอมป์ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานคล้ายคลึงกับเอวีรีซีฟเวอร์ ด้วยการซ่อนหน้าเซ็ตอัพเมนูอินเตอร์เฟสต่าง ๆ เอาไว้ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่อง (รายละเอียดอ่านจากในคู่มือ) เป็นการปรับแต่งรายละเอียดการทำงานปลีกย่อยของเครื่องต่าง ๆ เช่น ตั้งระยะเวลาสแตนด์บาย เลือกดิจิทัลฟิลเตอร์ รวมถึงการเซ็ตอัพระบบ IP คอนโทรลผ่านเน็ตเวิร์ค และการอัพเดตเฟิร์มแวร์ เป็นต้น ซึ่งสำหรับในการใช้งานปกตินั้น ไม่จำเป็นต้องเข้ามาปรับแต่งในส่วนนี้ก็ได้ หลังเสียบปลั๊กแล้วท่านสามารถกดปุ่มเปิดเพาเวอร์สวิตช์ฝั่งขวามือเพื่อใช้งานได้ทันที
ด้านหลังเครื่องจะมีช่องต่อ Ethernet สำหรับเชื่อมต่อเพื่อใช้งานระบบคอนโทรลและมอนิเตอร์ผ่านเน็ตเวิร์ค (Control4 Module) เท่านั้น ไม่สามารถใช้งานเน็ตเวิร์คสตรีมมิ่งได้แต่อย่างใด ส่วนช่อง USB นั้นมีไว้สำหรับอัพเกรดซอฟท์แวร์ของเครื่องเพียงอย่างเดียว ทางด้านช่องอินพุตดิจิทัล จะมีแค่ช่อง Coaxial สองช่องกับช่อง Optical หนึ่งช่อง ถัดมาเป็นช่องอินพุตอนาล็อกและโฟโนแบบ MM และมีช่อง PRE OUT สำหรับเพิ่มเพาเวอร์แอมป์ภายนอก และสามารถใช้งานในรูปแบบของไบ-แอมป์ได้อีกด้วย
ด้านหน้าเครื่องฝั่งซ้ายเป็นโวลุ่มขนาดใหญ่หมุดเลื่อนเป็นสเต็ปทีละ 1 ดีบี ถัดมาใกล้กันมีช่อง AUX อินพุตและเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. ซึ่งผู้เขียนลองใช้ขับหูฟังดูแล้วคุณภาพดีมาก น้ำเสียงสะอาด นุ่มนวล กลมกล่อมและมีน้ำหนักเสียงที่ดี ไม่ใช่ของแถมแน่นอน ให้เอาท์พุต 5Vrms ที่ 600 โอห์ม แรงพอจะเอามาใช้ขับหูฟังฟูลไซส์ตัวใหญ่ได้สบาย แถมมีความสงัดของพื้นเสียงที่ดี ใช้ขับหูฟังแบบอินเอียร์ตัวเล็กโอห์มต่ำ ความไวสูง ก็ไม่มีเสียงฮัม หรือจี่เล็ดรอดมาให้ได้ยินเลย ได้ความน่าฟังไม่แพ้กัน
การติดตั้งและเซ็ตอัพ
เบื้องต้นตรวจสอบเวอร์ชั่นเฟิร์มแวร์ของเครื่องแล้วเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด (v1.09) ผู้เขียนทดลองใช้งาน SA10 ในรูปแบบอินทิเกรตแอมป์อนาล็อก โดยเลือกลำโพงที่จะมาจับคู่กันเป็นลำโพงตู้ปิดที่มีความไวต่ำ 85 ดีบี อย่าง NHT 1.5 เพื่อประเมินคุณภาพกำลังขับเบื้องต้น ปรากฏว่า 50 วัตต์ของอินทิเกรตแอมป์ตัวนี้ขับลำโพง NHT ออกมาได้น่าพอใจ เพราะปกติจะได้ทุ้มเป็นตัวเป็นตนจากลำโพงคู่นี้อย่างน้อยต้องมีสัก 100 วัตต์ขึ้นไป อันที่จริงในวันที่ไปรับเครื่องมา ก็ยังแปลกใจที่ทางร้านนำอินทิเกรตแอมป์รุ่นนี้มาขับลำโพงตั้งพื้น Aerial Acoustics 6T แล้วได้น้ำเสียงออกมาไม่เลวเลยสำหรับอินทิเกรตแอมป์ ก็ถือว่าในด้านกำลังขับนั้นหายห่วง และระหว่างการทดสอบ ลองนำลำโพงวางหิ้งตัวเล็ก ๆ อย่าง Dali Spektor 1 ที่มีความไว 83 ดีบีมาขับดูก็ได้น้ำเสียง รายละเอียด และความโปร่งใสของเวทีเสียงที่เกินราคาไปไม่น้อย ถือเป็นอีกคู่ที่ส่งเสริมกันและกันได้ยอดเยี่ยม เชื่อว่าหากใครได้ลองฟังจะต้องทึ่งอย่างแน่นอน
เมื่อทดลองใช้งานช่อง Pre Out พบว่าภาคปรีแอมป์ของ SA10 ให้ความโปร่งใส และความสะอาดของน้ำเสียงได้ดีมาก และมีบุคลิกที่เป็นกลางพอสมควร สีสันน้อย สามารถนำไปใช้งานร่วมกับเพาเวอร์แอมป์ได้หลากหลาย ใช้งานแทนปรีแอมป์ปกติได้อย่างสบาย นอกจากนี้ภาคดีทูเอคอนเวอร์เตอร์ที่เพิ่มเข้ามานั้นก็มีคุณภาพสูงทีเดียว ให้ความสะอาดและมีรายละเอียดระยิบระยับ ช่วงครึ่งหลังของการทดสอบ ผู้เขียนอาศัยเครื่องเล่น DAP พกพามาทำหน้าที่เป็นทรานสปอร์ต เชื่อมต่อสายดิจิทัลโคแอ็คเชี่ยล QED SR75 เข้า SA10 ปรากฏว่าให้คุณภาพเสียงที่ยกระดับขึ้นอีกพอสมควร ทั้งความสงัด ให้โฟกัสที่ชัดคม และอิมเมจตัวเสียงที่ชัดเจน เหมือนสลัดม่านหมอกขมุกขมัวออกไปจนหมด จึงขอแนะนำอย่างหนักแน่นสำหรับท่านที่ได้ลองอินทิเกรตแอมป์ตัวนี้ ถ้ามีเครื่องเล่นซีดี บลูเรย์ หรือเน็ตเวิร์คเพลเยอร์ อย่าลืมทดลองฟังแบบเชื่อมต่อด้วยสายดิจิทัล Coaxial กับ SA10 ดูด้วย ไม่ธรรมดาครับ
ผลการลองฟัง
น้ำเสียงโดยรวมของ SA10 ยังคงเอกลักษณ์เสียงที่แฝงความสุขุม อบอุ่น ลื่นไหล เจืออยู่ในย่านเสียงกลางได้อย่างน่าฟัง ซึ่งเป็นสไตล์เสียงอันเป็นจุดขายของ Arcam มาช้านาน ฟังแล้วชวนให้นึกถึงสไตล์เสียงจากแอมป์คลาส AB ชั้นดีในอดีต ที่ฟังแล้วได้อารมณ์ของดนตรี ไม่แข็งกระด้าง น่าดีใจที่อนุกรมใหม่อย่าง HDA ก็ยังคงบุคลิกนี้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ที่เพิ่มพูนยิ่งขึ้นดูจะเป็นเรื่องความความใสสะอาดของน้ำเสียงที่ทำได้ในระดับโดดเด่นเลยทีเดียว
บุคลิกเสียงที่เจือความอบอุ่นเอาไว้เล็กน้อย ทำให้การรับฟังแนวเพลงที่หลากหลาย มีความน่าฟังเป็นพิเศษ เรียกว่าตอบสนองได้ค่าเฉลี่ยที่ดีในทุกแนวดนตรี แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้เสียงจากต้นฉบับมีความผิดเพี้ยนไป ทิมเบอร์หรือลักษณะเสียงของเครื่องดนตรีต่าง ๆ ก็ยังคงถ่ายทอดออกมาอย่างถูกต้อง มีชีวิตชีวา สดใสอย่างที่ควรจะเป็น คล้ายกับการรับฟังอัลบั้มเดียวกันระหว่างเวอร์ชั่นไฟล์ดิจิทัล เปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นแผ่นเสียงนั่นเอง ซึ่งความอบอุ่นคล้ายโทนเสียงอนาล็อกของแผ่นไวนิล กลับทำให้เพิ่มพูนเสน่ห์ในการรับฟังบทเพลงต่าง ๆ ได้อีกมากโข
SA10 เป็นแอมป์ที่ถ่ายทอดจังหวะจะโคนของเสียงออกมาได้เป็นธรรมชาติ ไม่ดุดัน ช้าเป็นช้า-เร็วเป็นเร็ว และมีน้ำหนักการย้ำเน้นที่ดี โดดเด่นกว่าเครื่องในพิกัดเดียวกัน สามารถติดตามรายละเอียดการร้องหรือจังหวะการเล่นของนักดนตรีได้ตลอด เนื้อเสียงมีความอิ่ม แฝงความนุ่มนวลแบบพอดี ๆ ไม่ติดนุ่มจนขาดความเร้าใจ ยังคงให้แรงปะทะต้นโน้ตที่เฉียบคมและมีเกรนเสียงที่ละเอียดเนียนใช้ได้ทีเดียว รายละเอียดที่อินทิเกรตแอมป์ตัวนี้ถ่ายทอดออกมามีความชัดเจนทุกขุมขน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดแผ่วเบาแค่ไหนก็ยังได้ยินแบบครบชัด โดยไม่รู้สึกว่าเน้นเด่นให้ชัดจนเกินเลย โดยเฉพาะเมื่อใช้งานภาคดีทูเอคอนเวอร์เตอร์ในตัวด้วยแล้ว คุณสมบัตินี้จะยิ่งโดดเด่นชัดเจนเป็นทวีคูณ
มิติเวทีเสียงออกไปทางกลาง ๆ ไม่ได้ขยายใหญ่ออกไปทางกว้างแบบเลยลำโพงมากนัก แต่เน้นเวทีเสียงตรงกลงที่ชัดเจนและได้สมดุลกับเวทีด้านลึกและสูงอย่างพอดี ๆ ให้โฟกัสของชิ้นดนตรีที่ชัดเจนเป้นตัวไม่ฟุ้ง มีขนาดที่สมส่วน และตรึงตำแหน่งของเสียงได้ดี ถ่ายทอดความใส และบรรยาการที่อบอวลในเวทีเสียงได้อย่างหมดจด สร้างอรรถรสในการรับฟังเพลงคลาสสิควงใหญ่ได้ออกมาได้น่าพอใจ รับรู้ถึงพละกำลังสำรองในการที่จะความคุมไดนามิกของเสียงยามแผ่วเบาได้มีพลัง และยามที่เสียงโหมปะทุขึ้นได้อย่างฉับไว กระหึ่มและมั่นคง แยกแยะเลเยอร์ของดนตรีที่ซ่อนทับกันออกมาได้ไม่สับสน
ในเรื่องการถ่ายทอดความต่อเนื่องลื่นไหล ก็เป็นอีกจุดที่ต้องขอชื่นชม สำหรับแอมป์ในพิกัดราคาประมาณนี้ ค่อนข้างหายากทีเดียวที่จะถ่ายทอดเสียงพวกเครื่องสายออกมาให้มีทั้งมวลเสียง ความต่อเนื่องลื่นไหล และความสดออกมาได้พร้อม ๆ กัน แน่นอนว่า SA10 คงเทียบกับแอมป์ระดับไอเอ็นด์พวกนั้นไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ห่างชั้นจนน่าเกลียด เรียกว่าถ่ายทอดอารมณ์ในการรับฟังพวกเครื่องสายออกมาได้อ่อนช้อยน่าฟังมาก ยิ่งฟังยิ่งเพลิน แถม Arcam เองก็ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของภาคโฟโนสเตจที่เงียบมาก ๆ ด้วยแล้ว นี่ถ้าได้เครื่องเล่นแผ่นเสียงดี ๆ สักตัว คงจะได้นั่งฟังกันยันสว่างเลยทีเดียว
สมดุลเสียงทั้งสามย่านมีปริมาณที่ใกล้เคียงกัน ย่านเสียงกลางดูจะโดดเด่นกว่าเพื่อนเล็กน้อย และไล่ระดับไปทางย่านทุ้มแหลมอย่างสมดุลราบเรียบและต่อเนื่องลื่นไหล เนื้อเสียงมีความอิ่มเอิบไม่แบนบาง ย่านแหลมมีความสะอาด อุดมไปด้วยรายละเอียด มีการทอดหางเสียงจางหายไปในเวลาที่เหมาะสม เก็บปลายหางเสียงได้ดีไม่ฟุ้งฝอย ให้ทั้งความสดใสและรับฟังได้อย่างสบายหูไปพร้อมกัน ย่านทุ้มออกไปทางนุ่มแน่น เป็นลูกกระชับกำลังดี มีน้ำหนักทิ้งตัวลงย่านทุ้มต่ำลึกได้พอตัวไม่ถึงกับห้วนสั้นไปเลยเสียทีเดียว ถ้าว่ากันเรื่องของมวลเสียงทั้งสามย่านทุ้มกลางแหลม ทำได้โดดเด่นเป็นลำดับต้น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับแอมป์อังกฤษในพิกัดราคาเดียวกัน และยังให้ความสะอาดใส ปลอดสัญญาณรบกวนในน้ำเสียงแบบแอมป์ยุคใหม่ที่ดี ซึ่ง SA10 นำคุณสมบัติทั้งหมด มาผสมผสานกันได้อย่างกลมกล่อมลงตัว
สรุป
Arcam SA10 เป็นอินทิเกรตแอมป์ที่ค่อนข้างครบเครื่อง ลงตัวทั้งน้ำเสียงและฟังก์ชั่นการใช้งาน สำหรับใครที่กำลังมองหาชุดฟังเพลงสองแชนแนลราคาไม่สูงนัก เหมาะอย่างยิ่งที่จะรับ SA10 ไว้พิจารณา ทั้งในแง่ของน้ำเสียงที่มีความกลมกล่อม ฟังง่าย และพละกำลังที่เกินตัว จับคู่กับลำโพงได้หลากหลาย มีทั้งภาคดีทูเอคอนเวอร์เตอร์และโฟโนคุณภาพดีที่ใช้งานได้จริง เพียงหาแหล่งโปรแกรมดีๆ สักตัว จะเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียง เน็ตเวิร์คเพลเยอร์ หรือซีดีเพลเยอร์ และลำโพงระดับเริ่มต้นถึงกลางสักคู่ เท่านี้ก็จะได้ชุดฟังเพลงแบบคุณภาพที่ไม่ทำให้ลำบากกระเป๋าสตางค์มากเกินไป แต่คุณภาพนั้นระดับคับแก้วเลยทีเดียว
อุปกรณ์ร่วมทดสอบ
- แหล่งโปรแกรม – PC เน็ตเวิร์คเพลเยอร์ + Roon, แด็ค Chord: Mojo, DAP iBasso DX80, Micromega Stage 2
- ภาคขยาย – Bryston: B-60, Arcam SA10, NAD: 216THX
- ลำโพง – Totem Signature One, NHT 1.5, KEF Q Compact
- หูฟัง Empire Ear Vantage, Shure SRH-240A
- สายเชื่อมต่อ – สายดิจิทัล USB Furutech: Formula 2, สายดิจิทัลโคแอ็คเชี่ยล QED: Qunex SR75, สายสัญญาณอนาล็อก Tchernov Special XS, สายสัญญาณอนาล็อก Taralabs: TL-101, สายไฟเอซี Shunyata: Python VX, Voodoo Infinity Digital, Kimber: Powerkord สายลำโพง PAD: Aqueous Aureus
- อุปกรณ์เสริม – ปลั๊กผนัง PS Audio: Power Port Premiere (Audiophile Grade), ปลั๊กกรองไฟ Clef: Power Bridge 8 (เปลี่ยนปลั๊กเป็น Wattgate 381), ตัวกรองไฟ X-filter, ตัวกรองน้อยส์ Audio Prism: Quite Line mkIII, ตัวกรองน้อยส์ Audio Quest: Jitter Bug, iFi Audio: iDefender 3.0, ผลึกควอตซ์ Acoustic Revive: QR-8, ตัวอุดปลั๊ก Isoclean, บานาน่าปลั๊ก Monster X-Terminator, ขาตั้งลำโพง Atacama: HMS 1, ชั้นวางเครื่องเสียง Audio Art
รายละเอียดด้านเทคนิค
Both Channels, 8Ω, 20Hz—20kHz | 50W |
Single Channel, 4Ω, at 1kHz | 90W |
Harmonic Distortion, 80% Power, 8Ω at 1kHz | 0.003% |
Input Sensitivity At 1kHz | 5mV |
Input Impedance | 47kΩ + 100pF |
Frequency Response (ref. RIAA curve) | 20Hz – 20kHz ± 1dB |
Signal/Noise Ratio (A-wtd) 50W, ref. 5mV Input | 80dB |
Overload Margin, Ref. 5mV at 1kHz | 21dB |
Nominal Sensitivity | 1V |
Input Impedance | 10kΩ |
Maximum Input | 6Vrms |
Frequency Response | 20Hz – 20kHz ± 0.2dB |
Signal/Noise Ratio (A-wtd) 50W, ref. 1V Input | 106dB |
DAC | ESS9016K2M |
Frequency Response | 20Hz – 20kHz ± 0.05dB |
Total Harmonics Distortion + Noise | 0.0007% |
Signal/Noise Ratio (A-wtd) | 115dB |
Supported Sample Rates (Optical) | 32kHz, 44.1kHz, 48kHz, 88.2kHz, 96kHz |
Supported Sample Rates (Coaxial) | 32kHz, 44.1kHz, 48kHz, 88.2kHz, 96kHz, 176.4kHz, 192kHz |
Bit Depth | 16-bit – 24-bit |
Nominal Output Level | 630mV |
Output Impedance | 230Ω |
Maximum Output Level Into 600Ω | 5Vrms |
Output Impedance | 1Ω |
Load Range | 16Ω – 2kΩ |
Mains Voltage | 110–120V or 220–240V, 50–60Hz |
Maximum Power Consumption | 350W |
Dimensions W x H x D (including feet, control knob and speaker terminals) | 433 x 87 x 310mm |
Weight (Net) | 8.4kg |
Weight (Gross) | 10.7kg |
Supplied Accessories |
Mains leads Remote control 2 x AAA batteries |