DAWN NATHONG
ผ่านกันไปได้อีกหนึ่งปี ในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกซึม ๆ ตุ่น ๆ แบบนี้ สำหรับวงการเครื่องเสียงบ้านเราแน่นอนว่าย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วยไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะในปี 63 นี้ ที่มีข่าวลือหนาหูว่าจะเป็นปี ‘เผาจริง’ กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้า ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย แม้กระทั่งสื่อต่าง ๆ ก็ต้องเตรียมปรับกลยุทธ์ทุกรูปแบบเผื่อฝ่าฟันกันต่อไป
ช่องว่างของกลุ่ม Budget และ Hi-End
หันมามองเทรนด์การเล่นเครื่องเสียงในปีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งเลยที่สังเกตได้คือ ทุกวันนี้เราสามารถหาซื้อเครื่องราคาไม่แพงแต่สเปคสูงได้มากมาย โดยเฉพาะการรุกคืบของแบรนด์เครื่องเสียงจากจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านร้านค้าออนไลน์ แม้จะไม่ใช่สินค้าแบรนด์เนม รวมถึงต้องวัดดวงในเรื่องของการรับประกัน แต่สเปคกับราคาที่เร้าใจก็ดูน่าดึงดูดสำหรับนักเล่นมือใหม่อยู่ไม่น้อย
ข้อมูลและคะแนนรีวิวจากผู้ซื้อบนเวปไซต์ออนไลน์จะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการตัดสินใจ ต่อให้ไม่ได้ลองฟังเสียงก่อนซื้อก็ตาม ส่วนแบรนด์ที่ได้มาตรฐานการผลิตก็เริ่มมีตัวแทนจำหน่ายในบ้านเรา
เครื่องเสียงกลุ่ม Mid-Fi จะมีตัวเลือกน้อยลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะแบรนด์ฝั่งยุโรปและอเมริกาเนื่องจากราคาต้นทุนการผลิตขยับตัวสูงขึ้น ปรับราคาขึ้นสูงจนไปชนกลุ่มของสินค้า Hi-End แทน ที่เหลือจากนี้จะเป็นสินค้ากลุ่มซุปเปอร์ไฮเอ็นด์ที่ตั้งราคาแบบไร้การประนีประนอม
เราอาจได้เห็นสินค้าแบรนด์ไฮเอ็นด์ที่ผลิตจากประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ เช่น จีน เวียดนาม หรือผู้ผลิตในบ้านเราเข้ามาเติมเต็มในส่วนของตลาดกลุ่ม Mid-Fi มากขึ้น
ชวนให้คิดถึงยุคที่เงินหลักหมื่นก็มีเครื่องเสียงแบรนด์เนมคุณภาพสูงให้เลือกฟังเลือกซื้อกันมากมาย ปี 63 นี้และปีต่อ ๆ ไปนักเล่นกลุ่มใหญ่ คงจะเข้าถึงเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ยากขึ้นไปอีก
การแข่งขันของสตรีมมิ่งคอนเท้นต์
เรียกว่าเป็นปีทองของสตรีมมิ่งคอนเท้นต์ทั้งภาพและเสียงอย่างแท้จริง จากการมาของเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย 5G และแนวโน้มของนักเล่นที่ให้ความสนใจสตรีมมิ่งมิวสิค เช่น TIDAL หรือ Spotify อีกทั้งกระแสความนิยมของ Netflix หรือ Apple TV แล้วยังมีผู้ให้บริการวิดีโอคอนเท้นต์รายใหม่ที่เปิดตัวแล้วในต่างประเทศ เช่น Disney + ซึ่งหลายคนรอคอยให้เปิดบริการในบ้านเราเร็ว ๆ ก็น่าจะสร้างความคึกคักได้ไม่น้อย
จุดเปลี่ยนอย่างนึงที่เห็นได้ชัด น่าจะเป็นกลุ่มของโฮมเธียเตอร์ ตอนนี้หันมาใช้แหล่งโปรแกรมต้นทางเป็น Apple TV หรือพวก Media Player แทนที่เครื่องเล่นบลูเรย์กันมากขึ้น เพราะสามารถรองรับฟอร์แม็ตใหม่ ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงสตรีมมิ่งคอนเท้นต์จากผู้ให้บริการ ณ ตอนนี้ก็ถือว่าให้คุณภาพของภาพและเสียงในระดับที่ดีมากแล้ว ทั้งยังสะดวกสบายและมีค่าใช้จ่ายที่ประหยัดกว่า
นักเล่นหลาย ๆ คนแทบจะไม่ได้ซื้อแผ่นอีกเลย คาดว่าในปี 63 นี้เราน่าจะได้เห็นเครื่องเล่น Media Player ระดับไฮเอ็นด์ออกมารองรับตลาดส่วนนี้เพิ่มขึ้น
วิถี วิดีโอไฟล์-ออดิโอไฟล์ สตรีมมิ่ง
ยุคนี้เครื่องเสียงรุ่นใหม่ ๆ หากไม่บิวท์อินระบบเน็ตเวิร์คมาด้วยในตัวแบบออล-อิน-วัน ก็ดูจะตกเทรนด์ไปเสียแล้ว แต่สำหรับกลุ่มนักเล่นที่จริงจังกับคุณภาพ การเลือกใช้อุปกรณ์แบบแยกชิ้นยังไงก็ตอบโจทย์คุณภาพการชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงได้ดีกว่า
ในโลกของสตรีมมิ่งก็ไม่ต่างกัน เราจะได้เห็นอุปกรณ์เสริม (Accressorie) เกี่ยวกับเน็ตเวิร์คที่ถูกนำมาโมดิฟายด์หรือผลิตเพื่อตอบโจทย์ในจุดนี้
ยกตัวอย่างเท่าที่เห็น ผู้ผลิตหลายรายในต่างประเทศเริ่มออกอุปกรณ์เสริมอย่าง Ethernet Switch ออดิโอเกรด เช่น Melco, SOtm, AQVOX, Ansuz หรือของคนไทยอย่าง Fidelizer มาใช้งานแทน Ethernet Switch ทั่ว ๆ ไป เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพทั้งภาพและเสียงในระบบสตรีมมิ่งให้ดียิ่งขึ้น
แม้สินค้ากลุ่มนี้อาจจะยังไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับนักเล่นในวงกว้าง แต่เชื่อว่าในปีนี้เราจะเริ่มเห็นอุปกรณ์เสริมแนว ๆ นี้กันมากขึ้นอย่างแน่นอน
วันวานยังคงหวานอยู่
จากกระแสของเครื่องไฟล์เพลงพกพาโซนี่ Walkman รุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่น ที่เล่นกับเทรนด์ย้อนยุคเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ต ด้วยยอดจองที่หมดไวปานสายฟ้าแล่บ บ่งบอกอะไรบางอย่างถึงกลุ่มนักเล่นที่ยังถวิลหากลิ่นอายความคลาสสิคของการเล่นเครื่องเสียงแบบอนาล็อค
ใครจะเชื่อว่าอัลบั้มเทปคาสเซ็ตเก่า ๆ บางอัลบั้มที่ยังไม่ถูกใช้งานจะขายกันในราคาสูงถึง 500- 600 บาทขึ้นไป กับไวนิลยิ่งไม่ต้องพูดถึง บางอัลบั้มนั้นเคยถูกปั่นราคากันขึ้นไปจนแตะหลักหมื่นก็ยังมี
แม้ช่วงนี้กระแสอนาล็อกอาจจะดูซา ๆ ลงมาอยู่ในระดับนิ่ง ๆ ไม่หวือหวา แต่การลงมาเล่นในตลาดไวนิลและเทปคาสเซ็ตอย่างเต็มตัวของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ GMM แกรมมี่ในปี 63 ก็น่าจะมีส่วนช่วยจุดกระแสการเล่นแหล่งโปรแกรมอนาล็อคให้กับคนรุ่นใหม่ จึงเป็นอะไรที่น่าจับตามอง
