มงคล อ่วมเรืองศรี
สำหรับ Audia Flight เป็นแบรนด์เครื่องเสียงไฮเอ็นด์จากอิตาลี …ทั้งนี้มีคำกล่าวกันว่า ในแง่ของภาษานั้น ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักของโลก และภาษาสเปนเป็นภาษาทางการค้า ส่วนภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาของการสนทนา ภาษาเยอรมันเป็นภาษาของวรรณกรรม แล้วภาษาอิตาลีนี่เป็นภาษาของดนตรี…
Audia Flight ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 (2539) โดย Massimiliano Marzi และ Andrea Nardini ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อการออกแบบและผลิตส่วนประกอบเครื่องเสียงสำหรับบ้านคุณภาพสูงในอิตาลี ผลิตภัณฑ์ของ Audia Flight ทั้งหมดทำขึ้นด้วยมือที่โรงงานของ Audia Flight เอง ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Civitavecchia (ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และห่างจากโรม 70 กม.)
เริ่มต้นด้วยความเชื่อพื้นฐานที่ว่าส่วนประกอบไม่ควรเปลี่ยนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ Massimiliano และ Andrea ใช้เวลาสองปี (1994-1996) ทุ่มเทในการวิจัยและพัฒนาที่จะเป็นพื้นฐานสำหรับบริษัทของพวกเขา และส่วนประกอบต่างๆ ที่จะตามมาทั้งหมดนับจากนั้น
การวิจัยอย่างกว้างขวางของพวกเขาระบุว่า แนวทางป้อนกลับของแรงดันไฟฟ้า (voltage feedback) แบบดั้งเดิมในการออกแบบวงจร ไม่สามารถจัดการกับทรานเซียนท์ความเร็วสูงได้ รวมถึงโหลดที่ซับซ้อน มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ก่อให้เกิดความไม่ถูกต้องของสัญญาณ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มออกแบบวงจร current feedback approach ขึ้นมา
ในไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบว่า แนวทางใหม่ในการออกแบบวงจร current feedback circuit จะช่วยให้ได้มาทั้งความเร็วสูงขึ้น ตอบสนองและควบคุมโหลดได้ดีขึ้น จึงให้สัญญาณที่แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งนั่น Audia Flight จึงบังเกิดขึ้น ! …ในปี 1997 Audi Flight ได้เปิดตัวเพาเวอร์แอมป์รุ่น Flight 100 เป็นรุ่นแรก ด้วยการออกแบบฮีทซิงค์ที่เป็นเอกลักษณ์และประสิทธิภาพที่โดดเด่น ทำให้ Flight 100 ได้รับการตอบรับอย่างดีจากสื่อมวลชนและผู้บริโภคที่เป็นออดิโอไฟล์ หลังจากนั้นไม่นาน Audia Flight ก็ได้เปิดตัว Flight Pre และ Flight 50 power amplifier ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นเดียวกัน
Flight Pre แสดงออกถึงความซับซ้อนเป็นพิเศษ ด้วยการออกแบบตัวเครื่องแบบหลายส่วน ‘Flight Pre’ ยังให้ความสำคัญกับคุณลักษณะอื่นอันโดดเด่นเฉพาะของ Audia Flight: ตัวปรับระดับความดังเสียง อิมพีแดนซ์คงที่เพื่อความถี่ที่แม่นยำต่อการตอบสนองในทุกระดับความดังเสียง
ในปี 2001 Audia Flight ได้เปิดตัว integrated amplifier เป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ Flight One ซึ่งเสมือนการรวมเอา Flight Pre, Flight 50 และ Flight 100 มาไว้ในตัว เพื่อให้บรรลุความเป็นเลิศด้านเสียงของ Audia Flight ในอุปกรณ์เดียว และด้วยตลาดสินค้าอิเล็คทรอนิคส์สำหรับผู้บริโภคในขณะนั้น มุ่งสู่โฮมเธียเตอร์และระบบเสียงแบบมัลติแชนเนล 5.1 แชนเนล ‘Flight One’ จึงได้นำเสนออินพุตเฉพาะสำหรับโปรเซสเซอร์หลายช่องสัญญาณ รวมถึงเครื่องขยายเสียง 3 ช่องสัญญาณในอุดมคติที่เรียกว่า Flight 3.100
ตั้งต้นด้วยผลิตภัณฑ์แรกสุด ภารกิจ Audi Flight นั้นแจ่มชัดมาก: ผลิตภัณฑ์ของ Audi Flight เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันของการออกแบบวงจรดั้งเดิมที่ซับซ้อน และแบบฉบับอิตาลี การสร้างสรรค์ของ Audi Flight อาจกล่าวได้ว่า เป็นบทสรุปของวัฒนธรรมอิตาลี: ศิลปะและงานฝีมือ Audi Flight ระบุว่า เสียงที่รับฟัง จึงเปรียบได้กับ “จิตวิญญาณ” (soul) ของทุกผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนถึงวัฒนธรรมองคกรของ Audi Flight ไม่เพียงแต่ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงเท่านั้น การวิจัยอย่างกว้างขวาง และยังรวมถึงวัฒนธรรมของอิตาลี และการใช้ชีวิตในอิตาลีอีกด้วย
ในทุกวันนี้ ผลลัพธ์ของการผนึกกำลังความเป็นอิตาลีของ Audia Flight นำไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ Classic Series, Three S Series, FL S Series (ซีรี่สระดับสูงใหม่ของ Audia Flight) และ Strumento Series ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Audia Flight ที่เป็นผลรวมของประสบการณ์ทั้งหมดของ Audia Flight ซึ่งผ่านการวิจัยหลายปี และการพัฒนาที่นำไปสู่การออกแบบวงจรที่สมบูรณ์แบบ และการออกแบบตัวเครื่องอันสมบูรณ์แบบ
คุณลักษณ์
ทั้งนี้ เดิมที Audia Flight มีซีดีเพลเยอร์รุ่น FL CD Three วางตลาดอยู่เมื่อสัก 7-8 ปีที่แล้ว แต่สำหรับ FL CD Three S นับเป็นรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวกัน ซึ่งถ้าเทียบกันระหว่าง FL CD Three กับ FL CD Three S จะเห็นชัดเลยว่า ห่างชั้นกันมากทีเดียว สมฐานะความเป็น FL S Series ซึ่งเป็นซีรี่สระดับสูงใหม่ของ Audia Flight จึงไม่ต้องกังวลว่า ระบบการทำงานต่างๆ จะไม่ทันสมัย-ไม่ทันเหตุการณ์-ไม่ทันการเปลี่ยนแปลงตามกระแสของโลกใบนี้กระนั้น
ความต่างประการแรกสุดสำหรับความเป็น FL CD Three S …อย่างที่ทราบกันนะครับว่า แผ่นดิสก์นั้น มีอยู่หลายตระกูลด้วยกัน (อย่างที่เรียกกันว่า ฟอร์แมต) แม้จะมีขนาดแผ่น 12 ซม.เท่ากันก็ตาม อย่างเช่น CD, SACD, DVD-Audio, BLURAY ซึ่งทำให้ระบบการอ่านข้อมูลแผ่นดิสก์ รวมถึงการแปลงผันข้อมูลนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละฟอร์แมต ประเด็นเด็ดสะเก็ดข่าวจึงอยู่ตรงนี้ครับ ทางผู้ออกแบบของ Audia Flight ได้จงใจออกแบบ FL CD Three S ให้อ่านข้อมูลได้เฉพาะ CD เท่านั้น ด้วยการใช้ CD-Drive ในภาคทรานส์สปอต ทำให้ FL CD Three S เป็นแบบ single speed playback เล่นแต่จำเพาะแผ่น CD เท่านั้น (ซึ่งก็แตกต่างจากเครื่องโดยทั่วไปในท้องตลาดอย่างมีนัยยะสำคัญ (เนื่องเพราะส่วนใหญ่นั้นมักจะเลือกใช้ computer drive นั่นเอง)
มาถึงในส่วนของภาคถอดรหัสที่นับเป็นความต่างประการสำคัญนั้น อาจสร้างความสับสนสำหรับผู้สนใจที่ท่องเว็บไซต์ Audia Flight เข้าไปดูรายละเอียดของ FL CD Three S จะพบว่า ระบุไว้เป็น SABRE ES9026PRO 32-Bit DAC ทว่าในความเป็นจริง วิศวกรของ Audia Flight ได้เลือกใช้ Premium DAC ระดับเทพของ Asahi Kasei Microdevices Corporation “AKM4493EQ 32-Bit DAC” ที่มี “velvet sound” technology ทำหน้าที่แปลงผันข้อมูลจำนวน 2 ตัวด้วยกัน (แยกสำหรับแชนแนลซ้าย-ขวาโดยเฉพาะ) AKM นั้นระบุว่า “velvet sound” technology ช่วยให้ได้มาซึ่ง ‘high-resolution sound’ และเป็นธรรมดาที่ไม่ธรรมดาที่ FL CD Three S จะมีวงจร Digital Filters ไว้ให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้งานมากถึง 6 รูปแบบด้วยกัน เพื่อผลแห่งการรับฟังคุณภาพเสียงตามที่ต้องการ
Audia Flight ยังใส่ทีเด็ดไว้ให้กับ FL CD Three S อีกนะครับ ในส่วนของภาคจ่ายไฟ ด้วยการแยกเป็นอิสระระหว่างแอนาล็อกกับดิจิทัล โดยการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าแบบ toroidal transformer จำนวน 2 ตัวที่จ่ายค่าแรงดันไฟโดยเฉพาะสำหรับ analog (58VA) และ digital (36VA) ทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่มีการรบกวนระหว่างภาคการทำงาน และยังปราศจากการดึงกระแสไฟฟ้าของทั้งสองภาคอีกด้วย
มาถึงในส่วนของภาคจ่ายสัญญาณขาออก (analog output section) Audia Flight ระบุไว้ชัดว่า เป็นแบบ A Class discrete current feedback technology อันทันสมัย และการรันตีได้ในด้านคุณภาพเสียง นอกจากนี้วงจรนี้ยังทำงานในลักษณะของ fully balanced อีกด้วย แต่กระนั้นช่องจ่ายสัญญาณขาออกของ FL CD Three S ก็ติดตั้งมาให้ทั้ง balanced และ unbalanced เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน ทั้งนี้ยังไม่ลืมที่จะมี digital output แบบ Coaxial มาให้นะครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ FL CD Three S จะได้ชื่อว่า CD Player แต่ก็ใช่ว่า ซื้อมาแล้วจะฟังได้แต่เฉพาะกับแผ่นซีดีแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทางผู้ออกแบบของ Audia Flight ได้จัดทำ special option เป็น “input card” เอาไว้ด้วยนะครับ ให้พร้อมรองรับกับ digital inputs มากถึง 5 แหล่งข้อมูลเลยทีเดียวได้แก่ 2x Opto, 1x Coax, 1x AES/EBU, 1x USB เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อการรับฟังอันหลายหลาก ซึ่ง digital inputs ทั้งหมดยังสามารถเลือกที่จะให้ upsampled ขึ้นไปได้ถึงระดับ 32bit/768KHz สำหรับ USB input นั้นรองรับได้กับ 32/384 PCM และ DSD 512 นี่เท่ากับว่า Audia Flight จงใจจะให้ FL CD Three S เป็นดั่ง standalone DAC ได้ในอนาคต !!
ตัวเครื่องของ FL CD Three S สะท้อนความเป็นอิตาลีที่ดูหรูหรา ควบคู่ความแข็งแรง บึกบึน โดยมีให้เลือกได้ 2 สี: silver กับ black ส่วนของแผงด้านหน้าขึ้นรูปจากอะลูมิเนียมอย่างหนาถึง 10 มม. ซึ่งอุปกรณ์รีโมท คอนโทรลนั้นก็เป็นวัสดุอะลูมิเนียมเช่นกัน บนแผงหน้าตัวเครื่องจะมีช่องแสดงผล (display) ขนาดใหญ่ที่เป็นแบบ OLED สีฟ้า มองเห็นชัดถนัดตา และในท้ายที่สุดนี้ ขอบอกว่า Audia Flight นี้ “100% Made in Italy!” นะขอรับพณท่าน
6-types of IRD digital filters in PCM mode
ด้วย Premium DAC ระดับเทพ “AKM4493EQ 32-Bit DAC” ที่มี “velvet sound” technology ซึ่งทำให้ FL CD Three S จะมีวงจร IRD (Impulse Response-Designed) Digital Filters ผนวกใช้งานในโหมด PCM ไว้ให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้งานมากถึง 6 รูปแบบด้วยกันช่วยให้เล่นเพลงได้อย่างเหมาะสมสำหรับการตั้งค่าที่หลากหลายตามปรารถนาดังนี้
ผลการรับฟัง
ครั้งนี้เป็นอีกครั้งสำหรับผมที่รับฟัง ณ ห้องฟังของ What HiFi ? (Thailand) ด้วยการใช้เครื่องเล่นซีดีของ Audia Flight รุ่น FL CD 3 S เป็นแหล่งสัญญาณ ส่งผ่านสัญญาณอะนาล็อกเข้าสู่ปรีแอมป์ VTL รุ่น TL-2.5i และเชื่อมต่อจากปรีแอมป์ VTL รุ่น TL-2.5i ไปยังเพาเวอร์ แอมป์ VTL รุ่น MB-125 ด้วยสายสัญญาณต้นแบบของ Black Cat HiFi และสายลำโพงของ Nordost ในขณะที่ Wilson Audio : Tunetot ตั้งวางบนขาตั้ง “TuneTot Stand” (ซึ่งได้รับการปรับเซตตำแหน่งโดยคุณ กฤต แห่ง DECO 2000)
…สิ่งที่ได้รับฟังจาก FL CD Three S สร้างความประทับใจอย่างมาก แม้จะเป็นแค่การรับฟังจากแผ่น CD ที่คุ้นชิน แต่สรรพเสียงที่รับฟังก็แตกต่างไปจากที่ได้เคยรับรู้ครับ รายละเอียดต่างๆ ในเพลงและดนตรีที่รับฟังจะรับรู้ว่า ผุดโผล่ หรือลอยตัวขึ้นมาเป็นอิสระ มีอาณาบริเวณ มีปริมณฑลของเสียง เสียงร้องที่เป็นตัวเป็นตนมีทรวดมีทรงมีอากัปกริยาปรากฏอยู่ท่ามกลางเวทีเสียงอันแผ่กว้าง และบ่งบอกตำแหน่งที่ถอยลึกไล่ระดับเข้าไป ชิ้นดนตรีต่างๆ ที่เรียงรายตรงนั้นตรงนี้ตรงโน้น ถอยลึกไล่ตำแหน่งแห่งที่เข้าไปเป็นชั้นๆ (layer) รวมไปถึงช่วงย่านเสียงต่ำที่หนักแน่น กระแทกกระทั้นให้เรี่ยวแรงกระทบปะทะ และเด็ดขาดในจังหวะจะโคนยิ่งนัก การทิ้งทอดตัวของเสียงต่ำก็ลึกล้ำ-ดื่มด่ำอย่างน่าทึ่ง ยิ่งฟังยิ่งสนุก ฟังได้มันส์ เข้าถึงอารมณ์ร่วมจริงๆ ครับ
สรรพเสียงที่รับฟังจากแผ่น CD ที่คุ้นชิน ล้วนให้ความรับรู้ถึงสิ่งที่ดีขึ้นมาก ยิ่งกว่าที่ได้เคยรับรู้มาก่อนหน้า ” FL CD Three S” จะทำคุณจะรับรู้ได้ถึงความอิ่มฉ่ำ ความกลมกล่อม ละมุนละไม ความหนักแน่น ฉับไว และจังหวะจะโคนอันแม่นยำ เต็มเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา รวมถึงความสะอาดสะอ้านของเสียงทำให้เราสามารถจับเสียงดนตรีชิ้นนั้นชิ้นนี้ได้ถนัดหูราวกับมองเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยทีเดียว เสียงเพลงและดนตรีที่รับฟังเป็นลักษณะเสียงที่ปลดปล่อย เปิดโปร่ง สดใส-สะอาด-แจ่มชัด ทั้งในแง่ของความกระชับ-ฉับไวในท่วงท่า ควบคุมจังหวะจะโคนของดนตรีได้ดี มีไดนามิกเสียงอันฉับพลันให้ความไหลลื่น
ยิ่งเป็นการรับฟังจากแนวเพลงแสดงสด (Live) ก็จะรับรู้ถึงมวลบรรยากาศรายรอบของฮอลล์ หรือสถานที่แสดงสดนั้นได้อย่างอบอวลมาก ให้การรับรู้ได้ถึงความโอฬารของสถานที่บันทึกเสียงนั้น พร้อมด้วยสภาพความกังวานของเสียงช่วยให้การรับฟังมีความเอิบอิ่มของมวลอากาศ (airy) อย่างสมจริงในเหตุการณ์ทางเสียงที่กำลังรับฟัง เสียงปรบมือออกอาการของผู้ชมเวลาชื่นชอบถูกใจในการแสดงสดนั้น ให้ความรู้สึกที่ทั้งฟิลและอินกับเหตุการณ์ สร้างความรู้สึกอันปลาบปลื้มใจ
“FL CD Three S” จะทำคุณจะรับรู้ได้ถึงการจำแนกระยะชัดลึกที่ถอยออกไปไกลในเวทีเสียง การแยกแยะระยะห่าง-ช่องว่างระหว่างชิ้นดนตรีก็มีความจะแจ้งมากและลอยตัวเป็นอิสระให้ระดับความลึกในเวทีเสียงที่เพิ่มขึ้นกว่าธรรมดาจากที่เคยรับฟัง รวมถึงความอวบอิ่มมีน้ำมีนวลมีตัวตนมีชีวิตชีวาเปล่งปลั่งของทุกสรรพเสียง กระทั่งอาการจางหายไปของเสียงต่างๆ ก็ถูกจาระไนออกมาได้ดีมากๆ ทั้งยังให้ความโดดเด่นทางด้านของการบ่งบอกสภาพอิมเมจ-ซาวด์สเตจอันสมจริง ราวสามมิติ รวมไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ในเสียงเพลงและดนตรีที่รับฟังก็รู้สึกรับรู้ได้อย่างเป็นจริงเป็นจังมากทีเดียว – เป็นความ “สมจริง” ที่มีพลังงานเสียง (energy) อย่างที่เรา-ท่านพึงได้รับจากเสียงที่รับฟังอย่างเป็นธรรมชาติ
แน่นอนครับ “FL CD Three S”จะทำให้คุณได้เข้าถึงห้วงอารมณ์เพลงที่รับฟังได้อย่างมีอรรถรสที่แตกต่างจากความคุ้นชินที่เคยได้รับฟัง นับตั้งแต่ในแง่ของมวลบรรยากาศรายรอบอันอบอวล รายะเอียดเสียงต่างๆที่ให้ความมีตัวตน รวมไปถึงเรื่องของความถูกต้องของน้ำเสียงจำเพาะเฉพาะตัวในเสียงแต่ละเสียง (timbre) การให้ความฉับพลันทันใด (dynamic) อันเปี่ยมในการไหลลื่นของเสียงอย่างสมจริง แม้แต่ช่วงปลายหางเสียงอันแผ่วเบา ความกังวานทอดยาว และพละพลิ้วราวละอองอณูของปลายเสียงสูงๆ ที่เปิดโปร่งจริงๆ
“FL CD Three S” สามารถทำให้เราได้เข้าถึงซึ่งความสมจริงแห่งสรรพเสียง อันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มีเรี่ยวแรงกระทบปะทะ ให้ความฉับพลันทันใด รวมทั้งน้ำหนักเสียงอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ทั้งยังให้เสียงที่มีมิติ มีตัวตน มีห้วงอารมณ์ความรู้สึกของดนตรี รวมถึงความเป็นธรรมชาติของเสียงแต่ละเสียงที่บังเกิดขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวาอันสมจริง คุณจะสามารถจับตำแหน่งการแยกแยะแถว-ชั้นของตำแหน่งเสียงต่างๆ พร้อมด้วยความโปร่งโล่งในมวลบรรยากาศ
สารพัดเสียงสอดแทรกที่ถือเป็นรายละเอียดยิบย่อยก็บ่งบอกออกมาชัดใส แจ่มกระจ่างมาก และให้ทิศทางที่มาของเสียงนั้นๆ อย่างไม่คลุมเครือ สารพัดเสียงเครื่องดนตรีอย่างเช่น ไวโอลินให้ความเป็นตัวเป็นตน เสียงเปียโนก็กังวานน่าฟัง เสียงดับเบิ้ล เบสนี่อิ่มแน่น ส่งเรี่ยวแรงปะทะ และน้ำหนักเสียง ทั้งยังทอดตัวลงไปลึกล้ำจริงๆ ทั้งยังให้รับฟังได้ถึงความกังวานแว่วเป็นระลอกจากเสียงสะท้อนของสภาพอะคูสติคในห้องบันทึกเสียง ที่ให้ออกมาเป็นมวลบรรยากาศอบอวล เหมือนเรากำลังเข้าไปนั่งฟังสดๆ ราวกับ ‘live’ อยู่ต่อหน้า เมื่อครั้งทำการบันทึกเสียงกระนั้นเลยเชียวครับ
“FL CD Three S” ให้ความสมจริงอย่างเป็นธรรมชาติในสรรพเสียงที่รับฟัง ในขณะที่ไดนามิกนั้นก็ฉับพลันทันใด และยังให้รายละเอียดเสียงอย่างยิบย่อย ทั้งยังรับรู้ได้ถึงพละกำลังทางเสียงอันเข้มข้น ยิ่งใหญ่ จนคุณจะตราตรึงใจในความแผ่กว้างของอาณาบริเวณเสียงอันสมจริง อิ่มเอมใจในรายละเอียดต่างๆ ราวกับกำลังรับฟังดนตรีแสดงสดอยู่ตรงหน้ากระนั้น
คุณจะเข้าถึงความมีมิติของเสียง ที่รับรู้ได้กระจ่างชัด ทั้งกว้าง-สูง-ลึก ‘ชนิดไม่ต้องหลับตาฟัง’ รวมถึงตำแหน่งเสียงร้องที่แยกออกจากแนวตำแหน่งชิ้นดนตรีในวงเวทีเสียงอย่างชัดแจ้ง “FL CD Three S” จะให้ลักษณะเสียงร้องอันน่าทึ่งเฉพาะตัวเฉพาะตน ที่ราวกับเปล่งออกมาจากปากอย่างมีลมหายใจ (breathing) มีวิญญาณ มีมวลมีน้ำหนักมีตัวตนให้ความมีชีวิตชีวา พร้อมด้วยการแยกแยะอาณาบริเวณเสียงของกลุ่มนักร้อง ราวกับว่านักร้องคนนั้นๆ กำลังปรากฏกายอยู่ท่ามกลางเสียงเพลงและดนตรีที่กำลังรับฟัง รวมไปถึงการออกอักขระเสียงอันชัดเจนทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมา จนสัมผัสได้ถึงห้วงอารมณ์ของการร้องเพลง (emotional)
“FL CD Three S” จะทำให้คุณประทับใจในไดนามิก-ความฉับพลันในเสียงดนตรีที่พรั่งพรูออกมา พร้อมด้วยน้ำหนักเสียงของชิ้นดนตรีแต่ละตำแหน่งแห่งที่-ที่ให้ความมีตัวมีตนของเสียง เปล่งออกมาจากตำแหน่งตรงนั้นตรงนี้จริงๆ แม้แต่เสียงเพอร์คัสชั่นอันแผ่วเบา ที่ยังปรากฏเข้าไปลึกอยู่ชั้นหลังสุดของวงเวทีเสียง-ฟังดูสมจริงมาก อิมเมจที่ปรากฏแจ่มชัดอยู่ต่อหน้า ไล่ระดับเป็นแถวชั้นตื้น-ลึก พร้อมด้วยอาณาบริเวณเสียงอันแผ่กว้าง
ยามที่ฟังเพลงคลาสสิกแผดสนั่น ประโคมคำรนอย่างเต็มที่ “FL CD Three S” จักทำให้การรับฟังเพลงที่บรรเลงโดยวงออร์เคสตร้ากว่าร้อยชิ้น ราวกับกำลังบรรเลงแบบ ‘ฟูล สเกล’ ในห้องฟังของคุณนั้น ได้รับความยิ่งใหญ่อย่างอลังการ สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่น พลังแรงกระแทกกระทั้นทั้งหนักทั้งแน่น ไม่ปรากฏอาการอัดอั้นบีบคั้น อันสืบเนื่องจากการออกแบบมาเป็นอย่างดียิ่งนั่นเองละครับ
สรุปส่งท้าย
…ขอยืนยันว่า FL CD Three S ของ Auidia Flight จะทำให้คุณได้รับสมจริงทางดนตรีที่โอฬารกว่าที่คิด “FL CD Three S” ทำให้ข้อมูลเสียงดิจิทัลที่กำลังรับฟัง เสมือนหนึ่งคุณกำลังรับฟังเสียงอะนาล็อกอย่างยอดเยี่ยมในทุกๆ ด้านอยู่กระนั้น ทำให้คุณได้ซึมซับและหลอมรวมเข้าไปกับดนตรีที่เต็มไปด้วยความสมจริงอย่างเป็นธรรมชาติ นำพาคุณให้อิ่มเอมใจในรายละเอียดต่างๆ ราวกับกำลังรับฟังดนตรีอันสมจริงแสดงอยู่ตรงหน้ากระนั้น ให้คุณรับรู้ได้ถึงทรานส์เซี้ยนและทิมเบอะ (timbre) ของเสียงดนตรี แต่ละชิ้นแต่ละประเภทอย่างแม่นยำด้วยความสมจริง
ย้ำกันอีกครั้งว่า “FL CD Three S” จะทำให้คุณได้เข้าถึงห้วงอารมณ์เพลงที่รับฟังได้อย่างมีอรรถรสที่แตกต่างจากความคุ้นชินที่เคยได้รับมาก่อนหน้า ทั้งในแง่ของมวลบรรยากาศรายรอบอันอบอวล รายละเอียดเสียงต่างๆ ที่ให้ความมีตัวตน รวมไปถึงเรื่องของความถูกต้องของน้ำเสียง รวมถึงความฉับพลันทันใด (dynamic) อันเปี่ยมในการไหลลื่นของเสียงอย่างสมจริง แม้แต่ช่วงปลายหางเสียงอันแผ่วเบา ความกังวานทอดยาว และพละพลิ้วราวอณูเสียงของปลายเสียงสูงๆ ที่เปิดโปร่งอย่างมากๆ นอกเหนือจากสำเนียงเสียงอันเนียนนุ่ม ฉ่ำชุ่มโสตประสาท เปี่ยมในความมีน้ำนวล ละมุนละไม เพียบพร้อมด้วยเรี่ยวแรงพลัง และน้ำหนักเสียงที่มีตัวมีตนมีชีวิตชีวา
Technical Data
- Frequency response: 0.5 Hz ˜ 20 KHz ± 0.1dB
- Dynamic Range: 126 dB
- THD: + noise: <0,01%
- Noise: >- 113 dB
- Balanced and Unbalanced outputs
- Maximum output voltage: 2.5 Vrms
- Output impedance: 200 Ohm
- Digital Output: PCM S/PDIF
- Stand-by power consumption: less than 0,5 W
- Operation Power consumption: 30 W
- Main voltage AC (50-60 Hz): 100, 110-115, 220-230, 240 V
- Dimensions: 450x110x430 mm (WxHxD)
- Weight: 10 Kg
- Shipping dimensions: 550x250x580 mm (WxHxD)
- Shipping weight: 15 Kg
Optional Digital Board:
Inputs:
• 1 XLR AES/EBU
• 1 coaxial SPDIF
• 2 opticals
• 1 asynchronous USB
All digital inputs are insulated.
The USB input can accept files 32 bit 384KHz