What HI-FI? Thailand

รีวิว FYNE AUDIO Classic XII & Vintage Twelve

Mongkol Oumroengsri

ครั้งนี้ขออนุญาตนำ “ผลการรับฟัง” มาสาธยายกันให้ทราบกัน ก่อนเนื้อหาใจความบทนำ เนื่องเพราะเป็นการรับฟังเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างลำโพง 2 รุ่น ใหม่ล่าสุดจาก Fyne Audio ซึ่งรุ่นหนึ่งจัดอยู่ในตระกูล Vintage Classic Series นั่นคือ “Vintage Classic XII” กับอีกรุ่นหนึ่งที่จัดอยู่ในตระกูล Vintage Series นั่นคือ “Vintage Twelve” โดยที่เป็นการเดินทางมาฟังเทสต์นอกสถานที่ ณ โชว์รูมของ Audio Force ณ CDC ซึ่งการรับฟัง Vintage Classic XII & Vintage Twelveในครั้งนี้ ได้สร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจ – แตกต่างจากลำโพงรุ่นปกติของ Fyne Audio ที่เคยรับฟังมาก่อนหน้านี้

จากการรับฟัง “Vintage Twelve” ทำให้การรับฟังเพลงและดนตรีรับรู้ได้ถึงสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่จริงในสื่อบันทึก รายละเอียดเสียงสารพัดพรั่งพรูออกมาอย่างจะแจ้ง สำแดงศักยภาพความเป็น 3 มิติครบถ้วนทั้งความแผ่กว้าง-ความสูง และความลึกในสภาพซาวด์สเตจ ที่ทะลุเลยผนังห้องออกไป พร้อมทั้งไดนามิกเสียงอันฉับไว ให้ความกระชับกระฉับกระเฉงในท่วงท่า-จังหวะจะโคนของดนตรีเสียงเบสที่เปี่ยมในพละกำลัง ควบคุมตัวได้ดี และยังทิ้งทอดตัวลงไปได้ลึกล้ำเต็มที่

ในขณะที่ “Vintage Classic XII” ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่า ‘ต่อยอด’ มาจากลำโพงรุ่นใหญ่ของ Tannoy ในยุคเก่าก่อน ผสานร่วมกับระบบตัวตู้แบบ bass reflex ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ภายใต้โครงสร้างและรูปทรงตัวตู้แบบ retro ที่มีหน้ากว้างมากกว่าด้านลึก จึงให้เนื้อเสียงที่เข้มข้น อิ่มใหญ่ เปี่ยมในเรี่ยวแรงกระแทกกระทั้น ให้ความรวดเร็วและแม่นยำในช่วงจังหวะเวลา ท่วงทำนองดนตรีจึงแน่นปึ๊ก รวมถึงบรรยากาศ หรือ atmosphere อันอบอวล

จริงๆ แล้วเป็นการยากที่จะพูดคุยเกี่ยวกับ Fyne Audio โดยไม่พูดถึง Tannoy นั่นเพราะว่า ในปี 2017 ผู้บริหารระดับสูง อันได้แก่ Gabriel O’Donohue – ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ, Stuart Wilkinson – ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ Dr. Paul Mills – ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบและวิศวกรรมได้พากันลาออกจาก Tannoy พร้อมกับคนอื่นๆ แม้ว่าผู้ที่คลั่งไคล้เครื่องเสียงไฮไฟทุกคนจะไม่ได้ใส่ใจกับโดยที่ Dr. Paul Mills ได้ทำการจัดเรียงองค์กรใหม่เป็น Fyne Audio ดังนั้นสิ่งสำคัญในความเป็น Fyne Audio ก็คือ DNA ของการออกแบบบางส่วนที่ยังคงผูกพันกับการออกแบบไดรเวอร์ Dual Concentric ของ Tannoy โดยเฉพาะรุ่นใหญ่ๆ อย่างเช่น ‘Prestige Gold Reference’ ที่ Dr. Paul Mills มีส่วนสำคัญ

ซึ่งทั้ง Vintage Classic XII และ Vintage Twelve ล้วนจัดเป็นรุ่นลำโพงระดับสูงของ Fyne Audio ที่มีหลายส่วนได้รับการต่อยอดและพัฒนาให้รุดล้ำนำหน้ายิ่งกว่าเมื่อครั้งที่ Dr. Paul Mills ยังคงร่วมงานอยู่กับ Tannoy ซึ่งอาจจะมีบางอย่างที่ติดขัด หรือ ทำอะไรได้ไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังจะให้เป็น ดังนั้นเมื่อมาก่อตั้ง Fyne Audio เป็นของตัวเอง จึงมั่นใจได้ว่า Dr. Paul Mills จะทำให้ Fyne Audio นั้นแตกต่าง และสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเมื่อครั้งเก่าก่อน

ซึ่งในด้านเสียงร้อง (vocal) ไม่ว่าชายหรือหญิงนั้น ทั้ง “Vintage Classic XII” และ “Vintage Twelve” ล้วนส่งมอบเสียงที่ฟังดูอิ่มเอิบมีชีวิตชีวา ราวกับว่ากำลังปรากฏกายอยู่ท่ามกลางเสียงเพลงและดนตรีที่กำลังรับฟัง แสดงถึงศักยภาพทางด้านเสียงกลางได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ช่วงความถี่เสียงสูงนั้นก็ไม่ขึ้นขอบแข็งกร้าว หรือจัดจ้า โดยเฉพาะ “Vintage Twelve” จะสามารถให้ความแจ่มชัด และสดสว่าง ควบคู่ด้วยความสะอาดสะอ้านของเสียง จนขอบอกว่า รู้สึกทึ่งมาก ด้วยว่าสามารถจับเสียงดนตรีโน่น-นี่-นั้นได้ถนัดหูราวกับมองเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยทีเดียว

คุณจะรับรู้ได้ถึงสเกลเสียงอันสมจริง ไม่ใหญ่-ไม่เล็กผิดไปจากสภาพอันเป็นจริงอย่างที่เรา-ท่านเคยได้ฟังในธรรมชาติ ด้วยขนาดเวทีเสียงที่แผ่กว้างเลยตำแหน่งตั้งวางลำโพงซ้าย-ขวาออกมาข้างละร่วมเมตร ซึ่งถ้าลองฟังกับแนวดนตรีแสดงสด คุณจะรู้สึกราวกับเข้าไปอยู่ท่ามกลางสภาพเสียงในเหตุการณ์จริง ณ ขณะนั้นเลยทีเดียวเชียวละ “Vintage Twelve” ให้รายละเอียดเสียงต่างๆ ได้อย่างระยิบระยับ เสียงที่เคยฟังแล้วไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอะไร ก็เคลียร์ละครับคราวนี้ ควบคู่ด้วยไดนามิกเสียงอันน่าทึ่ง ไม่รู้สึกถึงการหน่วงรั้งโสตประสาท ทั้งยังให้ความสะอาดสดใส แจ่มชัดในเสียงร้อง และช่วงย่านเสียงสูงที่เปิดโปร่ง ราบเรียบระรื่นอย่างน่าตราตรึงใจ…นี่ยิ่งทำให้การรับฟัง “Vintage Twelve” มีความเพลิดเพลินจำเริญใจ ยิ่งอยากนำเพลงนั้นเพลงนี้มาเปิดฟัง เพื่อดูซิว่า จะได้ยินเสียงอะไรมากขึ้นกว่าที่คุ้นชิน…

โดยทั่วไปนั้น ระบบลำโพงแบบตู้เปิด (bass reflex) มักจะมีเสียงจำเพาะของตัวเอง อันเนื่องมาจากเสียงลมที่เคลื่อนตัวผ่านบริเวณปากท่อเปิด (port) แต่สำหรับ “Vintage Classic XII” และ “Vintage Twelve” นั้นได้รับการพัฒนาจาก Dr. Paul Mills ให้มีรูปแบบตัวตู้ที่เรียกว่า BassTrax ทำให้ได้มาซึ่งช่วงย่านความถี่เสียงต่ำล้ำลึก โดยไม่รู้สึกถึงความขุ่นมัว หรือว่าอับทึบ สามารถส่งมอบเสียงต่ำที่สด สะอาด กระชับ ฉับไว ไม่แช่มช้า เอื่อยเนือยเลยแม้แต่น้อย ควบคู่ด้วยแรงกระแทกกระทั้นอันแน่นปึ๊ก

Dr. Paul Mills นำเอาระบบตัวตู้แบบ ‘ตู้เปิด’ มาใช้ แล้วทำการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นจนถือเป็นแนวทางของตัวเองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ จนสามารถจดสิทธิบัตรภายใต้ชื่อ BassTrax ส่งผลลัพธ์ทำให้ได้มาซึ่งความถี่เสียงต่ำอันลึกล้ำ และฉับไว โดยที่ ‘BassTrax’ นั้นจะมีความซับซ้อนยิ่งกว่าตัวตู้แบบ ‘ตู้เปิด’ ทั่วไป ด้วยการกระจายความถี่ต่ำออกโดยรอบตัวตู้จากช่องระบายอากาศทั้งสี่ด้านตามแนวนอนของตัวตู้ ทำให้คลื่นเสียงความถี่ต่ำกลายเป็นคลื่น 360 องศา มิใช่ว่ายิงเสียงออกเฉพาะด้านหน้า หรือ ด้านหลังตัวตู้อย่างที่เป็นอยู่กับตัวตู้แบบ ตู้เปิดธรรมดาทั่วไป

…นี่แหละคือความลับที่ทำให้ทั้ง “Vintage Classic XII” และ “Vintage Twelve” นั้นสามารถตอบสนองความถี่ต่ำลงไปได้ลึกถึง 25 เฮิรตซ์ โดยยังคงไว้ซึ่งความสดสะอาด-กระจ่างชัด รวมทั้งการจำแนกแยกแยะจังหวะจะโคนเสียงเบสอันแม่นยำ สามารถจับจังหวะท่วงทีของท่วงทำนอง หนังหน้ากลองกระเดื่องตึงแน่น ให้แรงกระทบปะทะที่รับรู้ได้ บ่งบอก “ระลอก” ของคลื่นเสียงหนังหน้ากลองใหญ่ที่กำลังสั่นกระพือ แยกแยะออกมาจากเสียงทุ้มที่ระรัวเป็นจังหวะของกลองไฟฟ้าได้แจ่มชัด พร้อมด้วยความหนักแน่นของเสียงที่ไม่อัดอั้น เปี่ยมในน้ำหนักของเสียงเบสอันรุกเร้าใจ

แต่หากจะเปรียบเทียบกัน ช่วงย่านความถี่เสียงต่ำที่รับฟังได้จาก “Vintage Classic XII” นั้น ทรงพลัง – หนักแน่นกว่า “Vintage Twelve” อยู่บ้าง แต่ไม่อวบอ้วน อุ้ยอ้าย และยืดขยายลงไปได้ลึกล้ำ โดยยังให้ความฉับไวและแม่นยำในจังหวะจะโคนได้ไม่แพ้ “Vintage Twelve” ซึ่ง “Vintage Classic XII” นั้น จะสร้างความน่าประทับใจในด้านความลึกของเสียงต่ำอันดื่มด่ำ ทิ้งทอดตัวลงไปได้ลึกล้ำอย่างน่าทึ่ง พร้อมด้วยน้ำหนักเสียงที่ให้ทั้งความอิ่มฉ่ำ ละมุนละไม ครบเครื่องทั้งความหนักแน่น ฉับไว “Vintage Classic XII” สามารถส่งมอบลักษณะเสียงที่ปลดปล่อย และเปิดโปร่ง รวมทั้งไดนามิกเสียงอันฉับพลัน ไหลลื่น กระจ่างชัดได้ฟังแล้วรู้สึกคึกคัก กระฉับกระเฉง และจังหวะจะโคนอันแม่นยำ

ซึ่งทั้ง “Vintage Classic XII” และ “Vintage Twelve” สามารถให้ช่วงย่านความถี่เสียงสูงอันพละพลิ้ว ลอยตัว เต็มเปี่ยมในความมีชีวิตชีวา และทิ้งทอดตัวได้ยาวไกลในขณะที่หางเสียงสูงๆอย่างฉิ่ง-ฉาบ-เหล็กสามเหลี่ยมก็เปี่ยมในความกังวาน-ยาวไกลไปสุดตัว และยังบ่งบอกเสียงลมพ่น-กัดหูน้อยๆของเครื่องดนตรีประเภท brass และเสียงลมเป่า-เป็นละอองของเครื่องดนตรีประเภท woodwind ได้เป็นธรรมชาติ สมจริงมาก

กล่าวโดยรวม ทั้ง “Vintage Classic XII” และ “Vintage Twelve” ล้วนให้เสียงที่สมดุล กลมกล่อม ควบคู่ความโปร่งกระจ่าง สดใสดีมากๆ ทว่าไร้ซึ่งความจัดจ้า บ่งบอกถึงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างจะแจ้ง จริงจังอย่างชนิดไม่มีความกังขาใดๆ รวมถึงเสียงเบสที่น่าประหลาดใจ อันเป็นผลมาจากบทบาทสำคัญในการออกแบบด้วยแนวคิดย้อนยุค บวกกับเทคโนโลยีทันสมัย ส่งผลให้ “Vintage Classic XII” และ “Vintage Twelve” มีความลงตัว ทั้งในแง่ความสวยงาม ดูหรูหราอลังการ และคุณลักษณ์ทางเสียงที่เปี่ยมในคุณภาพ

ซึ่งหากจะว่าไป ในความเป็น Vintage Series ของ “Vintage Twelve” น่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบรูปทรงตัวตู้ลำโพงที่สัมผัสได้ถึงการย้อนยุค (retro design) แต่หากว่ากันในเรื่องของคุณลักษณ์ทางเสียงที่รับฟัง “Vintage Twelve” จะไปในทางโชว์ศักยภาพความลำโพงไฮ-เทคโนโลยีที่ให้คุณภาพเสียงตามแบบฉบับยุคใหม่มีความเป็นสมัยนิยมให้ได้รับรู้

ความเป็น Vintage Classic Series และ Vintage Series ของ Fyne Audio

Fyne Audio ใช้สโลแกน Back in the day never sounded so good ซึ่งแปลความได้ทำนองว่า ย้อนกลับไปในวันนั้น ซึ่งสุ้มเสียงยังไม่เคยดีนัก – เพื่อบ่งบอกแนวคิดในการสรรค์สร้างความเป็น Vintage Classic Series และ Vintage Series ขึ้นด้วยการพัฒนาและต่อยอดสิ่งที่เคยเป็นจากครั้งอดีต ซึ่งอาจจะยังไม่สมบูรณ์นักให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์ในยุคปัจจุบัน

Reimagine The 70s

เชื่อว่า เรา-ท่านยังคงจดจำลำโพงคลาสสิกต่างๆ จากช่วงปี 1970 กันได้ใช่ไหม …ยุคที่ตัวตู้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยในขณะนั้น เพื่อทำให้ผู้ฟังรักได้ใกล้ชิดกับเสียงเพลงมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา สำหรับ Fyne Audio นั้นมีประวัติสืบค้นประสบการณ์ที่สร้างชื่อลือเลื่อง ฝากไว้ในวงการในด้านการออกแบบระบบลำโพงรุ่นดังหลายต่อหลายรุ่นในช่วงยุค’70 ด้วยฝีมือของ Dr. Paul Mills ซึ่งเคยทำงานร่วมกับ Tannoy มากว่า 40 ปี ก่อนที่จะมาเป็นผู้ก่อตั้ง Fyne Audio ในปี 2017

Retro Meets Modern

Dr. Paul Mills ได้ทุ่มเทการออกแบบระบบลำโพงตระกูล Vintage Series และ Vintage Classic Series ของ Fyne Audio ด้วยแนวคิดเป็นเวลาหลายปี ในการพลิกโฉมการออกแบบลำโพงที่ผสมผสานระหว่างสุนทรียศาสตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคเรโทร เข้ากับการพัฒนาล่าสุดในด้านการออกแบบเสียงและวิศวกรรมลำโพง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ลำโพงในสมัยก่อนนั้น ไม่เคยได้เสียงดีเยี่ยงนี้มาก่อน…

The designer

Dr. Paul Mills นับเป็นผู้นำด้านการออกแบบลำโพงมานานหลายทศวรรษ และกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอุตสาหกรรมไฮ-ไฟนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ได้นำไปสู่การสรรค์สร้าง Vintage Series ที่เป็นระดับพรีเมี่ยม และ Vintage Classic Series ที่มีราคาจับต้องได้ จากการผสมผสานระหว่างมรดกทางความคิด, ประสบการณ์ และความรู้ด้านวิศวกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขา รวมเข้ากับการออกแบบที่ไร้ซึ่งการประนีประนอมใดๆ (no-compromise designs) ในการส่งมอบประสบการณ์ทางดนตรีที่น่าดึงดูดใจที่สุดในยุคปัจจุบัน

HANDCRAFTED IN THE UK

ทั้ง Vintage Series และ Vintage Classic Series ล้วนเป็นงานฝีมือในสหราชอาณาจักร สร้างขึ้นอย่างประณีตด้วยมือในเมือง Glasgow สก็อตแลนด์ จากแผ่นไม้อัดไม้จริง (real wood veneers) อันสวยงามเหนือกาลเวลา ซึ่งแต่ละรุ่นรวมเอาเทคโนโลยีล่าสุดของ Fyne Audio อันโดดเด่นด้วย IsoFlare point source drivers ร่วมกับ FyneFlute roll surround และ BassTrax 360 degree bass porting รวมถึงปุ่มปรับ Presence Control ควบคุมช่วงย่านความถี่เสียงกลางโดยเฉพาะที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ Vintage Series และ Vintage Classic Series

ทั้งนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์ ‘Vintage range’ จะมี 7 รุ่นด้วยกัน ซึ่งเพิ่งทยอยเปิดตัวในเดือนกันยายน/ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา โดยจะแบ่งออกเป็น 2 สไตล์ที่แตกต่างกัน:- Vintage และ Vintage Classic ซึ่งทุกรุ่นผสมผสานงานฝีมือแบบฉบับอังกฤษดั้งเดิม เข้ากับประสิทธิภาพทางเสียงร่วมสมัยได้อย่างลงตัว…

Fyne Audio – Vintage Series

Vintage Series เป็นผลงานการออกแบบลำโพงที่ ‘ไร้ซึ่งการประนีประนอมใดๆ’ ของ Dr. Paul Mills จึงนับเป็นระบบลำโพงระดับรุ่นพรีเมี่ยม ที่พร้อมส่งมอบประสิทธิภาพทางดนตรีที่โดดเด่น ภายใต้การออกแบบภาพอันน่าทึ่ง ซึ่งจะมีอยู่ 3 รุ่นด้วยกัน แตกต่างกันที่ขนาดตัวขับเสียงแบบ IsoFlare drive units ที่ตัวกรวยนั้นเป็นแบบ stiff multifibre พร้อมด้วยขอบเซอร์ราวด์ยึดตัวกรวยลำโพงแบบ FyneFlute roll surround ซึ่งนับเป็นไดรเวอร์ระดับเรือธงของ Fyne Audio มี 3 ขนาดให้เลือก 10 นิ้ว (250 มม.), 12 นิ้ว (300 มม.) และรุ่น 15 นิ้ว (380 มม.) โดยที่ตัวขับเสียงเหล่านี้ ได้รับการจับคู่ร่วมกับทวีตเตอร์แบบ titanium dome compression tweeter ขนาด 75 มม. ที่ขับเคลื่อนโดยระบบแม่เหล็กนีโอไดเมียม (neodymium magnet system) ทำงานร่วมกับวงจรครอสโอเวอร์แบบฉบับวินเทจ ที่ใช้ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีค่าสเป็คสูงล่าสุด ดีที่สุดในโลก ทั้งยังสร้างขึ้นด้วยมือ (hand built) ด้วยการเดินสาย Matched Crystal OFC ที่ชุบเคลือบเงิน (silver-plated) อย่างดี บนแผงไฟเบอร์บอร์ดลดแรงสั่นสะเทือน และยังผ่านกระบวนการ Deep Cryogenically Treated เพื่อปรับปรุงความสมบูรณ์ของการส่งผ่านสัญญาณให้ดียิ่งขึ้น

ตัวตู้ทำพิเศษและตกแต่ง-ทำสีด้วยมือล้วนๆ สร้างขึ้นจากไม้อัดแบบ plywood ด้วยไม้เบิร์ช (birch) ขึ้นรูปเป็นตัวตู้แบบ twin cavity enclosures ขนาดใหญ่ คำนวณส่วนโค้งทางหลักคณิตศาสตร์ เพื่อลดคลื่นสั่นค้าง (standing waves) ภายในตัวตู้ที่อาจทำให้การเจือเกิดสีสัน พร้อมทั้งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางกล ส่วนของตัวตู้ด้านล่าง (lower cavity) ติดตั้งท่อเปิด (ported) ที่ออกแบบพิเศษ “BassTrax porting system” ซึ่งจะทำการแผ่นกระจายคลื่นเสียงความถี่ต่ำออกไปโดยรอบตัวตู้ โดยที่คลื่นพลังงานความถี่ต่ำจะถูกยิงลงไปที่กรวยกระจายเสียง (diffuser cone) แบบ tractrix – 360 องศา

ตัวตู้สไตล์วินเทจนี้ได้รับการหุ้มด้วย Walnut veneers ซึ่งจะได้รับการตกแต่งรายละเอียดด้วยแผ่นโลหะชุบอะโนไดซ์สีทองสวยงาม พร้อมปุ่มหมุน Presence Control แบบแอนาล็อกด้วยการควบคุม +/- 3dB ติดตั้งด้านหน้าตัวตู้ เพื่อให้ผู้ฟังสามารถปรับช่วงย่านเสียงกลางได้อย่างละเอียด และให้ความรู้สึกระดับพรีเมียมในการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีปุ่มหมุน HF Energy แบบแอนาล็อกเช่นกันควบคุมช่วงย่านความถี่ 2.5kHz- 5kHz โดยไม่กระทบต่อความสมดุลเสียงโดยรวม ติดตั้งอยู่ที่แผงหลังตัวตู้ สำหรับควบคุมพลังงานเสียงในช่วงย่านความถี่เสียงสูง ที่ละเอียดอ่อนในแต่ละส่วน การควบคุมพลังงาน HF จะกำหนดระดับของทวีตเตอร์ ในขณะที่ Presence อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งพื้นที่วิกฤต

“Vintage Twelve” specification:-

System Type2 way, downwards firing port, with BassTrax Tractrix diffuser
Recommended amplifier power (Watt RMS)20 – 350
Peak power handling (Watt)700
Continuous power handling (Watt RMS)175
Sensitivity (2.83 Volt @ 1m)96dB
Nominal impedance8 Ohm
Frequency response (-6dB typical in room)24Hz- 26kHz
Drive unit complement1 x 300mm IsoFlare point source driver, multi-fibre bass / midrange cone, with 75mm titanium alloy dome compression tweeter, neodymium magnet system
Crossover frequency750Hz
Crossover typeBi-wired passive low loss, 2nd order low pass, 2nd order high pass, Deep Cryogenically Treated
System adjustmentsHigh frequency energy (750Hz – 26kHz) +/- 3dB Presence (2.5kHz – 5.0kHz) +/- 3dB
Dimensions – HxWxD1102 x 572 x 591mm (43.4 x 22.5 x 23.3″)
Weight – Each77.1kg
FinishesWalnut
Cabinet ConstructionBirch ply with oiled walnut and solid walnut trim, extensive internal bracing

Fyne Audio – Vintage Classic Series

Vintage Classic Series นับเป็นลำโพงระดับราคาจับต้องได้ (affordable priced) ที่ใช้รูปทรงตัวตู้สี่เหลี่ยมแบบดั้งเดิม ที่ด้านกว้างมากกว่าด้านลึก ปะผิวทำสีด้วย walnut real wood veneer และแผงหน้าสีดำ (black baffle) เลียนแบบลำโพงของทศวรรษที่ 1960 และ 70 หัวใจของรุ่น Vintage Classic Series คือ ตัวขับเสียงแบบ IsoFlare drive units ที่ตัวกรวยนั้นเป็นแบบ stiff multifibre พร้อมด้วยขอบเซอร์ราวด์ยึดตัวกรวยลำโพงแบบ FyneFlute โดยมี 3 ขนาดให้เลือก 8 นิ้ว (200 มม.), 10inนิ้ว (250 มม.) และ 12 นิ้ว (300 มม.) และรุ่น 15 นิ้ว (380 มม.) ครอบคลุมภายใต้ผลิตภัณฑ์ 4 รุ่นด้วยกันได้แก่ แบบตั้งวางบนขาตั้ง (stand mount) 1 รุ่น และแบบตั้งพื้น (floorstanding) 3 รุ่น โดยที่ตัวขับเสียงเหล่านี้ ได้รับการจับคู่ร่วมกับทวีตเตอร์แบบ titanium dome compression tweeter ขนาด 75 มม. (แต่สำหรับตัวขับเสียงแบบ IsoFlare drive units ขนาด 8 นิ้ว ทวีตเตอร์ที่ใช้จะเป็นแบบ 25mm magnesium dome) ที่ขับเคลื่อนโดยระบบแม่เหล็กเฟอร์ไรต์ (ferrite magnet system) เพื่อให้ได้มาซึ่งตัวขับเสียงแบบ point source design ที่แท้จริง

ทั้งสี่รุ่นนี้ จะมีระบบ “BassTrax porting system” แผ่กระจายคลื่นเสียงความถี่ต่ำแบบ 360 องศา ที่ได้รับการปรับจูนอย่างดีเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดจากรูปทรงตัวตู้แบบดั้งเดิม พร้อมด้วยปุ่มควบคุมแบบแอนาล็อกที่เรียบง่าย สำหรับการปรับตั้ง Presence Control และ HF Energy ได้อย่างละเอียดเฉกเช่นเดียวกับ Vintage Series

Vintage Classic XII specification:-

System Type2 way, downwards firing port, with BassTrax Tractrix diffuser
Recommended amplifier power (Watt RMS)20 – 350
Peak power handling (Watt)700
Continuous power handling (Watt RMS)175
Sensitivity (2.83 Volt @ 1m)96dB
Nominal impedance8 Ohm
Frequency response (-6dB typical in room)25Hz- 26kHz
Drive unit complement1 x 300mm IsoFlare point source driver, multi-fibre bass / midrange cone, with 75mm titanium alloy dome compression tweeter, ferrite magnet system
Crossover frequency750Hz
Crossover typeBi-wired passive low loss, 2nd order low pass, 2nd order high pass
System adjustmentsHigh frequency energy (750Hz – 26kHz) +/- 3dB Presence (2.5kHz – 5.0kHz) +/- 3dB
Dimensions – HxWxD1102 x 572 x 591mm (43.4 x 22.5 x 23.3″)
Weight – Each54.5kg
FinishesWalnut
Cabinet ConstructionHigh density fibreboard, walnut veneered with extensive internal bracing

สรุปส่งท้าย

“Vintage Classic XII” และ “Vintage Twelve” นับเป็นระบบลำโพงที่สามารถสร้างความประทับใจได้อย่างง่ายๆ เมื่อได้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นในด้านน้ำหนัก – ความฉับไว – พลังกระแทกกระทั้น และการตอบสนองความถี่เสียงต่ำที่ทำได้อย่างลึกล้ำ รวมไปถึงความยิ่งใหญ่-อลังการของสุุ้มเสียงที่ส่งมอบออกมา ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยความเอิบอิ่มของน้ำเสียงโดยรวม และรายละเอียดเสียงสอดแทรกต่างๆ ทั้งในช่วงย่านเสียงต่ำ, กลางและสูง ที่ถูกถ่ายทอดอย่างพรั่งพรู บวกกับสมรรถนะอันน่าทึ่ง ในการบ่งบอกตำแหน่งแห่งที่ของสรรพเสียงอันแจ่มชัด รวมถึงการมีตัวตนของเสียงนั้นๆ ในสภาพอิมเมจและซาวด์สเตจอันสมจริง

ขอขอบคุณบริษัท Audio Force จำกัดที่ได้เอื้อเฟื้อลำโพง Fyne Audio: Vintage Classic XII และ Vintage Twelve ให้ฟังทดสอบกันในครั้งนี้


ติดต่อสอบถาม AUDIO FORCE
Hotline : 090-004-2380

Exit mobile version