รีวิว Vivid Audio GIYA G2 Series 2

0

Test Report : มงคล อ่วมเรืองศรี 

            ย้อนหลังไปในปี ค.ศ. 2008 โลกเครื่องเสียงได้รู้จักกับลำโพงรูปลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยส่วนโค้งส่วนเว้าที่ให้ความแตกต่างจากลำโพงอื่นอย่างสิ้นเชิง ภายใต้ชื่อ Vivid Audio GIYA 1 หรือรุ่น “G1” ซึ่งถึงกับทำให้แวดวงเครื่องเสียงไฮเอนด์เป็นอันต้องหยุดมอง …หากแต่ “จุดเริ่ม” ของ Vivid Audio นั้นถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 2004 ด้วยการเปิดตัว ‘OVAL Series’ ลำโพงที่มีตัวตู้ลำโพงทรงโค้งแปลกตา อันกอปรไปด้วยรุ่น B1, K1 และ C1 ทั้งนี้ Philip Guttentag และ Robert Trunz ได้ร่วมกันก่อตั้ง Vivid Audio นี้ขึ้นมา โดยได้ติดต่อเรียกตัว “Laurence Dickie” ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังโครงการ Nautilus มาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าวิศวกรออกแบบของ Vivid Audio

            ถ้าคุณยังจำได้กับ Nautilus คุณยิ่งต้องทำความรู้จักกับ Vivid Audio ให้ลึกซึ้ง เพราะนี่คือ พัฒนาการอันเหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีกระดับจนคุณอาจคาดคิดไม่ถึง!!!จากตัวตนที่แท้จริงของวิศวกรคนเดียวกับที่รับผิดชอบโครงการ Nautilusสมัยที่ยังทำงานให้กับ B&W ทั้งนี้ ‘OVAL B1’ นับเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ Vivid Audio จากนั้นอีก 4 ปีจึงมี ‘GIYA Series’ ออกมาจำหน่าย โดยมี G1 เป็นรุ่นเรือธง (คำว่า “GIYA” นั้นเป็นชื่อเรียกขานการเต้นรำของชนเผ่าซูลูในอาฟริกา)

ต่อมา “ครอบครัว” GIYA Series ของ Vivid Audio ก็ได้ขยายเพิ่มเติมขึ้นมาเป็น 4 รุ่น โดยที่ “G1” ยังคงเป็นรุ่นพี่ใหญ่ ตามมาด้วยรุ่น “G2” ซึ่งมีความสูงน้อยลงมาราวๆ 30 ซม. และมีปริมาตรภายในที่น้อยลงมาครึ่งนึงโดยประมาณด้วยเช่นกัน แต่ถึงแม้จะเป็นรุ่นน้องรอง แต่ยังคงไว้ซึ่งความน่าทึ่ง ซึ่งลำโพงรุ่นนี้นี่แหละที่ได้รับการกล่าวขานจาก National Research Council ของแคนาดา ยกย่องให้เป็น The Best Speaker มาแล้ว

            กระทั่งในงาน  Consumer Electronics Show ปี 2012 ลำโพงลำดับที่ 3 ในชุด ‘GIYA Series’ ก็ปรากฏตัว นั่นคือรุ่น G3 และตามมาด้วย ‘G4’ ลำโพงรุ่นน้องนุชสุดท้องในครอบครัว ‘GIYA Series’ ทำหน้าที่เป็นรุ่นปิดท้ายซีรีส์ ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งรุ่น G3 และ G4 ก็ยังคงไว้ซึ่งความน่าเกรงขามในความเป็น GIYA Series เพียงแค่ว่าถูกย่อส่วนลงมาให้เหมาะกับการใช้งานในห้องที่เล็กลง

ซึ่งทั้งหมดนั่นในทุกรุ่นล้วนเหมือนกันที่ยังคงเป็นลำโพงแบบ 4-ทาง 5 ตัวขับเสียง รวมทั้งระบบตัวตู้ที่เป็นแบบตู้เปิด พร้อมด้วยตัวขับเสียงความถี่กลาง และตัวขับเสียงความถี่สูง ซึ่งมีท่อยาวเรียวติดตั้งอยู่ด้านหลัง

            ซึ่งแนวคิดของ “ท่อแบบยาวเรียว” (Tapered Tube) นี้ก็มีต้นแบบมาจาก Laurence Dickie ที่เคยทำงานอยู่กับ B&W และเคยพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ในฝีมือการออกแบบโครงสร้าง Matrix ของ B&W จนลือลั่นมาแล้ว และเขาได้เข้ามารับหน้าที่หัวหน้าวิศวกรออกแบบของ Vivid Audio ณ ปัจจุบัน

โดยที่เขาได้ขยายความแนวคิดนี้ในทำนองที่ว่า -แทนที่จะให้ตัวขับเสียงอยู่ในตู้ ก็ให้มาอยู่ในท่อยาวเรียว ที่ลู่เล็กลงไปเรื่อยๆ- ไดรเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ก็ให้อยู่ในท่อที่ยาวขึ้น ซึ่งก็แน่นอนว่า ต้องใช้วิธีการคำนวณอันซับซ้อนกว่าธรรมดาทั้งในแง่ของความยาวและเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อยาวเรียวดังกล่าว

            ความลับในรูปลักษณ์อันไม่ธรรมดาของครอบครัว “GIYA” ซึ่งถือว่าเป็น Reference Series ของ Vivid Audio นี้ บังเอิญไปสอดคล้องเข้ากับลักษณะทรวดทรงของผลน้ำเต้า ที่มีลักษณะยาวเรียวชะลูดขึ้นไปข้างบน ซึ่งนับว่าเข้ากันได้ดีกับแนวทางของ Tapered Tube นี้ที่จะนำไปใช้สำหรับตัวขับเสียงความถี่ต่ำติดตั้งด้านข้างตัวตู้ได้ถึง 2 ตัว

โดยช่วยให้สามารถจัดวางลักษณะท่อให้ยาวเรียวขึ้นได้ในแนวตั้ง แล้วขัดเกลารูปลักษณ์เสียหน่อยให้ดูดีมีเสน่ห์งดงามขึ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับในแนวคิดเยี่ยงนี้ที่ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมเฉพาะของ GIYA Series นี่จริงๆ

G2s2 เรือธงลำย่อมรุ่นล่าสุดของ Vivid Audio

            รูปทรงตัวตู้ของรุ่น “G2s2” ก็คือเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของ GIYA G2 ซึ่งนับเป็นน้องรองของรุ่น G1 นี่ ยอมรับครับว่า ช่างสะดุดตาเสียนี่กระไร จัดเป็นงานระดับศิลปะได้เลยทีเดียวเชียวละครับ ด้วยระดับความสูงราวๆ 80 เปอร์เซนต์ของรุ่น G1 “G2s2” จึงมีปริมาตรประมาณครึ่งหนึ่งของรุ่น G1 ทว่าทาง Vivid Audio ก็ยืนยันว่า “G2s2” สามารถส่งมอบสมรรถนะและคุณภาพเสียงได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับ G1

โดยที่ “G2s2” ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมในห้องฟังขนาดกลางถึงใหญ่ (ซึ่งหากเลือกใช้รุ่น G1 ในห้องขนาดใหญ่ไม่พอก็อาจจะต้องใช้พื้นที่สูญเปล่า สำหรับการตั้งวางที่มากขึ้นจนทำให้รู้สึกอึดอัดในขณะรับฟัง)

            นอกจากนี้ Vivid Audio ยังระบุว่า ขั้นตอนการผลิตตัวตู้ (Cabinet) ก็ยุ่งยากซับซ้อนต้องใช้กรรมวิธีพิเศษที่เรียกว่า F1-Style Vacuum-Forming Techniques ทำให้ได้มาซึ่งตัวตู้ที่มีค่าความแกร่งสูงมากๆ ทั้งยังปลอดจากเรโซแนนซ์อีกด้วย โดยที่โครงสร้างตัวตู้นั้นจะเป็นแบบ Glass-Reinforced, Balsa-Cored Sandwich Composite ซึ่งยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่งทางโครงสร้างไว้ด้วยการคาดโครงคร่าวภายในตามแบบฉบับโครงสร้าง Matrix อีกด้วย

            สืบเนื่องจากลักษณะตัวตู้ที่คอดเรียวขึ้นไปด้านบน คล้ายรูปทรงน้ำเต้าทำให้มีขนาดอันเหมาะเจาะลงตัวกับการติดตั้งทวีตเตอร์ เพื่อทำหน้าที่ขับขานความถี่เสียงสูง โดยไร้ขอบเหลี่ยมใดๆ มาขวางกั้นลำเสียง มิดเรนจ์และมิด-เบสก็เช่นกันสามารถไล่เรียงตำแหน่งติดตั้งได้อย่างเหมาะสมบนแผงหน้าตัวตู้ที่แคบแทบจะพอดีกับขนาดตัวขับเสียง ช่วยให้ปราศจากซึ่ง “Diffraction” หรือการสะท้อนย้อนเบี่ยงเบนลำเสียงบนแผงหน้าตัวตู้ เช่นที่มักเกิดขึ้นกับลำโพงแบบตัวตู้ธรรมดาทั่วไป

ส่วนวูฟเฟอร์ซึ่งทำหน้าที่ในการขับขานเสียงความถี่ต่ำนั้น ถูกนำไปติดตั้งอยู่ที่บริเวณด้านข้างตัวตู้ทั้งสองด้าน เพื่อให้เกิดสภาพการณ์หักล้างแรงกระทำซึ่งกันและกันให้หมดสิ้นไปในขณะทำงาน อย่างที่เรียกกันว่า Reaction-Cancelling ยังผลให้ได้มาซึ่งความถูกต้องแม่นยำของความถี่เสียงต่ำ ที่สำคัญตัวขับเสียงทั้งหมดของ “G2s2” นี้ล้วนเป็นแบบ Bespoke Design ที่ Laurence Dickie เป็นผู้ออกแบบเอง และล้วนได้รับการผลิตขึ้นในโรงงานของ Vivid Audio

            “G2s2” นับเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกวางตลาดของ GIYA 2  ซึ่งจุดสำคัญของ “G2s2” ก็คือการปรับเปลี่ยนไปใช้ทวีตเตอร์รุ่นใหม่ เฉกเช่นที่ใช้อยู่ในรุ่น G1 Spirit (ซึ่งทาง Laurence ‘Dic’ Dickie ได้ถือโอกาสนำเอารุ่น G1 “ดั้งเดิม” มาปรับปรุงใหม่ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกในวาระครบรอบปีที่ 10 ของ Vivid Audio)

โดยเป็นโดมทวีตเตอร์ (Aluminium Dome) แบบ Catenary Profiled Aluminium Dome ขนาด 26 มม. ที่มีท่อทะลุด้านหลังตัวโดมในลักษณะของ Tapered Tube Loading ทำงานร่วมกับโดมมิดเรนจ์ (Metal Dome) รุ่น D50 แบบ Catenary Profiled Aluminium Dome เช่นกัน ขนาด 50 มม. ที่มีท่อทะลุด้านหลังตัวโดมในลักษณะของ Tapered Tube Loading ซึ่งไม่ต่างไปจากที่ใช้อยู่ในรุ่น G1 Spirit ระดับเรือธงรุ่นล่าสุด

            สำหรับโดมมิดเรนจ์นี้จะถูกกำหนดให้ ‘Break-Up Point’ นั้นอยู่สูงขึ้นไปจากย่านความถี่เสียงที่ประสาทหูมนุษย์จะรับรู้ ส่วนวูฟเฟอร์และตัวมิด-เบสก็เป็น Aluminium Cone, Cast Alloy Basket ที่จะแปลกอยู่หน่อยก็ตรงที่มีวอยซ์คอยล์ที่สั้นกว่าทั่วๆ ไป (Short-Coil Long-Gap Motor Design) ด้วยวอยซ์คอยล์ที่เป็นแบบ Copper Ribbon Coil ขนาด 50 มม.

ในขณะที่ระบบแม่เหล็กที่ใช้นั้นจะเป็นชนิด Neo Dymium Boron Iron Magnet ที่ให้ค่าความเข้มเส้นแรงแม่เหล็กที่สูงมาก ทั้งนี้ Vivid Audio เลือกใช้ไดรเวอร์มิด-เบสรุ่น C125S ที่มีขนาด 125 มม. ซึ่งเป็นขนาดตัวขับเสียงที่เหมาะเจาะกับการขับขานช่วงความถี่เสียงกลางได้เป็นอย่างดี

            ในขณะเดียวกันขนาดของไดรเวอร์ 125 มม. นี้ก็เป็นแบบ Tapered Tube Loading ทำให้สามารถผลิตเสียงเบสตอนล่างที่มีความฉับไวในอัตราเร่ง และให้ความกระชับในจังหวะจะโคน ส่วนความครบเครื่องเรื่องของน้ำหนัก และแรงกระแทกกระทั้นนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของวูฟเฟอร์ขนาด 175 มม. รุ่น C175 จำนวน 2 ตัวที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านข้างตัวตู้ทั้งสองข้างของ “G2s2”

โดยที่วูฟเฟอร์ขนาด 175 มม. ทั้ง 2 ตัวของ “G2s2” นั้นจะเป็นกรวยโลหะ (Metal Coned Unit) ที่มีวอยซ์คอยล์ที่สั้นกว่าทั่วๆ ไป (Short-Coil Long-Gap Motor Design) ด้วยวอยซ์คอยล์ที่เป็นแบบ Copper Ribbon Coil ขนาด 70 มม. และทำงานควบคู่กับ “ช่องเปิดพิเศษ” ที่เรียกว่า Exponentially Tapered Tube Enhanced Bass Reflex ซึ่งดูคล้ายๆ รูเหงือกหายใจเล็กๆ ติดตั้งอยู่ใกล้ๆ กับตัววูฟเฟอร์แต่ละตัวนั่นแหละครับ เพื่อช่วยปรับจูนเสียงเบสให้มีการตอบสนองช่วงย่านความถี่ต่ำที่ลงไปลึกขึ้น และมีน้ำหนักมากขึ้น

            ทั้งนี้ทาง Vivid Audio ได้ระบุค่าสเปคฯ ของ “G2s2” เอาไว้ว่า ให้ค่าความไวเสียงที่ 89 ดีบี / วัตต์ /เมตร มีค่าความต้านทานปกติ 6 โอห์ม (ต่ำสุด 4 โอห์ม) สามารถครอบคลุมช่วงความถี่ตอบสนองในช่วง 33-36,000 เฮิรตซ์ (-/+2ดีบี) กำหนดจุดตัดกรอง / แบ่งช่วงความถี่ไว้ที่ 220, 880, 3500 เฮิรตซ์ ส่วนค่าความผิดเพี้ยนนั้นต่ำกว่า 0.5 เปอร์เซ็นต์ ภายใต้ขนาดมิติตัวตู้ (สูงxกว้างxลึก) 148.5 x 74.0 x 55.6 ซม. น้ำหนักสุทธิ 55 กก.

ผลการรับฟัง

            ขอชี้แจงสักนิดนะครับว่า การรับฟัง “G2s2” ในครั้งนี้ เป็นอีกครั้งของการเดินทางมารีวิวนอกสถานที่ของผม โดยได้ใช้โชว์รูมของ Sound Solution ณ CDC ในการรับฟังซึ่งได้มีการขยับปรับตำแหน่งตั้งวางลำโพง รวมทั้งตำแหน่งนั่งฟังไปเล็กน้อยจากที่ได้รับการปรับเซตไว้เดิมของทางเจ้าของสถานที่

ด้วยการใช้เครื่องเล่นซีดีของ Meridian รุ่น 208 เป็นแหล่งสัญญาณ ส่งผ่านสัญญาณอะนาลอกเข้าสู่ปรีแอมป์ Classe’ รุ่น CP-800 mk2 ด้วยสายสัญญาณ Oyaide Tunami (RCA) และเชื่อมต่อจากปรีแอมป์ Classe’ รุ่น CP-800 mk2 ไปยังเพาเวอร์แอมป์ CHORD SPM-5000 ด้วยสายสัญญาณ Oyaide Tunami (XLR) ส่วนสายลำโพงนั้นเป็นของ CHORD Company

            “G2s2” ได้สร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจในความทรงจำ ยิ่งกว่าทุกๆ ครั้งจากการรับฟัง GIYA series ณ โชว์รูมของ Sound Solution เท่าที่ผ่านมา บอกกันตรงๆ ว่า “G2s2” ให้เสียงที่น่าประทับใจตั้งแต่แรกฟัง และน่าจะไม่เกี่ยงระยะนั่งฟังเท่าใดนัก ซึ่งแม้จะนั่งฟังในระยะที่ใกล้กว่าธรรมดา “G2s2” ก็ไม่ได้สร้างความอึดอัดแต่อย่างใด “G2s2” ยังคงให้เสียงที่ฟังสบายโสตประสาท ให้ความกลมกล่อม-กลมกลืนกันของเสียง รวมไปถึงเรื่องของความละมุนละไม ให้ความลื่นไหลต่อเนื่อง ฟังแล้วได้ความสมจริง

…ได้ฟังแล้วราวกับว่า ชิ้นดนตรีโน่น-นี่-นั่นกำลังมาบรรเลงให้เราฟังอยู่ตรงหน้า ณ ขณะนั้น …มันช่างเป็นเสียงที่มีความครบถ้วน แม้กระทั่งเสียงสั่นกระพือเป็นมวลอากาศออกมาจากสายเบส, สายเชลโล่ หรือว่าเสียงเบียดเสียดสีของเส้นขนหางม้าบนคันชักกับสายไวโอลิน !!! โอ้ว ช่างน่าทึ่งจริงๆ ครับ

            ว่ากันตามจริงไม่มีอ้อมค้อม “G2s2” มีบุคลิกเสียงที่เนียนนุ่ม ฉ่ำชุ่ม ให้ความระรื่นโสตประสาทเป็นอย่างมาก ฟังอะไรก็ไพเราะเสนาะหู ด้วยความกลมกล่อม มีน้ำมีนวลชวนฟัง เป็นเสียงที่น่าเคลิบเคลิ้ม ให้ความผ่อนคลาย ฟังได้ไม่รู้หน่าย ทั้งยังช่วยให้คุณได้รับรู้อะไรต่อมิอะไรในสิ่งที่แตกต่างจากที่เคยได้ฟัง “มิใช่เกินจริง” แต่ดุจเดียวกับความเป็นจริงแห่งจินตนาการขณะรับฟังเพลงและและดนตรี

“G2s2” ให้เสียงที่ผุดโผล่อย่างฉับพลันทันใด รวมทั้งให้อาณาบริเวณเสียงที่มีตัวมีตน ระบุตำแหน่งได้ชัดเจน ไม่เบียดบังซ้อนทับกัน ทั้งยังมีความกังวานในปลายอณูเสียง ไม่หดห้วนอัดอั้น หรือว่าถูกจำกัดการนำเสนอ เสียงทุกเสียงตลอดทั้งช่วงย่านเสียงสูงล้วนทอดตัวยาวไกล ให้ความพละพลิ้วค่อยๆจางหายไปอย่างสมจริงเป็นธรรมชาติ

            “G2s2” ยังส่งมอบสภาพเสียงแวดล้อมต่างๆ ได้เป็นละอองอณูรายรอบ มิใช่บ่งบอกออกมาแค่บรรยากาศ (Atmosphere) หรือ มวลอากาศ (Airy) หรอกนะครับ “G2s2” ยังให้ความพละพลิ้ว อิ่มเอิบ เปล่งปลั่งได้อย่างน่าฟัง โดยมิใช่เป็นเสียงในลักษณะเจิดจ้า หรือจัดจ้าน ช่วงย่านความถี่สูงที่รับฟังก็รับรู้ว่า ทอดยาวไปไกลสุดกู่กันเลยทีเดียว เป็นเสียงสูงๆ ที่เรา-ท่านรับฟังได้ในความสมจริง เป็นเสียงที่เปี่ยมในความเป็นธรรมชาติ มิได้มีการปรุงแต่ง หรือ เน้นขึ้นมาให้ฟังดูใสกระจ่างอย่างผิดไปจากความเป็นจริง

            “G2s2” สร้างความน่าประทับใจในด้านการส่งมอบลักษณะเสียงที่ปลดปล่อย และเปิดโปร่งได้อย่างสมจริงมากทีเดียว ให้ทั้งพลังไดนามิกอันฉับพลัน ไหลลื่น เฉียบคม (Crispy) กระทั่งมีความฉับไวในการจำแนก-แยกแยะเสียงต่างๆ คุณจะรับฟังเสียงฉาบได้เป็นเส้นเป็นสาย ให้ประกายสดใสปิ๊ง

คุณจะรับฟังเสียงแซกโซโฟนที่มีมวล มีน้ำหนักให้ลักษณะลมพ่นอย่างสมจริง คุณจะรับฟังเสียงกลองซึ่งตึงแน่น สั่นระรัวเป็นระลอกคลื่นอากาศ ฟังได้มันส์ในอารมณ์มาก เช่นเดียวกับเสียงเบสยืนที่หนักแน่น ฟังโน้ตได้เป็นเป็นตัวๆชัดเจน โดยไม่พลาดการรับรู้อิมเมจ-ซาวด์สเตจ รวมไปถึงมวลอากาศรายรอบอันอบอวล (Airy)

            ในขณะเดียวกันสรรพเสียงที่ “G2s2” ส่งมอบ-ถ่ายทอดออกมานั้นยังเปี่ยมด้วยรายละเอียด ให้การจำแนกแยกแยะลักษณะเสียงจำเพาะ-เฉพาะตัวของแต่ละเสียง (Timbre) ได้อย่างดีทีเดียว ทั้งยังสามารถส่งมอบการผุดโผล่ของรายละเอียดเสียงระยิบระยับ รวมทั้งสัญญาณเสียงฉับพลันได้อย่างทันทีทันใด ให้ทั้งความจะแจ้ง-แจ่มชัด-สดใส พร้อมการเปิดโปร่ง-โล่งกระจ่าง ไร้สภาพ “หมอกควัน” ปกคลุม ลักษณะเสียงโดยรวมมีมวลมีน้ำหนักให้ความชัดเจนในทุกสรรพเสียง พร้อมด้วยความอวบอิ่ม-ฉ่ำชุ่ม และอบอวลของมวลบรรยากาศห้อมล้อม (Atmosphere) เป็นธรรมชาติสมจริงมาก

            เรา-ท่านสามารถรับฟังเสียงหมู่เครื่องสาย (ไวโอลิน-วิโอลา-เชลโล) ได้น้ำหนัก-เนื้อหนังของเสียงอย่างสมจริง ในขณะที่ช่วงย่านความถี่เสียงสูงนั้นช่างพละพลิ้ว ลอยตัว เต็มเปี่ยมในความมีชีวิตชีวา และทิ้งทอดตัวได้ยาวไกล ไม่มีการอัดอั้น หรือ โรยตัว (Roll-Off) อย่างรวดเร็วจนหดห้วน หางเสียงสูงๆอย่างฉิ่ง-ฉาบ-เหล็กสามเหลี่ยมให้ความกังวาน-ยาวไกลไปสุดตัว บ่งบอกเสียงลมพ่น-กัดหูน้อยๆ ของเครื่องดนตรีประเภท Brass และเสียงลมเป่า-เป็นละอองของเครื่องดนตรีประเภท Woodwind ได้เป็นธรรมชาติน่าทึ่งมาก

            จุดเด่นสำคัญอย่างมากๆ ที่ดูจะหาได้ยากจากลำโพงโดยทั่วไปในความเป็น “G2s2” ก็คือความกลมกลืน-ละเมียดละไมของทุกย่านเสียงจนไร้ซึ่งตะเข็บรอยต่อ …พูดบอกออกมาไม่ได้จริงๆ ครับว่า “G2s2” ให้ความโดดเด่น-น่าประทับใจในช่วงย่านเสียงกลาง – ช่วงย่านเสียงสูง หรือว่าที่ช่วงย่านเสียงต่ำ เพราะทั้งหมดนั่นมีความนวลเนียนเป็นเนื้อเดียวกันอย่างไหลลื่นและต่อเนื่องโดยตลอดทั้งช่วงย่านความถี่ตอบสนองจากต่ำสุดไปสูงสุด จนราวกับว่าเปล่งออกมาจากลำโพงเดียวโดดๆ มิใช่ลำโพงที่แบ่งแยกแบบสี่-ทาง

นี่แสดงว่า “G2s2” ได้รับการปรับจูนอย่างพิถีพิถัน เฉพาะอย่างยิ่งกับวงจรตัดกรอง / แบ่งช่วงความถี่ (Crossover) ที่ใส่ใจมากทีเดียว และนั่นย่อมสะท้อนไปถึงเรื่องของการออกแบบมาอย่างดีมากๆ แต่แรกเริ่มด้วยเช่นกัน ทำเอานึกคิดไปถึงว่า นี่ถ้าเป็นรุ่น G1 Spirit ซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุดนั้นจะขนาดไหนทีเดียวเชียวละ…

            ยืนยันได้ว่า “G2s2” เป็นลำโพงที่ “ครบเครื่อง” ในทุกด้านทั้งอิ่ม ทั้งฉ่ำ ทั้งฉับไว ทั้งหนักแน่น ทั้งละมุนละไม และเปี่ยมในบรรยากาศ สมบูรณ์แบบจริงๆ ครับ “G2s2”  นั้นให้ทั้งความหนักแน่น เรี่ยวแรงกระแทกกระทั้น และพลังแรงกระทบ-ปะทะ รวมทั้งไดนามิก ได้ฟังแล้วรู้สึกคึกคัก กระฉับกระเฉง แม้ว่าเสียงเบสของ “G2s2” จะมิได้ถึงขนาดถึงขั้นอัดดันตับไตหัวใจไส้พุงของคุณจนรู้สึกจุกอก แต่ก็ให้ความลึกได้ดื่มด่ำ ทิ้งทอดตัวลงไปได้ลึกอย่างน่าทึ่ง พร้อมด้วยจังหวะจะโคนอันแม่นยำ ให้การเก็บตัวที่ดี ไม่มีอาการรุ่มร่ามที่ฟังดูเป็นเบสหนาๆ กลวงๆ ลวงหูแม้แต่น้อยนิด

            จากการรับฟังแผ่น Getz / Gilberto (Verve : V6-8545) สุ้มเสียงของ Joao Gilberto นั้นช่างมีมวลกลมมน ให้ความสมจริงของเสียงมนุษย์ที่เปล่งจากลำคอ ในขณะที่น้ำเสียงของ Astrud Gilberto ก็ช่างหวานใส เปี่ยมเสน่ห์น่ารักน่าฟัง ส่วนเสียงแซกโซโฟนจากการเป่าของ Stan Getz นั้นเล่าก็ช่างละมุนละไม ให้ความความเคลิบเคลิ้มในลีลาชวนติดตาม

            และจากแผ่น Asian Roots (Take’Dake’ with Neptune) โดยศิลปินอเมริกันผู้หลงใหลในขลุ่ยญี่ปุ่น “John Kaizan Neptune” ก็รับฟังสำเนียงเสียง หวานใส เยือกเย็นของขลุ่ยญี่ปุ่น ‘Shakuhachi’ จากการเป่าของ Neptune ด้วยความเป็นตัวเป็นตน มีมวลมีน้ำหนักเสียง ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมที่ไหลรั่วออกมาจากรูขลุ่ยได้รายละเอียดซะใจมาก รวมถึงเสียงเบสต่ำๆ ที่ชัดเจนเป็นตัวๆ จากสารพันเครื่องดนตรีที่ใช้ไม้ไผ่เป็นตัวกำเนิดเสียง และกระทั่งเสียงเคาะเพอร์คัสชันผุดโผล่ขึ้นมาตรงนั้นตรงนี้ก็อย่างทันทีทันใด ฉับไวมาก

นอกจากนี้ยังได้รับรู้ถึงตำแหน่งแห่งที่ของเสียงจากชิ้นดนตรีต่างๆ อย่างกระจ่างชัดในวงเวทีเสียงอันกว้างขวาง รวมทั้งมวลบรรยากาศเสียงในห้องบันทึกเสียง

            เมื่อรับฟังจากแผ่น Teresa Teng Concert Live (Taurus Records : 32TX-1030) “G2s2” ส่งมอบความกลมกล่อม นวลเนียน ละเมียดละไมในเสียงร้องของเติ้ง ลี่ จวิ้น และแจ่มชัดในทุกอักขระการออกเสียง รวมทั้งสมรรถนะในการถ่ายทอด-บ่งบอกจินตภาพและสภาพเวทีเสียงที่ดูจะมีความโดดเด่นได้เป็นพิเศษ

สามารถให้การรับรู้ถึงสภาพเสียงที่นอกจากจะแผ่กว้าง – จนสามารถสร้างความรู้สึกโอบล้อมของบรรยากาศเสียงแล้ว ยังถอยลึกเข้าไปหลังตำแหน่งตั้งวางระบบลำโพงเป็นปริมณฑลเสียงอยู่หลังตำแหน่งตั้งวางลำโพง สามารถจำแนกแยกแยะแถวชั้นของตำแหน่งชิ้นดนตรีได้อย่างมีอาณาบริเวณเป็นอิสระ ปราศจากการเบียดบัง กลบซ้อนทับกัน ทั้งยังไล่ระดับความสูง/ความเตี้ยของสรรพเสียงได้อย่างสมจริง พร้อมด้วยมวลอากาศรายรอบของสภาพบรรยากาศเสียง

            “G2s2” ให้พลัง-ความฉับพลัน สดสว่าง กระจ่างชัด รวมทั้งน้ำหนักเสียงทุกๆ เสียงของเครื่องเคาะจังหวะ (Percussions) ยามที่ถูกเคาะ แม้จะเพียงแค่แผ่วเบา พร้อมด้วยความกังวานติดตามมาในช่วงปลายหางเสียงอย่างสมจริง จากแผ่น The Kroumata Percussion Ensemble (BIS : CD-232) ที่เป็นการบันทึกเสียงสารพัดเครื่องเคาะจังหวะ ทั้งกลองเล็ก-กลองใหญ่ ฆ้องไทย-ฆ้องยักษ์ รวมถึงระนาดฝรั่ง ที่บรรเลงแบบโชว์ไดนามิกเสียงไว้อย่างสะใจ

เฉกเช่นเดียวกับในเพลง Club De Sol อันสุดแสนจะไพเราะจับใจในท่วงทำนอง จากแผ่น Chesky Records Jazz Sampler & Audiophile Test Vol.1 ที่ให้ปลายเสียงสูงของการเขย่าแทรมโบ ลีนอันใสปิ๊ง รวมทั้งเสียงกลองที่ให้น้ำหนักอย่างไร้ซึ่งความขุ่นมัว

            จากแผ่น The All Star Percussion Ensemble (Golden String : GSCD 005) “G2s2” บ่งบอกได้ถึงทรานเชียนต์และทิมเบอะ (Timbre) ของเสียงดนตรีเครื่องเคาะแต่ละชิ้นแต่ละประเภทออกมาให้ได้รับรู้อย่างแม่นยำ รวมทั้งสภาพบรรยากาศของโถงบันทึกเสียงก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาให้เราสัมผัสรับรู้ถึงมวลอากาศที่โอบล้อมตัวเราอย่างสมจริงด้วยเช่นกัน

ยามที่สารพัดเพอร์คัสชันกว่าร้อยชิ้นบรรเลงประสานกัน ก็รับฟังได้ยิ่งใหญ่อลังการ ความกว้างใหญ่มโหฬารของวงเพอร์คัสชันกว่าร้อยชิ้นถูกถ่ายทอดออกมาจนล้นเลยผนังห้องด้านข้าง และทะลุเลยผนังหลังห้องออกไปไกล ในขณะที่มิติความสูงนั้นบ่งบอกออกมาได้เยี่ยมยอดมาก

            ปิดท้ายด้วยการรับฟังจากแผ่น“CANTATE DOMINO” (PROPRIUS : PRCD 7762) ที่ “G2s2” สามารถแจกแจงรายละเอียดออกมาอย่างน่าตะลึงงัน พร้อมด้วยเสียงทุ้มที่ทอดตัวลงไปลึกถึงก้นบึ้ง พร้อมด้วยแรงสั่นไหวของมวลอากาศเป็นระลอก กระทั่งเสียงออร์แกนท่อที่ราวกับได้พ่นเป็นลมเป็นมวลอากาศออกมาให้รับรู้ เมื่อถึงคราเป็นเพลงร้อง เสียงนั้นก็กระจายไม่กระจุกตัว รับรู้ได้ถึงตำแหน่งแห่งที่ พร้อมด้วย “ความสูง” ของเสียงนั้นๆ ที่ลอยตัวอยู่เหนือลำโพงขึ้นไปชัดเจน พร้อมด้วยสภาพบรรยากาศเสียงภายในโถงของโบสถ์ที่ใช้บันทึกเสียงนั้น …ช่างอบอวลจริงๆ ครับ

สรุปส่งท้าย

            ขอใช้คำว่า “G2s2” นั้นเป็นลำโพงประเภทตัวจริงเสียงจริง ที่ให้ได้ทั้งความอิ่มเอิบ ความฉ่ำชุ่ม ละมุนละไม รวมทั้งความฉับไว และเปี่ยมในการบ่งบอกสภาพแวดล้อมของเสียง สมบูรณ์แบบจริงๆ ครับ ส่งมอบทั้งความกลมกล่อม นวลเนียน ละเมียดละไมของสรรพเสียง เฉกเช่นเดียวกับสมรรถนะในการส่งมอบไดมามิกและรายละเอียดเสียงในระดับระยิบระยับ รวมทั้งคุณจะยังคงรับรู้ได้ในความกระชับกระฉับกระเฉง ปรู๊ดปร๊าดในไดนามิกเสียง

ได้ฟัง “G2s2” แล้วจะรู้สึกรุกเร้า-คึกคักในอารมณ์ พร้อมด้วยจังหวะจะโคนอันแม่นยำ ให้การเก็บตัวที่ดี ไม่มีอาการเบสรุ่มร่าม หรือเบสกลวงๆ ลวงหูแม้แต่น้อยนิด แม้ว่าเสียงเบสของ “G2s2” จะมิได้ถึงขนาดถึงขั้นอัดดันตับไตหัวใจไส้พุงของคุณจนรู้สึกจุกอก แต่ก็ให้ความลึกล้ำของเบสได้ดื่มด่ำอย่างน่าพึงพอใจ

            “ขอยกนิ้วสองหัวแม่โป้ง” (Two Thumbs Up !) ให้เลยครับสำหรับความเยี่ยมยอดของ “G2s2” ทั้งในด้านความกลมกล่อม นวลเนียน ละเมียดละไมของสรรพเสียง รวมถึงสมรรถนะการถ่ายทอด-บ่งบอกจินตภาพและสภาพเวทีเสียงที่ดูจะมีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษ เฉกเช่นเดียวกับสมรรถนะในการส่งมอบไดนามิกเสียง ในขณะเดียวกัน “G2s2” ก็ให้ลักษณะเสียงอันละเมียดละไม เอิบอิ่ม ฟังสบาย-ผ่อนคลาย ให้ความความเพลิดเพลินใจ ฟังได้ยาวนานติดต่อกัน …ได้ฟัง “G2s2” แล้วคุณก็จักได้พบกับความสุขในขณะที่ได้รับฟังเพลง ….แน่นอนครับ

            เป็นอีกครั้งที่ผมอยากจะบอกทิ้งท้ายไว้ว่า “G2s2” น่าจะได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ฟังที่เน้นการรับฟังแบบ “พินิจพิเคราะห์” หรือ ชื่นชอบในการฟังแบบจับโน่นจับนี่จับนั่นอย่างเป็นพิเศษอยู่สักหน่อย แต่ในขณะเดียวกันการที่มีลักษณะเสียงอันละเมียดละไม เอิบอิ่ม ฟังสบาย-ผ่อนคลาย ก็ให้ความความเพลิดเพลินใจ ฟังได้ยาวนานติดต่อกัน ซึ่งน่าจะลงตัวกับกลุ่มผู้ฟังแบบ “เอาเพลิน” หรือ เสพสุขจากห้วงอารมณ์ดนตรีด้วยเช่นกัน …ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเล่นประเภทไหน คุณก็จักได้พบกับความสุขในขณะที่ได้รับฟังเพลง ….แน่นอนครับ

หมายเหตุ : ตำแหน่งตั้งวาง Vivid Audio “G2s2” ห่างจากผนังหลังลำโพงประมาณ 1.25 ม. และห่างจากตำแหน่งนั่งฟังประมาณ 3.5 ม. ส่วน Vivid Audio “G2s2” แต่ละข้างวางห่างกัน 2.5 ม. โดยประมาณ      (โท-อินเข้าหากันเล็กน้อยประมาณ 2-3 องศา)

อุปกรณ์ร่วมใช้งาน :- เครื่องเล่นซีดี Meridian 208; ปรีแอมป์ Classe’ CP-800 mk2; เพาเวอร์แอมป์ CHORD SPM-5000; สายสัญญาณ Oyaide Tunami; สายลำโพง CHORD Company; สายไฟเข้าเครื่อง Oyaide (เสียบต่อผ่านปลั๊กรางของ Tombo Audio) 

ขอขอบคุณ Sound Solution โทร.02 102 2188 ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการรับฟัง Vivid Audio “G2s2” ในครั้งนี้