Genesis Advanced Technologies …go on !
ในอดีต …ถ้าคุณเป็นนักเล่น-นักฟังเครื่องเสียงที่มีอายุราวๆ เลข 5 เลข 6 นำหน้า น่าจะยังจดจำได้ดีว่า ระบบลำโพงชั้นสุดยอดที่ทุกคนต้องถวิลหากันก็ว่าได้ในเวลานั้น ย่อมหนีไม่พ้น ระบบลำโพงที่ได้ชื่อว่าเป็น The First Ultra-High End Speaker System นั่นคือ IRS (Infinity Reference System) ลำโพงอเมริกันขนาดใหญ่ยักษ์สูงตระหง่านที่แยกระบบการทำงานออกเป็น 4 ชิ้น/ชุด ใช้ตัวลำโพงขับเสียงความถี่สูงแบบ EMIT (Electromagnetic Induction Tweeter) จำนวนถึง 76 ตัว ทำงานร่วมกันตัวลำโพงขับเสียงความถี่กลางแบบ EMIM (Electromagnetic Induction Midrange) จำนวนถึง 24 ตัว และตัวลำโพงขับเสียงความถี่ต่ำขนาดใหญ่ 12 นิ้วอีก 12 ตัว ด้วยราคาจำหน่ายที่สูงถึง 65,000 ยูเอส.ดอลล่าร์ ในปีค.ศ.1977
โดยที่ Arnie Nudell, John Ulrick และ Cary Christie ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทผู้ผลิตระบบลำโพงที่ว่านี้ในปีค.ศ.1968 …ต่อมา Arnie Nudell ก็ได้ขายกิจการออกไป แล้วมาก่อตั้งบริษัท Genesis Technologies ของตัวเองขึ้นมาในปีค.ศ.1994 โดยการซื้อกิจการต่อมาจาก API บริษัทผู้ผลิตลำโพงรายใหญ่ในแคนาดา และได้นำ ความสำเร็จ เมื่อครั้ง IRS มาพัฒนา-ปรับปรุง จนก้าวล้ำนำหน้าอย่างมาก และกลายมาเป็น Genesis 1 ระบบลำโพงระดับ Flagship รุ่นแรกสุดของ Genesis Technologies ที่มีระดับราคาจำหน่ายสูงมากถึง 235,000 ยูเอส.ดอลล่าร์ ในปีค.ศ.1993
Genesis Technologies ของ Arnie Nudell ประสบปัญหาภายในอย่างหนัก จนเข้าสู่สภาวะบริษัทล้มละลาย กระทั่งถูกธนาคารยึดกิจการไปในช่วง Stock Market Crash ประมาณปี 2001 และต่อมาในปีค.ศ.2002 ทาง ‘Gary Koh’ ก็ได้ติดต่อขอซื้อกิจการ Genesis Technologies กลับคืนมา แล้วนำมาก่อตั้งขึ้นใหม่เป็น Genesis Advanced Technologies หรือ GATดำเนินกิจการมาตั้งแต่นั้นตราบจนปัจจุบัน…. จากนี้ไปเป็นการสัมภาษณ์พูด-คุยกับ Mr. Gary Leonard Koh (ผู้ดำรงตำแหน่งทั้ง President และ CEO ควบคู่กัน ทั้งยังทำหน้าที่เป็น Engineer ของ Genesis Advanced Technologies ด้วย) ที่ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนบริษัท Audio Excellence ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ….อย่างชนิดไม่ตัดทอน หรือ ดัดแปลงใดๆ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าถึงเบื้องลึกของ Genesis Advanced Technologies อย่างถึงแก่น ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น…!!
What HI-FI? : นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเดินทางมาที่ประเทศไทยหรือเปล่าครับ? และจุดประสงค์หลักที่มาเยือนเมืองไทยครั้งนี้ คืออะไร?
Mr. Gary Leonard Koh : ความจริงแล้วผมเดินทางมาที่ประเทศไทยบ่อยครั้งมาก…แต่การมาเยือนในฐานะตัวแทนของ Genesis Advanced Technology ของผมในรอบนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของบริษัท ซึ่งคร่ำหวอดอยู่ในวงการเครื่องเสียงโลกมากว่า 25 ปี แต่ปิดตัวลงไปเมื่อปี 2000 ที่ผ่านมา โดยในปี 2002 ผมได้ซื้อกิจการทั้งหมดของ Genesis Advanced Technology มาไว้ในครอบครอง รวมไปถึงการจ้างวานพนักงานเก่าๆ มาช่วยในเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่คงเอกลักษณ์เดิมไว้ ส่วนในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ ของสินค้าก็ดำเนินการมากว่า 15 ปีแล้วในยุคของผม…และแน่นอนว่าจุดประสงค์หลักในการเดินทางมาที่เมืองไทยในครั้งนี้ คือ การมาเปิดตัวแบรนด์ Genesis Advanced Technology ในประเทศไทย
What HI-FI? : ช่วยกล่าวถึงปรัชญาในการดำเนินงาน และแนวทางการบริหารของ Genesis Advanced Technology ในยุคของคุณ คร่าวๆ ให้ฟังหน่อยครับว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง?
Mr. Gary Leonard Koh : แนวทางในการบริหารและดำเนินงานของ Genesis Advanced Technology ในยุคของผมเองนั้น มีความสอดคล้องกับแนวคิดแบบปรัชญาที่ว่า Trying to be transparent to the music as much as possible หากกล่าวย้อนไปในอดีตเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้…ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในการฟังเพลงเป็นอย่างมาก โดยที่ลำโพงที่ผมชอบมากที่สุด ก็มาจากแบรนด์ Genesis Technology รุ่น Genesis One โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า ลำโพงรุ่นนี้-ดีที่สุดในโลก
แต่เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก เมื่อวันหนึ่งผมได้ไปติดต่อกับ Dealer เจ้าหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ เพื่อจะติดต่อขอซื้อสินค้าจากแบรนด์ Genesis Technology แต่ก็ต้องได้รับข่าวร้ายกลับมาว่า บริษัทเครื่องเสียงเจ้านี้ได้ปิดตัวลงแล้ว เนื่องจากประสบปัญหาด้านการเงินจนล้มละลาย ดังนั้นผมจึงคิดหาทางออกว่า “จะทำยังไงดีหากเรายังคงต้องการผลิตภัณฑ์จาก Genesis Technology โดยทางออกของผมก็คือ หากต้องการลำโพงจากบริษัทที่ล้มละลายแล้ว…เราก็ซื้อบริษัทนั้นเลยก็ละกัน
ซึ่งพอได้มาดำเนินงานก็เลยเอาความชื่นชอบของตัวเอง ผสมผสานเข้าไปในแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ หลังจากได้มีการพูดคุยกับศิลปินหลายๆ คน สรุปแล้ว คือ สินค้าของ Genesis Advanced Technology ในยุคของผม จะไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ให้ Source ที่กำลังเล่นอยู่ นั้นดีขึ้นเกินจริง หรือไม่มีความเป็นธรรมชาติ…เราจะไม่ทำให้ Source แย่ๆ ฟังออกมาอย่างไพเราะเพราะพริ้งผ่านผลิตภัณฑ์ของเรา แต่จะทำให้เสียงออกมานั้นมีความเหมือนจริงและเป็นธรรมชาติตาม “ต้นฉบับสัญญาณ” มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วส่วนนี้เองจะเป็นสิ่งที่ทำให้ Genesis Advanced Technology เป็นแบรนด์ที่สร้างความแตกต่างให้กับตลาดเครื่องเสียงได้อย่างแท้จริง
What HI-FI? : กรุณาเล่าถึงที่มาที่ไปของคุณ ก่อนที่จะมาเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องเสียง Genesis Advanced Technology ว่าเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วแต่ละผลิตภัณฑ์ที่ออกมาสู่ตลาดมีแรงบันดาลใจมาจากอะไร?
Mr. Gary Leonard Koh : ในวัยเด็กของผมนั้นถูกปลูกฝังมาให้ชอบในการฟังเพลงตั้งแต่แต่ เนื่องจากพ่อผมเป็นนักฟังอยู่แต่เดิม ขณะที่ผมอายุ 12 ปี ก็สามารถสร้างลำโพงตัวแรกด้วยตนเองได้แล้ว…คำสอนที่สำคัญของพ่อและเป็นแนวทางการใช้ชีวิตของผม คือ อย่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่ให้เสาะแสวงหาความรู้ไปเรื่อยๆ จนกว่า “ไม่มีอะไรที่จะไม่รู้” เมื่อโตขึ้นมาผมได้มีโอกาสทำงานด้าน Computer Science ให้กับรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ในเรื่องของการวางระบบ Internet ในประเทศและทั่วเอเชีย…
หลังจากผมก็ได้เกษียณออกมาเป็นช่วงเวลาที่ผมเพิ่งจะแต่งงานและเพิ่งจะมีลูก จึงใช้เวลาส่วนมากในการดูแลครอบครัวจนมาถึงในปี 2004 ผมได้มีโอกาสเดินทางไปที่สหรัฐอเมริกาและพบกับ Dealer ที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น คือ Mckay ซึ่งเป็นคนที่แจ้งเกิดให้กับแบรนด์เครื่องเสียงชื่อดังมากมายหลายเจ้า โดยขณะนั้นเขากำลังมองหา วิศวกรเพื่อมาออกแบบ Amplifier ที่สามารถขับลำโพงราคา 16,000 ดอลล่าร์สหรัฐได้
คาดกันว่า Amplifier ตัวนั้นคงมีราคาราว 20,000 ดอลล่าร์สหรัฐ …ผมกลับมองว่าเป็นเรื่องตลกและพนันกับเขาว่า ผมสามารถทำ Amplifier ออกมาเพื่อขับลำโพงตัวนั้นได้ในงบแค่ 4,000 ดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น …ขอสารภาพตามตรงว่า ขณะนั้นผมยังเป็นเด็กที่ห้าวและโง่เขลาอยู่พอควรที่พูดแบบนั้นออกไป อย่างไรก็ตามหลังเวลาผ่านไปนานถึง 3 ปี ผมก็สามารถทำ Amplifier ตัวนั้นออกมาได้สำเร็จ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจไปตั้งถิ่นฐานที่สหรัฐอเมริกาในปี 2006 หลังเทคโอเวอร์ Genesis Advanced Technology มาได้สักพักหนึ่งแล้ว (ก่อนหน้านั้นผมจ้างคนมาบริหารงานและออกแบบผลิตภัณฑ์)
หลังจากได้ไปตั้งหลักปักฐานอยู่ที่ USA. ก็เริ่มศึกษาเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่ตั้งใจที่จะทำออกมา เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองโดยเฉพาะเป็นสำคัญ อย่างเช่น Amplifier ก็ทำออกมาให้สามารถมีแรงขับลำโพงตัวใหญ่ๆ ที่มีความต้านทานต่ำๆ ได้โดยไม่มีปัญหา แล้วค่อยๆ เพิ่มความต้องการของตนเองไปเรื่อยๆ ทั้งราคาที่ต้องเหมาะสม และเสียงดีเป็นต้น ส่วนการทำสาย Cable ก็มาจากเหตุการณ์ใน Lab วันหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องเปลี่ยนสาย Cable เนื่องจากว่ามันสั้นไป แล้วก็ทำให้ผมพบความจริงที่ว่า สาย Cable ต่อให้เป็นรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน แต่ระยะความยาวแตกต่างก็ทำให้เสียงเปลี่ยนไป ต่อให้ผมพยายามจับปรับแต่ง เปลี่ยนนั่น เปลี่ยนนี่ ยังไงก็ไม่ได้เสียงเดิมที่ต้องการ ผมก็เลยเริ่มทำสาย Cable ด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้เสียงที่ต้องการ
…สุดท้ายผลิตภัณฑ์ที่ผมทำออกมาเพื่อใช้เองใน Lab เหล่านี้ เมื่อถูกคนอื่นได้ฟัง ได้เห็น ได้ทดลอง ก็กลายเป็นว่า ไปถูกใจคนเหล่านั้นเข้า แล้วพยายามชักจูงต่างๆ นานา ให้ผมตัดสินใจขายให้ ดังนั้นผมก็ไม่มีทางเลือก จึงต้องทำสินค้าเหล่านั้นออกมาขาย…อีกปัจจัยสำคัญที่ผมพยายามทำสินค้าออกมาให้ครอบคลุมทั้งชุด ก็คือ เวลาที่ต้องไปออกงานโชว์เครื่องเสียงต่างๆ หลายๆ งานในประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วทางบริษัทจำเป็นต้องหยิบยืมของมาใช้ในการจัดงานนั้นๆ ทำให้เสียงที่ได้ออกมามันไม่เป็นอย่างที่ผมต้องการ เลยตัดสินใจที่จะทำออกมาเองเลย น่าจะดีกว่า และง่ายกว่าที่ต้องมานั่งหาจุดบกพร่องว่าเป็นเพราะอะไร…
แรกเริ่มเดิมทีผมเคยเขียนแนวทางการทำ Music Server ไว้บนเว็บไซต์ ซึ่งตอนแรกๆ หลายๆ คน มองว่า มันตลกดูไร้สาระ ไม่น่าได้ผลบ้าง พอเวลาผ่านมาสักพักก็เห็นว่ามันทำได้จริง ดีขึ้นจริง แต่ก็มีบางคนนะที่ทำตามแนวทางแล้วกลับไม่ได้เสียงตามที่ต้องการ เมื่อผมสอบถามรายละเอียดลึกลงไปก็ปรากฏว่า ไปเปลี่ยนรายละเอียดของชุดนั้นๆ ให้เป็นไปตามที่เขาอยากเลยไม่ได้ผล
What HI-FI? : ในมุมมองของคุณ ผลิตภัณฑ์รุ่นไหนของ Genesis Advanced Technology ที่นับว่าสุดยอดที่สุดครับ?
Mr. Gary Leonard Koh : The Dragon หรือชื่อเต็มๆ คือ Genesis Dragon ด้วยเหตุผลของความซับซ้อนและยุ่งยากในการผลิตลำโพงตัวนี้ ซึ่งใช้เวลาในการผลิตถึงกว่า 9 เดือนด้วยกัน โดยผลิตภัณฑ์ตัวนี้ทำให้ผมเข้าใจถึงความซับซ้อนยุ่งยากในการเข้าถึงรายละเอียดสำหรับการสร้างลำโพงที่ยอดเยี่ยมสักหนึ่งตัว ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารกว่า 7 ฟุตครึ่ง น้ำหนักระดับเป็นตัน แต่มีความแตกต่างกว่าลำโพงทั่วไปอย่างชัดเจนตรงที่ว่ามันให้ความสมจริงของเสียงอย่างน่าทึ่ง ทั้งๆ ที่ลำโพงทั่วไปจะให้เสียงที่เกินจริง ยกตัวอย่างเช่น เสียงไวโอลินที่ได้ยินในเพลงกลับดูใหญ่โตโอฬารเหมือนดั่งแกรนด์เปียโน ในทางกลับกัน Genesis Dragon จะให้เสียงไวโอลิน ในสเกลของไวโอลินที่ดูเล็กๆ เสมือนจริง แต่พอเวลาที่ฟังวงเต็มระดับออร์เคสตร้า The Dragon ก็จะให้เสียงเทียบเท่ากับออร์เคสตร้าเต็มวง
What HI-FI? : แล้ว The Dragon ใช่ลำโพงตัวโปรดของคุณหรือไม่ครับ?
Mr. Gary Leonard Koh : “ไม่เลย” สำหรับตัวผมเองแล้วลำโพงตัวโปรด คือ Genesis 7.2 B ต่างหากที่เป็นลำโพงตัวโปรดของผม เพราะว่า ความสามารถของมันนั้น Perfect สำหรับลำโพงในไซน์เท่านี้ ซึ่งเป็นงานยากของผมมากๆ ที่จะสร้างลำโพงแบบ Cost No Object ในราคา 36,000 ดอลล่าร์สหรัฐ …หากพูดตามตรงแล้วผมใช้เวลาและใส่ใจในการสร้างลำโพงตัวนี้มากพอๆ กับ Genesis Dragon ที่มีราคาแตกต่างกันอย่างมาก บางทีลำโพงตัวนี้อาจจะดูราคาถูกไปเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับลำโพงตัวอื่นๆ ของ Genesis แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นตัวโปรดที่สุด… เน้นที่การขับได้ง่าย ไม่เลือกแอมป์ และสะดวกสบายต่อการใช้งาน ดังนั้นผมจึงมีเจ้าลำโพงรุ่นนี้อยู่ในหลายๆ ที่ ทั้งห้องนอน, ออฟฟิศ, ห้องนั่งเล่น, ยกให้ภรรยา และให้ลูกสาวของผมคนละคู่อีกด้วย… ลำโพงระดับ 6 โอห์มย่อมง่ายที่จะหาอุปกรณ์ที่นำมาจับคู่ ซึ่งถ้าคุณเลือก Source ที่เหมาะสมให้กับขนาดของมันแล้ว รับรองว่า Genesis 7.2 B จะให้เสียงที่คุณไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
What HI-FI? : ในอดีตนั้น Genesis Technology มีลำโพงระดับ Flagship ที่แบ่งเป็น 4 ชิ้นแยกกัน ซึ่งมีคุณภาพระดับสุดยอด เฉกเช่นเดียวกับ Infinity IRS แล้วในปัจจุบันมีลำโพงรุ่นไหนที่ให้ศักยภาพระดับเดียวกันนี้?
Mr. Gary Leonard Koh : หนีไม่พ้น Genesis Dragon อย่างแน่นอน ที่สามารถอยู่ในระดับนั้นได้ ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า Infinity IRS และระดับสเปคที่สูงกว่า ยกตัวอย่างเช่น 12 Channels Amplification สำหรับขับลำโพงวูฟเฟอร์ทั้ง 12 ตัว และด้วยกำลังขับ 1,200 วัตต์ต่อแชนแนลร่วมกับซับวูฟเฟอร์ขนาด 24 นิ้ว ในความเป็นลำโพงแบบ 4 ทิศทาง แถมเป็น 4 ชิ้นเช่นเดียวกันอีกต่างหาก (หัวเราะ)
What HI-FI? : คุณมีความคิดเห็นอย่างไร? เกี่ยวกับเทคโนโลยี High Resolution Audio ในโลกดิจิตอล ณ ปัจจุบันครับ
Mr. Gary Leonard Koh : ผมชื่นชอบ High Resolution Audio เพราะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการฟังเพลง แต่…มันก็มีข้อเสียที่ไม่สามารถแก้ได้ ก็คือ ขณะที่เราฟังเราไม่สามารถเห็นตัว Source ที่กำลังเล่นอยู่ และไม่สามารถสัมผัสหรือแตะต้องมันได้ในความเป็นจริง ซึ่งถ้าหากไฟล์ต้นทางมีการบันทึกมาอย่างดีแล้วไม่ว่าจะอยู่ในฟอร์แมทไหน ก็จะยิ่งดีขึ้นไปเรื่อยๆ ตามชนิดไฟล์ ต่อให้บางทีไฟล์เป็นไฟล์ MP3 มา ถ้าหากบันทึกมาอย่างยอดเยี่ยมแล้ว ก็อาจจะมีคุณภาพดีกว่า ไฟล์ High Resolution Audio ที่บันทึกมาแย่ๆ ก็เป็นไปได้
ดังนั้นผมจึงบอกลูกค้าของผมที่เป็นนักฟังแนว Audio File ว่า อย่าพยายามไปกังวลถึงเรื่องของไฟล์ฟอร์แมตมากเกินไปนัก เนื่องจากสิ่งที่สำคัญจริงๆ แล้ว คือเสียงเพลงหรือดนตรีที่ศิลปินบรรเลงให้เราฟังด้วยความตั้งใจต่างหาก…ขนาดผมเองเป็นคนที่ชอบฟังเพลงมากๆ ฟังมันทุกชนิด ตั้งแต่ แผ่นเสียง, CD และไฟล์ตระกูลดิจิตอลอีกมากมายหลายชนิด ถ้าให้ยอมรับตามตรงแล้วผมชอบแผ่นเสียงมากที่สุด อาจเหมารวมถึงเทปด้วย อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วคงไม่มีใครสามารถพกแผ่นเสียงติดตัวไปฟังข้างนอกได้เป็นสิบๆ แผ่นหรอก ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งบางคราวก็เป็นเรื่องที่น่าตลกว่า แผ่นเสียงบางแผ่นกลับมีคุณภาพที่บันทึกมาแย่กว่าซีดี หรืออัลบั้มดีๆ บางอัลบั้มกลับไม่ทำแผ่นเสียงออกมา…ดังนั้นจึงกลายเป็นว่า Format ที่ทุกคนสามารถหาได้ทุกๆ อัลบั้ม กลับกลายเป็น MP3 โดยข้อดีของมันก็คือพกพาไปได้ทุกที่….(หัวเราะ)
What HI-FI? : คุณวางแผนการตลาดในย่านตลาดอาเซียนไว้อย่างไรบ้างครับ?
Mr. Gary Leonard Koh : สารภาพตามตรงว่า ผมไม่ได้วางแผนในเรื่องของการตลาดเอาไว้อย่างชัดเจน เพราะว่า ในส่วนนี้จะเป็นหน้าที่โดยตรงของ Dealers มากกว่า ซึ่งหน้าที่ของผม คือทำทุกวิธีทางเพื่อช่วยและผลักดัน Dealers อย่างเต็มที่ในทุกๆ ด้าน เพราะว่า ถ้าผมไม่ทำหน้าที่ในส่วนนี้แล้ว การทำยอดขายของ Dealers คงจะลำบากมากขึ้น เนื่องจากขาดคนที่ให้ความรู้ความเข้าใจในสินค้าแต่ละตัวอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นผมจึงดูแล Dealers ของบริษัทเปรียบเสมือนลูกค้าคนสำคัญที่สุดเสมอมา โดยถ้าผมสามารถทำอย่างนี้ได้ตลอดก็ไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องของการตลาด เนื่องจาก Genesis Advanced Technology ไม่ใช่บริษัทที่เน้นทำตลาดแบบ Direct Sell และนี่เองเป็นเหตุผลสำคัญที่ผมต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ เพื่อไปดูแล Dealers แต่ละเจ้าอย่างดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
What HI-FI? : สินค้าตัวไหนเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในละแวกแถบอาเซียนครับ?
Mr. Gary Leonard Koh : ลำโพงรุ่น Genesis 2.2 Junior เป็นสินค้าที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายมากที่สุดในแถบนี้ ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าลำโพงรุ่นนี้นั้นเป็นรุ่นใหญ่และมีราคาแพงกว่า Genesis 7.2 F ถึง 8 เท่าแต่กลับขายดีกว่า อาจเป็นเพราะ ลูกค้าในแถบนี้มีกำลังซื้อที่สูงก็เป็นได้ (หัวเราะ)
What HI-FI? : คุณมองตลาดเครื่องเสียงในประเทศไทยว่าเป็นอย่างไร? และในแถบอาเซียน ยอดขายสินค้า Genesis Advanced Technology สูงสุด 5 อันดับแรกมีประเทศอะไรบ้างครับ?
Mr. Gary Leonard Koh : ขอตอบตรงๆ นะครับว่า ผมอยู่ในสถานการณ์ที่เฉพาะตัวมากๆ ในเรื่องของยอดขายสินค้า เพราะว่า ผมเป็นคนที่ไม่สนใจเลยว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ของผมจะออกมามากหรือน้อย แต่สิ่งที่ผมกังวลมากที่สุด คือ เรื่องของความสัมพันธ์ที่ดีกับ Dealer มากกว่า…ต่อให้ Dealer เจ้าไหนทำยอดขายให้กับผมได้มหาศาล แต่ผมไม่ชอบอัธยาศัยและการวางตัวของเขาต่อผม…สุดท้ายแล้วผมก็จะไม่มีวันร่วมงานกับเขา
ต่างจากคุณ วุฒิ ลานรุ่งโรจน์ (คุณวู้ดดี้) ที่เราชอบพอและเคารพซึ่งกันและกันอยู่เป็นทุนเดิม…เพราะกว่าที่ คุณวู้ดดี้ จะยอมร่วมงานกับผมก็ต้องรอเกือบ 10 ปีเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่ในระหว่างนั้น ก็มี Dealer เจ้าอื่นๆ ติดต่อมาหาผมหลายเจ้า แต่ทุกเจ้าก็มักจะเข้ามาหาผมแล้วก็บอกว่า “คุณรู้ใช่รึเปล่าว่า ตลาดเครื่องเสียงในประเทศไทยนั้นยากนะ?” ผมก็ปฏิเสธพร้อมกับคิดในใจว่า ถ้ายากและคุณจะทำไปเพื่ออะไร? ซึ่งต่างจาก คุณวู้ดดี้ โดยสิ้นเชิงที่บอกผมว่า ตลาดเมืองไทยนั้นท้าทายมากนะ…เรามาตีตลาดแล้วประสบความสำเร็จไปร่วมกันดีกว่า (หัวเราะ)
โดยลึกๆ แล้วผมเชื่อว่า นักเล่นในประเทศไทยมีกำลังซื้อที่มากพอสมควร และต่อให้ตลาดจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน มันไม่สำคัญสำหรับผมเลย ขอแค่ให้มีคนที่รักเสียงเพลงเหมือนกันอยู่ก็พอ เนื่องจากในทุกวันนี้ผมไม่ได้รับแรงกดดันจากธนาคารในเรื่องปัญหาด้านการเงินอยู่แล้ว
What HI-FI? : ปัจจุบันนี้สินค้าทุกตัวของ Genesis Advance Technology ยังคงทำในสหรัฐอเมริกา (Made in USA.) ใช่หรือไม่ครับ?
Mr. Gary Leonard Koh : แน่นอนอยู่แล้ว…เพราะผมพยายามที่จะให้ทุกชิ้นส่วนของสินค้านั้นออกมาจาก Seattle ให้ได้มากที่สุด เนื่องจากเวลาเกิดปัญหาขึ้นกับสินค้าของเราไม่ว่าจะจุดไหน…ผมจะได้เข้าไปดูแลได้อย่างทั่วถึง เพราะถ้าให้ผมต้องเดินทางไปดูปัญหาที่ Dealer สาขาต่างๆ แถมต้องสั่งของจากนอกประเทศเข้ามาอีกคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากในการดูแล ดังนั้นผมจึงพยายามทำด้วยตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยกตัวอย่างเช่น โรงงานที่ทำตัวตู้ลำโพง (Cabinet) ก็อยู่ห่างจากบ้านผมไปไม่ไกลใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง หรือแม้แต่ โรงงานที่ทำ Chassis ผมก็สามารถขับรถไปถึงได้ใน 1 ชั่วโมงครึ่ง …อย่างไรก็ตามก็อาจจะมีบางชิ้นส่วนที่จำเป็นต้องสั่งจากต่างประเทศให้ผลิตตามสเปคชีทที่เราสั่งไป อาทิ เช่น ตัว Capacitor ที่อาจต้องสั่งจาก สวิตเซอร์แลนด์หรือเยอรมันเข้ามา รวมไปถึง Basket ของตัวซับวูฟเฟอร์ที่ไม่มีโรงงานไหนในประเทศสหรัฐอเมริกาและแถบใกล้เคียงผลิตเลย แทบจะทุกบริษัทที่ทำลำโพงต้องสั่งมาจากจีนทั้งนั้น เนื่องจากแหล่งผลิตชิ้นส่วนตัวนี้มีแค่ที่นั่นเท่านั้น (หัวเราะ)
What HI-FI? : สุดท้ายนี้มีอะไรอยากฝากไปถึงแฟนๆ ในประเทศไทยบ้างไหมครับ?
Mr. Gary Leonard Koh : สั้นๆครับ “Respect the Music” เพราะถ้าไม่มีบทเพลงและเสียงดนตรีที่มีค่าเหล่านั้น ลำโพงก็ไร้ความหมาย ไร้ค่า ไปโดยสิ้นเชิง เพราะถ้าคุณไม่สนับสนุนเหล่าศิลปิน แล้วใครจะมาทำเพลงให้คุณฟัง? แล้วคุณจะมีเครื่องเสียง หรือลำโพงแพงๆ ไปเพื่ออะไร? ทั้งที่คุณยังไม่ยอมจ่ายค่า File เพลงที่เป็นจำนวนเงินแค่เล็กน้อย แต่คุณกลับ Download กันมาฟรีๆ เพื่อฟัง ส่วนศิลปินที่รังสรรค์ผลงานออกมา กลับไม่ได้อะไรเลยจากการลงทุนของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นค่าสตูดิโอ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เสียไปเพื่อให้งานเพลงออกมาดีที่สุด…
ผมเคยเห็นภาพที่สะเทือนใจของศิลปินเหล่านี้ที่จำต้องยอมแพ้มามากแล้ว ทั้งคนที่ยอมขายอุปกรณ์ที่รักของตนมาเพื่อต่อทุนทำอัลบั้มต่อไป และ คนที่ยอมแพ้ขนาดขายเครื่องไม้เครื่องมือคู่ชีพทิ้งเพื่อเอาเงินมาใช้ชีวิตต่อ แล้วหันไปหาทางอื่นในการควานหารายได้โดยการขับแท็กซี่ แม้แต่ศิลปินชื่อดังบางคนที่ดูว่าขายผลงานเพลงได้อย่างดี แต่ทว่าได้รายได้กลับมาแบบยังไม่คืนทุนด้วยซ้ำ แต่จำต้องควักเนื้อออกทุนเพิ่ม เพื่อทำอัลบั้มต่อไปแล้ว…ดังนั้นผมจึงอยากขอให้ทุกคนมีความเคารพในสิทธิของศิลปิน รวมไปถึง “คงความเป็นคน” เอาไว้ด้วย เราๆ ท่านๆ จะได้มีเพลงฟังกันต่อไป… (หัวเราะ)
What HI-FI? : ขอบคุณมากครับ สวัสดี….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..