จากรุ่นสู่รุ่น! สตูดิโอมอนิเตอร์คอมแพ็คไซส์ JBL4310 ถึง 4312G

0

DAWN NATHONG

ย้อนกลับไปกว่าครึ่งศตวรรษ JBL ผลิตลำโพงมอนิเตอร์สามทางรุ่น 4310 ขึ้นเพื่อใช้ในห้องอัดแทนมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย กระทั่งถูกนำไปต่อยอด ปรับโฉมตัวตู้ใหม่กลายเป็น L100 เน้นเจาะตลาดกลุ่มลำโพงบ้านในเวลาต่อมา และผลิตรุ่น 4311 เพื่อใช้ในห้องอัดแทน ซึ่งจากแผนการตลาดชั้นยอดของ ดร. ฮาร์แมน ในครั้งนั้น ทำให้ JBL L100 สร้างปรากฎการณ์ลำโพงที่มียอดขายถล่มทลายถึง 125,000 คู่ในช่วงปี 1970

จุดเด่นของ 4310 คือตัวขับทั้งหมด (123A-1, LE5-2, LE20-1) จะใช้แม่เหล็ก Alnico V ที่เสถียรต่ออุณหภูมิ และให้ความแรงแม่เหล็กสูงสุดเมื่อเทียบกับแม่เหล็กประเภทอื่นในขนาดเดียวกัน ไดร์เวอร์จะขยับตัวตอบสนองต่อสัญญานได้อย่างฉับไว เหมาะกับแนวดนตรีคึกคักอย่างร็อคแอนด์โรล หรือดิสโก้ ที่เฟื่องฟูสุด ๆ ณ ช่วงเวลานั้น โดยตอบสนองความถี่อยู่ในช่วง 45Hz – 15kHz (+/– 3 ดีบี) ในขณะที่ 4311 ตัวทวีตเตอร์จะถูกเปลี่ยนรุ่นเป็น LE25 รุ่นแม่เหล็กเฟอไรท์

JBL ตระกูล 431x ถูกยกเครื่องใหม่เป็น 4312 ราวปี 1987 กลายมาเป็นโฉมคล้ายเวอร์ชั่นปัจจุบัน จัดเรียงไดร์เวอร์แบบเงาสะท้อน (Mirror-Image) มีการนำแม่เหล็กเฟอไรท์และนีโอไดเมียมเข้ามาทดแทนแม่เหล็ก Alnico ที่หายากและราคาถีบตัวขึ้นสูง คิดค้นเทคนิคการออกแบบมอเตอร์ตัวขับใหม่ มีเทคนิคการแดมปิ้งกรวยกระดาษด้วยสารเคลือบต่าง ๆ เพื่อลดเรโซแนนท์ รวมถึงเปลี่ยนจากทวีตเตอร์โดมกระดาษมาเป็นโลหะ เช่น ไทเทเนียมบริสุทธิ์ที่ตอบสนองความถี่สูงได้ไกลขึ้น

JBL สตูดิโอมอนิเตอร์ 4312 มีการปรับปรุงแบบไมเนอร์เชนจ์ รวมถึงเทคโนโลยีด้านวัสดุ ต่อเนื่องเรื่อยมาอีกหลายเวอร์ชั่น กระทั่งถึง 4312G เวอร์ชั่นล่าสุดที่ใช้ 4310 เป็นแรงบันดาลใจ ออกแบบให้ตอบสนองกับไดนามิกเสียงไฮเรสออดิโอได้ดียิ่งขึ้น และไม่จำกัดตำแหน่งการฟังแค่ Near-Field เหมือนโมเดลเก่า ๆ อีกต่อไป