AirPods ใหม่มาพร้อมระบบเสียงตามตำแหน่งและเสียงระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น และดีไซน์แบบใหม่หมด
คูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนีย วันนี้ (19 ตุลาคม 2564) Apple ประกาศเปิดตัว AirPods รุ่นที่ 3 พร้อมระบบเสียงตามตำแหน่ง คุณสมบัติขั้นสูงและประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ในดีไซน์ใหม่แบบโค้งมน การผสมผสานระหว่างพลังของชิป H1 เข้ากับดีไซน์อะคูสติกที่ออกแบบโดย Apple ทำให้ AirPods ใหม่สามารถมอบประสบการณ์การฟังสุดล้ำพร้อม EQ แบบปรับได้เองด้วยการใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะได้เพลิดเพลินกับระบบเสียงตามตำแหน่งที่มาพร้อม Dolby Atmos ใน Apple Music, ภาพยนตร์ และรายการทีวีพร้อมด้วยการติดตามศีรษะแบบไดนามิกบนอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple AirPods ใหม่นั้นมีความสามารถในการทนเหงื่อและน้ำ ทั้งยังมาพร้อมเซ็นเซอร์แรงกดเพื่อการควบคุมเพลงและการโทรที่ง่ายดายและเป็นธรรมชาติอีกด้วย อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นทำให้สามารถฟังได้นานถึง 6 ชั่วโมง1 และฟังได้นานถึง 30 ชั่วโมงด้วยเคสชาร์จที่ใช้งานสะดวก AirPods (รุ่นที่ 3) เข้าร่วมในตระกูลหูฟังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าวว่า “AirPods ได้เปลี่ยนแปลงหูฟังไร้สายไปตลอดกาลด้วยดีไซน์สุดล้ำ เสียงอันน่าทึ่ง และประสบการณ์ที่มหัศจรรย์” “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เปิดตัว AirPods เจเนอเรชั่นใหม่พร้อมประสบการณ์ด้านเสียงที่ไม่มีใครเทียบเท่าด้วย EQ แบบปรับได้เองและระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกรวมไปถึงการโต้ตอบอย่างราบรื่นระหว่างอุปกรณ์ Apple ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้หูฟังที่ขายดีที่สุดในโลกยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นอีก”
ดีไซน์ใหม่หมด
ดีไซน์ใหม่ของ AirPods นั้นมีน้ำหนักเบาและมาในรูปทรงโค้งมน แล้วยังทำมุมได้ลงตัวพอดีกับหู ทำให้ทั้งใส่สบายและเสียงเข้าสู่หูของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ก้านยังสั้นกว่ารุ่นก่อนหน้าเพื่อมอบลุคที่ดูเรียบง่ายยิ่งขึ้น และมาพร้อมเซ็นเซอร์แรงกดแบบเดียวกับ AirPods Pro เพื่อการควบคุมที่ง่ายดาย AirPods ใหม่นั้นมีความสามารถในการทนเหงื่อและน้ำที่ระดับ IPX4 สำหรับทั้งหูฟังและเคสชาร์จ2
คุณสมบัติด้านเสียงสุดล้ำ
AirPods (รุ่นที่ 3) พัฒนาขึ้นจากคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยมซึ่งเป็นเรื่องที่ AirPods ขึ้นชื่ออยู่แล้ว โดยเริ่มจากไดรเวอร์แบบเฉพาะและตัวขยายสัญญาณที่มีช่วงไดนามิกสูงที่ทำงานร่วมกันเพื่อถ่ายทอดเสียงเบสอันทรงพลังพร้อมด้วยเสียงสูงที่คมชัดและใสสะอาด ไมโครโฟนหุ้มด้วยผ้าตาข่ายอะคูสติกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากลม เสียงของผู้พูดจึงดังชัดเจนระหว่างคุยโทรศัพท์ AirPods ยังมาพร้อม AAC-ELD ซึ่งเป็นตัวแปลงสัญญาณเสียงพูดที่เหนือชั้นเพื่อมอบคุณภาพเสียงระดับ Full HD การโทรแบบ FaceTime จึงฟังชัดเจนและเป็นธรรมชาติเสมอ
AirPods ใหม่ใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อนำประสบการณ์ล้ำสมัยที่ลูกค้าชื่นชอบบน AirPods Pro และ AirPods Max อย่าง EQ แบบปรับได้เองและระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกมามอบให้กับผู้ใช้จำนวนมากขึ้น
AirPods ใหม่มาพร้อมคุณสมบัติ EQ แบบปรับได้เองที่จะปรับเสียงให้เข้ากับหูของคุณแบบเรียลไทม์ เพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่สมบูรณ์แบบพร้อมรายละเอียดที่เต็มอิ่ม ไมโครโฟนที่หันเข้าด้านในจะคอยตรวจสอบเสียงที่ผู้ใช้ได้ยิน จากนั้น EQ แบบปรับได้เองซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์จะปรับแต่งเสียงต่ำและกลางเพื่อชดเชยรายละเอียดที่อาจหายไปจากระดับความกระชับที่ต่างกัน
ระบบเสียงตามตำแหน่งจะทำให้เสียงอยู่ล้อมรอบตัวผู้ใช้เพื่อสร้างประสบการณ์การฟังแบบสามมิติที่เหมือนในโรงภาพยนตร์ และเมื่อมาพร้อม Dolby Atmos ด้วยแล้ว บอกเลยว่า นี่จะเป็นเสียงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยได้ยินจาก AirPods ผู้ใช้ยังสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์แบบหลายมิติด้วยการติดตามศีรษะแบบไดนามิกที่จะทำให้เพลง วิดีโอ และแม้แต่การโทร FaceTime แบบกลุ่มให้ความรู้สึกสมจริงยิ่งกว่าที่เคย การใช้อัลกอริทึมระบบเสียงตามตำแหน่งขั้นสูงและการใส่ฟิลเตอร์กำหนดทิศทางเสียงเพื่อปรับความถี่ที่หูแต่ละข้างอย่างแนบเนียนทำให้ผู้ใช้ AirPods ใหม่ได้ยินเสียงแบบโอบล้อมรอบตัว
ประสบการณ์อันมหัศจรรย์
ผู้ใช้สามารถตั้งค่าด้วยการแตะครั้งเดียวเพื่อจับคู่ AirPods กับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ โดยอัตโนมัติ จากนั้นก็เพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้ตลอดทั้งวัน คุณสมบัติ “การแชร์เสียง” ช่วยให้ผู้ใช้แชร์สตรีมเสียงระหว่าง AirPods, AirPods Pro หรือ AirPods Max สองคู่ได้ง่ายๆ บน iPhone, iPad, iPod touch หรือ Apple TV
เซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนังแบบใหม่จะสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างหูกับพื้นผิวอื่นๆ อย่างกระเป๋าเสื้อหรือโต๊ะได้อย่างแม่นยำ และจะหยุดเล่นชั่วคราวเมื่อ AirPods ไม่ได้อยู่ในหู นอกจากนี้ไมโครโฟนแบบบีมฟอร์มมิ่งจะช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้างออกและโฟกัสที่เสียงของผู้ใช้เพื่อช่วยให้เสียงชัดเจนขึ้น และผู้ใช้ยังเพลิดเพลินกับประสบการณ์แบบแฮนด์ฟรีได้ด้วยการพูดว่า “หวัดดี Siri” เพื่อขอให้ Siri ช่วยทำสิ่งต่างๆ
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น
AirPods (รุ่นที่ 3) มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้า 1 ชั่วโมง โดยสามารถใช้ฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมงและสนทนาได้นานสูงสุด 4 ชั่วโมง การชาร์จเพียง 5 นาทีจะทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง และใช้ฟังได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อชาร์จในเคสชาร์จอีก 4 รอบ3 และวันนี้ AirPods ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ MagSafe เพื่อการชาร์จแบบไร้สายที่สะดวกสบายอีกด้วย
AirPods พร้อมด้วย iOS และ iPadOS
AirPods มาพร้อมความสะดวกสบายและคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม และด้วย iOS 15 และ iPadOS 15 ผู้ใช้ยังสามารถเพลิดเพลินกับคุณสมบัติต่อไปนี้ได้ด้วย
- ระบบเสียงตามตำแหน่งและการติดตามศีรษะแบบไดนามิกทำให้เสียงพูดขณะโทร FaceTime แบบกลุ่มฟังเหมือนกับว่าทิศทางของเสียงมาจากตำแหน่งที่ผู้พูดอยู่บนหน้าจอจริงๆ และเหมือนกับว่าทุกคนอยู่ในห้องเดียวกัน4
- คุณสมบัติ “การอ่านการแจ้งเตือน” ทำให้ Siri สามารถอ่านการแจ้งเตือนที่สำคัญได้ทันที รวมถึงการเตือนจากแอปข้อความ เตือนความจำ ปฏิทิน และการโทร รวมถึงแอปของบริษัทอื่นๆ ที่ใช้ API นี้ด้วย
- และตอนนี้ AirPods ยังเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายค้นหาของฉันที่ประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์, iPhone, iPad และ Mac หลายร้อยล้านเครื่องทั่วโลก ผู้ใช้จึงสามารถดูมุมมองที่บอกระยะความใกล้ในแอปค้นหาของฉันและโหมดสูญหาย ทั้งยังรับการแจ้งเตือนหาก AirPods อยู่นอกระยะหรือทำให้ AirPods ส่งเสียงได้ด้วย
Apple กับสิ่งแวดล้อม
AirPods ได้รับการออกแบบด้วยวัสดุและคุณสมบัติมากมายที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการใช้โลหะหายากที่ผ่านการรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้น แม้แต่เคสก็ยังใช้ดีบุกรีไซเคิล 100% ในบัดกรีแผงวงจรหลัก และอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ในบานพับ นอกจากนี้ AirPods ยังปราศจากสารที่อาจเป็นอันตราย เช่น ปรอท, BFR, PVC และเบริลเลียมอีกด้วย ระบบที่ชาร์จแบตเตอรี่ของ AirPods เป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวงพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกาเพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมการลดปริมาณขยะเป็นศูนย์หรือ Zero Waste Program ของ Apple ช่วยกำจัดขยะที่ซัพพลายเออร์จะต้องส่งมายังพื้นที่ฝังกลบ และไซต์งานของซัพพลายเออร์ที่ดำเนินการประกอบขั้นสุดท้ายทั้งหมดกำลังเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในการผลิตผลิตภัณฑ์ของ Apple นอกจากนี้เยื่อไม้ใหม่ทั้งหมดในบรรจุภัณฑ์ยังมาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ
วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของลูกค้า การชาร์จ จนถึงการรีไซเคิลและการคัดแยกวัสดุ
ราคาและการวางจำหน่าย
- AirPods (รุ่นที่ 3) จะวางจำหน่ายในราคา 6,790 บาท โดยจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
- AirPods (รุ่นที่ 2) จะวางจำหน่ายในราคาใหม่ที่ 4,990 บาท
- วันนี้ AirPods Pro มาพร้อมเคสชาร์จ MagSafe ในราคาเดิมที่ 8,992 บาท
- สมาชิกใหม่สามารถใช้ Apple Music ได้ฟรี 6 เดือน เมื่อซื้อ AirPods, AirPods Pro หรือ AirPods Max รุ่นใดก็ได้5
- AirPods ต้องใช้กับอุปกรณ์ Apple ที่ใช้ iOS 15.1, iPadOS 15.1, watchOS 8.1, tvOS 15.1 หรือ macOS Monterey ซึ่งทั้งหมดจะพร้อมให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีในสัปดาห์หน้า
- ลูกค้าสามารถเพิ่มการสลักข้อความส่วนตัวด้วยอิโมจิ ข้อความ และตัวเลขลงบนเคสสำหรับ AirPods Pro, AirPods (รุ่นที่ 3) และ AirPods (รุ่นที่ 2) ได้ฟรีที่ apple.com/th/store หรือในแอป Apple Store
เกี่ยวกับ Apple
Apple ได้ปฏิวัติเทคโนโลยีส่วนบุคคลด้วยการแนะนำ Macintosh สู่ท้องตลาดตั้งแต่ปี 1984 ในวันนี้ Apple คือผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมด้วย iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ทั้งห้าของ Apple ได้แก่ iOS, iPadOS, macOS, watchOS และ tvOS มาพร้อมประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมบนอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่อง และเสริมสร้างการบริการที่ดีเยี่ยมแก่ผู้ใช้ รวมถึง App Store, Apple Music, Apple Pay และ iCloud พนักงานของ Apple กว่าแสนคนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก และทำให้โลกใบนี้ดีกว่าที่เคยเป็นมา
- ฟังได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมงเมื่อเปิดระบบเสียงตามตำแหน่ง
- AirPods รุ่นที่ 3 ผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ของห้องปฏิบัติการที่ได้รับการควบคุม และมีการป้องกันอยู่ที่ระดับ IPX4
- ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่แตกต่างกันไปตามการใช้งาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ apple.com/th/batteries
- มีให้ใช้งานบน iPhone และ iPad ที่มีชิป A12 Bionic และใหม่กว่า และ Mac รุ่นต่างๆ (ปี 2018 หรือใหม่กว่า)
- เฉพาะสมาชิกใหม่เท่านั้น 129 บาทต่อเดือนหลังหมดช่วงทดลองใช้ฟรี แผนบริการจะมีการต่ออายุโดยอัตโนมัติจนกว่าจะยกเลิก อาจมีการใช้ข้อจำกัดและข้อกำหนดอื่นๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ apple.com/th/promo