ทุกวันนี้ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า สมาร์ทโฟนกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่น่าจะเป็น ‘ปัจจัยที่ 5’ ของมนุษย์ การเติบโตทางเศรษฐกิจก็มักจะอิงอยู่บนสมาร์ทโฟน แต่ด้วยพัฒนาการของอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลได้ก้าวหน้ามาสู่ยุค 5G ความเป็นไปของโลกคงไม่ได้หยุดอยู่แค่สมาร์ทโฟนเป็นแน่ นับต่อแต่นี้
โดยเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ซึ่งมีโอกาสจะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ก็คือ เทคโนโลยี AR / VR ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ประสบการณ์แห่งโลกเสมือนจริงมากขึ้น ซึ่งมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook ก็ได้วางเป้าหมายนี้เอาไว้ด้วยเช่นกัน
…เมื่อประมาณ 17 ปีก่อน มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ได้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Facebook ขึ้นมา ด้วยวัตถุประสงค์เริ่มแรกที่ต้องการสร้างสื่อสังคมออนไลน์ จากเป้าหมายแค่การติดต่อหาเพื่อนในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งกลายเป็นโซเชียลมีเดียที่เชื่อมต่อกับผู้คนทั่วโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 2.6 พันล้านบัญชี ขึ้นแท่นบริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของโลก Facebook จึงนับว่า มีอิทธิพลมากที่สุดต่อคนทั้งโลก
มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ได้ให้ความสนใจต่อเทคโนโลยี AR / VR ถึงขนาดเข้าซื้อกิจการของ Oculus บริษัทเทคโนโลยีเสมือนจริงเมื่อปี 2014 ทั้งๆ ที่บริษัทนี้ยังไม่มีสินค้าจริงออกสู่ตลาดเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทว่ามาร์ค ซักเกอร์เบิร์กกลับมองว่า นี่เป็นโอกาสของแพลตฟอร์มที่เขาจะมุ่งพัฒนาต่อไป จากนั้นมาร์ค ซักเกอร์เบิร์กก็ได้มีการลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการก่อตั้งหน่วยงานใหม่ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Facebook นั่นคือ Facebook Reality Labs – หน่วยงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AR/VR โดยเฉพาะ กระทั่งได้เปิดตัวอุปกรณ์ VR ออกสู่ตลาด อย่าง Facebook Connect ที่เป็นการรีแบรนด์มาจาก Oculus Quest 2 ในปี 2020
นอกจากนี้ Facebook ยังได้ประกาศว่า กำลังพัฒนา “แว่นตาอัจฉริยะ” แบบ AR (Augmented Reality) ซึ่งตั้งความหวังจะให้เป็นมิติใหม่แห่งการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ ด้วยความร่วมมือกับ RAY-BAN โดยได้ประกาศความร่วมมือนี้ไปแล้วเมื่อปี 2019 และล่าสุดที่เป็นข่าวดังสร้างความตื่นเต้นให้แก่คนทั้งโลก ก็คือ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ได้ประกาศวิสัยทัศน์ของ Facebook เกี่ยวกับการสร้างประสบการณ์เชื่อมโลกแบบ Sci-Fi ด้วยสิ่งที่เขาเรียกว่า Metaverse
Metaverse คืออะไร ? ทำไม มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ถึงกับมั่นใจอย่างมากว่า จะเปลี่ยน Facebook จากบริษัทโซเชียลมีเดียไปเป็นบริษัท metaverse ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้อนาคตของบริษัทสามารถไปได้ไกลกว่าปัจจุบัน ด้วยแนวคิดที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็นมา จากเดิมทีที่ธุรกิจของ Facebook มีแบ่งแยกเป็นหลายแขนงด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานสำหรับชุมชน การสนับสนุนครีเอเตอร์และการค้า หรือแม้แต่การสร้างระบบ VR เองก็ตาม แต่มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ได้มองไปสู่การควบรวมสายงานต่างๆ เข้าด้วยกัน และเริ่มสร้าง “Metaverse” ให้สามารถใช้งานได้จริง…
มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก กล่าวว่า “Metaverse” จะเป็นสิ่งที่สามารถสร้างการทำงานร่วมกัน ด้วยการทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้จริง แทนที่จะทำเพียงแค่การเลื่อนดู ! โดยจะเป็นอะไรที่เอาตัวเราเข้าไปอยู่ในนั้น และมีส่วนร่วมได้จริงๆ !! ซึ่งนี่จะเป็นประสบการณ์ที่ระบบ 2 มิติในปัจจุบันไม่สามารถทำได้
มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ยังมองว่า “Mataverse” จะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นราวกับอยู่ในโลกความเป็นจริง เพราะแน่นอนว่าในโลกความเป็นจริงนั้น ผู้คนสะดวกใจกับการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า “Metaverse” จะสร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับทุกคน ทั้งคนในเมือง และนอกเมือง รวมถึงพื้นที่ที่การศึกษาผ่านออนไลน์ พร้อมๆ กับมุ่งพัฒนาระบบ teleportation ร่วมกับบริษัทในเครือ เพื่อให้สามารถสร้างงานที่ไม่มีอยู่ในปัจจุบันได้อย่างเป็นธรรมชาติ