สัมภาษณ์พิเศษงานเปิดตัว ELAC และ ROTEL กับตัวแทนจำหน่ายใหม่ “Zonic Vision”
บริษัท โซนิค วิชั่น จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2542 หลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2 ปี โดยมีจุดประสงค์หลักในการจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องเสียงรถยนต์, เครื่องเสียงบ้านและเครื่องเสียงคอมพิวเตอร์ เป็นเวลา 3 ปีกับความสำเร็จ ตั้งแต่อดีต จากพนักงานเพียงแค่ 8 คน บริษัทฯได้ขยายตัวเป็น 35 คนในปัจจุบัน โดยยึดถือแนวความคิดที่แน่วแน่ในการทำตลาด คือ “คิดให้แตกต่าง” (We make difference) และยึดมั่นในนโยบาย “ประโยชน์ร่วมทั้ง 3 ฝ่าย” (Triangle Benefits) คือ หลักการที่มุ่งเน้นถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ร่วมที่ได้รับอย่างเท่าเทียมกันทั้ง 3 ฝ่ายระหว่างผู้บริโภค, ตัวแทนขาย และผู้จัดจำหน่าย
นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นและเข้มงวดในการคัดสรรสินค้าเครื่องเสียงระดับ Hi-End ที่มีคุณภาพสูงเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีปัจจัยหลักคือ สินค้านั้นๆ จะต้องถูกผลิตจากกระบวนการที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูง, มีทีมงานวิจัยและพัฒนาสินค้าที่มีประสิทธิภาพสำหรับสินค้าในอนาคต, มีความเข้มแข็งทางด้านการเงิน และมีการบริหารองค์กรที่ดี
ไม่ใช่แค่การคัดสรรสินค้าเครื่องเสียงระดับ Hi-End ที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น บริษัทฯยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของ “การบริการหลังการขาย” ที่ดีและมีประสิทธิภาพ โดยการฝึกอบรมพนักงานฝ่ายบริการและซ่อมแซมทุกคนให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องมือ, อุปกรณ์, และอะไหล่ทุกชิ้นได้ถูกรับรองจากเจ้าของสินค้าให้ผ่านมาตรฐานใน การให้บริการหลังการขายกับผู้บริโภคในประเทศไทย
ปัจจุบัน “โซนิค วิชั่น” (Zonic Vision) ถือครองสิทธิ์การนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชั้นนำหลายแบรนด์ด้วยกัน โดยทางด้านเครื่องเสียงคอมพิวเตอร์ หรือ IT Audio นั้นได้แก่ MTX AUDIO ส่วนทางด้านเครื่องเสียงรถยนต์ก็ได้แก่ Infinity, KAMAZ, ACZON และ ENZO ในขณะที่ผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงบ้าน นอกจากจะได้แก่ Boston Acoustics และ AE แล้ว ล่าสุดยังได้รับสิทธิ์นำเข้าและจัดจำหน่าย “ELAC” และ “ROTEL” ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการอีกด้วย
ซึ่งเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ทาง “โซนิค วิชั่น” ได้จัดงานแถลงข่าว “เปิดตัว ELAC และ ROTEL กับตัวแทนจำหน่ายใหม่ Zonic Vision” ขึ้น ณ ชั้น 23 โรงแรมเซนทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยทาง ELAC นั้นได้มอบหมายให้ Mrs.Monica Lowe เดินทางมาเป็นตัวแทนร่วมงาน ส่วนทาง ROTEL ก็ได้มอบหมายให้ Mr.Peter Kao (ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายของ Bob Tachikawa ผู้เป็นทายาทโดยตรงของ Tomoki Tachikawa – ผู้ก่อตั้ง ROTEL) เดินทางมาเป็นตัวแทนร่วมงาน ซึ่งนิตยสาร “What Hi-Fi ?” ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย และต่อไปนี้คือ คำถาม-คำตอบของทั้ง “ELAC” และ “ROTEL” ที่มีต่อทีมงานของเรา (โดยขอเริ่มต้นที่ ELAC แล้วจึงต่อด้วย ROTEL นะครับ)
What Hi-Fi? : จริงๆ แล้ว อยากทราบว่า ชื่อแบรนด์ “ELAC” นี่เป็นการนำเอาตัวย่อ “EL” กับ “AC” มาต่อติดกัน โดยมีที่มาจากชื่อบริษัทเต็มๆ ว่า ‘Electroacustic’ ใช่หรือไม่ครับ?
ELAC : ถูกต้องอย่างที่สุด…เพราะว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ทางบริษัทของเราและ ELAC Nautik GmbH ได้รวมเป็นบริษัทเดียวกัน โดยใช้ชื่อเต็มว่า Electroacoustic ส่วนชื่อในรูปแบบสั้นๆ ง่ายๆ คือ “ELAC” นั่นเอง (Electroacoustic GmbH ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ค.ศ.1926 ซึ่งโดยหลักๆ แล้วทำการศึกษาและพัฒนาในเรื่องของ Sonar Technology และทำการวิจัยในเรื่องของ Signal and sound channels ในน้ำและอากาศเป็นหลัก)
What Hi-Fi? : ณ วันนี้ ELAC อยู่ในธุรกิจลำโพงมาจะเกือบ 90 ปีแล้ว วางแผนล่วงหน้าถึงการร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบนี้ไว้อย่างไรบ้าง (พอจะบอกเล่าให้ทราบคร่าวๆ ได้บ้างหรือไม่)?
ELAC : อย่างที่ทราบกันดีว่า ELAC อยู่ในวงการเครื่องเสียงจะครบรอบปีที่ 90 ในปีค.ศ. 2016 ดังนั้นเราจึงเตรียมที่จะออกสินค้าใหม่ที่เป็น ‘Reference Line’ เพื่อฉลองความสำเร็จด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่าง “XXL 4 Pi”
What Hi-Fi? : ปัจจุบัน ELAC มี Line 60.2 เป็นซีรี่ส์ระดับเริ่มต้น และ Line 500 เป็นซีรี่ส์ระดับสูงสุด แล้ว Exclusive Models ที่ได้แยกออกมาโดยเฉพาะนั้น จัดอยู่ในระดับไหน และด้วยเหตุผลใด-ทำไมรุ่น FS 207 และ FS 217A ถึงได้เป็นเพียง 2 รุ่นเท่านั้นที่จัดอยู่ใน Exclusive Models นี้?
ELAC : จากไลน์การผลิตล่าสุดนั้นซีรี่ส์ 60.2 ได้ถูกทดแทนด้วยซีรี่ส์ 70 ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม โฉบเฉี่ยว หรูหรา และทันสมัยกว่า ส่วนสินค้าในซีรี่ส์ 500 นั้นยังคงเป็น Reference Line (ตัวท็อป) ของเราอยู่ในปัจจุบัน…สืบเนื่องด้วย ELAC เป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในเรื่องยอดขายเป็นอันดับสองในประเทศเยอรมัน โดยเป็นรองแค่ CANTON เท่านั้น ในบางครั้งบางคราวเราจึงจำเป็นต้องทำตามความเรียกร้องของลูกค้า อาทิ เช่น Dealers ใหญ่ๆ ที่ต้องการสินค้าของแบรนด์เราในรูปแบบที่เป็น Special Edition นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องทำ รุ่น 217 และ 207A เพื่อตอบสนองและเติมเต็มความต้องการของตลาดเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ในญี่ปุ่น ELAC ก็เคยทำ BS 312 Indies ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษ ออกมาวางจำหน่ายเช่นกัน รวมไปถึง FS247 Sapphire Edition ด้วย
What Hi-Fi? : ในอนาคตข้างหน้า ELAC จะก้าวไปสู่แนวทางการออกผลิตภัณฑ์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ ควบคู่ไปกับแนวทางการออกผลิตภัณฑ์ทางด้านลำโพงหรือไม่ หรือว่าจะยังคงเหนียวแน่นอยู่กับผลิตภัณฑ์ทางด้านลำโพงโดยเฉพาะเท่านั้น?
ELAC : เป็นคำถามที่ดี…ซึ่งทาง ELAC ก็ไม่อยากจะพูดปด หรือ อำพราง เพราะว่าทางบริษัทของเราก็มีความคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน เพื่อหารือกันในเรื่องของแนวทางในอนาคต อย่างไรก็ตามทางเรายังไม่สามารถบอกอะไรได้มากในขณะนี้
What Hi-Fi? : กับการเปลี่ยนแปลงตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยมาเป็นบริษัท โซนิค วิชั่น นั้น ทาง ELAC ได้วางแผนความร่วมมือระหว่างกันไว้เป็นอย่างไรบ้าง?
ELAC : ทางเราเองรู้สึกประทับใจบริษัท Zonic Vision ตั้งแต่พบกันที่ มิวนิค เมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง ELAC ก็ได้รับคำแนะนำและยืนยันจากหลายๆ คนในวงการเครื่องเสียงว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของ ELAC จะเป็นไปในทิศทางที่ดีและ ก้าวที่สำคัญเพื่อไปสู่คำสำเร็จในอนาคตของบริษัท โดยทางเราก็เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า Zonic Vision สายสัมพันธ์ของทั้งสองบริษัทจะเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งและเหนียวแน่นไปอย่างยาวนาน เนื่องจากทางเรามั่นใจว่า Zonic Vision จะเป็นตัวเลือกที่ใช่ที่สุดสำหรับเรา ที่จะพัฒนายอดขายและสามารถนำเราก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกันได้อย่างที่คาดหวังไว้
What Hi-Fi? : หลายคนคงมีความสับสนว่า ROTEL นั้นเป็นแบรนด์ของทางญี่ปุ่น หรือว่าทางอังกฤษกันแน่ หรือว่าเป็นการร่วมจับมือกันระหว่างญี่ปุ่นกับอังกฤษ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับสูงแต่ทว่าระดับราคาไม่แรงนัก รบกวนช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้ไหมครับ?
ROTEL : ความจริงแล้ว ROTEL เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศญี่ปุ่น แต่สินค้าของเราก็มีการกระจายไปอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก ด้วยความเป็นสากลของสินค้าเรา…ได้มีการส่งไปปรับจูนในประเทศอังกฤษจวบจนทุกวันนี้ เพื่อให้เสียงที่มีความเป็นเอกลักษณ์แบบ English Sound แท้ๆ
What Hi-Fi? : ปัจจุบัน ROTEL ได้ก้าวเข้าไปสู่ “Icepower” ซึ่งก็คือ Class D technology อย่างชนิดแทบจะเต็มตัวแล้วก็ว่าได้ ใช่หรือไม่ และจริงๆแล้วยังคงมีการอนุรักษ์ระบบการทำงานแบบเดิมๆซึ่ง ROTEL ได้สร้างสมชื่อเสียงความเป็น ‘English Sound’ อย่างมากในอดีตที่ผ่านมาไว้อยู่หรือไม่?
ROTEL: ทาง ROTEL ใช้ Class D technology เฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่จำกัดในเรื่องของขนาดและ ความร้อนที่ต้องเหมาะสมกันในการทำงานที่ลงตัวที่สุด อาทิ เช่น Multi-Channel Receivers, Custom Install Amps และ Distribution Amps เท่านั้น ในส่วนของสินค้าหลักๆ ของเรา ยังคงใช้ Massive Transformers และ Heat Sinks ที่โดดเด่น ที่เป็นจุดขายของเราอยู่ดังเช่นที่ผ่านมาในอดีต
What Hi-Fi? : การที่ ROTEL ได้เข้าไปอยู่ในเครือของ Bowers & Wilkins Group ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของ ROTEL ในยุคใหม่อย่างไรบ้าง?
ROTEL : ความเป็นจริงแล้ว ROTEL ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งหรือบริษัทลูกของ B&W อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจแต่อย่างใด เพียงแค่ในบางกลุ่มของตลาดเป้าหมายที่เราเห็นพ้องต้องกันจึงมีการร่วมธุรกิจกันเกิดขึ้น ซึ่งทั้งสองแบรนด์ก็ได้มีการพัฒนาสินค้าและ โปรเจ็คต์ทางการตลาดร่วมกัน โดยเรามองว่า B&W ก็เป็นหนึ่งใน Partner ที่ดีในการร่วมธุรกิจด้วย เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและสามารถสร้าง Feedback ที่ดีกลับมาจากลูกค้า และให้แนวคิดสำคัญๆ แก่ทางเราได้
What Hi-Fi ?: ROTEL ในทุกวันนี้และต่อๆไป จะยังคงเป็นเช่น ROTEL เมื่อเกือบ 50 ปีอยู่หรือไม่ ในประเด็นของผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงที่มีความเป็นไฮเอนด์อย่างเต็มตัวในด้านคุณภาพเสียง แต่ทว่าระดับราคานั้นจัดอยู่เพียงแค่ระดับมิดเอนด์เท่านั้น?
ROTEL : แน่นอนว่าเราจะไม่มีทางเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินธุรกิจของเรา เพราะนั่นเป็น ”แนวคิดหลัก” ที่ทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จมาจวบจนถึงทุกวันนี้ เป็นการบ่งบอกว่า “Who we are” ซึ่งปรัชญาในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของเราก็ยังคงเหมือนเดิม ก็คือ “สร้างสินค้าที่มีคุณภาพระดับสุดยอด ในระดับราคาที่คุณสามารถเอื้อมถึง” แล้วก็จะเป็นเช่นนี้สืบเนื่องไปไม่เปลี่ยนแปลง
What Hi-Fi? : กับการเปลี่ยนแปลงตัวแทนจำหน่าย ROTEL ในประเทศไทยมาเป็นบริษัท โซนิค วิชั่นนั้น ได้มีการวางแผน-พูดคุยระหว่างกัน เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้ ROTEL เป็นที่ฮือฮาในประเทศไทยเช่นในอดีตอีกครั้งหรือไม่ – อย่างไร?
ROTEL : เราจะพัฒนาสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ ของเราในทุกๆ ไลน์ของการผลิต ซึ่งเรากำลังทำงานกันอย่างหนักในสินค้าประเภท Home Theatre อยู่ด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกันเราก็จะยังคงรักษาปรัชญาในการดำเนินงานของเราเหมือนเช่นเดิม คือ สร้างสรรค์ผลงานที่สามารถตอบแทนการใช้จ่ายของคุณได้อย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ด้วยคุณภาพของสินค้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดเหมือนเช่นที่เป็นมา