จิม เดวิส ประธาน MoFi กล่าวถึงข้อโต้แย้งประเด็นดิจิทัล LP มาสเตอริ่ง

0

ถอดความจากส่วนหนึ่งของบทสัมสัมภาษณ์ ระหว่าง จิม เดวิส ประธานค่าย Mobile Fidelity Sound Lab และ ไมเคิล เฟรมเมอร์ คอลัมนิสต์สายแอนะล็อกชื่อดัง ทาง จิม เดวิส ได้พูดถึงเรื่องการใช้ไฟล์ DSD ในการทำมาสเตอริ่งอัลบั้มแผ่นเสียง ต้นเรื่องจากประเด็นก่อนหน้านี้ ที่ทาง  MoFi ออกมายอมรับว่า การผลิตไวนิลอัลบั้มบางเบอร์ของบริษัทไม่ได้ใช้กระบวนการแบบแอนะล็อกทั้งหมด

จิม เดวิส ได้อธิบายถึงเหตุผลดังกล่าว สาเหตุเนื่องมาจากนโยบายยกเลิกการจัดส่งมาสเตอร์เทปของค่ายเพลงต้นสังกัดมายัง MFSL ทำให้เกิดปัญหาเรื่องของการตัดแผ่นแลคเกอร์ และวิธีการทำ copy มาสเตอร์ด้วยเทปสต็อก ก็มีปัญหาเรื่องของ noise-floor ที่สูงเกินจะรับได้ ดังนั้น กระบวนการแคปเจอร์มาสเตอร์เทปเป็นไฟล์ DSD จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในการดึงข้อมูลจากมาสเตอร์เทปต้นฉบับออกมา เพราะได้ทั้งความโปร่งใสและมีระดับของ noise-floor ที่ต่ำมาก เดวิส เคลมว่าด้วยวิธีการนี้ ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่ากระบวนการตัดแผ่นแลกเกอร์จากแอนะล็อกมาสเตอร์เทปโดยตรง

โดยกระบวนการแคปเจอร์ไฟล์มาสเตอร์ DSD ที่ความละเอียด DSD64 จะถูกใช้ในช่วงปี 2011 จนถึง 2014 ด้วยเครื่อง A/D ของ Meitner และอัพเกรดเป็นไฟล์มาสเตอร์ DSD256 โดยใช้ A/D ของ Merging Technologies หลังจากนั้นเมื่อเทคโนโลยีดีขึ้น

สำหรับอัลบั้มแรกที่ทาง MoFi เริ่มทำมาสเตอริ่งด้วยไฟล์ DSD คือ ‘I Left My Heart in San Francisco’ ของศิลปิน โทนี เบนเนต ซึ่งวางจำหน่ายในปี 2011 ส่วนอัลบั้มสุดท้ายที่แคปเจอร์และตัดแลกเกอร์จากมาสเตอร์เทปโดยไม่ใช้กระบวนการ DSD เลยก็คืออัลบั้ม ‘If I Could Only Remember My Name’ ของศิลปิน เดวิด ครอสบี นอกเหนือจากนั้น อัลบั้มจาก MoFi ตั้งแต่ต้นปี 2020 จะใช้ไฟล์ DSD ในการทำมาสเตอริ่งทั้งหมด เว้นเสียจากบางอัลบั้ม ที่มาสเตอร์ต้นฉบับบันทึกมาเป็นฟอร์แมตดิจิทัลตั้งแต่แรก สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและรายชื่ออัลบั้มได้ทางเวปไซต์ของ MoFi ซึ่งจะมีการอัพเดตทุกวัน