รีวิว สายไฟเอซี LIFE AUDIO EXPERIENCE MK II

0

DAWN NATHONG

สายไฟเอซีแบรนด์ไทยคุณภาพระดับสากล

ผู้เขียนได้รู้จักกับแบรนด์สินค้า LIFE AUDIO อย่างจริงจังเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีโอกาสได้ร่วมสัมภาษณ์คุณหน่อย (วรวุฒิ วินาสันตุ) ตัวแทนทีมงานของ LIFE AUDIO ที่ดูแลฝ่ายการตลาด มาเล่าถึงคอนเซ็ปต์การออกแบบ กระบวนการผลิต รวมถึงแผนการตลาดที่กำหนดเป็นลำดับขั้นตอนได้น่าสนใจ และทำให้ชื่อของ LIFE AUDIO เริ่มเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้างได้มากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของคุณภาพหรือระดับราคา

เหตุที่แบรนด์ LIFE AUDIO เริ่มเป็นที่รู้จัก และถูกพูดถึงในบ้านเรา รวมถึงเมื่อนำไปจัดแสดงในต่างประเทศ ผู้เขียนคิดว่าส่วนหนึ่งนอกจากในเรื่องคุณภาพแล้ว มาจากการเล่นกับค่านิยมของสินค้าแบรนด์ไทย ในมุมมองผู้บริโภคได้อย่างฉลาด ด้วยการที่กล้าผลิตสินค้าตั้งแต่ระดับเริ่มต้นเพียงหลักพัน ไปจนถึงหลักแสน และล่าสุดกับสายไฟเอซีรุ่น THE MASTERPIECE ราคาหนึ่งล้านหนึ่งแสนบาท

ครับ ท่านอ่านไม่ผิด เรียกว่าราคานั้น ท้าชนกับสายไฟเอซีรุ่นท็อป ๆ ของต่างประเทศหลายแบรนด์กันเลย แน่นอนว่า เมื่อมีคนไทยกล้าที่จะผลิตสายไฟเอซีระดับราคาตัวเลขหกหลักออกมาจำหน่าย ย่อมเกิดเป็นประเด็นและเกิดการตั้งคำถาม พูดปากต่อปากกันไปในวงกว้าง ไม่ว่าสินค้านั้นจะสามารถเทียบชั้นระดับเดียวกับแบรนด์เนมไฮเอ็นด์ของต่างประเทศได้จริงหรือไม่ เพราะยังไม่มีบทความทดสอบอย่างเป็นทางการ แต่ชื่อของ LIFE AUDIO ก็ดูจะกลายเป็นที่จดจำไปโดยปริยาย

คุณหน่อย (วรวุฒิ วินาสันตุ)

ส่วนในเรื่องของคุณภาพเสียง ย่อมพิสูจน์ด้วยการฟัง และเสียงจากผู้ใช้จะเป็นสิ่งการันตีเองว่า สายเส้นนั้น ๆ เป็นของจริงสมราคาที่จ่ายหรือไม่ คุณหน่อยก็พร้อมที่จะให้ลูกค้านำสินค้าไปทดลองใช้เพื่อพิสูจน์คุณภาพ ซึ่งทางผู้เขียนทราบมาว่าลูกค้าของคุณหน่อยเอง ก็เป็นนักเล่นระดับบิ๊กซิสเต็มอยู่หลายท่าน ก็เป็นการการันตีคุณภาพได้ระดับหนึ่ง แถมยังมีบริการรับเทรดสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยับขยายจากรุ่นเล็กเป็นรุ่นใหญ่ขึ้นอีกต่างหาก ก็เป็นการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้อย่างดี

EXPERIENCE MK II เป็นสายไฟเอซีรุ่นใหม่ล่าสุดที่ LIFE AUDIO เพิ่งผลิตออกมาสด ๆ ร้อน ๆ จัดว่าเป็นรุ่นที่อยู่ในระดับบน เหนือกว่ารุ่น Classic MK ll ขึ้นมาอีกสเต็ป ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้เขียนจะได้นำมาทดสอบในครั้งนี้

รายละเอียดที่น่าสนใจ

LIFE AUDIO เกิดจากการรวมตัวกัน ของทีมออกแบบและวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา รวมถึงทีมทดสอบ ที่ใช้การวัดผลด้วยเครื่องมือในห้องแล็ปทดสอบของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิคส์ รวมถึงการฟังด้วยหู ซึ่งอาศัยประสบการณ์ส่วนตัวของคุณหน่อยเอง ร่วมกับนักเล่นมากประสพการณ์อีกหลายท่าน เปรียบเทียบคุณภาพร่วมกับสายแบรนด์เนมต่าง ๆ จนมั่นใจว่าคุณภาพนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าสายในพิกัดราคาใกล้เคียงกัน

สิ่งที่ต่างจากผู้ผลิตรายอื่นส่วนใหญ่ เนื่องจาก LIFE AUDIO เลือกใช้วิธีการสั่งซื้อตัวนำต่างชนิดต่างขนาด ทั้งแบบสายฝอยหรือแกนเดียว  รวมถึงฉนวนและวัสดุประกอบอื่น ๆ ที่ใช้ผลิตสาย จากหลากหลายแบรนด์ผู้ผลิต แล้วนำมาผสมผสาน เพื่อค้นหาสัดส่วนที่เหมาะสมลงตัวมากที่สุด สำหรับสายในแต่ละรุ่นของ LIFE AUDIO เกิดเป็นสูตรในการผสมตัวนำต่างชนิด ต่างขนาด และฉนวนต่าง ๆ มากมาย และมีการทำวิจัยต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ วิธีนี้ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าการสั่งผลิตสายเป็นม้วนสำเร็จจากผู้ผลิตรายเดียวมาก เพราะจำเป็นต้องลองผิดลองถูก เพื่อหาข้อดี-ข้อเสียเองทั้งหมด

ส่วนของสายไฟเอซี ต้องทำที่ความยาวมาตรฐาน 2 เมตร หากผลิตออกมาแล้ว เทสวัดผลไม่ได้ตามเกณท์ที่กำหนด ก็จำเป็นต้องทิ้งสถานเดียว แม้จะดูเป็นกรรมวิธีการผลิตที่ซับซ้อนยุ่งยาก รวมถึงใช้ต้นทุนสูงกว่าปกติ แต่ก็ทำให้ได้สายที่ตรงตามอุดมคติของ LIFE AUDIO มากที่สุด

FBE (FREQUENCY BALANCE EVOLUTION)

ตัวอย่างโครงสร้างสายไฟเอซีรุ่น Reference 1

โครงสร้างของสายไฟเอซี EXPERIENCE MK II ใช้เทคนิคการผสานตัวนำและฉนวนต่างชนิดที่เรียกสั้น ๆ ว่า FBE เหมือนกับสายไฟเอซีรุ่นอื่น ๆ ของ LIFE AUDIO หลักการคร่าว ๆ คือมีการแบ่งโครงสร้างสายออกเป็นทั้งหมด 7 กลุ่ม แยกสำหรับ LINE และ NEUTRAL อย่างละ 3 กลุ่ม และ GROUND อีกหนึ่งกลุ่ม

ซึ่งในแต่ละกลุ่มทั้งของ LINE และ NEUTRAL ก็จะมีการเลือกใช้กลุ่มตัวนำต่างชนิดและขนาดกัน รวมถึงเทคนิคการจัดโครงสร้างตัวนำ ทั้งแบบตีเกลียวและไม่ตีเกลียว เพื่อให้เหมาะสมสำหรับการถ่ายทอดย่านความถี่แต่ละย่านอย่างสมดุลกันทั้งต่ำ กลาง และสูง ส่วนกราวด์เท่าที่ผู้เขียนสังเกตดูน่าจะใช้เป็นตัวนำแกนเดี่ยวเส้นเดียววางตัวอยู่กึ่งกลางตัวนำกลุ่มอื่นที่ตีเกลียวอยู่ล้อมรอบ โดยตัวนำของแต่ละกลุ่มจะแขวนลอยอยู่ในท่อ PU หรือโพลียูรีเทน ทำให้เกิดช่องอากาศทำหน้าที่เป็นฉนวนอีกชั้นไปในตัว

ตัวนำที่ใช้ในสายไฟเอซีรุ่น  EXPERIENCE MK II มีทั้งหมด 4 ชนิด หลัก ๆ คือทองแดงบริสุทธิ์หรือ OFC (OXYGEN FREE COPPER) กับทองแดงที่ผ่านกรรมวิธี OCC (OHNO CONTINUOUS CASTING) ทั้งหมด 6 ขนาด โดยขนาดตัวนำทั้งหมดรวมกันแล้ว มีขนาดหน้าตัดประมาณ 9 สแควร์มิล ประกอบด้วย

  • PURE COPPER OFC
  • OCC PURE COPPER
  • OCC PURE COPPER เคลือบทอง
  • OCC PURE COPPER เคลือบเงิน

ฉนวนชั้นนอกที่หุ้มสายตัวนำมีทั้งหมด 5 ชั้น ได้แก่

  • ชั้นที่ 1 ฉนวนท่ออากาศหรือ AIR TUBE ป้องกันการดูดความชื้นและป้องกันการกดทับหรือหักงอ
  • ชั้นที่ 2 ฉนวนชิลด์ทองแดง PURE COPPER เพื่อดึงสัญญาณรบกวนลงกราวด์
  • ชั้นที่ 3 ฉนวนป้องกันสัญญาณแทรกซ้อน (COMPLICATIONS)
  • ชั้นที่ 4 ฉนวนป้องกันสนามแม่เหล็กรบกวน (MAGNETIC FIELD)
  • ชั้นที่ 5 ฉนวนชิลด์ไนล่อนป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิต (STATIC ELECTRICITY)

ทั้งจำนวนของตัวนำรวมกับฉนวนหลายชั้นที่หุ้ม ทำให้สายไฟเอซีเส้นนี้มีขนาดที่ใหญ่และดูน่าเกรงขามทีเดียว  แต่หากจะนำไปใช้ในจุดที่มีพื้นที่จำกัดอาจจะขยับขยายยากสักนิด เพราะตัวสายมีน้ำหนักและมีความแข็งระดับหนึ่ง ผู้เขียนไม่แนะนำให้ฝืนดัดโค้งงอสายมากเกินไป เพราะอาจทำให้เนื้อสายเกิดความเครียดและโครงสร้างสายเกิดการบิดตัว ส่งผลกระทบต่อคุณภาพเสียงได้ ทางที่ดีควรมีพื้นที่ให้สายทิ้งตัวได้อิสระสักเล็กน้อยจะดีที่สุด

หัวท้ายของสายเส้นนี้ใช้ปลั๊กออดิโอเกรดรุ่นเคลือบทองของ WATTGATE รุ่น 330 EVO และ 350 EVO  ที่อัพเกรดด้วยปลอกอลูมิเนียมกลึงสั่งทำพิเศษ

จากข้อมูลประกอบ สายไฟเอซี LIFE AUDIO รุ่นที่มีหน้าตัดเฟสเดียวขนาด 9.16 สแควร์มิล และสายกราวด์หน้าตัด 2.4 สแควร์มิล สามารถจ่ายกระแสต่อเนื่องที่ 51 แอมป์ (เทียบเท่า 11,220 วัตต์) ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่เกิดความร้อนสะสมใด ๆ ขึ้นภายในตัวสายและฉนวน เนื่องจากสายมีค่าความต้านทานภายในน้อยมาก และเกิดการสูญเสียพลังงานต่ำ

การติดตั้งและเซ็ทอัพ

เส้นที่อยู่ในมือผู้เขียนเป็นสายใหม่เอี่ยม ซึ่งยังไม่พ้นชั่วโมงเบิร์นอิน ชั่วโมงแรก ๆ ของการใช้งาน ปลายเสียงยังติดความแข็งอยู่บ้าง ไม่ถึงกับพลิ้วไหวละเอียดอ่อนนัก ซึ่งก็เป็นไปตามคาดของสายลักษณะนี้ โดยประสบการณ์ส่วนตัว สายที่มีตัวนำเยอะรวมถึงเป็นสายแกนเดี่ยว หุ้มฉนวนหลายชั้น จำเป็นต้องใช้เวลาเบิร์นอินนานสักหน่อย และอย่าเพิ่งรีบตัดสินอะไรตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของการใช้งานเด็ดขาด

ผู้เขียนทำการเสียบสายไฟเอซี EXPERIENCE MK II เข้ากับปลั๊กผนังและใช้งานเป็นสายไฟเมนเข้าระบบทั้งหมด รวมถึงสลับไปใช้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งประเภทกินไฟต่ำอย่างเครื่องเล่นซีดี, เน็ตเวิร์คเพลเยอร์ รวมถึงอุปกรณ์กินไฟสูงอย่างอินทิเกรตแอมป์และปรีแอมป์ เพื่อประเมินผลเบื้องต้น รวมเวลาได้ประมาณเกือบสองร้อยชั่วโมง (เท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย) เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของรายละเอียดและน้ำเสียงอีก จึงเริ่มต้นทำการทดสอบจริงจัง ซึ่งตำแหน่งการใช้งานของสายไฟเอซีเส้นนี้ ควรนำไปใช้กับอุปกรณ์กินไฟสูงหรือใช้เป็นสายไฟเมนของซิสเต็มจะแสดงประสิทธิภาพออกมาได้ดีที่สุด

ผลการลองฟัง

คุณสมบัติที่โดดเด่นของสายไฟเอซี EXPERIENCE MK II เส้นนี้คือ เป็นสายที่ให้พละกำลังพลังอัดฉีดของเสียงที่ล้นเหลือ เหมือนกับเพิ่มกำลังขับแฝงให้แอมป์ขึ้นไปอีกสักเท่าตัว มีความชัดเจนของเสียงมากกว่าเน้นที่ความนุ่มนวล หลังจากเสียบใช้งานแล้วจะรับรู้ได้ถึงพลังดีดตัวชิ้นดนตรีต่าง ๆ ในบทเพลงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

แต่สิ่งที่ทำให้ EXPERIENCE MK II แตกต่างไปจากสายไฟเอซีประเภทที่เน้นพละกำลังทั่ว ๆ ไป และทำได้โดดเด่นมากคือ การเลือกที่จะถ่ายทอดเสียงต่าง ๆ เหล่านั้นออกมาได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ในจังหวะที่เบาก็ควรเบา หนักก็ควรหนัก ฟังออกได้อย่างชัดเจนไม่คลุมเครือ ทำให้เกิดสีสันของบทเพลงที่มีความสมจริง และชวนให้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นแนวเพลงที่เน้นจังหวะจะโคน หรือแนวเพลงที่เน้นความต่อเนื่องของเสียง หรือจะเรียกว่าให้ไดนามิกของเสียงที่ชัดเจนเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกว่าเน้นมากจนเกินเหตุ ซึ่งทำให้ล้าหูเวลาฟังเพลงต่อเนื่องนาน ๆ

ส่วนตัวผู้เขียนเคยทดสอบสายไฟเอซี AUDIENCE รุ่น AU24 SX ราคาร่วมสองแสนบาท ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตองอูด้านไดนามิกคอนทราสต์และความละเอียดอ่อนของเสียงมากที่สุดเส้นหนึ่งที่ผู้เขียนเคยทดสอบมา เมื่อเทียบกับ EXPERIENCE MK II ที่มีราคาค่าตัวถูกกว่าเกือบครึ่งแล้ว

แม้ AU24 SX จะได้เปรียบเรื่องการถ่ายทอดไดนามิกของเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ละเอียดอ่อนยิบย่อยมากกว่า แต่ด้านคุณสมบัติของการถ่ายทอดไดนามิกที่จะแจ้งนั้น EXPERIENCE MK II ทำคะแนนได้ดีกว่า และเป็นความจะแจ้งของไดนามิกที่มาพร้อมรายละเอียดในทุกย่านความถี่อย่างเท่าเทียมกัน สังเกตุจากเสียงดนตรีแผ่วเบาแค่ไหนก็ยังมีรายละเอียดให้ติดตามได้ตลอดจนสุดหางเสียง และไม่ถูกกลบไปด้วยพลังงานของเสียงที่ดังกว่า

คุณสมบัติด้านความเป็นกลางในน้ำเสียงก็ถือว่าทำได้โดดเด่น เรียกว่าเป็นสายไฟเอซีที่มีบุคลิกส่วนตัวน้อยมากเส้นหนึ่ง เพราะหลังจากเสียบใช้งานสายไฟเอซีเส้นนี้เข้าไปในระบบแล้ว พบว่าโทนัลบาล้านซ์ของเสียงแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าไรนัก มีเพียงพละกำลังอัดฉีด และการถ่ายทอดเรนจ์ของไดนามิกเสียงดูที่เปิดกว้างเป็นอิสระ และสวิงหนัก-เบาได้อย่างฉับไวมากยิ่งขึ้นไปอีกระดับ

นอกจากนี้ยังช่วยเปิดเผยบุคลิกเสียงของอุปกรณ์ใช้งานร่วมกับสายเส้นนี้ออกมาอย่างเต็มพิกัด โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้งานเป็นสายไฟเมนของทั้งระบบ ดูจะเป็นตำแหน่งที่สำแดงอานุภาพของสายไฟเอซีเส้นนี้ออกมาได้สูงสุดในห้องทดสอบของผู้เขียน เพราะมันช่วยเปิดเผยรายละเอียดและน้ำเสียงจริง ๆ ของซิสเต็มออกมาอย่างหมดจด เหมือนปัดเป่าม่านหมอกคลุมเครือออกไปจนหมด

ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ชิ้นใดลงไป แม้แต่การขยับตำแหน่งของลำโพงเพียงเล็กน้อย ก็จะฟ้องการเปลี่ยนแปลงออกมาได้ชัดเจนมากกว่าที่คุ้นเคย จะเรียกว่ามันเป็นตัวมอนิเตอร์ที่ช่วยหาจุดอ่อนในระบบอีกทางหนึ่งก็ว่าได้เหมือนกัน ซึ่งเมื่อท่านเซ็ตระบบได้ลงตัวเมื่อไร คุณภาพของซิสเต็มก็จะทะยานยิ่งขึ้นไปอีกระดับทันที

เนื้อเสียงมีความกระชับและอิ่มแน่น ให้ความสงัดและสะอาดของพื้นเสียงสูง แสดงถึงประสิทธิภาพในการชีลด์ป้องกันสัญญาณรบกวนได้ชะงัด หลังพ้นเบิร์นอินแล้วไม่มีความแข็งกระด้างของน้ำเสียงหลงเหลืออยู่เลย รักษาโทนบาล้านซ์ของเสียงได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะรับฟังกับดนตรีที่มีความสลับซับซ้อน หรือฟังในระดับความดังสูงมาก ๆ โทนเสียงก็ยังคงราบรื่น ไม่โด่งในย่านความถี่ใดความถี่หนึ่งออกมาจนเกินงาม ทำให้ฟังได้อย่างสบายหูราบรื่นและชวนให้หมุนโวลุ่มดังขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ

ให้ความใสเคลียร์ของชิ้นดนตรี ที่มาพร้อมกับโฟกัสของเสียงที่ชัดเจน ทำให้ช่องว่างช่องไฟมีความโปร่งโล่งเป็นอิสระมากขึ้นตามไปด้วย สายไฟเอซีเส้นนี้ช่วยให้อิมเมจและชิ้นดนตรีขึ้นรูปเป็นสามมิติชัดเจนและมีขนาดที่สมจริงมากกว่าเดิม เวทีเสียงเปิดและขยายใหญ่ขึ้น จนผู้เขียนต้องขยับตำแหน่งลำโพงใหม่ให้มีระยะห่างจากกัน รวมถึงห่างจากผนังด้านหลังเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย เพื่อให้การวางตำแหน่งชิ้นดนตรีอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น อาณาเขตเวทีเสียงที่แผ่ขยายออกไปรอบด้านของลำโพงมีขอบเขตที่ชัดเจนดีเยี่ยมเลยทีเดียว

สรุป

LIFE AUDIO EXPERIENCE MK II เป็นสายไฟเอซีที่เน้นพละกำลังแฝงของเสียง แต่ในขณะเดียวกันก็รักษารายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้ได้เป็นอย่างดี มีความเป็นกลางค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมประสิทธิภาพด้านไดนามิก โดยไม่อยากให้โทนเสียงของซิสเต็มผิดเพี้ยนไป

ช่วงก่อนจะได้ทดสอบสาย ทราบว่าราคาจำหน่ายของสายสำเร็จอยู่ที่ 100,000 บาทต่อความยาวสองเมตร ก็ทำให้ผู้เขียนเกิดความชั่งใจเล็กน้อยถึงประสิทธิภาพของสายไฟเอซีเส้นนี้ แต่หลังจากที่ได้ทราบหลักการออกแบบและแนวคิดของการผลิตสายของ LIFE AUDIO ซึ่งอ้างอิงทั้งวิทยาศาสตร์และการฟังด้วยหู รวมถึงมาตรฐานขั้นการผลิตที่เรียกได้ว่าอยู่ในมาตรฐานระดับสากลแล้ว ก็ทำให้เข้าใจถึงความสมเหตุผลของราคาขายที่กล้าท้าชนกับสายแบรนด์เนมไฮเอ็นด์ต่างประเทศราคาแพงทั้งหลาย

ยิ่งเมื่อรวมกับผลการทดสอบที่ออกมา เทียบกับสายที่มีราคาสูงกว่าเกือบสองเท่า ก็ทำคะแนนได้อย่างน่าประทับใจ มีชั้นเชิงที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ทำให้มั่นใจว่าสายแบรนด์ไทยยี่ห้อนี้ มีดีไม่แพ้สายแบรนด์เนมต่างประเทศอย่างแน่นอน

อุปกรณ์ร่วมทดสอบ

  • แหล่งโปรแกรม – PC + Roon, dCS Network Bridge, เครื่องเล่นซีดี Micromega Stage 2, Chord Electronics Mojo
  • ภาคขยายอินทิเกรทแอมป์ Cambridge EDGE A, Parasound HINT 6, Bryston: B-60, เพาเวอร์แอมป์ NAD: 216THX
  • ลำโพงลำโพงวางหิ้ง Totem Signature One, Canton Vento 836, KEF Q Compact
  • สายเชื่อมต่อสายดิจิทัล USB Furutech: Formula 2, สายดิจิทัลโคแอ็คเชี่ยล QED: Qunex SR75, สายสัญญาณอนาล็อก Tchernov Special XS, สายสัญญาณอนาล็อก Taralabs: TL-101, สายไฟเอซี Shunyata: Python VX, Cardas: Crosslink 1s, Kimber: Powerkord, Audience AU 24 SX, สายลำโพง Furukawa FS-2T30F, PAD: Aqueous Aureus
  • อุปกรณ์เสริมปลั๊กผนัง PS Audio: Power Port Premiere (Audiophile Grade), ปลั๊กกรองไฟ Clef: Power Bridge 8 (เปลี่ยนปลั๊กเป็น Wattgate 381), ตัวกรองไฟ X-filter, ตัวกรองน้อยส์ Audio Prism: Quite Line mkIII, ตัวกรองน้อยส์ Audio Quest: Jitter Bug, iFi Audio: iDefender 3.0, ผลึกควอตซ์ Acoustic Revive: QR-8, ตัวอุดปลั๊ก Isoclean, บานาน่าปลั๊ก Monster X-Terminator, ขาตั้งลำโพง Atacama: HMS 1, ชั้นวางเครื่องเสียง Audio Art

ขอขอบคุณร้าน LIFE AUDIO โทร. 084-596-6262 ที่เอื้อเฟื้อสินค้าสำหรับการทดสอบในครั้งนี้