รีวิว Esprit Audio: Eterna สายลำโพงไฮเอ็นด์จากฝรั่งเศส

0

Mongkol Oumroengsri

Esprit Audio เป็นบริษัทผู้ผลิตทางด้านสายต่างๆ (cables) ของประเทศฝรั่งเศส ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดยนักออกแบบ ‘Richard Cesari’ ซึ่งศึกษาร่ำเรียนมาด้าน electro-mechanics โดยที่ Esprit Audio ยังคงผลิตอย่างสมบูรณ์ทุกกระบวนในฝรั่งเศส และ Cesari จะเป็นผู้ดูแลการผลิตของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

Esprit Audio เสนอคอลเลกชันที่หลากหลายของสายลำโพงและสายสัญญาณ รวมถึงสายไฟเข้าเครื่องในชุดทั้งหมด – 8 ซีรี่ส์ด้วยกัน โดยครอบคลุมไปในทุกระดับราคาที่หลากหลาย ตั้งแต่ Alpha Series ที่มีราคาติดดิน (หลักร้อยดอลล่าร์) ไปสู่ระดับสุดยอดด้วยซีรี่ส์ Eureka ที่เป็น “laboratory standard” ของ Esprit Audio (หลักพันดอลล่าร์) และที่ใหม่ล่าสุดที่เป็นสุดยอดแท้จริงก็คือ GAIA ที่ถือเป็น “REFERENCE” ของ Esprit Audio (หลักหมื่นดอลล่าร์)

Esprit เน้นใช้ตัวนำทองแดงที่มีค่าความบริสุทธิ์สูงมาก นั่นคือ OCC copper (high-purity copper ไม่น้อยกว่าระดับ 5N) ในลักษณะของ multistrand (เป็นสายฝอยขนาดเพียงแค่ 0.07mm) – จำนวนของเส้น (strands) จะมาก-น้อยขึ้นอยู่กับระดับของประสิทธิภาพและราคา ในซีรี่ส์สูงๆ จะใช้สายฝอย multistrand มากถึงเกือบสองพันเส้น จนกระทั่งถึงกว่าหมื่นเส้น เลยทีเดียวในซีรี่ส์ ซึ่งเป็นระดับเรือธง

Esprit นั้นเลือกใช้เฉพาะวัสดุตัวนำเงินและทองแดงเท่านั้น เนื่องเพราะมีคุณลักษณะความต้านทานต่ำ ในขณะที่จะไม่เลือกใช้ทองคำและโรเดียมที่เป็นวัสดุต้านทานสูงในทุกผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากการวิเคราะห์-วิจัยของ Cesari  ทำให้เขาพบว่า ตัวนำที่ดีที่สุดจะมีลักษณะความต้านทานอยู่ที่ 0 μohm / cm โดยที่วัสดุ “เงิน” จะมีค่าความต้านทานอยู่ที่ 1.59 μohm / cm ส่วนวัสดุ “ทองแดง” จะมีค่าความต้านทานอยู่ที่ 1.67 μohm / cm วัสดุเงินและทองแดงจึงเป็นตัวนำที่ Esprit นั้นเลือกใช้ ในขณะที่ทองคำและโรเดียมที่เป็นวัสดุต้านทานสูงมาก (ทอง: 2.35 μohm / cm และโรเดียม: 4.51 μohm / cm) ทองคำและโรเดียมจึงเป็นตัวนำที่ Esprit ไม่ได้เลือกใช้

ทั้งนี้ในส่วนของฉนวนหุ้มตัวนำ Insulation materials นั้น Esprit ระบุว่า สามารถฟังออกถึงบุคลิกเสียง ฉนวนที่ค่อนข้างแข็ง อย่างเช่น High Temperature PVC ก็จะให้เสียงเบสที่มากกว่าเล็กน้อย เสียงแหลมอาจจะลดทอนลงเล็กน้อย แต่จะให้เสียงที่หนักแน่น ในขณะที่วัสดุฉนวนที่อ่อนนุ่มกว่า อย่างเช่น ซิลิโคน จะมีเสียงเบสที่แห้งกว่า ทว่าให้เสียงกลางและเสียงแหลมที่มีรายละเอียดมากขึ้น

ดังนั้น Esprit จึงเลือกที่จะใช้วัสดุฉนวน 2 ชนิดผสานร่วมกัน เพื่อผลลัพธ์ทางเสียงที่ดีทั้งสองด้าน นอกจากนี้การที่มีไฟเลี้ยงรอบฉนวนห่อหุ้ม (dielectric materials) ที่เป็น high voltage DC ในซีรี่ส์สูงๆ นั้น วัตถุประสงค์ก็เพื่อการ Polarization ซึ่งจะช่วยปกป้องความเป็นสายของ Esprit ให้พ้นจากการถูกรบกวนทางคลื่นไฟฟ้าในรูปของ electromagnetic interference หรือ EMI ช่วยให้มีความสงัดเงียบมากยิ่งขึ้น ผู้ฟังจะรับรู้ได้ถึงไดนามิก และดีเทลอันชัดแจ้ง รวมถึง micro-dynamics ที่มากยิ่งขึ้น

ข้อมูลทางเทคนิคบางอย่างสำหรับความเป็น Esprit

1. โครงสร้าง

สายเคเบิล Esprit ทั้งหมดใช้โครงสร้างสมมาตร (symmetrical structure) สำหรับตัวนำ และโครงสร้างอสมมาตร (asymmetrical structure) สำหรับฉนวน:โครงสร้างสมมาตรของวัสดุตัวนำ หมายถึงว่า Esprit จะใช้วัสดุตัวนำที่เหมือนกันสำหรับทั้งสองเฟส (+ และ -) เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสายโคแอกเซียลแล้ว ทำให้ไดนามิกมากขึ้น มีรายละเอียดมากขึ้น และให้ประสิทธิภาพที่สงัดเงียบยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยปรับสมดุลของโทนเสียง (tonal balance) รวมทั้ง timbre อีกด้วย
โครงสร้างอสมมาตรของวัสดุฉนวนหมายถึงว่า Esprit จะหลีกเลี่ยงการสะสมของโหลดไฟฟ้าภายในสายเคเบิล จึงมีการนำวัสดุฉนวนสองแบบที่แตกต่างกันมาใช้ ฉนวนที่เหมือนกันจะให้ค่าโหลดที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าโหลดที่มีลักษณะเดียวกัน เมื่อโหลดเพิ่มขึ้นมักจะส่งผลให้มีเสียงที่ก้าวร้าวมากขึ้น ในขณะที่โครงสร้างที่ไม่สมมาตรของวัสดุฉนวนจะช่วยหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ เพื่อรักษาสมดุลของโทนเสียงของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงลำโพงของคุณ

2. วัสดุตัวนำ

มีความเชื่อผิดๆ มากมายเกี่ยวกับวัสดุตัวนำที่แพร่หลายในหมู่ผู้รักเสียงเพลงตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายในที่นี้ไม่ใช่เพื่อหักล้างความเชื่อ แต่เพื่อสร้างข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับตัวนำ

Esprit ใช้ทองแดง OCC เท่านั้น และเป็นตัวนำโดยตลอดทั้งเส้น ด้วยเงิน และทองแดง OCC นับเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุดในตลาด ตำนานที่เล่าขานกันแพร่หลายมากก็คือ สายเคเบิลวัสดุเงินช่วยเพิ่มส่วนปลายบนของสเปกตรัมเสียง ซึ่งอันที่จริงแล้ว เงินบริสุทธิ์เป็นวัสดุที่ให้เสียงที่นุ่มนวลมาก เหมือนกับเสียงของทองแดง OCC ในขณะเบื้องหลังตำนานล่ำลือนั้นมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าสายเคเบิล ‘เงิน’ ส่วนใหญ่ที่คุณสามารถหาได้ในตลาดนั้นแท้จริงแล้วทำมาจากทองแดงชุบเงิน !!
เดิมทีสายทองแดงชุบเงินไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ด้านเสียง การชุบ (plating) ประกอบด้วยชั้นชุบเคลือบที่บางมาก ใช้กับเทคนิคที่เรียกว่า การชุบแบบแฟลช (flash plating) โดยทั่วไปแล้วจะมีความหนาของการชุบเคลือบอยู่ที่ 0.3 ถึง 0.4µm

ชั้นของเงินนี้ใช้เพื่อทำให้สายฝอยทองแดงทนทานต่อความร้อนมากขึ้นเมื่อปลอกฉนวน PTFE ถูกอัดรีดทับ ชั้นเงินที่บางเฉียบนั้นมีส่วนทำให้เกิด ‘toppy ‘ และลักษณะเสียงที่ค่อนข้างสดใสของสายเคเบิลประเภทนั้น สำหรับ Esprit ใช้เฉพาะทองแดงบริสุทธิ์ OCC 5N และ 6N เท่านั้น – 5N คือทองแดง OCC 99.999% และ 6N คือ 99.9999% (ทองแดง 5N ใช้ใน Alpha, Bêta และ Kappa Series ทองแดง 6N ใช้กับสายเคเบิลทั้งหมด ตั้งแต่ Celesta จนถึง Gaïa โดยจัดหาทองแดงจากบริษัทญี่ปุ่นที่รับประกันคุณภาพระดับสูง)

Esprit ใช้ทองแดงบริสุทธิ์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหน้าตัดขนาดใหญ่ เนื่องจากช่วยลดความเสี่ยงของสัญญาณรบกวนที่เกิดจากตัวนำที่บางกว่าที่ใช้ประโยชน์มากเกินไป ความต้านทานที่ต่ำกว่าของตัวนำขนาดใหญ่เหล่านั้นช่วยให้ไดนามิกดีขึ้นตลอดทั้งช่วงแบนด์วิดธ์ Esprit เน้นใช้โครงสร้างแบบสายฝอยตีเกลียว (Multi-stranded) โดยใช้สายฝอย 0.07 มม. บนสายสัญญาณ RCA รวมถึงสายลำโพงทั้งหมด และใช้สายฝอย 0.32 มม. บนสายสัญญาณ XLR ตัวนำเหล่านั้นได้รับการคัดเลือกสำหรับแต่ละแอปพลิเคชันตามประสิทธิภาพเสียง หลังจากผ่านการทดสอบการรับฟังหลายครั้ง

3. วัสดุฉนวน

วัสดุฉนวนมีลายเซ็นเสียง (sonic signature) เป็นอัตลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ตัวอย่างเช่น วัสดุไดอิเล็กทริกที่แข็งกว่า อย่างเช่น PVC ที่อุณหภูมิสูงมักจะมีเสียงเบสมากกว่าเล็กน้อย เสียงแหลมที่ลดทอนลงเล็กน้อย และให้การกระแทกกระทั้นค่อนข้างมาก วัสดุอิเล็กทริกที่นุ่มกว่า อย่างเช่น ซิลิกอน จะมีเสียงเบสที่แห้งกว่า ตลอดจนเสียงกลางและเสียงแหลมที่ให้รายละเอียดมากขึ้น Esprit จึงใช้วัสดุฉนวนที่แตกต่างกันสองแบบ: สายเส้นหนึ่งหุ้มด้วยวัสดุไดอิเล็กทริกแบบแข็ง สายอีกเส้นหนึ่งหุ้มด้วยวัสดุอ่อน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ประสิทธิภาพเสียงที่สมดุลยิ่งขึ้น โดยผสมผสานคุณสมบัติของทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน

4. การชีลด์ป้องกัน

หากเราคิดแบบเหมารวม สายเคเบิลที่มีชีลด์หุ้มทั้งหมดมักจะเงียบมาก มีแบนด์วิดธ์ที่กว้างและมีรายละเอียดมากมาย แต่อาจจะฟังดูทื่อๆ น่าเฉื่อยเนือยไปหน่อย ในทางตรงกันข้าม สายเคเบิลที่ไม่มีฉนวนหุ้มจะมีชีวิตชีวามากขึ้น มีการกระแทกกระทั้นมากกว่า ทว่าก็สร้างสัญญาณรบกวนมากขึ้นด้วย และมีแบนด์วิดท์ที่แคบลง รวมไปถึงการนำเสนอรายละเอียดที่น้อยลง

Esprit ได้พัฒนาสิ่งที่เราเรียกว่าการป้องกันแบบก้าวหน้า (progressive shielding): – หนึ่งในสามของสายเคเบิลนั้น – ไม่มีการหุ้มฉนวน ส่วนที่สองถัดมา – มีชั้นชีลด์ป้องกันหนึ่งชั้น และส่วนที่สาม – มีชั้นชีลด์ป้องกันสองชั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ การผสมผสานระหว่างคุณภาพของสายเคเบิลแบบมีฉนวนและไม่หุ้มฉนวนในแง่ของความเงียบ, แบนด์วิดธ์, ไดนามิก และรายละเอียด โดยที่ Esprit ใช้เฉพาะวัสดุชีลด์ป้องกันคุณภาพสูงเท่านั้น: เงินบนเส้นที่ทอด้วยทองแดงบริสุทธิ์ เป็นวัสดุป้องกันชนิดหนึ่งที่ใช้ในงานทางการทหารหรือดาวเทียม

5. หัวเสียบเชื่อมต่อ (connectors)

ดังที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ วัสดุเงินเป็นตัวนำที่ดีที่สุดของโลหะทั้งปวง Esprit ได้ออกแบบใช้หัวเสียบเชื่อมต่อที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะด้วยเทคโนโลยีจำเพาะของตนเอง …เช่นเดียวกับสายเคเบิลที่เคลือบเงิน หัวเสียบเชื่อมต่อเคลือบเงินส่วนใหญ่จะเคลือบด้วยชั้นเงินที่บางเป็นพิเศษ: 0.3 ถึง 0.4µm เพื่อให้เงินยึดติดกับทองแดง ผู้ผลิตมักจะเพิ่มชั้นของนิกเกิลหรือโครเมียม แต่ทว่าโลหะเหล่านั้นก็นำไฟฟ้าไม่ดีนัก การชุบทองก็ไม่ได้ดีไปกว่า และโรเดียมกลับยิ่งแย่ลงไปอีก คุณภาพหลักของโรเดียมคือ เป็นวัสดุที่ปรับระดับตัวเองได้ (self-levelling material) ทำให้พื้นผิวเรียบเสมอกัน อย่างไรก็ตาม ลักษณะการนำไฟฟ้านั้นต่ำมาก

วัสดุเงินเป็นอีกวิถีสำหรับหัวเสียบเชื่อมต่อ Esprit ใช้หัวเสียบเชื่อมต่อที่ทำจากทองแดงบริสุทธิ์ จากนั้นจึงส่งไปยังบริษัทชุบโลหะที่มีการใช้เงินบริสุทธิ์ และทองแดงบริสุทธิ์หลายชั้นสำหรับหัวเสียบเชื่อมต่อ ซึ่งนี่จะทำให้ได้มาซึ่งหัวเสียบเชื่อมต่อที่เข้าใกล้ที่สุดสำหรับความเป็นหัวเสียบเชื่อมต่อที่เป็น solid silver connector (ในกรณีที่ใช้การบัดกรี Esprit ใช้บัดกรีเงิน 4% เท่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ น้ำเสียงที่อ่อนหวาน ไม่มีความรุนแรงในเสียงแหลม และไดนามิกอันล้นเหลือ)

6. การจัดการสภาพให้มีทิศทางเดียว (Polarization)

จุดประสงค์ของโพลาไรซ์สายเคเบิลคือ เพื่อการป้องกันจากการถูกรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า การปกป้องสายเคเบิลจาการถูกรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic interference หรือ EMI) ทำให้เสียงเงียบสงัดยิ่งขึ้น ความเงียบที่มากขึ้นหมายถึง การได้ไมโครไดนามิกออกมานำเสนอ และรายละเอียดที่มากขึ้นด้วย เช่นเดียวกับการกระจายไดนามิกที่เท่าๆ กันทั่วทั้งแบนด์วิดท์

มี 2 หนทางในการพิจารณาวัสดุฉนวน คือมีความเป็นฉนวน (insulator) หรือว่ามีความเป็นตัวนำที่ย่ำแย่ (poor conductor) วิธีที่ Esprit โพลาไรซ์สายเคเบิลนั้นขึ้นอยู่กับการประเมินดังกล่าว Esprit โพลาไรซ์วัสดุไดอิเล็กทริก (dielectric materials) ของสายเคเบิลในแบบที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ (ซึ่งไม่สามารถพูดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ณ ที่นี่ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ ‘สูตรลับ’ ของ Esprit!) …แนวคิดโดยรวมเบื้องหลังก็คือ การโหลดวัสดุไดอิเล็กทริกด้วยสัญญาณไฟฟ้าที่ไม่ใช่สัญญาณเสียงนั่นเอง

ในฝรั่งเศส Richard Cesari เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสายเคเบิล และเขายังเป็นผู้ประดิษฐ์ ‘Rendistor’ ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่นำมาใช้โดยบริษัทลำโพงฝรั่งเศสสองสามแห่ง หลักการสำคัญของมันคือ ตัวนำที่เคลือบด้วยไดอิเล็กทริก ซึ่งขั้วต่อไฟฟ้าเสียบจากด้านใดด้านหนึ่งโดยไม่มีการสัมผัสระหว่างกันและกัน ในขณะที่สร้างสนามแม่เหล็กเพื่อโพลาไรซ์ตัวนำกลาง (central conductor) การประดิษฐ์ Rendistor นี้จัดการกับสัญญาณรบกวน HF/RF อย่างได้ผล

Richard Cesari ได้กำหนดรากฐานที่สำคัญสำหรับ Esprit Cables ตั้งแต่ต้น เหล่านี้ประกอบด้วยโครงร่างที่สมดุลของตัวนำทองแดงคุณภาพสูงแบบ long-grain โดยที่ Cesari ใช้งานได้กับพื้นผิวตัวนำที่ค่อนข้างใหญ่ และรูปทรงไดอิเล็กทริกที่ไม่สมดุล หัวเสียบเชื่อมต่อที่เป็นเนื้อทองแดงบริสุทธิ์ที่เขาทุ่มเทใส่ใจอย่างมากด้วยการชุบเคลือบแผ่นเงินหนาเกือบ 40 ไมครอน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อบกพร่องตามปกติของ eddy currents, capacitive reactance และ micro arcing เมื่อชุบเคลือบเงินบางเกินไป

Cesari มองว่า สิ่งนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบันสำหรับค่าตัวนำไฟฟ้าสูง นอกจากนี้ Cesari ยังถือว่า การหน่วงทางกล (mechanical damping) ของส่วนประกอบสายเคเบิลทั้งหมดนั้นมีความสำคัญ (ตัวนำ, ชีลด์ป้องกัน, ฉนวน, หัวเสียบเชื่อมต่อ) และเขาเชื่อว่า ผลกระทบของมันจะมีนัยสำคัญต่อผลลัพธ์สุดท้าย สำหรับการชีลด์ส่วนหน้า, สายเคเบิลของ Esprit มีการชีลด์ป้องกันอย่างดี และนับตั้งแต่กลุ่มผลิตภัณฑ์ Eterna ขึ้นมา Cesari ได้เพิ่มระบบโพลาไรซ์ผนวกเข้าไปเพื่อเสริมกำลังให้แก่สายเคเบิลเหล่านี้

ทองแดงบริสุทธิ์ (OCC) ระดับ 5N และ 6N ที่ Esprit เจาะจงเลือกใช้ได้ประโยชน์อะไร?

อันว่า สินแร่วัตถุดิบ (raw material) โลหะทุกชนิดนั้น อาทิเช่น เหล็ก, เงิน หรือว่าทองแดง ล้วนมีสิ่งเจือปนสารพัดอย่างผสมรวมอยู่ในเนื้อโลหะกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นออกซิเจน, กำมะถัน, พลวง, สารหนู และอีกสารพัด ซึ่งสิ่งเจือปนเหล่านี้เรียกกันว่า “มลทิน” หรือ impurity จะมากบ้าง-น้อยบ้างก็แล้วแต่แหล่งที่ขุดพบ จึงจำเป็นต้องมีขั้นตอน “การถลุงและหลอมสินแร่” เพื่อขจัดเอา “มลทิน”  หรือ สิ่งเจือปนที่แทรกตัวอยู่ในสินแร่นั้นๆออกไป เพื่อทำให้สินแร่นั้นๆมีความบริสุทธิ์ของเนื้อโลหะสูงมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีของการถลุงและหลอมสินแร่ถูกพัฒนาก้าวหน้าเป็นลำดับ ทำให้ได้เนื้อโลหะที่มีความบริสุทธิ์ หรือ purity ที่สูงยิ่งขึ้น และยิ่งขึ้น จนมาถึงขั้นที่เรียกได้ว่า “ความบริสุทธิ์สูงยิ่งยวด” ระดับ 6N หรือ 7N (99.99999%) ขึ้นไป มิใช่เรื่องยุ่งยากอะไรนักในทุกวันนี้ หนำซ้ำยังสามารถกระทำได้ในระดับที่ใช้ค่าโสหุ้ยถูกลงมากว่าเดิมมากทีเดียว

การทำให้เนื้อตัวนำที่เป็นทองแดง (copper) หรือ เงิน (silver) ก็ตามแต่ มีค่าความบริสุทธิ์ที่สูงมากๆนั้น ส่งผลดีต่อการนำ-พาสัญญาณโดยตรง เนื่องเพราะว่าหากมีสิ่งเจือปนแทรกตัวอยู่ในเนื้อตัวนำ เจ้าวัสดุเจือปนนั้นก็จะแทรกตัวขวาง-คั่นอยู่ระหว่างช่วงต่อของผลึกสสารที่เป็นเนื้อตัวนำนั้นๆ ทำให้อิเล็กตรอน-ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณเสียง (sound signal) หรือว่า กระแสไฟฟ้า (electric power) เคลื่อนที่ (ไหล) ผ่านในเนื้อตัวนำนั้นๆได้ลำบาก ก่อให้เกิดมีอาการ “กระโดดข้าม” (jump) หรือว่า “ชะงักงัน” (baulk) ขึ้นมาตรงช่วงรอยต่อของเนื้อตัวนำกับสิ่งเจือปนที่คั่น-ขวางอยู่ ก่อให้เกิดความผิดเพี้ยนทางรูปสัญญาณ รวมทั้งค่าความเหลื่อมล้ำทางค่าเวลา ผันแปรไปจากอย่างที่ควรจะเป็น

ดังนั้นหากสามารถทำให้เนื้อตัวนำนั้นๆมีค่าความบริสุทธิ์ที่สูงมากๆได้ อาการ “กระโดดข้าม” หรือว่า “ชะงักงัน” ของอิเล็กตรอนก็จะเกิดขึ้นน้อยลงมาก เพราะสามารถเคลื่อนที่ หรือ ไหลผ่านในเนื้อตัวนำนั้นๆได้อย่างสะดวกและต่อเนื่อง ไม่สะดุด-หยุดเป็นช่วงๆตรงรอยต่อของเนื้อตัวนำกับมลทินทั้งหลาย อิเล็กตรอนจึงสามารถเคลื่อนที่ หรือ ไหลผ่านเนื้อตัวนำได้อย่างปรู๊ดปร๊าด…และราบเรียบต่อเนื่อง-ไม่หยุดชะงักเป็นช่วงๆ นำ-พามาซึ่งสัญญาณเสียงที่ราบเรียบมากๆ รายละเอียดต่างๆก็คงอยู่ครบถ้วนไม่สูญหาย หรือ ถูกลดทอนลงไปในขณะเคลื่อนที่ภายในเนื้อสายตัวนำ ค่าเฟสสัญญาณก็ไม่แปรผัน-ผิดเพี้ยน-เปลี่ยนค่าองศาไป สัญญาณเสียงประเภทฉับพลันทันใด (transient) ก็จะสามารถ “ตอบสนอง” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงเรื่องของ “ไดนามิกเสียง” และ “รายละเอียด” อันสมจริงอีกด้วย

คุณลักษณ์

ทั้งนี้สายในกลุ่ม Eterna ของ Esprit Audio นั้น ผันผ่านพัฒนาการมาแล้วถึง 3 เจนเนอเรชั่น นับตั้งแต่ปี 1999 สายเคเบิล Eterna เป็นสายสัญญาณเสียงระดับกลางที่สำคัญอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ผลิตสายสัญญาณเสียงระดับไฮเ-อนด์ที่มีจุดเด่นเป็นสายเคเบิลแบบโพลาไรซ์ของ Esprit Audio

กลุ่มผลิตภัณฑ์ Eterna ใช้ชุดแบตเตอรี่ (battery pack) ที่ทำให้ไดอิเล็กตริกของสายเคเบิลอยู่ในสนามไฟฟ้ากระแสตรงที่มีแรงดันไฟฟ้าค่อนข้างสูง โดยที่สายลำโพงของ Eterna ทำจากสายฝอยทองแดงบริสุทธิ์ 1,680 เส้น ในขณะที่สายสัญญาณใช้ตัวนำ 810 เส้น ซึ่งล้วนเป็นตัวนำทองแดงบริสุทธิ์สูงแบบ long-grain ที่ภายในเป็นไดอิเล็กตริกแบบอสมมาตร ส่วนการชิลด์ป้องกันเป็นแบบโปรเกรสซีฟโดยมีอิมพีแดนซ์ที่เหลือเชื่อมากเพียงแค่ 8 โอห์ม/กิโลเมตร

Eterna เวอร์ชั่นแรกสุดที่มีแหล่งจ่ายไฟหลัก (power supply) ใช้งานได้ 2 ปี และหลังจากนั้น Esprit Audio ก็เปลี่ยนเป็นใช้แบตเตอรี่นับตั้งแต่เวอร์ชั่นปี 2010 กระทั่งปัจจุบัน (โดยแบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแบบ ลิเธียม Ultralife 9V ซึ่งผู้ผลิตระบุอายุขัยเฉลี่ย 10 ปีในที่เปิดโล่ง แต่ Esprit แนะนำให้เปลี่ยนหลังจากผ่านการใช้งาน 5 ปีขึ้นไป)  …ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ แต่ Esprit Audio กำลังจะเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีในปี 2022

นอกเหนือจากสายลำโพงแล้ว ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Eterna ของ Esprit ยังมีสายสัญญาณ, สายดิจิตอล SPDIF 75 Ohm, สายดิจิตอล AES/EBU 110 Ohm, สายไฟเข้าเครื่อง รวมถึงสายจัมเปอร์ของลำโพง

ทั้งนี้สายลำโพง Esprit Eterna นับว่า มีน้ำหนักมากอย่างน่าประหลาดใจและดูเจ๋งมากไปพร้อมกัน “Eterna – Speaker Cable” ใช้ตัวนำทองแดงแบบ long-grain ที่เป็นสายฝอยทองแดงบริสุทธิ์ขนาด 0.07 มม. จำนวนถึง 1,680 เส้น พร้อมด้วยขั้วเสียบต่อที่เป็น pure silver bananas connectors ซึ่งผ่านการชุบเคลือบด้วยเงินแท้ๆ หนาถึง 40 ไมครอน และเป็นแบบ Symmetrical strand construction ควบคู่กับ Asymmetrical dielectrics พร้อมด้วย Air layer partial screening อันมีความโดดเด่นในการ Polarization

แท้จริงแล้ว “โพลาไรเซชัน” มีพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1990 สำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยพบว่า ด้วยการป้อนกระแสไฟ 12 โวลต์เข้าสู่วัสดุฉนวน ทำให้สัญญาณไม่มีโอกาสรั่วไหล เนื่องจากฉนวนอิ่มตัวด้วยกระแสไฟตรง (DC) สัญญาณในตัวนำสามารถกระตุ้นฉนวนให้สั่นสะเทือนในระดับไมโคร ซึ่งย่อมไม่ก่อผลดี แต่ด้วยการป้อนกระแส DC จำนวนเล็กน้อยจะป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้

สายลำโพง Esprit Eterna จะมีปุ่มกดที่ไฟเป็นสีน้ำเงิน เพื่อการตรวจสอบสถานะของแบตเตอรี่ และไม่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น เหตุผลทางเทคนิคค่อนข้างมากสำหรับการเพิ่ม Polarization นี้ และที่สำคัญจะเป็นกำจัดการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า เนื่องจากจะทำให้เราได้ยินรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติมขึ้นมา ทั้งนี้คุณสามารถถอดแจ็ค 3.5 มม. ออกเพื่อปิดการใช้งานโพลาไรซ์นี้ เนื่องจากเท่ากับจะเป็นการถอดแบตเตอรี่ออก และคุณจะสามารถทำการเปรียบเทียบผลการรับฟังได้อย่างง่ายดาย

ผลการรับฟัง

Neil Gader แห่ง The Absolute Sound ได้เคยฟังทดสอบรุ่น Beta ที่ราคาไม่แพงของ Esprit (ถัดขึ้นมาจาก Alpha ที่เป็น entry-level) ซึ่งเขาก็ยอมรับว่า Esprit Beta ให้ช่วงย่านเสียงกลางที่ดีเป็นหัวใจหลัก พร้อมด้วยรายละเอียดของเสียงร้องอันแจ่มชัด บ่งบอกได้ถึง texture อันละเอียดอ่อน รวมถึงการแยกแยะ timbral อย่างยอดเยี่ยม ถ่ายทอดความเป็นเสียงที่เปล่งจากลำคอได้อย่างน่าเกรงขาม จนสามารถคว้ารางวัล «EDITOR’ CHOICE 2019» BY THE ABSOLUTE SOUND

ทั้งๆ ที่ Beta นั้นใช้โครงสร้างแบบ multi-strand (720 เส้น) โดยใช้ตัวนำทองแดงระดับ 5N (99.9995) ร่วมกับ high-temperature air-layer silicone PVC insulation ส่วนขั้วต่อสายสัญญาณและสายลำโพง (ไม่ว่าจะเป็น spades หรือ bananas) ก็ชุบเคลือบทองแดงด้วยเงินความหนาถึง 20 ไมครอน ยังให้คุณภาพเสียงที่ Neil Gader ฟังแล้วประทับใจ… แล้วสำหรับสายรุ่น Eterna ซึ่งใช้ตัวนำทองแดงระดับ 6N และจำนวนสายฝอยมากถึงเกือบสองพันเส้น – อะไรจะเกิดขึ้นกับคุณภาพเสียงที่รับฟัง

สายลำโพง “Esprit Eterna” ที่ได้รับมาจากบริษัท Wanpat 59 เป็นสายลำโพงที่มีสภาพผ่านการใช้มาแล้ว จึงอนุมานว่า น่าจะพ้นสภาพการเบิร์น-อินมาเป็นอย่างดี ซึ่งจากการรับฟัง สายลำโพง “Eterna” สามารถสำแดงสมรรถนะออกมาได้น่าทึ่งทีเดียว โดยให้ความโดดเด่นมากในการส่งมอบโทนัล บาล้านซ์ที่แม่นยำมากตลอดทั้งช่วงย่าน ทั้งยัง “นำเสนอ” ช่วงความถี่เสียงต่ำที่ทั้งรุกเร้า กระชับฉับไว และแผ่ใหญ่ ไม่อวบอ้วน-อุ้ยอ้าย พร้อมด้วยจังหวะจะโคนที่ควบคุมตัวได้อย่างดีมาก ทั้งยังให้ความอิ่มเอิบใน “น้ำหนักเสียง” บ่งบอกสภาพความมีทรวดมีทรงของทุกสรรพเสียง ควบคู่กับ “เนื้อเสียง” ที่ให้ความนวลเนียน ละเมียดละไม ทั้งยังถ่ายทอดความฉับไวในการส่งมอบรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ได้แจ่มชัด และในสรรพสำเนียงเสียงต่างๆที่รับฟังนั้นก็ล้วน “เด่นลอย” ออกมาอย่างมีตัวมีตนมีมวลอากาศ (airy) พร้อมด้วยอาณาบริเวณเสียงที่เป็นอิสระไม่ซ้อนทับปนเปกัน เสียงทุกเสียงมีความสด – สว่าง

รวมไปถึง “สภาพบรรยากาศเสียง” ที่ถูกถ่ายทอด-บ่งบอกออกมาในขณะรับฟัง ทำให้เสียงดนตรีที่รับฟังนั้นมีความสมจริง แม้กระทั่งการออกเสียงอักขระภาษาที่นักร้องเปล่งออกมานั้นก็ราวกับว่า มองเห็นอากัปกริยาในการห่อปาก (อย่างเช่น ตัว C, S, H) หรือว่าลักษณะเอาลิ้นขึ้นไปแตะเพดานปาก (อย่างเช่น ตัว L, W) กระนั้นครับ ไม่ต่างไปจากความเป็นธรรมชาติอย่างที่เราได้ยินได้ฟังออกมาจากการเปล่งเสียงของคนเราจริงๆ “Eterna” ทำให้สัมผัสได้ถึงสรรพเสียงที่มี “ลมหายใจ” – เป็นเสียงที่มีชีวิตชีวา มีความเปิดโปร่งเป็นอย่างมาก จนสามารถรับฟังได้ถึงรายละเอียดเสียงเล็กๆน้อย ที่แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ชัดเจน ลอยเด่นออกมา

“Eterna” ให้ความ-แตกต่าง-ที่รับรู้ได้ว่า ดีขึ้นกว่าสายลำโพงที่ผมใช้อยู่ประจำมาดั้งเดิมพอสมควรเลยละครับ …ไม่ว่าจะเป็นในแง่น้ำหนัก-พลังเสียง รวมทั้งรายละเอียดที่เปิดเผยออกมามากขึ้น รวมไปถึงการเปิดโปร่ง-ฉับไวในด้านของไดนามิกเสียงอย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว “ความสดใส โปร่งกระจ่าง ควบคู่กับเนื้อเสียงเนียนนุ่มละมุนละไม รวมถึงความฉับไวก็ถูก “Eterna” นำพาออกมาให้ได้รับฟัง รวมทั้งรายละเอียดเสียงอันครบถ้วน นับเป็นจุดเด่นที่บ่งบอกออกมาทันทีเมื่อได้ฟัง ทั้งยังสัมผัสได้ถึง “ความเต็มอิ่ม” ในน้ำหนักเสียง บ่งบอกสภาพความมีทรวดมีทรงของทุกสรรพเสียง ให้ความนวลเนียน ละเมียดละไมยิ่งกว่าที่เคยคุ้น และในทุกสรรพเสียงนั้นก็ล้วน “เด่นลอย” ออกมาอย่างมีตัวตน และมีอาณาบริเวณเสียงที่เป็นอิสระไม่ซ้อนทับปนเปกัน เสียงทุกเสียงที่รับฟังมีความสว่าง “กระจ่าง” ขึ้นกว่าธรรมดา

“Eterna” ให้ “ความเด่นลอย” ของเสียงหลักที่ถูกจำแนกแยกออกมาจากพื้นเสียง (background) ทั้งๆที่ “พื้นเสียง” นั้นก็ดูจะชัดเจนขึ้นกว่าธรรมดา จนสามารถรับฟังได้ถึงรายละเอียดเสียงเล็กน้อยที่แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ชัดเจน มีความเด่นลอยตัวหลุดออกมา เสียงทุกเสียงที่รับฟังมีความสว่าง “กระจ่าง” ขึ้น สำแดงถึงความฉับพลันทันใดของเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เสียงแต่ละเสียงมีน้ำหนัก ไม่เบาโหวงเหวง ลอยเวิ้งว้าง ความผุดโผล่ของเสียงแต่ละเสียง อุบัติขึ้นอย่างมีตัวตน มีตำแหน่งแห่งที่ชัดเจน ในขณะที่ช่วงย่านเสียงต่ำก็รับรู้ถึงน้ำหนักเบสที่ใหญ่ ทรงพลัง ให้เรี่ยวแรงปะทะ และแผ่บาน-กระจายตัว มีจังหวะจะโคนที่ชัดเจน

พูดได้ว่า “Eterna” ส่งมอบลักษณะเสียงออกมาในแนว “อิ่มเอิบ” ฟังสบาย ให้เนื้อเสียงที่เป็นตัวเป็นตน ในด้านอิมเมจและซาวด์สเตจนั้นก็พูดได้ว่า “น่าตราตรึงใจมาก” แม้ในเสียงที่เกิดขึ้นซ้อน-แทรกพร้อมๆกัน ก็ยังสามารถจับตำแหน่งของแต่ละเสียงนั้นๆ ได้ ไม่จมกลืน หรือถูกบดบังจนเลือนหายไป ยังคงดำรงไว้ซึ่งความชัดเจน สดใส สามารถเปิดเร่งระดับความดังเสียงที่รับฟังอยู่นั้นได้มากขึ้น-มากขึ้น โดยที่มิได้รู้สึกอึดอัดรำคาญหรือหนวกหูแต่อย่างใด

ทั้งนี้สุ้มเสียงโดยรวมที่รับฟังได้จาก “Eterna” นั้นให้ความอิ่มฉ่ำ เข้มข้น และฉับไว ไม่อ้อยสร้อย แช่มช้า ในขณะเดียวกันก็ไร้ซึ่งสากกร้าน กระด้าง ระคายหู รับรู้ได้ในความแจ่มชัดของทรานเชี้ยน ควบคู่ความกังวาน ทอดยาวไกลของปลายหางเสียง รวมถึงความฉับพลันทันใดที่ดีมาก เสียงแต่ละเสียงมีน้ำหนัก ไม่เบาโหวงเหวง เวิ้งว้าง ฟังแล้วให้ความลอยตัว กลมมน มีความเป็นตัวเป็นตนของเสียงที่เข้มข้น ระบุทิศทางที่มาหรือตำแหน่งแห่งที่ของเสียงแต่ละเสียงได้แน่นอน-ชัดเจน แม้ในเสียงที่เกิดขึ้นซ้อน-แทรกพร้อมๆกัน ก็ยังสามารถจับตำแหน่งของแต่ละเสียงนั้นได้ ไม่ถูกเบียดบัง หรือ ถูกกลบกลืนไป …น่าประทับใจมากครับ

สรุปส่งท้าย

Esprit Eterna นับว่า ได้รับการสรรค์สร้างอย่างดี มีการตกแต่งที่ยอดเยี่ยมสมอย่างความคาดหวังจากสายลำโพงในช่วงราคานี้ ถูกใจครับกับขั้วเสียบสายแบบบานาน่าที่ผ่านการชุบเคลือบเงินอย่างหนามากถึง 40 ไมครอน ในส่วนของคุณภาพเสียงให้การส่งมอบรายละเอียดได้สะอาด แจ่มชัดมาก ปลายเสียงสูงทอดยาวไกลไปสุดกู่ ควบคู่ความนุ่ม นวลเนียนในช่วงย่านเสียงกลาง ให้ประสบการณ์การฟังที่ผ่อนคลาย ฟังต่อเนื่องยาวนานไม่รู้สึกล้าหู ไร้อาการเสียงเดินหน้า (forward) และให้เสียงเบสที่หนักแน่น ทรงพลัง และลึกล้ำ …ฟังได้มันส์ รู้สึกสนุก รื่นรมย์ใจมากจริงๆ ครับ


ขอขอบคุณ บริษัท Wanpat 59 จำกัด โทรฯ 086 509 6352 ที่ได้เอื้อเฟื้อ Esprit Eterna ให้ทดสอบกันในครั้งนี้