เสียงที่รับฟัง กับ ความชื้นสัมพัทธ์ในห้อง

0

…สังเกตไหมครับ บางวัน หรือ บางเวลา เสียด้วยซ้ำที่เรา-ท่านรับฟังเพลงเพราะ / ไม่เพราะ-แตกต่างกัน แม้กระทั่งว่า วันนี้อากาศร้อน วันนั้นอากาศเย็น ฟังเพลงแล้วความไพเราะ-แตกต่างกัน นั่นมาจากสาเหตุใดกันเล่าหนอ

คำตอบนั้น ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องเพราะ “เสียง” นั้น หลังจากที่เกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนของวัตถุแล้ว ยังต้องมี “อากาศ” เข้ามาเป็นพาหะ-ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้เสียงนั้นได้เดินทาง (ในลักษณะของคลื่นเสียง) ซึ่งนอกจากอากาศ ที่มีสถานะความเป็นก๊าซแล้ว ของแข็ง (อย่าง ไม้, โลหะ ฯลฯ) และ ของเหลว (อย่าง น้ำ, แอลกอฮอล์ ฯลฯ) ก็ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้เสียงนั้นได้เดินทางเช่นเดียวกัน

ทว่าค่าความเร็วในการเดินทางของเสียง ณ หนึ่งหน่วยค่าเวลา (ต่อวินาที) นั้น จะแปรผัน หรือ แตกต่างกันไปในแต่ละความหนาแน่น และค่าอุณหภูมิของตัวกลาง เนื่องจากการเดินทางของเสียงอาศัยการสั่นของโมเลกุลของตัวกลาง ดังนั้นเสียงจะเดินทางได้เร็วขึ้น หากตัวกลางมีความหนาแน่นมาก ทำให้เสียงเดินทางได้เร็วในของแข็ง และช้าลงในของเหลว และก๊าซ (หรือ อากาศ) แต่เสียงเดินทางไม่ได้ในอวกาศ เพราะอวกาศเป็นสุญญากาศ จึงไม่มีโมเลกุลของตัวกลางที่จะถ่ายทอดการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียง

  ชนิดวัสดุ ความเร็ว  (เมตร/วินาที)
อากาศ 343
น้ำ 1480
น้ำแข็ง 3200
แก้ว 5300
เหล็ก 5200
ตะกั่ว 1200
ไทเทเนียม 4950
พีวีซี (อ่อน) 80
พีวีซี (แข็ง) 1700
คอนกรีต 3100
ฮีเลียม 927

…แต่ในกรณีของการรับรู้ “คลื่นเสียง” จากการรับฟัง อันนี้จำเป็นต้องมี “อากาศ” เข้ามาเป็นพาหะ เพื่อส่งทอดการสั่นสะเทือนของวัตถุเข้าสู่ประสาทการรับรู้-รับฟัง ทำให้เรา-ท่านได้ยินเสียงนั้นๆ ดังนั้น “อากาศ” จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการได้ยินได้ฟังเสียงต่างๆ ซึ่งจากการตรวจวัด และคิดคำนวณ ทำให้ทราบข้อมูลว่า เสียงเดินทางในอากาศที่มีอุณหภูมิ 25°C ได้ประมาณ 346 เมตร/วินาที และในอากาศที่อุณหภูมิ 20°C ได้ประมาณ 343 เมตร/วินาที นั่นหมายความว่า อัตราความเร็วที่เสียงเดินทางได้ในหนึ่งหน่วยค่าเวลานั้น อาจมีค่ามากขึ้น หรือ น้อยลงขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศเป็นหลัก

Sound travel faster in warm air (อากาศร้อนขึ้น-เสียงเดินทางเร็วขึ้น)

• 343 ม./วินาที @ 20 องศาเซลเซียส

• 348 ม./วินาที @ 30 องศาเซลเซียส

• 354 ม./วินาที @ 40 องศาเซลเซียส

นอกจากจะอยู่ที่เรื่องของ Mood หรือ ห้วงอารมณ์การฟัง ที่ทำให้เรา-ท่านรู้สึกฟังเพลงเพราะ-ไม่เพราะแล้วไซร้ อุณหภูมิของอากาศยังนับเป็นอีกปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการรับรู้รับฟัง ทั้งนี้ “อุณหภูมิของอากาศ” ยังส่งผลต่อความหนาแน่นของมวลอากาศด้วยเช่นกัน อีกทั้ง “อุณหภูมิของอากาศ” (ความร้อน/ความเย็นของอากาศ) มีผลต่อความชื้นในอากาศ และที่สำคัญ “ความชื้นในอากาศ” มีผลต่อเสียงที่เดินทางในอากาศ ดังนั้น จึงพูดง่ายๆ ได้ว่า “ความชื้น” นั้นส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเสียงที่เรา-ท่านรับฟังจากลำโพง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงแหลม)

“ความชื้น” ในอุณหภูมิสูง จะทำให้ค่าความอิ่มตัวของไอน้ำในอากาศ และค่าความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้น (เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำจะระเหยเป็นไอสู่อากาศได้มากขึ้น ไอน้ำในอากาศจึงมีมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นด้วย) ทำให้อากาศลดทอน หรือ ดูดซับเสียงแหลมได้น้อยลง

เรา-ท่านจึงได้ยินเสียงแหลมมากขึ้นนั่นเอง (ความหนาแน่นของอากาศที่มากขึ้น จากการที่มีค่าความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้น เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น-อากาศร้อนขึ้น เสียงจึงเดินทางเร็วขึ้นตามไปด้วย) อนึ่งการลดทอน หรือ ดูดซับของเสียงในอากาศได้รับผลกระทบจากความชื้นในอากาศ ทำให้ “อากาศ” สามารถลดทอน หรือ ดูดซับพลังงานจากคลื่นเสียง ตั้งแต่ 2,000Hz ขึ้นไปได้บ้าง โดยยิ่งความถี่สูงมากขึ้นเท่าไหร่ จะยิ่งถูกลดทอน หรือ ดูดซับมากขึ้นเท่านั้น (ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Atmospheric Attenuation หรือ การลดทอนของบรรยากาศ ซึ่งหมายถึง การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของความแรงของสัญญาณที่เกิดขึ้นในความยาวคลื่นระดับมิลลิเมตร และย่านความถี่เทราเฮิรตซ์ อันเนื่องมาจากการดูดซับโดยไอน้ำในอากาศ)

ทั้งนี้ทั้งนั้น จึงกล่าวง่ายๆ ได้ว่า ในห้องที่อุณหภูมิสูง ความชื้นก็จะสูงด้วย และเนื่องจากในอากาศมีความชื้น มวลจึงหนาแน่นกว่า ทำให้ความเร็วของเสียงมีอัตราที่เร็วกว่าอุณหภูมิต่ำ ซึ่งจะมีความชื้นสัมผัสต่ำ มวลความชื้นในอากาศก็จะน้อยกว่า เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นค่าความอิ่มตัวของน้ำในอากาศสูงขึ้น ค่าความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้น ทำให้อากาศลดทอน หรือ ดูดซับเสียงแหลมได้น้อยลง (การส่งผ่านพลังงานคลื่นเสียงดีขึ้น  ย่านความถี่สูงไม่ตกลง) ทำให้ได้ยินเสียงแหลมมากขึ้น ทั้งยังส่งผลต่อเนื่องลงมาถึงช่วงย่านความถี่เสียงที่ถัดลงมาจากย่านความถี่สูง นั่นคือ ย่านความถี่เสียงกลางที่รับฟังได้ดีขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เรา-ท่านล้วนทราบดีว่า เสียงเดินทางเร็วเพิ่มขึ้นในทุกๆ ความถี่เท่าๆ กัน เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น การเดินทางเร็วขึ้นของเสียงโดยรวม จึงอาจไม่ใช่สาเหตุหลัก ทำให้เรา-ท่านรู้สึกว่า ได้ยินเสียงแหลมมากขึ้นในอากาศร้อน จริงๆ แล้วประสาทการรับรู้ต่อเสียงของมนุษย์นั้น รับฟังย่านความถี่เสียงกลางและสูง-ได้ดีกว่าการรับรู้ต่อเสียงย่านความถี่ต่ำ ดังนั้น เมื่อเสียงเดินทางเร็วเพิ่มขึ้นในทุกๆ ความถี่เท่าๆ กันในอุณหภูมิที่สูงขึ้น กอปรกับเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ค่าความอิ่มตัวของน้ำในอากาศก็สูงขึ้น ค่าความชื้นสัมพัทธ์ก็สูงขึ้น ทำให้อากาศลดทอน หรือ ดูดซับเสียงแหลมได้น้อยลง บวกกับว่า ประสาทการรับรู้ต่อเสียงของมนุษย์นั้น รับฟังย่านความถี่เสียงกลางและสูง-ได้ไวกว่า การรับรู้ต่อเสียงย่านความถี่ต่ำ ปัจจัยทั้งหมดจึงส่งผลให้ประสาทการได้ยินเสียงของมนุษย์ รับรู้ต่อเสียงย่านความถี่เสียงกลางและสูง-ได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง

ดังนั้น จึงมีคำแนะนำให้ หาภาชนะปากกว้างมาบรรจุน้ำ แล้วลองวางไว้ตำแหน่งต่างๆ ภายในห้องที่เปิดการทำงานเครื่องปรับอากาศ ขณะรับฟังเพลง ซึ่งอาจส่งผลต่อระดับอุณหภูมิความเย็นของอากาศที่มากเกินไป จนไปส่งผลกระทบต่อค่าความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศภายในห้อง ทั้งก็เพื่อให้น้ำในภาชนะปากกว้างได้ระเหยเป็นไอน้ำไปช่วยปรับความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศภายในห้องให้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการได้ยินได้ฟังเสียง(โดยรวม)ที่มีคุณภาพความไพเราะมากขึ้น

*** ครั้งหน้า ขออนุญาตนำพามาทำความรู้จักกับ “ความชื้นสัมพัทธ์” หรือ Relative Humidity (RH) กันต่อไป (ให้มากขึ้น) นะครับ

___________________________