What HI-FI? Thailand

รีวิว Polk Audio SIGNA S4

Dawn Nathong

ซาวด์บาร์ Dolby Atmos พร้อมไวร์เลสซับวูฟเฟอร์

คุณภาพของซาวด์บาร์ยุคนี้ที่ผู้เขียนเคยมีโอกาสได้สัมผัส ถือว่ามีคุณภาพเสียงที่พัฒนาได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก ไม่ว่าจะในแง่ของการชมภาพยนตร์หรือการฟังเพลงแบบสองแชนแนล บางรุ่นนั้นฟังแล้วให้มิติสนามเสียงที่โอบล้อมได้ราวกับฟังจากชุดลำโพงแยกชิ้น รวมถึงให้คุณภาพเสียงจาการฟังเพลงที่ดีเกินคาด

S4 เป็นซาวด์บาร์รุ่นใหม่ ตัวท็อปสุดของอนุกรม SIGNA ออกแบบที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านอะคูสติกส์ของ Polk Audio นอกเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสพการณ์สั่งสมยาวนานกว่า 50 ปี ด้านวิศวกรรมการออกแบบลำโพงไฮไฟ หลังเปิดตัวในต่างประเทศช่วงปี 2021 ก็ไปคว้ารางวัล 2022 Best Sound Bar for Home Theater จาก The Rolling Stone และ Recommended product 2022 ของ Digital Trends มาครอง

จัดอยู่ในกลุ่มชุดซาวด์บาร์ขนาดกลาง ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับทีวีโดยตรง ผ่านช่อง HDMI หนึ่งเซ็ตประกอบไปด้วยลำโพงซาวด์บาร์หนึ่งชิ้นกับลำโพงแอคทีฟซับวูฟเฟอร์อีกหนึ่งตู้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานทั่วไปส่วนใหญ่ ที่มักจะชมจากแหล่งโปรแกรมทีวีและสตรีมมิ่งคอนเท้นต์เป็นหลัก ข้อดีคือเล่นง่าย เซ็ตอัพไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องการพื้นที่จัดวางลำโพงหลายตัวในห้อง แต่ยังได้คุณภาพจากระบบเสียง 3D ทำให้การชมภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ ฟังเพลง หรือรายการทีวีที่ชื่นชอบ ได้อรรถรสยิ่งขึ้น

ความน่าสนใจ

หากต้องการเล่นระบบเสียง Dolby Digital Plus (Dolby Atmos ที่ลดบิตเรต) สำหรับภาพยนตร์บางเรื่องบนแพลตฟอร์ม Netflix, Disney+ Hotstar, Apple TV+ รวมถึงระบบเสียง Dolby Atmos แท้ และ Dolby TrueHD ทีวีของท่านจะต้องรองรับ eARC ด้วย หากเป็น ARC จะเล่นได้เพียง Dolby Digital ส่วนคอนเท้นต์ประเภท non-Atmos ทั้งหมดนอกเหนือจากนี้ ตัวซาวด์บาร์ก็จะทำการจำลองเสียงให้เป็นแบบ Virtual Atmos แทน

หมายเหตุ ณ เวลาที่ผู้เขียนทดสอบอยู่นี้ ยังไม่มีข้อมูลราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จากทางตัวแทนจำหน่ายในบ้านเรา

รายละเอียดและการออกแบบ

Signa S4 ตัวซาวด์บาร์ดีไซน์แบบมินิมอล บอดี้สีดำด้าน หุ้มผ้าอย่างหนาที่ด้านหน้าและด้านบนตลอดความยาวมีขนาด 1046 x 60 x 95mm (WxHxD) ซึ่งถือว่าเพรียวบาง เหมาะกับจอภาพขนาดไม่เกิน 55 นิ้ว มีแผงปุ่ม Power, Input source, Bluetooth, และ Volume อยู่ตรงกลางด้านบนลำโพง ส่วนด้านหน้าจะมีแผงไฟ LED แจ้งสถานการณ์ทำงาน 5 ดวง มีพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดอยู่ทางด้านหลัง

ไฟ LED แสดงสถานะระบบเสียง

สีฟ้า – Dolby Atmos

สีเขียว – Dolby Digital / Dolby Digital Plus / Dolby TrueHD

สีขาว – PCM / No Signal

สีแดง – Unsupported audio format

ภายในติดตั้งไดร์เวอร์อาร์เรย์จำนวน 7 ตัว ประกอบด้วยทวีตเตอร์ 2 ตัว ขนาด 1”, ไดร์เวอร์เบส/มิดเรนจ์ทรง Racetrack 2 ตัว ขนาด 4.7 x 1.6”, เซ็นเตอร์แชนแนลแบบ Full Range 1 ตัว ขนาด 1”, ไดร์เวอร์ Up-Firing 2 ตัว ขนาด 2.6” ส่วนของแอคทีฟซับวูฟเฟอร์แบบไร้สายจะมีขนาด 200 x 280 x 328mm (WxHxD) ขนาดประมาณลำโพงซับแบบเดสก์ท็อป ตัวตู้ทำจากวัสดุเมลามีนซึ่งมีความแน่นและแกร่ง (ตู้นิ่งมากเปิดดังไม่มีกระพือ) ติดตั้งขารองสี่จุด ใช้ไดร์เวอร์เสียงต่ำขนาด 5.9” ยิงเสียงลงพื้นพร้อมเบสพอร์ตด้านล่าง

อุปกรณ์เสริมที่แถมมาในกล่อง

การติดตั้งและเซ็ตอัพ

ทั้งตัวซาวด์บาร์และซับวูฟเฟอร์มีขนาดที่กะทัดรัดทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการวางไว้ด้านหน้าของทีวี หรือจะติดตั้งแบบแขวนผนังใต้ทีวีก็ทำได้สะดวก (ดูรายละเอียดได้จากคู่มือ) ตัวซับวูฟเฟอร์สามารถวางกับพื้น วางบนชั้นวางหรือโต๊ะก็ยังได้เพราะมีน้ำหนักไม่มาก

ส่วนการเชื่อมต่อกับทีวีที่มีช่อง HDMI แบบ eARC หรือ ARC สามารถใช้สาย HDMI เส้นเดียวเชื่อมต่อจากซาวด์บาร์ไปยังทีวีได้เลย แต่ถ้าทีวีของท่านเป็นรุ่นเก่าที่ยังไม่มีช่อง eARC หรือ ARC จะต้องอาศัยช่อง Optical เอาต์พุตหรือช่อง AUX ออดิโอเอาต์พุตของทีวีอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อเชื่อมต่อสายออพติคอลหรือ AUX 3.5 mm มายังซาวด์บาร์ จากนั้นทำการเสียบปลั๊กตัวซาวด์บาร์และแอคทีฟซับวูฟเฟอร์ ตัวลำโพงทั้งสองก็จะเข้าโหมดสแตนด์บาย และทำการเชื่อมต่อแบบไร้สายระหว่างกันโดยอัตโนมัติ (สังเกตสถานะไฟ LED สีเขียวตรงซับจะไม่กระพริบ) พร้อมใช้งานทันที

หมายเหตุ ช่อง HDMI และ Optical ของ SIGNA S4 ออกแบบมาให้ใช้งานโดยรับ-ส่งสัญญาณทั้งภาพและเสียงผ่านช่อง HDMI ของทีวีเท่านั้น การเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นใดนอกเหนือจากวิธีการนี้เข้ามาที่ช่อง HDMI และ Optical ของตัวซาวด์บาร์โดยตรง จะไม่มีเสียงออก

ผู้เขียนนำตัวซาวด์บาร์วางบนชั้น Audio Arts ที่มีทีวีอยู่ ความยาวของซาวด์บาร์จะเลยหน้ากว้างของชั้นออกไปพอสมควร จึงนำแท่งยาง Hi-Fi Trick ของเดอะหั่งสองอันมารองด้านใต้ซาวด์บาร์เพื่อความมั่นคง วัดความสูงจากพื้นได้ 65 เซนติเมตร ส่วนซับวูฟเฟอร์ผู้เขียนทดลองวางบนชั้นไม้ที่มีความสูงประมาณ 38 เซ็นติเมตร ไว้ทางฝั่งขวาใกล้กับซาวด์บาร์ ก็จะได้ความสูงด้านบนซับที่ไล่เลี่ยกับระความสูงของซาวด์บาร์กันพอดี และจัดวางตำแหน่งให้ระนาบด้านหน้าลำโพงทั้งสองเสมอกันมากที่สุด ขอบหน้าตู้ห่างจากผนังหลังประมาณ 46-47 เซ็นติเมตร จากนั้นปรับระดับเสียงซับวูฟเฟอร์โดยกดปุ่ม Bass – ที่รีโมตลงจนสุดก่อน (สังเกตุไฟกระพริบ) แล้วค่อยกดปุ่ม Bass+ เพิ่มขึ้นให้เสียงเบสกลมกลืนกับตัวซาวด์บาร์มากที่สุด (ในห้องผู้เขียนปรับแค่ +1) พบว่าให้ความกลมกลืนของเสียงที่ดีมาก เหมือนเสียงทุ้ม-กลาง-แหลม ลอยออกมาจากซาวด์บาร์อย่างเดียว

Mode เสียงรูปแบบต่าง ๆ (ปรับจากรีโมท)

ทดสอบการฟังเพลง

ผู้เขียนทดสอบเสียงจากการฟังเพลงก่อนผ่าน Bluetooth โดยเล่นเพลงจาก Spotify ปรับโหมดเสียงของ SIGNA S4 เป็น “Music” ฟังแล้วใช้ได้เลย เนื้อเสียงอิ่ม โทนัลบาล้านซ์ดี ค่อนมาทางกลางต่ำ แต่ปลายเสียงแหลมยังคงประกายความกังวานไม่ทึบ เสียงกลางหลุดลอยเป็นตัวตนออกมาดีมาก ที่สำคัญไม่มีอาการเสียงอู้ก้องจากตัวตู้ทั้งซาวด์บาร์และซับวูฟเฟอร์เลย รวม ๆ ให้ความกลมกล่อม ฟังง่าย มีน้ำหนักเสียงที่ดี ชวนให้นึกถึงสไตล์เสียงแบบลำโพง Bose ถือว่าเอามาฟังเพลงทั่ว ๆ ไปได้อย่างเพลิดเพลิน

การใช้โหมดเสียง Music ช่วยจำลองความกว้างของเวทีเสียง เหมือนกับเรานั่งฟังลำโพงบ้านที่วางลำโพงแชนแนลซ้าย-ขวาห่างจากกันสัก 1.6-1.7 เมตร โดยที่มิติตรงกลางยังคงชัดเจน แต่จะให้แยกแยะชิ้นดนตรีได้เด็ดขาดก็คงไม่ถึงขนาดนั้น รวม ๆ ก็ให้ความกว้างลึกของเวทีเสียงและแยกตำแหน่งชิ้นดนตรีได้ชัดเจนในระดับหนึ่ง ไม่รู้สึกว่าเสียงกอดกันเป็นกระจุก หากเทียบกับซาวด์บาร์ที่ผู้เขียนเคยฟังมาก็ถือว่า SIGNA S4 ไม่แพ้ใคร

ช่วงท้ายผู้เขียนลองตรีมเพลงจาก NAS ผ่าน Volumio Music Player โดยเชื่อมต่อสาย AUX 3.5 mm ไปยัง SIGNA S4 ปรับระดับความดังแอปประมาณ 50% แล้วมาเร่งโวลุ่มที่ตัวซาวด์บาร์ (ปรับเลเวล-แมทชิ่ง) เล่นทั้งไฟล์ Lossless และ DSD พบว่าน้ำเสียงมีความชัดเจนและมีรายละเอียดที่น่าฟังมากขึ้นไปอีกพอสมควร สรุปความว่า ศักยภาพโดยรวมของซาวด์บาร์รุ่นนี้เมื่อนำมาใช้ฟังเพลง โดดเด่นมากในพิกัดราคาใกล้เคียงกัน

ทดสอบการชมภาพยนตร์

สำหรับการชมภาพยนตร์ผู้เขียนปรับโหมดเสียงเป็น Movie และเพิ่มระดับความดังแอคทีฟซับวูฟเฟอร์อีกเล็กน้อย ทดลองชมภาพยนตร์จาก Netflix โทนเสียงโดยรวมไปในทิศทางเดียวกับการฟังเพลง ให้เสียงสนทนาที่อิ่มใหญ่ มีความชัดเจนเป็นธรรมชาติ ตลอดการทดสอบผู้เขียนไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี VoiceAdjust™ ช่วยเลย ส่วนรายละเอียดปลายเสียงอาจจะไม่ระยิบระยับเท่าชุดโฮมเธียเตอร์แบบแยกชิ้น ออกไปทางฟังสบายมากกว่า ส่วนย่านทุ้มให้สมดุลกับย่านเสียงกลาง ทุ้มต้นเน้นความอิ่มใหญ่มีน้ำหนักใช้ได้ แต่จะลงได้ไม่ลึก ซึ่งก็เป็นไปตามขนาดสัดส่วนของซับวูฟเฟอร์

จุดเด่นคือสามารถรองรับกับไดนามิกเสียงรุนแรงได้เกินตัวทีเดียว ผู้เขียนลงชมภาพยนตร์ในฉากที่มีไดนามิกรุนแรง เช่น เสียงปืน เสียงระเบิด ซาวด์บาร์รุ่นนี้ไม่สำแดงอาการเสียงแตกพร่าออกมาให้เห็นเลย ผิดวิสัยจากรูปลักษณ์ภายนอกไปพอสมควร และที่สำคัญแทบไม่ได้ยินเสียงจากตัวตู้เข้ามารบกวนแม้แต่น้อย แม้จะฟังในระดับโวลุ่มสูง ๆ ไดนามิกเสียงจะออกไปทางผ่อนปรนเล็กน้อยไม่เด็ดขาดจะแจ้งนัก แต่ก็ถือว่าได้อรรถรสการชมโดยรวมที่ดี

ความกว้างของเวทีเสียง เวลามีเอฟเฟคที่แพนจากซ้ายไปขวามีความชัดเจนหลุดลอยออกไปด้านข้างได้ดี ส่วนด้านสูงก็สามารถให้มิติตำแหน่งของเสียงลอยเหนือตัวซาวด์บาร์ได้ดีพอสมควร ไม่สูงได้ถึงระดับใกล้เพดาน โดยรวม SIGNA S4 ให้ขนาดของสนามเสียงบริเวณด้านหน้าตำแหน่งนั่งฟังได้ใกล้เคียงกับการฟังเสียงจากตำแหน่งลำโพงหลักคู่หน้าซ้าย-ขวา แต่ยังไม่ถึงขนาดโอบล้อมสนามเสียงมาใก้ลๆ บริเวณตำแหน่งนั่งฟังได้ การทำงานของภาค DSP ประมวลผลน่าจะเน้นที่ความอิ่มเข้มของตัวเสียงทั้งหมด มากกว่าที่จะเน้นความกว้างของเวทีออกไปมาก ๆ แต่ฟังแล้วเนื้อเสียงบอบบางขาดน้ำหนัก โดยรวมก็ถึอว่าให้สนามเสียงได้ตามค่าเฉลี่ยมาตรฐานของซาวด์บาร์ในพิกัดราคานี้

สรุป

Polk Audio SIGNA S4 ถือว่าอัพเกรดคุณภาพเสียงได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของการฟังเพลงทำได้อย่างโดดเด่น ออกแบบมารองรับกับเทคโนโลยี eARC เน้นการใช้งานที่สะดวกและง่ายดาย ไม่ต้องเสียเวลาเซ็ตอัพให้วุ่นวาย ให้คุณภาพของการชมภาพยนตร์ที่มีความกลมกล่อม มีน้ำหนักเสียงที่ดี เสียงสนทนาอิ่มชัดเจน สามารถฟังต่อเนื่องได้นานไม่ล้าหู ยิ่งใครที่ใช้ซาวด์บาร์ฟังเพลงด้วย ถือว่าเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่ควรพิจารณา

ขอขอบคุณ Power Buy โทร. 02-904-2000 ที่เอื้อเฟื้อสินค้าเพื่อการทดสอบในครั้งนี้


Exit mobile version